xs
xsm
sm
md
lg

#MGRTOP7 : “สรยุทธติดคุก” นั่นแหละฮะคุณผู้ชม | “อภิสิทธิ์-สุเทพ” รอด-ฟ้องผิดที่ | กู้ร่าง 2 นศ.ไทยตกเหวสหรัฐฯ สำเร็จ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอต ที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGROnline Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7

หมายเหตุ : เนื่องจากเว็บไซต์ MGR Online กำลังปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ ต้องการชมเนื้อหาย้อนหลัง คลิก http://bit.ly/mgrtop7 ขออภัยในความไม่สะดวก

(สรุปข่าวประจำวันที่ 26 ส.ค. - 1 ก.ย. 2560)

อันดับ 1 : นั่นแหละฮะคุณผู้ชม ชีวิตต้องดำเนินต่อไป! อุทธรณ์ยืนคุก 13 ปี 4 เดือน “สรยุทธ”

เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาในชั้นศาลอุทธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้น จำคุกนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณา อสมท เป็นเวลา 20 ปี ฐานเป็นพนักงานเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม พ.ร.บ.ความผิดของพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ ปี 2502 ส่วนนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง และ น.ส.มณฑา ธีระเดช เจ้าหน้าที่ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด คนละ 13 ปี 4 เดือน ฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิด กรณียักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลา ด้วยการใช้น้ำยาลบความผิดลบรายการโฆษณาส่วนเกินในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 อสมท จำนวน 138.79 ล้านบาท ในปี 2548-2549 แล้วมอบเช็ค 6 ฉบับ เป็นเงินเกือบ 6.58 แสนบาทตอบแทน







ต่อมา นายสรยุทธ และจำเลยร่วมทั้งหมดยื่นหลักทรัพย์เงินสดและบัญชีเงินฝากคนละ 4 ล้านบาท แต่ศาลฎีกา มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว ทำให้ในวันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวนายสรยุทธ นางพิชชาภา และ น.ส.มณฑาไปยังเรือนจำ ต่อมาวันที่ 30 ส.ค. ได้เผยแพร่ข้อความของคนใกล้ชิดนายสรยุทธ ระบุว่า ตนไม่คิดหนี เพราะหนีไปก็ไม่จบ การหนีไม่ใช่การแก้ปัญหา หนีไปอยู่เมืองไทยคนก็จำหน้า ได้หมด ไปอยู่เมืองนอกคนไทยก็อยู่เมืองนอกก็รู้จัก ถูกจับส่งตัวกลับอยู่ดี หรือ ชีวิตที่เหลือต้องมาซ่อนตัวตลอดชีวิต และอาจจะไมได้กลับมาเจอแม่ อยู่ในเรือนจำยังมีจุดสิ้้นสุด อยู่ในนี้ลำบากแต่ต้องค่อยๆ ปรับตัว ตนได้คิดถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดแล้วว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถ้าต้องไปถึงจุดนั้น ตนก็ต้องอยู่ให้ได้ ชีวีตต้องดำเนินต่อไป ไม่ต้องห่วง ทั้งนี้ ทางทนายความนายสรยุทธจะยื่นฏีกาเพื่อขอประกันตัวต่อไป

อันดับ 2 : ฟ้องผิดที่สู้คดีผิดทาง! ศาลฎีกายืนยกฟ้อง “อภิสิทธิ์-สุเทพ” สลายม็อบเสื้อแดง

เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในกรณีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ฐานร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำหรือฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จากกรณีเข้าขอคืนพื้นที่การชุมนุมบริเวณ ถ.ราชดำเนิน และแยกราชประสงค์ จากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.53 จนมีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ หลังศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งยกฟ้องโดยไม่รับสำนวนคดีไว้พิจารณา

ศาลฎีกาเห็นว่า นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ กระทำในฐานะนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และ ผอ.ศอฉ. ถือเป็นข้อกล่าวหากระทำความผิดต่อตำแหน่งราชการ ไม่ได้กระทำโดยส่วนตัว ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีอำนาจไต่สวนยื่นฟ้องคดีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ใช่อำนาจศาลอาญา การที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวนแล้วสรุปสำนวนส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาลอาญานั้น ไม่เป็นไปตามกระบวนการและช่องทางตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ จึงพิพากษายืนยกฟ้อง คดีจึงถึงที่สุด



