xs
xsm
sm
md
lg

เหตุที่วังหลวงต้องอยู่ห่างบ้านคน! สมัย ร.๔ โดยรอบล้วนเป็นตลาด มีทั้งแบกะดินและร้านช็อปปิ้งไฮโซ!!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค

ริมกำแพงพระบรมมหาราชวังด้านสนามหลวง มีทิมแถวที่พักของข้าราชการตลอดแนว
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ว่าด้วย “ถนนรอบพระบรมมหาราชวัง”ไว้ ในหนังสือ “วชิรญาณวิเสศ” เล่ม ๒ มีความว่า

พระราชวังพระเจ้าแผ่นดินตั้งอยู่ในที่ใด ถนนย่อมใหญ่กว้างกว่าถนนที่เป็นทางเตร็ดเตร่ไปมาของคนทั่วไป นอกจากจะให้เป็นศรีสง่าแก่บ้านเมืองแล้ว ยังมุ่งประโยชน์หลายอย่าง เช่น

ให้พระราชวังอยู่ห่างจากบ้านเรือนที่รกเลี้ยวเป็นรังไฟ ถ้าเกิดไฟไหม้จะได้ไม่ลามมาถึงพระราชวัง ไม่ให้ลูกไฟมาตกในพระราชวัง หรือสวดไข้สวดศพไม่ได้ยินมาถึงพระราชวัง

เมื่อมีข้าศึกศัตรูมาปล้น ชาวป้อมล้อมวังจะได้เห็นแต่ไกล ไม่มีที่แอบแฝงถึงกำแพงพระนครได้โดยง่าย ทางปืนในป้อมจะได้กวาดเชิงกำแพงได้ตลอด ทั้งยังมีเหตุอื่นๆอีกเป็นอันมากในการที่จะต้องรักษาพระราชวังไว้ด้วยถนนใหญ่

นอกจากนี้การพระราชพิธีบางครั้ง ก็ต้องมีการแห่รอบพระราชวัง อีกทั้งข้างพระราชวังก็ควรมีท้องสนามใหญ่ เป็นที่ทอดพระเนตรการหัดทหารและมหรสพต่างๆ และเป็นที่หัดพระเจ้าลูกเธอทรงช้างทรงม้า

ฉะนั้นถนนรอบพระราชวังทุกด้าน จึงเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวัง ไม่ใช่ทางสาธารณะสำหรับคนทั้งปวง อีกทั้งคนที่อยู่อาศัยโดยรอบก็เป็นผู้ที่ได้รับพระราชทานให้อยู่ จะเปิดร้านซื้อขายกันไม่ได้

ทรงพรรณนาถึงถนนรอบพระบรมมหาราชวังไว้ทุกด้าน ทำให้เห็นบรรยากาศในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี

