xs
xsm
sm
md
lg

สุดยอดตัวอย่างนักลดน้ำหนัก : อังคณา ปัญญาน้อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จากสาวไซส์ 3XL เอว 48 นิ้ว หนัก 101 กิโลกรัม กระทั่งตัดสินใจหันมาดูแลตัวเองโดยการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย ปัจจุบัน 4 ปีผ่านไป เธอน้ำหนักลงไป 48 กิโลกรัมพร้อมกับได้หุ่นใหม่ไซส์มาตรฐานแถมสุขภาพดีขึ้น “อัง-อังคณา ปัญญาน้อย”

• ก่อนหน้านี้เธอคือผู้หญิง 101 กิโลกรัม ไซส์ 3XL

ก่อนหน้านี้อังเป็นคนกินเก่ง กินได้เรื่อยๆ ตามใจตัวเอง ตามใจปาก ชอบดื่มน้ำอัดลมจะดื่มเช้ากลางวันเย็นเลยค่ะ ทานข้าวก็จะทานมื้อละสองจานแล้วก็ต้องมีเกาเหลาชามโตๆ อีก 1 ชามด้วยนะคะ พอทานเสร็จปุ๊บก็จะทานของขบเคี้ยวต่อ ก่อนนอนยังทานอยู่เลยค่ะ ต้องหลับเท่านั้นถึงจะเลิกทาน แต่อาจเป็นเพราะตอนนั้นเราไม่ได้คิดถึงเรื่องหุ่น เรื่องความอ้วน เนื่องจากเรามีความรู้สึกว่าเรากินอิ่มนอนหลับสบายไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย อีกอย่างอังไม่มีโรคประจำตัวด้วยเพราะโดยส่วนตัวอังเป็นนักกีฬายกน้ำหนักมาก่อน

ตอนแรกอังไม่คิดจะลดน้ำหนักเลยนะคะ เพราะว่าตอนนั้นเรายังมีความรู้สึกว่าน้ำหนักเรายังไม่ถึง 100 กิโลกรัมเลย มันก็เลยยังไม่มีความรู้สึกสะเทือนใจมากเท่าไหร่ มีครั้งหนึ่งก่อนเริ่มลดอังชั่งน้ำหนักได้ 88 กิโลกรัม เราก็ยังเฉยๆ คิดว่ามันยังไม่เท่าไหร่ จนมา 90 กว่ากิโลกรัม และจนวันหนึ่งก็ทะยานสูงถึง 100 กิโลกรัม แต่ตอนนั้นในใจก็ยังคิดนะคะว่าวันสุดท้ายแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เราลดแล้ว ก็เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ จนมาถึงจุดหนึ่งที่เราอยากสวย เพราะเสื้อผ้าก็หาใส่ยากมาก ไปเดินห้างสรรพสินค้าผ่านร้านเสื้อผ้าไม่มีใครเรียกเราเข้าร้านเลยสักคน เดินผ่านมาแล้วเขาก็ปล่อยเดินผ่านไป เราเลยมีความรู้สึกว่ามันไม่ได้แล้ว ต้องลดจริงๆ แล้วล่ะ

• “อยากสวย” “อยากมีแฟน” คือหนทางไปสู่การลดน้ำหนัก

แรงบันดาลใจมาจากที่เราอยากสวย อยากแต่งตัวบ้าง อย่างที่สองคือเราอยากมีแฟนเพราะมีความรู้สึกว่า ไม่มีใครมาจีบเราเลยเหตุผลอาจจะเป็นเพราะเราอ้วนหรือเปล่า ซึ่งตอนนั้นอังหนัก 101 กิโลกรัม ช่วงนั้นอายุ 20 ปี อยู่มหาวิทยาลัยแล้วด้วย