นายอภิสิทธิ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า คดีในศาลนี้ถือว่าจบแล้ว ส่วนนายสุเทพ กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ป.ป.ช. ก็ได้วินิจฉัยไปแล้ว ส่วนศาลก็ได้วินิจฉัยตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา หากจะพิจารณาคดีนี้อีกครั้งก็พร้อมจะต่อสู้คดี ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ระบุว่า เตรียมเรียกร้อง ป.ป.ช. ขอให้หยิบยกคดีสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 มาพิจารณาใหม่ หากไม่เห็นผล หลังเลือกตั้งจะล่ารายชื่อ 1 ล้านชื่อเสนอประธานรัฐสภาเพื่อฟ้องร้องดำเนินคดี ขณะที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ระบุว่า หากมีพยานหลักฐานหรือข้อเท็จจริงใหม่ สามารถนำมาพิจารณาใหม่ได้ แต่ตอบไม่ได้ว่าจะใช้เวลาพิจารณานานเท่าใด
ภาพจาก SIAMTOWN US
อันดับ 3 : สิ้นสุดการรอคอย! กู้ภัยนำร่าง 2 นศ.ไทยขับรถตกเหวในสหรัฐฯ ขึ้นฝั่งสำเร็จ

หลังจากที่นักศึกษาไทย 2 คน คือ นายภคพล ชัยรัตนทรงพร หรือ กอล์ฟ อายุ 28 ปี และ น.ส.ทิวาดี แสงสุริยฤทธิ์ หรือ มิน อายุ 24 ปี จากมหาวิทยาลัยเซาท์ฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ประสบอุบัติเหตุขับรถเก๋งยี่ห้อฮุนได รุ่นโซนาตา สีแดง ตกจากทางหลวงฟรีเวย์ 108 ลงเหวลึก ก่อนติดโขดหินริมแม่น้ำคิงส์ ในอุทยานแห่งชาติคิงส์ แคนยอน มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนั้นรถคันดังกล่าวติดอยู่กลางแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว ระดับน้ำสูงถึง 1,500 คิวบิกฟิตต่อวินาที ทำให้ไม่สามารถเก็บกู้รถยนต์และนำศพขึ้นมาได้ ต้องรอให้ระดับน้ำลดลง ในที่สุดเมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 1 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น เจ้าหน้าที่กู้ภัยสหรัฐฯ ได้ใช้เฮลิปคอปเตอร์ โรยตัวลงไปที่ฝั่งข้างแม่น้ำคิงส์ เพื่อนำสายเคเบิลไปดึงรถเข้ามายังฝั่งข้างแม่น้ำ จนสามารถกู้ร่างของนักศึกษาทั้งสองคนได้สำเร็จ



หลังเจ้าหน้าที่สามารถกู้ศพออกมาจากรถได้เรียบร้อยแล้ว พระครูใบฎีกาบุญทัน ฉปณโณ แห่งวัดพรหมจริยการาม เมืองเฟรซโน่ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ได้ทำพิธีทางศาสนาตามความประสงค์ของครอบครัวนักศึกษาไทยทั้งสอง โดยหน่วยงานท้องถิ่นจะทำการชันสูตรพลิกศพและพิสูจน์อัตลักษณ์ ก่อนเคลื่อนย้ายไปทำการฌาปนกิจที่สุสานพิมานไทยในนครลอสแอนเจลิส หลังจากนั้นจึงจะนำอัฐิไปบำเพ็ญกุศลที่วัดไทยลอสแอนเจลิสร่วมกับชุมชนไทยในนครลอสแอนเจลิส โดยครอบครัวนายภคพล ประสงค์จะลอยอังคารในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ส่วนครอบครัว น.ส.ทิวาดี จะนำอัฐิไปลอยอังคารที่ประเทศไทย ถือเป็นการเสร็จสิ้นปฏิบัติการนำร่างของสองนักศึกษา ที่ทางการไทย และประชาชนคนไทยมีความห่วงใย และเรียกร้องทางการสหรัฐฯ ให้ช่วยดำเนินการมาโดยตลอดกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา

อันดับ 4 : ไปซะแล้ว! จุฬาฯ ปลด “เนติวิทย์” พ้นประธานสภานิสิตฯ เหตุป่วนพิธีถวายสัตย์

