ผู้จัดการออนไลน์ - จับตาคดี “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” เครือข่ายธุรกิจแสนล้านนัดอ่านคำพิพากษาเร็ว 25 สิงหาฯ นี้รู้ผล วันเดียวกับคดีจำนำข้าว “ยิ่งลักษณ์” เผยเดิมสืบพยานจำเลยปากสุดท้ายในวันที่ 30 กันยาฯ แต่ระหว่างสอบพยานกว่า 100 ปากตัดเหลือไม่กี่สิบคน สอบเสร็จภายในไม่กี่วัน
จากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยึดทรัพย์บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด (ทัวร์ศูนย์เหรียญ) ในความผิดฐานเป็นสมาชิกอั้งยี่ ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รวมทรัพย์สินทั้งหมด 2,274 รายการ เป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 13,200 ล้านบาท ต่อมาได้มีการยื่นฟ้องคดีเพือเอาผิดต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยคดีนี้ถือเป็นคดีสำคัญที่ถูกจับตามองอย่างมากเพราะเกี่ยวข้องกับเครือข่ายธุรกิจมูลค่านับแสนล้าน และการท่องเที่ยวของประเทศ
รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดคดีนี้ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 นี้ วันเดียวกับที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำพิพากษาในคดีจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีอีกหลายคน โดยการนัดอ่านตัดสินคดีถือว่ามีขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ เพราะแม้คดีนี้จะเป็นคดีใหญ่ มูลค่าของทรัพย์สินและเครือข่ายที่ถูกอายัดจาก ปปง.หลายหมื่นล้าน แต่ในวันดังกล่าวคงจะมีเฉพาะข่าวคำพิพากษา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เท่านั้นที่สังคมสนใจ
เดิมคดีหมายเลขดำที่ ฟย 46/2559 ของศาลอาญา ชื่อแรกในการฟ่องคดีเป็นจำเลยที่ 1 คือ นายสมเกียรติ คงเจริญ กับพวก รวม 13 คน พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 3 เป็นโจทก์ พนักงานอัยการฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2559 ศาลนัดสืบพยานโจทก์จำเลยรวมกันกว่า 100 ปาก กำหนดนัดเริ่มสืบพยานต้นเดือนมิถุนายน 2560 และสิ้นสุดการสืบพยานจำเลยปากสุดท้ายในวันที่ 30 กันยายน 2560 มีนายสุภัทร์ สุทธิมนัส เป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา นายนิติพงษ์ ถิรรุ่งเรือง เป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน และ น.ส.เขมจุฑา สุวรรณจินดา เป็นผู้พิพากษาองค์คณะ
คดีนี้ นายสุภัทร์ สุทธิมนัส ในฐานะอธิบดีศาลอาญา เป็นผู้จ่ายสำนวนให้นายนิติพงษ์ ถิรรุ่งเรือง เป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน
คดีมีการอ้างพยานโจทก์ จำนวน 90 ปาก และพยานจำเลย จำนวน 45 ปาก เริ่มสืบพยานโจทก์ต้นเดือนมิถุนายน 2560 แต่คดีมีการสืบพยานจริงเพียง 39 ปาก ใช้เวลาเพียง 10 วัน เพราะระหว่างสืบพยานโจทก์ศาลจำกัดให้พูดเฉพาะข้อเท็จจริง ไม่ต้องพูดกฎหมาย โดยโจทก์พยายามจะอธิบายต่อศาลว่าเป็นกฎหมายฉบับรอง ระดับกฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศ ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้พยานจำนวนหนึ่ง ซึ่งการตัดพยานออกไปทำให้พยานที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถอธิบายต่อศาลได้
ส่วนพยานโจทก์อีก 51 ปาก จำเลยขอรับข้อเท็จจริงระหว่างสืบพยาน ทำให้พยานโจทก์ไม่มีโอกาสอธิบายเอกสารในคำให้การ ส่วนจำเลยก็มีท่าทางที่สอดคล้องโดยขอศาลไม่ต้องสืบพยานโจทก์จำนวนมาก และ เมื่อถึงการสืบพยานจำเลย ซึ่งมีการอ้างพยานจำเลยไว้ถึง 45 ปาก แต่กลับมีการอ้างตัวเองเป็นพยาน จำนวน 9 ปากเท่านั้น ส่วนพยานจำเลยที่เหลืออีก 36 ปากจำเลยไม่ประสงค์จะนำเข้าสืบพยานในศาล เพื่อให้หมดพยานโดยเร็ว
ทั้งนี้ การสืบพยานจำเลยจำนวน 9 ปากนั้น ใช้เวลาสืบพยานเพียงวันเดียวเท่านั้น ทั้งที่เป็นคดีสำคัญ อยู่ในความสนใจของประชาชน เอกสาร, พยานหลักฐานและพยานบุคคลมีเป็นจำนวนมาก และมีประเด็นในการพิจารณาที่สำตัญที่จะต้องพิจารณาในละเอียดรอบคอบจำนวนหลายประเด็น