อีกทั้งโดนทักว่าแก่บ้าง เป็นเพื่อนแม่บ้าง อายุเหมือน 50 ปีบ้าง มันก็ไม่มั่นใจ เพราะเวลาเราอยู่กับเพื่อนๆ เพื่อนก็รักเราเขาก็จะไม่ได้พูดความจริงไปซะทุกอย่างก็อาจจะบอกแค่ว่าให้เราผอมลงหน่อยดิแค่นั้นเอง แต่จะไม่ได้บอกว่าสภาพเราแย่ขนาดไหน จนเราได้ไปเจอคนอื่นที่เขาพูดความจริง ซึ่งเขาเป็นคนอื่นเขาน่าจะไม่ได้โกหกแน่ๆ ตอนแรกเราก็คิดว่าเราแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ จนต้องมาถามแม่ว่าเขาทักว่าเป็นเพื่อนแม่ หนูแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ แม่ก็ตอบมาว่าใช่…แก่ (หัวเราะ) ซึ่งเราดูตัวเองมันก็จริงอย่างนั้น เราดูแก่จริงๆ เพราะว่าคนอ้วนรูปร่างจะใหญ่ มันก็จะทำให้ดูเหมือนเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นด้วย

มันมีองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ทั้งการใช้ชีวิตอะไรต่างๆ ที่ยาก ทุกอย่างยากไปหมด มันเลยเป็นแรงผลักดันให้เราเริ่มลดน้ำหนัก อีกอย่างอังได้กำลังใจจากคนรอบข้างด้วยนะคะ เช่นเพื่อนๆ จะพูดเสมอว่าถ้าเราลดน้ำหนักได้เราจะสวยแน่นอนตรงนี้ก็สามารถช่วยกระตุ้นเราได้

• การแปลงร่างก้าวแรกของสาวบิ๊กไซส์

ตั้งแต่นั้นมาอังก็เริ่มศึกษาก่อนว่าเราอ้วนมาจากอะไร ซึ่งหลักๆ เลยก็คือ “การกิน” เราก็เลยมาแก้ที่ปัญหานี้ก่อน มีการเปลี่ยนแปลงการทานอาหารหลายๆ อย่าง แต่อังไม่ได้ทานคลีนนะคะเพราะว่าสมัยนั้นตอนที่อังลดน้ำหนักเทรนด์นี้จะยังไม่มาเท่าไหร่ แต่อังจะใช้วิธีการคุมอาหารเอา
 
อย่างตอนนั้นที่เริ่มลดใหม่ๆ ใน 1 วัน อังจะทานข้าวเช้าตามปกติแต่จะทานข้าวแค่ 1 ทัพพีครึ่ง แต่ตรงนี้จะแล้วแต่คนนะคะแต่สำหรับอังอังคิดว่าเราทานในปริมาณเท่านี้เราอยู่ได้ ส่วนกับข้าวอังจะเลี่ยงของมัน ของทอด แต่ก็มีบ้างที่จะทานตามปกติอย่างถ้ามีไข่เจียวมาเราก็ทานได้เพราะร่างกายเราก็ยังต้องการไขมันอยู่ ไขมันก็มีประโยชน์ต่อร่างกายจะขาดไปเลยก็ไม่ได้

มื้อกลางวันอังจะลดปริมาณข้าวลงมาเหลือ 1 ทัพพี แต่อังจะเลือกทานข้าวไม่ขัดสีเพราะจะทำให้อิ่มท้องนานกว่า กระบวนการย่อยจะดีกว่า แต่ว่าถ้าใครไม่ชอบข้าวไม่ขัดสีก็สามารถทานข้าวขาวได้เพราะอังได้ศึกษามาว่าเราสามารถทานข้าวขาวได้แต่ต้องทานผักใบเขียวด้วยเยอะๆ เพราะมันจะช่วยเบิร์นได้ดีเท่ากับการทานข้าวไม่ขัดสีเหมือนกัน มันจะไปหักล้างกันค่ะ