ด้านเหนือของพระราชวังที่มีประตูวิเศษไชยศรีนั้น เป็นทางเข้าออกของผู้คนจำนวนมาก ข้ามถนนไปก็เป็นวังของพระองค์เจ้าที่มีหน้าที่สำคัญในราชการ เรียงรายอยู่หลายวังไปจนถึงวังหน้า ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ให้อยู่ใกล้ๆ เพื่อจะได้รับสั่งใช้การงานทั้งกลางวันและกลางคืนได้ง่าย ถนนด้านนี้จึงเป็นถนนใหญ่เพื่อให้ช้างม้าเดินไปมาและเดินลงท่าน้ำได้สะดวก อีกทั้งยังเป็นเส้นทางไปวังพระองค์เจ้าผู้เป็นใหญ่ในราชการหลายพระองค์ จึงต้องมีข้าราชการบางจำพวก เช่น ตำรวจล้อมวัง พวกกรมวัง กรมม้า กรมช้าง อยู่ใกล้ๆ เพื่อเรียกใช้ได้ทั้งกลางวันกลางคืนเช่นกัน สร้างทิมแถวที่พักริมกำแพงด้านเหนือนี้ตลอดด้าน และเมื่อภรรยาและบุตรของข้าราชการพวกนี้มาอยู่ด้วย เห็นมีคนผ่านไปมาพลุกพล่าน จึงนำสิ่งของมาวางขายหน้าที่พัก แรกๆก็ขายพวกสมุด กระดาษ ดินสอ และของกิน ต่อมาก็มีคนจากที่อื่นหาบของมาขาย บ้างก็มาปูแผงขาย พวกในวังก็นิยมออกมาซื้อ เพราะสะดวกที่อยู่ใกล้ ถนนรอบพระบรมมหาราชวังด้านนี้ จึงกลายเป็นตลาดที่ขายของจิปาถะ ทั้งที่มีกฎห้ามเปิดร้านค้าขายมาแต่แรก แล้วก็ทันสมัยเหมือนยุคนี้ มีคนเข้ามาเก็บค่าที่ทั้งๆที่เป็นที่หลวง เมื่อทรงทราบก็รับสั่งห้ามเก็บ รวมทั้งห้ามเก็บภาษีคนหาเช้ากินค่ำพวกนี้ด้วย

ส่วนถนนริมกำแพงด้านตะวันออก หรือด้านศาลาว่าการกระทรวงกลาโหมในปัจจุบัน ด้านนี้ในเวลามีงานพระราชพิธี จะเป็นที่ตั้งของโรงมหรสพต่างๆ

ส่วนสถานที่ราชการก็มี ศาลาสารบัญชี ศาลาลูกขุน ณ ศาลหลวง ศาลากองตระเวนรักษาทาง โรงช้าง โรงม้า โรงโขน โรงเครื่องม้า และโรงทหาร ที่หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ ก็มีทิมแถวที่พักของข้าราชการเช่นกัน โปรดให้สร้างขึ้นเป็นที่พักของครูหัดทหาร ครูแตร ครูสอนหนังสือ ครูทำหนังสือพิมพ์และอื่นๆ แต่อยู่กันยังไม่เต็ม จึงมีชาวต่างประเทศมาขอเช่าห้องที่ว่างนำของใหม่จากเมืองนอกมาขาย มีพระราชประสงค์จะให้ของเหล่านี้มาอยู่ใกล้ๆพระราชวัง เพื่อข้าราชการฝ่ายหน้าฝ่ายในจะได้ไปหาซื้อได้ง่าย จึงโปรดให้เช่าห้องเปิดขาย ส่วนช่างจีนตัดเสื้อผ้าก็ขอมาเปิดด้วย ทรงเห็นว่าเป็นประโยชน์ ควรจะมีอยู่ใกล้ๆวังเหมือนกัน ด้านนี้เลยเป็นตลาดไฮโซไป สาวสนมกำนัลในนิยมมาช็อปปิ้งกัน

ทางถนนด้านใต้ที่ติดกับวัดโพธิ์ แต่ก่อนก็เป็นถนนใหญ่ แต่มีการขยายพระบรมมหาราชวังออกมาทางด้านนี้ เลยกลายเป็นถนนเล็กๆ และเป็นด้านท้ายพระราชวังจึงค่อนข้างเปลี่ยว โปรดให้สร้างทิมแถวริมเชิงกำแพง ให้ข้าราชการที่รักษาวังด้านนี้พักอาศัย พวกภรรยาและบุตรที่มาอยู่ด้วยก็เอาของมาวางขายหน้าบ้านเหมือนกัน พวกผู้หญิงในวังก็พอใจที่จะออกมาซื้อเพราะอยู่ใกล้ ต่อมาก็มีคนมาปูแผงขายบ้าง เลยกลายเป็นตลาดไปเหมือนด้านประตูวิเศษไชยศรี เรียกกันว่า “ตลาดท้ายสนม”

