เกิดเป็นปรากฏการณ์กระแสแชร์และส่งต่อพูดถึงกันอย่างล้นหลามสำหรับศึก MX Muay XTreme ศึกนักสู้สายพันธุ์ใหม่เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2560 ในรุ่น 50 กิโลกรัม ระหว่าง “พงษ์พัฒน์ ช.พลชำนิ” นักมวยไทย วัยเพียง 14 ปี ที่ไล่ถลุงมวยรุ่นพี่อายุห่างถึง 13 ปี “กี้ เด็ท” นักชกกัมพูชา วัย 27 ปี เซถลากลับบ้านแบบลืมเลขที่ ชนิดไม่มีใครคาดคิด

จากมวยคู่รอง ปิดท้ายจบรายการ กลายเป็นมวยคู่เอก
จากความชอบกลายเป็นความรัก
และเหนือขึ้นไปกว่านั้นคือความภาคภูมิใจซึ่งได้แตกหน่อขยายเป็นแรงผลักดันด้านต่างๆ หลังจบไฟต์ทั้งในและนอกสนาม ของเด็กวัย 14 ที่อาจหาญจนผู้ใหญ่ยังล้มคว่ำ
แม้ว่าทั้งหมดทั้งมวลบนสังเวียนจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่เมื่อมองย้อนดูกี่ครั้งต่อกี่ครั้งทำให้ “ใจ” เราสู้ สู้แม้อ่อนด้อยกว่า จะสังเวียนผ้าใบหรือสังเวียนชีวิต ไฟต์นี้ก็เป็นตำราชั้นดีที่จะถอดองค์ประกอบ นำมาปรับคิด พิชิตอุปสรรคที่ขวางหน้าให้ล้มหงายได้ ด้วยตัวเรา...

(1)
“ใจ” กำหนด “กาย” กำหมัด
ต้นกำเนิดไอ้หนูใจเพชรเด็กปีศาจ
ยกแรก เป็นไปด้วยความดุเดือด เดินหน้าเข้าแลกอาวุธกันอย่างสุดมัน เดินออกอาวุธใส่กัน อย่างไม่มีใครยอมใคร สลับศอกถลุงเข่าฟาดแข้งไล่ต้อนกันไปมา จนในช่วงกลางยก นักมวยกัมพูชาพลาดโดนเตะก้านคอ ล้มลงไปนับ 8 แทบจำบ้านเลขที่ไม่ได้ จากนั้นฝ่ายเจ้าหนูใจเพชร “พงษ์พัฒน์ ช.พลชำนิ” ในมุมแดง รัวอาวุธราวปืนกล แบบไม่มียั้ง ตะบันใส่รุ่นพี่เขมรชนิดเมาหมัดปัดขาเป็นเลขแปด ก่อนเสียงระฆังจะช่วยเอาไว้
ขึ้นยก 2 เสียงระฆังดังขึ้นเท่านั้น ด้วยความไม่กลัวมวยรุ่นพี่ พงษ์พัฒน์ยืนแลกหมัดชนิดวัดกันที่หัวใจใครใหญ่กว่ากัน ก่อนจะผลักออกมาก้านคอเฉี่ยวปลายคาง แต่ก็ทำให้ “กี้ เด็ท” ถึงกับเซวูบไปจูบพื้น นับ 8 อีกครั้ง
ยกสุดท้าย ยกที่ 3 ฝ่ายแดงเดินเข้าหา พงษ์พัฒน์ปัดป้องรอจังหวะขึ้นก้านคอด้วยหมัด ศอก เตะไม่ยั้ง ออกลีลาลูกฉลาดให้กี้ เด็ท จั่วลม และยิ่งกี้ เด็ท รุกคืบ ยิ่งโดนสวนกลับ พงษ์พัฒน์จับจังหวะได้ดี บู๊ก็ได้บุ๋นก็ดี เรียกให้แฟนมวยตีตั๋วยืนไม่ยอมนั่งจนท้ายยกที่สามหมดเวลา
กรรมการชูแขนให้มุมแดง “พงษ์พัฒน์ ช.พลชำนิ” นักมวยไทย วัยเพียง 14 ปี ชนะคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์ ในศึก MX Muay XTreme ศึกนักสู้สายพันธุ์ใหม่ ณ GMM STUDIO พร้อมถ่ายทอดสดทางช่อง ONE 31 โดยมีการนำการชกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2560 รุ่น 50 กิโลกรัม กับ กี้ เด็ท นักชกกัมพูชา วัย 27 ปี เจ้าของสถิติการชกชนะ 25 ครั้ง แพ้ 10 ครั้ง เท่ากับ พงษ์พัฒน์ ช.พลชำนิ ที่มีสถิติการชก ชนะ 40 ครั้ง แพ้ 10 ครั้งเช่นเดียวกัน
พงษ์พัฒน์ ช.พลชำนิ หรือชื่อจริง เด็กชายพงษ์พัฒน์ นนท์แก้ว ภูมิลำเนาตามทะเบียนราษฎรอยู่ที่จังหวัดบึงกาฬ แต่เติบโตที่อยุธยาเมืองหลวงราชธานีเก่าของนักสู้ ชื่นชอบการชกมวยจากสายเลือดพ่อของพ่อ จนเกิดเป็นความรักด้วยวันวัยเพียง 11 ขวบ
“ไม่กลัวครับ เพราะตอนแรกไม่รู้ว่าพี่เขาอายุมากกว่าถึง 13 ปี แต่ถึงรู้ ผมก็ไม่กลัวอยู่ดี เพราะทุกครั้งที่ขึ้นชกผมทำเต็มที่ไว้ก่อน คนอื่นอาจจะมองว่าเสียเปรียบเรื่องกระดูก อายุ แต่จริงๆ คือนักมวยจะต่อย มันอยู่ที่จิตใจ ถอดใจก็เจ็บ ไม่ถอดใจก็ไม่เจ็บ ถ้าใจไม่สู้ก็แพ้ไปครึ่งหนึ่งแล้ว ถ้าถามว่าความรู้สึกตอนนั้นของผมเป็นอย่างไร