มื้อเย็นอังจะไม่ทานข้าว จะงดแป้ง แต่จะหาอย่างอื่นทดแทน ถ้าบางคนอยู่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะคะก็สามารถทานได้แต่ของอังอังอยู่ได้อังก็จะทานอย่างอื่นแทน เช่นผลไม้ วันไหนที่หิวหน่อยก็จะทานสุกี้ ต้มยำเห็ดบ้างอะไรอย่างนี้แทน จะเลือกทานเบาๆ เพราะบางครั้งมื้อเย็นเราก็อยากทานของคาวเหมือนกัน

อังควบคุมอาหารจนน้ำหนักจาก 101 กิโลกรัม ลงมาเรื่อยๆ จนถึง 70 กิโลกรัม แต่ว่ามันก็ยังไม่ได้เข้ารูปมากนะคะ เพราะเหมือนกับว่าร่างกายยังไม่เข้าที่เพราะว่าเรายังไม่ได้ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย

• ก้าวที่สองหลังจากลดน้ำหนักมาได้ครึ่งทาง

ลดน้ำหนักมาจนเหลือ 70 กิโลกรัม หลังจากนั้นอังก็ยังควบคุมอาหารอยู่บ้าง แต่อาจจะมีบ้างที่กินข้าวเย็นนิดหน่อย จะไม่ทานแบบยัดจนอิ่มแต่ก็ไม่ได้บ่อยมาก ช่วงนี้จะเริ่มมีทานของหวานบ้างเพราะส่วนตัวอังจะติดขนมหวานมากแต่อังจะย้ายมาทานตอนเช้าแทน อย่างตอนเช้าอังก็จะเตรียมไว้เลยว่าเราอยากทานอะไร ทุกวันนี้เรายังมีช็อกโกแลตเต็มบ้านอยู่เลยค่ะแต่เราจะทานแค่ช่วงเช้าวันละชิ้นมันก็รู้สึกมีความสุขแล้วเพราะอังมีความรู้สึกว่าระยะเวลาการเผาผลาญมันไวกว่า หรือตอนเที่ยงก็ยังทานได้นะคะแต่นิดๆ หน่อยๆ อังจะไม่ได้เครียดว่าต้องไม่ทานนั่นทานนี่ เพราะวันหนึ่งมันจะเป็นเอฟเฟกต์ตีกลับมาเยอะเลยนะคะ มันจะยิ่งทำให้เราอยากทานมากขึ้น เพราะฉะนั้นเราต้องลดแบบสบายๆ ให้เราสามารถอยู่ได้กับมันด้วย แล้วก็เริ่มมาออกกำลังกายควบคู่กันไป คราวนี้กลายเป็นว่ามันลดลงไวมาก พอเราทำทั้งสองอย่างพร้อมกัน

อังเริ่มออกกำลังกายจากที่เราไปหาข้อมูลก่อนว่าเราจะทำวิธีไหนได้บ้างที่จะช่วยลดหน้าท้องของเราได้ และเราจะทำยังไงให้ไม่ต้องเสียเงินซื้อ อังเลยไปเจอท่าออกกำลังกาย “plank” ซึ่งท่านี้จะช่วยทั้งเรื่องหน้าท้อง แขน หน้าขา ลำตัว เขาจะมีตารางเล่นมาให้เราเลยนะคะว่า เราต้องทำยังไงในแต่ละวันตลอด 1 เดือน ซึ่งมันก็ได้จริงๆ อังได้ร่องหน้าท้องที่ดูดีขึ้นมา

พอเล่นจบเราก็เริ่มคิดหาท่าออกกำลังกายอื่นๆ เพิ่มเพราะว่าเราอยากลดขาเนื่องจากขาเราก็ยังไม่ได้เล็กลงพอสมควร ก็ได้ไปหาในยูทิวบ์อีกไปเจอ 5 วิธีที่ทำให้ขาเล็ก ทุกอย่างอังจะหาในยูทิวบ์ทั้งหมดเลย จนกระทั่งมาออกกำลังกายแบบบอดี้เวต 30 นาทีต่อวัน 
 