ส่วนด้านตะวันตก ตอนนั้นกำแพงพระนครยังมีอยู่แค่ ๓ ด้าน ด้านนี้มีแต่กำแพงชั้นใน มี ประตูศรีสุดาวงศ์ ประตูอนงค์ลีลา ประตูยาตราสตรี ประตูศรีสุนทร รวม ๔ ประตู และมีทิมอยู่ริมกำแพงด้านนอก เป็นที่อยู่ของสนมพลเรือน ทหารในโรงทาน เนื่องจากด้านนี้ติดกับประตูพระราชวังชั้นใน จึงไม่ให้คนทั่วไปเดินผ่านไปมา โดยเฉพาะในเวลากลางคืนห้ามผ่าน ต่อมาจึงสร้างกำแพงชั้นนอกขึ้น มีประตูสกัดเหนือสกัดใต้ เรียกว่า ประตูพิทักษ์บวร และ ประตูสุนทรทิศา

ด้านหน้าพระที่นั่งสุทธาสวรรย์นั้น นอกจากมีเรือนแถวที่พักและขายของต่างประเทศแล้ว ยังเป็นสนามกว้าง หน้าแล้งเป็นดินแตกระแหง หน้าฝนจะเป็นโคลนเฉอะแฉะ จึงมีพระราชดำริปราบพื้นที่ให้เรียบ โปรยทรายบดจนแน่น ให้เป็นสนามสำหรับหัดทหาร ซึ่งพระจ้าลูกเธอองค์น้อยๆก็เสด็จมาฝึกม้าฝึกช้างที่สนามนี้ ต่อมาหลายพระองค์กลับมากราบทูลพระราชบิดาว่า มีคนควบม้าเข้ามาในสนามเสมอ เพื่อลัดไปถนนเจริญกรุง พอเห็นม้ามาแต่ไกลก็ต้องพากันวิ่งหนี กลัวว่าจะถูกม้าเหยียบเหมือนข้าราชการอายุ ๖๐ เศษคนหนึ่ง พระเจ้าอยู่หัวจึงรับสั่งให้นำเสาไปปักเรียงไว้ให้รู้ว่าเป็นที่หัดทหาร ห้ามไม่ให้นำม้า โค กระบือ เข้ามา แต่คนเดินผ่านมาได้ และทรงเห็นว่าจะทำให้คนที่เคยผ่านไปมาลำบาก จึงโปรดให้ตัดถนนขึ้นอีกเส้นหนึ่ง แยกจากถนนเจริญกรุงที่เชิงสะพานมอญ เลียบคลองคูเมืองเดิม ผ่านหลังวังกรมหมื่นวรจักรธรานุภาพ กรมหมื่นอมเรนทรบดินทร และวัดราชประดิษฐ์ ไปบรรจบถนนบำรุงเมืองที่เชิงสะพานช้างโรงสี แต่เป็นถนนแคบๆสำหรับคนและม้าเท่านั้น รถ ๒ คันจะหลีกกันลำบาก ทรงแนะนำให้คนใช้รถไปใช้ถนนเฟื่องนคร โดยแยกจากถนนเจริญกรุงที่หน้าบ้านพระยาศรีสิงหเทพ (เพ็ง) มาออกถนนบำรุงเมืองได้เช่นกัน

นี่ก็เป็นบรรยากาศโดยรอบพระบรมมหาราชวังในสมัยรัชกาลที่ ๔ ซึ่งก็น่าจะเป็นย่านคึกคักที่สุดของกรุงเทพฯ เพราะมีตลาดอยู่ทั้ง ๓ ด้าน และมีลูกค้ามาจากทุกสารทิศไม่เฉพาะแต่คนในวังเท่านั้น ส่วนคนที่แอบมาเก็บค่าเช่าที่ริมถนนนั้น มีปราบกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ กว่า ๑๐๐ ปีแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังปราบกันไม่หมด
กำลังโหลดความคิดเห็น