xs
xsm
sm
md
lg

เปิดบันทึกแผ่นดินไหวในสยาม! ครั้งใหญ่สุดเวียงวังจมหายกลายเป็นบึง!!

เผยแพร่:   โดย: สุวิชชา เพียราษฎร์

ทะเลสาบเชียงแสน
แผ่นดินไหวกับคนไทยถือเป็นเรื่องไกลตัว แม้จะเคยไหวแต่ก็ไม่มีความรุนแรงเหมือนบ้านเมืองอื่นเขา แต่ในวันนี้อาจจะเป็นเพราะความก้าวหน้าในการเสนอข่าวสารก็เป็นได้ ทำให้คนไทยเราเริ่มวิตกกันว่าแผ่นดินไหวเป็นภัยใกล้ตัวเข้ามาแล้ว โดยเฉพาะกรุงเทพฯซึ่งสร้างอยู่บนผืนดินอ่อน ซึ่งจะทำให้เพิ่มความสั่นไหวขึ้นไปอีก

ศิลาจารึกสมัยกรุงสุโขทัยก็มีจารึกเรื่องแผ่นดินไหวกันแล้ว ส่วนพงศาวดารมีบันทึกแผ่นดินไหวมาตลอดเช่นกัน ครั้งรุนแรงที่สุดซึ่งอาจจะถือว่ารุนแรงที่สุดของย่านนี้ก็ว่าได้ ถึงขั้นเมืองทั้งเมืองพร้อมเวียงวังจมหายกลายเป็นบึง

ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๖๑ กล่าวว่า

“....ศาสนาพระพุทธเจ้าล่วงไปได้ ๑๐๐๓ ปี พระองค์มหาชัยชนะเป็นกษัตริย์มาได้ปีหนึ่งอายุได้ ๗๐ ปี เดือน ๗ แรม ๗ ค่ำ วันเสาร์ ครั้งนั้นคนทั้งหลายก็พากันไปเที่ยวยังแม่น้ำกุกกุฎนที ได้เห็นปลาตะเพียนเผือกตัวหนึ่ง ใหญ่เท่าต้นตาล ยาวประมาณ ๗ วา แล้วเขาก็พากันไปทุบปลาตัวนั้นตาย แล้วก็พากันลากมาถวายมหากษัตริย์เจ้า พระองค์ก็มีอาชญาให้ตัดเป็นท่อนแจกกันกินทั่วทั้งเวียงนั้นแล ครั้นว่าบริโภคกันเสร็จแล้วดั่งนั้น สุริยอาทิตย์ก็ตกไปแล้ว ก็ได้ยินเสียงเหมือนดั้งแผ่นดินดังสนั่นหวั่นไหว ประดุจดังว่าเวียงโยนกนครหลวงที่นี้จักเกลื่อนจักพังไปนั้นแล แล้วก็หายไปครั้งหนึ่ง ครั้นถึงมัชฌิมยามก็ซ้ำดังมาเป็นคำรบสองแล้วก็หายนั้นแล ถึงปัจฉิมยามก็ซ้ำดังมาอีกเป็นคำรบสาม หนที่สามนี้ดังยิ่งกว่าทุกครั้งทุกคราวที่ได้ยินมาแล้ว กาลนั้นเวียงโยนกนครหลวงที่นั้นก็ยุบจมลงเกิดเป็นหนองอันใหญ่ ยามนั้นคนทั้งหลายอันมีในเวียงที่นั้น มีพระมหากษัตริย์เป็นประธาน ก็วินาศฉิบหายตกไปในน้ำที่นั้นสิ้น....”

นี่คืออวสานของนครโยนกที่กลายเป็นทะเลสาบใหญ่ เนื้อที่กว่า ๑ ตารางกิโลเมตรในอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงรายในปัจจุบัน

แม่น้ำกุกกฎนทีนั้น คงหมายถึงแม่น้ำโขง ปลาตะเพียนเผือกตัวใหญ่เท่าต้นตาล อาจเป็นปลาบึก ส่วนที่ว่า “ศาสนาพระพุทธเจ้าล่วงไปได้ ๑๐๐๓ ปี” นักวิชาการได้สอบแล้วปรากฏว่าความจริงเป็น พ.ศ.๑๕๕๘

เมื่อเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวผิดปกติขึ้นในตอนกลางคืน รุ่งเช้าบรรดาขุนพันนาและนายบ้านที่อยู่นอกเมืองก็พากันเข้ามาในเวียง เพื่อจะดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ แทนที่จะได้เห็นปราสาทราชวังและบ้านเรือน ก็ได้เห็นบริเวณนั้นกลายเป็นบึงใหญ่ เหลือแต่เรือนยายแม่หม้ายเฒ่าอยู่หลังเดียว จึงพากันไปถามแม่เฒ่าว่ามีอะไรเกิดขึ้น เวียงวังถึงได้หายไปหมด