หลังจากนั้นอังก็คิดอีกว่าเราจะทำอะไรอีกดี และก็มาเลือกว่ายน้ำ ก็ได้ไปว่ายน้ำสัปดาห์ละ 1 วัน ที่อังเลือกการว่ายน้ำเพราะมันจะได้ทุกสัดส่วนเลย นอกจากนี้อังก็ใช้การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออื่นๆ เสริมด้วยซึ่งอังเลือกการวิ่ง เพราะว่าเราไม่ต้องเสียเงิน เราสามารถไปวิ่งตามสวนได้ อังจะเน้นการออกกำลังกายที่ไม่ต้องเสียเงินมาก จากที่ออกกำลังกายมาอังจะเสียเงินให้กับการว่ายน้ำครั้งละ 50 บาทเท่านั้นเองค่ะ

• ก้าวปัจจุบันผลตอบแทนความตั้งใจ น้ำหนักเหลือ 53 กิโลกรัม กลายมาเป็นสาวไซส์มาตรฐาน

อังลดน้ำหนักตั้งแต่ตอนนั้นถึงวันนี้ก็ 4 ปีมาแล้วค่ะ วันนี้ก็อยู่ในจุดที่โอเคแล้ว มันต่างจากตอนที่เราอ้วนมากเลยนะคะ อย่างการแต่งตัว เราจะแต่งอะไรมันก็เข้า บางคนก็จะบอกเราอ้วนให้สวยได้แต่สำหรับอังมันไม่สวยเลยนะ เพราะเราจะแต่งยังไงก็ดูตลก เสื้อผ้าก็หายาก ตอนนั้นอังเอว 48 นิ้ว ตอนนี้เอวเหลือ 27 นิ้ว จากไซส์ 3xl ที่ต้องสั่งตัดซึ่งแพงด้วยนะคะในสมัยนั้น ตัวหนึ่งก็ 700-800 บาท แต่สำหรับคนที่เขาตัวเล็กๆ มี 800 บาทเขาได้ไป 3-4 ตัวแล้ว จนตอนนี้เรามาเหลือไซส์ M น้ำหนักเราหายไป 48 กิโลกรัม

ทุกวันนี้ถึงจะลดลงมาเยอะแล้วอังก็ยังคุมอาหารอยู่แต่จะไม่เท่าแต่ก่อนที่จะไม่ทานพวกของขบเคี้ยว ขนมอะไรต่างๆ อะไรเลย แต่ตอนนี้เราก็ทานได้ปกติทั่วไปแล้วเพราะร่างกายเราชินเราปรับตัวแล้ว แต่ก็มีช่วงที่ลดไปแล้วน้ำหนักนิ่งเหมือนกันค่ะ มันเป็นช่วงที่ภาวะน้ำหนักตัน เราก็จะเริ่มท้อแล้วว่าเราก็ออกกำลังกายด้วย คุมอาหารก็คุมแต่ทำไมน้ำหนักเรายังนิ่ง เลยไปเจอข้อมูลมาว่าเราเกิดภาวะน้ำหนักตันเพราะร่างกายเราเกิดการจำแอกชั่นเดิมๆ ได้ในการเผาผลาญ เช่น เราวิ่งทุกวัน ไม่สับเปลี่ยนอะไรเลย ทำให้ร่างกายมันเกิดการจำได้ว่าเราทำ เราวิ่ง มันก็จะไม่เผาผลาญ เหมือนอยู่ตัวแล้ว มันปรับสภาพได้แล้วเพราะฉะนั้นเราก็เลยต้องทำใหม่ สร้างตารางการออกกำลังกายใหม่ อาจจะวิ่งสองวัน ว่ายน้ำหนึ่งวัน ที่เหลือเราก็อาจจะเป็นบอดี้เวตเบาๆ ยกดัมเบลล์บ้าง มันก็แก้ได้นะคะ น้ำหนักก็ลงเหมือนเดิม