หลังจากเมื่อวันที่ 4 พ.ค. นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตเอกวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้รับการเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปีการศึกษา 2560 เวลาผ่านไปเพียง 4 เดือน หลังเกิดเหตุวุ่นวายในงานถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนิสิตใหม่ประจำปี 2560 ที่พระบรมราชานุสาวรีย์สองรัชกาล เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา ในที่สุดเมื่อวันที่ 30 ส.ค. ผศ.ดร.ปมทอง มาลากุล ณ อยุธยา รองอธิการบดี ปฏิบัติการแทนอธิการบดี ได้ออกคำสั่งให้นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล พร้อมด้วย นายธรณ์เทพ มณีเจริญ นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี นิสิตคณะรัฐศาสตร์ นายศุภลักษณ์ บำรุงกิจ นิสิตคณะเศรษฐศาสตร์ และนายชินวัตร งามละมัย นิสิตคณะคุรุศาสตร์ พ้นจากตำแหน่งสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนื่องจากขาดคุณสมบัติ



นายเนติวิทย์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เหตุที่ปลดตนและเพื่อนพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากถูกตัดคะแนนความประพฤติในกรณีถวายสัตย์คนละ 25 คะแนน ซึ่งตนจะอุทธรณ์ต่อทางมหาวิทยาลัย ขณะที่สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกแถลงการณ์ไม่ยอมรับคำสั่งดังกล่าว และเรียกร้องให้คณะกรรมการเปิดโอกาสให้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่ออุทธรณ์ต่อไป พร้อมสอบสวนวินัยอาจารย์ที่ก่อเหตุลากคอนิสิตกลางงานถวายสัตย์ อย่างไรก็ตาม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงว่า นิสิต 8 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุความไม่เรียบร้อยในพิธีถวายสัตย์ฯ มิได้ประพฤติปฏิบัติตัวตามบทบาทหน้าที่ที่พึงจะเป็น ทั้งที่ทราบอยู่แล้วว่ามีทัศนะที่ไม่ตรงกับขนบธรรมเนียมประเพณีของมหาวิทยาลัย แม้จะจัดพื้นที่พิเศษให้ แต่กลับปรากฏภาพที่ขัดแย้งกับนิสิตคนอื่น อีกทั้งยังได้เผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อสร้างเรื่องขัดแย้งเป็นประเด็นในสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อชื่อเสียงมหาวิทยาลัยและสะท้อนถึงการไม่เคารพต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นที่มีทัศนะแตกต่างจากตน

อันดับ 5 : ไลฟ์เปลือยแลกยอดวิว! สองสาวบ่อน้ำตาแตก ผิด พ.ร.บ.คอม อ้างภาระครอบครัว

กลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบของวัยรุ่นที่หวังรายได้เสริม โดยไม่อับอายต่อขนบธรรมเนียมประเพณี เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.บางเขน ให้เอาผิดกับสองสุภาพสตรี ที่เต้นเปลือยกายผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ มีเพียงแค่สติ๊กเกอร์ที่ปิดหัวนม เชิญชวนให้คนเข้ามากดไลก์กดแชร์ เพื่อเป็นการโปรโมทเพจหนึ่ง ลักษณะเย้ายวน และส่งเสียงครางคล้ายมีอารมณ์ทางเพศ ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กระทั่งศาลอาญาได้ออกหมายจับเมื่อวันที่ 30 ส.ค. แก่บุคคลทั้งสอง ในที่สุดเมื่อวันที่ 31 ส.ค. น.ส.ธันยกานต์ หรือเมญ่า (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี และ น.ส.กัญจน์ธิชา หรือกิ๊ก (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี เข้ามอบตัวต่อตำรวจ สน.บางเขน