คดีนี้ ผู้กระทำผิดก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติจำนวนมาก และหลีกเลี่ยงภาษีจำนวนหลายหมื่นล้าน ตั้งแต่เริ่มต้นของคดี มีข่าวปรากฏอยู่เป็นระยะถึงความมีอิทธิพลระดับข้ามชาติของเครือข่ายธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งเป็นที่จับตาของประชาชนและสังคมว่าท้ายที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่ของรัฐจะกำจัดขบวนการกระทำความผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายจำนวนเป็นแสนล้านนี้ได้หรือไม่
“หากเลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปได้ก็จะเป็นประโยชน์มาก เพราะคดีหลีกเลี่ยงภาษีหลายหมื่นล้านของผุ้กระทำความผิดชุดนี้จะถูกส่งข้อมูลจากกรมสรรพากรมาที่ ปปง.เพื่อดำเนินการยึดอายัดทรัพย์ต่อไปได้ และ จะช่วยสร้างความเข้าใจให้แก่สังคมได้ดี”
ทั้งนี้ ดคีทัวร์ศูนย์เหรียญรายนี้อัยการผู้ฟ้องคดีได้ระบุว่า เริ่มต้นระหว่างวันที่ 24 มี.ค. - 31 ส.ค. 2559 ต่อเนื่องกัน บจก.ฝูอัน ทราเวล ได้นำนักท่องเที่ยว ชาวจีนเข้ามาโดยไม่มีค่าบริการ หรือทัวร์ศูนย์เหรียญ จากนั้น บจก.โอเอ ให้ใช้รถบัสจำนวน 2,500 คันรับนักท่องเที่ยวฟรี โดยเป็นผู้กำหนดแผนการเดินทางให้มัคคุเทศก์ และผู้ขับขี่นำรถไปจอดให้นักท่องเที่ยวแวะซื้อสินค้าจากร้านในเครือเดียวกับ บจก.โอเอ ซึ่งสินค้าภายในร้านมีราคาแพงกว่าท้องตลาดหลายเท่า แสดงฉลากไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดการขูดรีดนักท่องเที่ยว ไม่เกิดการแข่งขันเสรีทางการค้า ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศเสียหาย
นอกจากนี้ มีข้อมูลการโอนเงินระหว่างบริษัทพวกจำเลยจำนวนมาก มีการอำพรางแบ่งปันผลประโยชน์ โดยบจก.โอเอ แบ่งปันผลประโยชน์ให้บริษัททัวร์ 30-40% ให้มัคคุเทศก์ 3-5% มีพฤติกรรมเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ ปกปิดวิธีการอันมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินของนักท่องเที่ยวศูนย์เหรียญชาวจีน รวมมูลค่าความเสียหาย 98 ล้านบาทเศษ
ดังนั้น โจทก์จึงยื่นฟ้องนายสมเกียรติ คงเจริญ อายุ 57 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท ฝูอัน ทราเวล จำกัด, นางธวัล แจ่มโชคชัย อายุ 59 ปี ผู้บริหาร บริษัท ฝูอัน ทราเวล, บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด, นายวสุรัตน์ โรจน์รุ่งรังสี อายุ 26 ปี กก.ผจก.บจก. โอเอฯ, บริษัท รอยัลเจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท ไทยเฮิร์บ จำกัด, บริษัท บางกอก แฮนดิคราฟท์ เซ็นเตอร์ จำกัด , บริษัท รอยัลพาราไดซ์ จำกัด โดยนางนิสา โรจน์รุ่งรังสี อายุ 61 ปี กก.ผจก.ทั้งสี่บริษัท และเป็นมารดาของนายวสุรัตน์, นายธงชัย โรจน์รุ่งรังสี อายุ 60 ปี สามีของ นางนิสา, บริษัท บ้านขนมทองทิพย์ จำกัด, น.ส.สายทิพย์ โรจน์รุ่งรังสิ อายุ 35 ปี กรรมการผู้มีอำนาจ บจก.บ้านขนมทองทิพย์ ซึ่งเป็นบุตรของนายธงชัย กับนางนิสา และนายวินิจ จันทรมณี อายุ 69 ปี ผจก.บริษัท ฝูอัน ทราเวลฯ เป็นจำเลยที่ 1-13 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับค่าบริการ, ร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวกระทำการอันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว, ร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวหาประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรมจากนักท่องเที่ยว, ร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้อนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 วรรคแรก, พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 และร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542