เบื้องต้นอังเป็นคนขี้เกียจเราก็เลยจะไม่ได้สร้างกฎเกณฑ์ให้ตัวเองว่าจะต้องตึงเกินไปเพราะเดี๋ยวเราจะไม่ตั้งใจทำ และกลายเป็นความเบื่อแทน เราก็เลยจะทำให้เป็นความสนุกของเราเองทำอะไรก็ได้ที่ทำให้เรารู้สึกสนุก พอเราสนุกกับมันมันก็มีความสุขทำไปได้เรื่อยๆ อนาคตถ้าเรื่องคุมอาหารอาจจะไม่เท่าไหร่แล้ว เพราะร่างกายเราอยู่ตัวแล้ว เราก็จะทานปกติ แต่อังยังอยากออกกำลังกายให้ร่างกายเฟิร์มกว่านี้ ก็จะดูแลตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ

• ยึดบัญญัติ 3 ประการในการสร้างหุ่นใหม่มาตั้งแต่เริ่มต้น

อังจะมีบัญญัติ 3 ประการในการสร้างหุ่นใหม่ของตัวเอง อย่างแรกเราต้องหาวิธีปลอบใจตัวเองให้ได้ เราต้องรู้จักปลอบใจตัวเองให้เป็น อย่างเวลาที่อังหิวอังก็จะคิดประมาณว่าถ้าเราผอมเราก็จะได้กินปกติแล้วนะ เราจะได้กินเหมือนคนทั่วไป เราไม่ต้องมาคุมอาหารแบบนี้แล้ว เราต้องอดทน

สองอังจะกระตุ้นถามตัวเองทุกครั้งว่าถ้าเราผอมมันจะดียังไง มันจะดีแค่ไหน เราจะจินตนาการวาดฝันไว้เลยว่าเราต้องสวย แฟนหล่ออะไรแบบนี้ เขาเรียกว่าเป็นการกระตุ้นจิตใจตัวเองให้รู้สึกดีขึ้นในระหว่างที่เราคุมอาหารอยู่ แต่ว่าอังก็ไม่ได้คุมแบบสุดโต่งมากจนเกินไป

สาม อังจะคิดว่าพอเราเริ่มแล้วถ้าเราหยุดเราต้องโดนล้อแน่นอนเพราะว่าทุกคนเขาก็เห็นว่าเราล้มเหลว เห็นว่าเราบอกเราจะกินวันนี้วันสุดท้ายแล้วนะ พรุ่งนี้เราลดแล้วจริงๆ นะมาหลายรอบแล้ว นั่นแหละค่ะเราเลยคิดว่าเราจะล้มไม่ได้แล้วนะเพราะคนรอดูเราอยู่ ถ้าเราทำได้เราต้องสวยมากๆ เพราะเพื่อนก็จะให้กำลังใจตลอดว่าเราจะสวยแน่นอน เราเลยมีความรู้สึกว่าทำได้ เราต้องพยายาม

• สุขภาพดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องทำเอง

อังได้หลายอย่างจากการลดน้ำหนักเลยนะคะ อย่างเรื่องสุขภาพเราได้แน่นอนเต็มๆ เราเหนื่อยน้อยลง หัวใจเต้นช้าลงเพราะการทำงานหัวใจดีขึ้น หน้าตาแจ่มใส ผิวพรรณดี มันสดชื่นขึ้น ไม่นอนกรนด้วยค่ะซึ่งการนอนกรนเป็นปัญหาหลักของเรา เราคิดว่าเราเป็นคนนอนกรนอยู่แล้วหรือเปล่า ไม่เกี่ยวกับความอ้วนหรือเปล่าแต่ของอังมันเกี่ยว นั่งหลับยังกรนได้เลยเพราะด้วยความที่มันหายใจไม่สะดวก