น.ส.ธันยกานต์ ระบุว่า ที่ทำเช่นนี้เพราะมีภาระครอบครัวต้องรับผิดชอบ เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ส่งค่าเทอมน้อง ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ไม่คิดว่าจะเป็นกระแสและคดีความ คิดแต่เพียงว่าเป็นอาชีพเสริม ก่อนหน้านี้ก็ทำแบบปกติเหมือนคนทั่วไป แต่เนื่องจากต้องการยอดไลก์ ยอดแชร์ให้กับเพจที่มาจ้าง ถ้ายอดเข้ามาถึงหมื่น จะได้ค่าจ้างกว่า 1 หมื่นบาทจึงต้องทำ ไม่ได้เจตนาที่โชว์อนาจาร อยากฝากกราบขอโทษสังคม เพราะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี อยากฝากเตือนเยาวชนว่าอย่าเลียนแบบ ขณะที่ น.ส.กัญจน์ธิชา กล่าวว่า การเต้นในครั้งนี้ก็ได้มีการตกลงราคาตามเรตว่าจะเต้นแรง ถอดมากแค่ไหน ส่วนตัวยอมรับเลยว่ามักจะเต้นถอดแบบนี้อยู่แล้ว หลังจากเกิดเรื่องก็รู้สึกแย่ในหลายทาง และตัดสินใจแล้วว่าจะไม่กลับไปทำแล้ว เบื้องต้นทั้งคู่ได้รับการประกันตัวในวงเงิน 75,000 บาท ต่อมาทนายสงกานต์ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติมกับนายทุนเจ้าของเพจในความผิดฐานค้ามนุษย์ ซึ่งตำรวจจะส่งข้อมูลให้กระทรวงดิจิทัลฯ ตรวจสอบ

อันดับ 6 : กล้วยทับเก่าไป! “สวนสุนันทา” รับน้องโหด เตะ-โกนหัวน้องใหม่

พฤติกรรมการรับน้องอย่างไม่เหมาะสมกับนิสิต นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ยังคงมีให้เห็นทุกปี ล่าสุดกับมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา ซึ่งเคยเกิดเรื่องรุ่นพี่ใช้เทียนลนรุ่นน้องจนเป็นแผลพุพองเต็มไปหมด เมื่อปี 2557 หรือจะเป็น “รับน้องกล้วยทับ” กิจกรรมแสดงท่าทางตามจังหวะดนตรีระหว่างนักศึกษาชายและหญิงคล้ายกำลังมีเพศสัมพันธ์ เมื่อปี 2558 จนนายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวว่าไม่เหมาะสม มาถึงปี 2560 เพจชื่อดัง “Social Hunter” ได้เผยแพร่คลิปเหตุการณ์รับน้อง เมื่อวันที่ 31 ส.ค. โดยพบว่า มีรุ่นน้องยืนเรียงกันเป็นแถวกอดคอกันลุกนั่ง จากนั้นมีรุ่นพี่ชายรายหนึ่งเข้ามาเตะรุ่นน้องแบบสุดแรง จำนวน 3 ครั้ง พร้อมพูดว่า “ตัวเองอยู่ปี 2 เป็นเพื่อนเล่นมึงหรอ” เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการรับน้องของคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาจิตรกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ซึ่งระบุว่า ระบบของคณะดังกล่าว นักศึกษาชายต้องตัดผมสกินเฮดเท่านั้น นักศึกษาหญิงต้องรวมผมตึงเป๊ะ ห้ามใส่เครื่องประดับทุกชนิด ต้องมาให้ทันเคารพธงชาติ ห้ามคุยกับคณะอื่นๆ เด็กขาด แม้แต่เพื่อนก็ตาม กินของก็ต้องกินร่วมกัน หากไมเข้าระบบ จะห้ามคนในคณะคบหรือพูดคุย สิ่งของที่เป็นส่วนกลางของคณะห้ามใช้ โดนบีบทั้งการเรียนและกิจกรรม