แม่เฒ่าก็ว่ายังไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน แต่เมื่อวานนี้เจ้านายทั้งหลายเอาปลาตะเพียนเผือกตัวหนึ่งมาถวายพระมหากษัตริย์เจ้า พระองค์ก็เอาปลาตัวนั้นแจกจ่ายกันกินทั่วเมือง ในเย็นวันนั้นก็มีมานพหนุ่มนายหนึ่งได้มาที่เรือนแม่เฒ่า แกก็เอาข้าวเอาน้ำมาต้อนรับ แต่เขาก็ไม่ได้บริโภค กลับถามว่าชาวบ้านชาวเมืองเขาเอาอะไรมากินกันถึงได้หอมตลบไปทั้งเมือง แม่เฒ่าก็เล่าเรื่องปลาตะเพียนเผือกตัวใหญ่ให้ฟัง มานพหนุ่มก็ถามว่าแม่เฒ่าได้กินกับเขาหรือเปล่า แม่เฒ่าก็ว่า

“ป้านี้เป็นคนเฒ่าคนแก่เป็นแม่ร้างแม่หม้าย บ่มีลูกมีหลาน ผู้ใดใครเขาจะให้ป้ากินล่ะหลานเอ๋ย”

ชายหนุ่มก็ว่าไม่ได้กินก็ดีแล้ว และสั่งเสียก่อนจะจากไปว่า

“ถ้าหลานไปแล้ว ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น ถ้ามิได้เห็นหน้าหลานแล้ว อย่าได้ลงเรือนไปที่ใดเลย”

คืนนั้นเมื่อแม่เฒ่าเข้านอนได้ครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังเรือนถล่ม น่ากลัวยิ่งนัก จึงรีบลุกขึ้นจากที่นอนวิ่งไปที่ประตูเรือน แต่พอนึกขึ้นได้ถึงคำของชายหนุ่มที่สั่งไว้ แกก็ไม่กล้าลงจากเรือน กลับไปเข้านอน ต่อมาก็เกิดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง แม่เฒ่าตกใจวิ่งออกมา แต่พอถึงประตูเรือนนึกถึงคำของชายหนุ่มจึงกลับไปเข้านอนอีก จนถึงย่ำรุ่งเสียงยิ่งดังกว่าเก่า แม่เฒ่าก็กลัวหนัก ลุกออกมาถึงหัวบันได มองไปทางทิศใต้ทิศเหนือก็เห็นแต่น้ำท่วมไปหมด

จาก พ.ศ.๑๕๕๘ ที่นครโยนกถล่ม จนถึงปัจจุบัน ๑,๐๐๒ ปีแล้ว พงศาวดารได้บันทึกแผ่นดินไหวในเมืองไทยมาเป็นระยะ ศิลาจารึกของกรุงสุโขทัยจารึกเหตุการณ์แผ่นดินไหวไว้ ๒ ครั้ง พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาบันทึกไว้ ๗ ครั้ง พงศาวดารเมืองเชียงใหม่บันทึกไว้ ๔ ครั้ง และในครึ่งศตวรรษนี้ตั้งแต่ปี ๒๕๐๐ เป็นต้นมา มีข่าวแผ่นดินไหวที่ส่งผลถึงเมืองไทยไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ ครั้ง ในจำนวนนี้ศูนย์กลางอยู่ในเมืองไทยประมาณ ๑๐๐ ครั้ง นอกนั้นอยู่ในพม่า จีน ลาว และอินโดนีเชีย และมีแผ่นดินไหวขนาดกลางอยู่ไม่ถึง ๑๐ ครั้ง อีกทั้งยังไม่ปรากฏความเสียหายขนาดหนักเลย

ส่วนอาคารสูงในกรุงเทพฯที่อยู่บนดินอ่อนที่เคยเป็นทะเลมาก่อน ซึ่งจะทำให้เพิ่มแรงสั่นไหวได้ถึง ๔-๕ เท่า ก็แค่สั่นไหวให้ตกใจบ้างเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แรงขนาดไหน ก็ยังไม่มีวิทยาการที่จะคำนวณได้ อาจจะเป็นภัยมาถึงตัวเข้าเมื่อไรก็ไม่มีใครรู้ ฉะนั้นศึกษาเรื่องป้องกันตัวกันไว้บ้างก็ดี เมื่อต้องเผชิญจะได้มีโอกาสเอาชีวิตรอดได้มากขึ้น แล้วถ้าใครเขาเอาปลาตะเพียนตัวขนาดต้นตาลมาแบ่งให้ ก็อย่าไปกินกับเขาด้วยก็แล้วกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น