นอกจากนี้เราได้ความมีระเบียบวินัยของตัวเอง แล้วเรารู้เลยว่าเรารักตัวเองมากขึ้นถ้าเราสามารถลดน้ำหนักได้ เพราะที่ผ่านมาเรารู้แล้วว่าผลเสียมันมีอะไรบ้าง เราใช้ชีวิตประจำวันยากยังไง เราได้บุคลิกภาพที่ดี ไปไหนมาไหนก็มีความมั่นใจในการทำงานต่างๆ พูดจาก็มีคนอยากฟัง ซึ่งมันดูน่าฟังจริงๆ นะคะ คนที่เขาบุคลิกดี หุ่นดี ยิ้มสวย น่ารักแต่งตัวดี ใครก็อยากฟัง เพราะตอนอังลดน้ำหนักได้ก็มีคนเข้ามาจีบ เรามีโมเมนต์โดนจีบกับคนอื่นเขาบ้างแล้ว (หัวเราะ)

ทุกวันนี้อังมั่นใจในตัวเองมากขึ้นแล้วค่ะ ว่าเราผอมแล้ว เราใช้ชีวิตดีมากขึ้น ไปเดินเลือกเสื้อผ้าก็สามารถซื้อได้เลยเพราะมีไซส์มาตรฐานแล้ว คนรอบข้างก็ชื่นชมว่าเราผอมแล้วไม่น่าเชื่อว่าเราจะทำได้เขาก็ดีใจแทน ซึ่งมันกลายเป็นการกระตุ้นให้เราอยากดูแลตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกขอบคุณตัวเอง ขอบคุณความอดทน ขอบคุณร่างใหม่ พอได้มาออกคนแปลงร่าง เรายิ่งต้องขอบคุณตัวเองมากๆ เลย กระแสตอบรับกลับมาดีมาก

อังอยากแนะนำสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักว่าอย่าไปท้อ เวลาท้อให้เราถามตัวเอง กระตุ้นตัวเองว่าเราอยากผอมไหม เราต้องมีคำตอบให้ตัวเองให้ได้ว่าถ้าผอมจะดีแค่ไหน อังจะถามตัวเองแบบนี้เสมอ แล้วก็เอาคำตอบตรงนั้นมากระตุ้นตัวเองให้ได้ เช่น ถ้าเราหิวให้เราคิดว่าถ้าเราผอมเราจะได้กลับมากินเหมือนเดิมปกติแล้วนะ เราอดทนตรงนี้มันจะเป็นผลดีกับตัวเราเองในระยะยาว เราต้องรักตัวเอง

อังอยากให้หาความชอบของตัวเองว่าเราชอบแบบไหน คนเรารู้อยู่แล้วว่าเราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แค่ว่าเราจะบังคับตัวเองได้ไหม เราสามารถเลือกกีฬาหรือการออกกำลังกายอะไรก็ได้ที่เหมาะกับตัวเอง ทำอะไรที่ดีแล้วเหมาะกับเราก็พอ อังก็ไม่ได้บอกว่าสิ่งที่อังทำมันถูกนะคะแต่มันเป็นเทคนิคที่ร่างกายอังยอมรับได้แล้วตัวอังก็มีความสุข อังก็เลยทำ ซึ่งข้อมูลทุกอย่างมีอยู่แล้วในอินเทอร์เน็ตก็อยากให้ลองศึกษาดู และกระตุ้นตัวเองอย่างที่อังแนะนำไปดู คนที่คิดว่าตัวเองทำไม่ได้ ให้ดูอัง 101 กิโลกรัมยังทำได้เลย อังทำได้ทุกคนก็ต้องทำได้ อังก็เป็นคนธรรมดาทั่วไปแค่ว่าความอดทนเรามีเท่ากันหรือเปล่า แค่หาคำตอบให้ตัวเองแล้วมาลองลดกัน ทำได้แน่นอนค่ะ แต่ถ้ายังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงอังยินดีให้คำปรึกษา อังจะตอบทุกอย่างทั้งเรื่องการกินและการออกกำลังกาย เข้ามาสอบถามได้เลยค่ะที่เพจ Leeang คนแปลงร่าง เพราะอังอยากให้ทุกคนสุขภาพดี ชีวิตดี




ตารางการฝึก "Plank" 1 เดือน
ภาพจาก : TrueLife

เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : วชิร สายจำปา

กำลังโหลดความคิดเห็น