ต่อมาวันที่ 1 ก.ย. รศ.ดร.ฤๅเดช เกิดวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา แถลงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.30 น. มหาวิทยาลัยมีคำสั่งให้งดกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในทันที พร้อมกับแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ต่อมามหาวิทยาลัยได้มีคำสั่งให้คณะกรรมการสอบสวนเพิ่มเติม จึงพิจารณาโทษเพิ่มเติม พักการเรียนนักศึกษาชายที่ก่อเหตุรุนแรงเป็นเวลา 1 ปี และพักการเรียนนักศึกษาที่ร่วมก่อการอีก 15 คน เป็นเวลา 1 ภาคการศึกษา ส่วนมาตรการเยียวยา ยืนยันว่าเรื่องความปลอดภัยดูแลทุกคนอย่างดี แต่หากกังวลจะเสนอให้ย้ายสาขา หรือย้ายมหาวิทยาลัย พร้อมกันนี้ยังประณามผู้ที่นำคลิปไปเผยแพร่ แล้วไม่ยอมยุติเรื่องมีการให้ข้อมูลที่เป็นเท็จเสริมแต่งเข้าไป และยังเปิดเผยใบหน้าและที่อยู่ของนักศึกษารุ่นพี่ที่ก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม นักศึกษาทั้ง 4 คน พร้อมผู้ปกครอง ได้เข้าพบคณะบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ ก่อนจะออกมาโดยให้ไม่สัมภาษณ์ใดๆ โดยพูดเพียงประโยคเดียวสั้นๆ ว่า “ยังทำใจไม่ได้”

อันดับ 7 : สยอง! “จระเข้น้ำเค็ม” โผล่ทะเลภูเก็ต นักท่องเที่ยวผวา-“ไกรทอง” ไล่ล่า 2 วัน 2 คืน

ไม่น่าเชื่อว่าเราจะได้พบเห็นจระเข้ สัตว์เลื้อยคลานที่มีสัญชาตญาณดุร้าย ไล่กัดสิ่งมีชีวิตแม้กระทั่งคน โผล่ออกมาบนทะเลภูเก็ต แหล่งท่องเที่ยวตากอากาศยอดนิยมทั้งชาวไทยและต่างชาติ เฉกเช่นเมื่อวันที่ 29 ส.ค. นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรายหนึ่งพบเห็นสัตว์น้ำชนิดหนึ่งในทะเลอันดามัน บริเวณหาดบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา ก่อนจะใช้โดรนบินสำรวจ แล้วพบว่าเป็นจระเข้ ความยาวประมาณ 3 เมตร เมื่อวีดีโอคลิปถูกเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ สร้างความหวาดวิตกให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ทราบข่าวจำนวนมาก หลังจากเกิดเหตุ นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้สั่งการให้ประมงจังหวัดภูเก็ต นายอำเภอถลาง และองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล ออกตรวจสอบเพื่อหาจระเข้ตัวดังกล่าว





ต่อมาวันที่ 30 ส.ค. พบจระเข้กำลังว่ายน้ำอยู่ในขุมน้ำสาธารณะขนาดใหญ่ เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ ใกล้กับหาดเลพัง ซึ่งห่างจากจุดที่พบจระเข้ว่ายน้ำอยู่ในทะเลประมาณ 300 เมตร กระทั่งเจ้าหน้าที่ “ชุดไกรทองแห่งลุ่มน้ำตาปี” ออกปฏิบัติการไล่ต้อนจระเข้ให้เข้าไปยังจุดที่มีการวางอวนเอาไว้ โดยใช้เรือพายในการเคลื่อนตัว แต่เหมือนจระเข้จะรู้ตัว เมื่อเรือเข้าใกล้ก็จะมุดน้ำหนีทันที กระทั่งต้องยุติปฏิบัติการในตอนกลางวัน แต่ได้เฝ้าติดตามตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้จระเข้อยู่ในวงที่จำกัด ผ่านไป 2 วัน 2 คืน ในที่สุดเมื่อเวลา 03.30 น. ของวันที่ 1 ก.ย. เจ้าหน้าที่ก็สามารถจับจระเข้ตัวดังกล่าวได้ โดยใช้วิธีล้อมอวนติดตาขนาด 4 นิ้ว ลึก 10 เมตร ยาว 1,000 เมตร ซึ่งต้องใช้ความพยายามถึง 3 ครั้ง เพราะจระเข้สามารถใช้กำลังอันมหาศาลดิ้นจนหลุด กระทั่งจระเข้อ่อนแรงจึงใช้อวนล้อมถึง 5 ชั้น จับตัวมาได้ในที่สุด พบเป็นจระเข้น้ำเค็ม เพศผู้ มีความยาว 3 เมตร หนักประมาณ 200 กิโลกรัม อายุประมาณ 10 ปี ขณะนี้ถูกส่งตัวไปดูแลที่ศูนย์วิจัยประมงชายฝั่งอันดามัน บ้านพารา ต.ป่าลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
กำลังโหลดความคิดเห็น