“ส่วนเรื่องของการรักชอบมวย ผมก็ชอบต่อยมวย 11 ขวบ ก็ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เพราะว่าคุณตาต่อยมวยอยู่แล้ว แม้ว่าตาไม่เคยสอน แต่เรารู้ว่าคุณตาเป็นนักมวย ก็อาจจะซึมซับมาอยู่ในสายเลือด แล้วอีกอย่าง คุณพ่อคุณแม่ก็สนับสนุน ท่านอยากให้เราเล่นกีฬา ท่านก็ฝากให้ผมฝึก ผมก็เลยได้มาทางนี้ ความฝันอย่างอื่นก็เลยไม่มี นอกจากการต่อยมวยและอยากเป็นแชมป์มวยไทยระดับประเทศ”
ไอ้หนูใจเพชรกล่าวถึงจุดเริ่มต้นเส้นทางบนสังเวียนผ้าใบที่ใช้ระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีก็สามารถกลายเป็นปรากฏการณ์ในสังคม ทั้งในและนอกสนามมวย
“ส่วนมาก 18-19 ต่อยกับ 20 กว่าๆ 30 แต่เด็กๆ อย่างนี้ 14 กับ 27 ยังไม่เคยมีเกิดขึ้น ซึ่งสาเหตุที่ได้ไปต่อยในไฟต์นั้น ก็มีทีมงานของครู กบ ศศิประภายิม เขาเป็นสปอนเซอร์อยู่ที่นั่น ทางโปรโมเตอร์จัดมวย MX เขาก็ได้ติดต่อกับทีมงานค่ายมวยป๋าหรั่งมาผ่านครูจี๊ด

“เขาก็คัดเลือกเขามาดูน้ำหนัก แต่เราไม่รู้ว่าจะได้ต่อยกับใคร เขาดูที่น้ำหนัก ก็ปรากฏว่าได้ต่อยกับพี่ กี้ เด็ท แต่ตอนแรกเราไม่รู้ว่าจะได้ต่อยกับใคร พอขึ้นเราถึงจะรู้ เราก็ต้องทำตามหน้าที่ พอดีได้มาต่อยแล้วออกมาสนุก ออกมามันส์ ดุเดือด”
ด้วยสไตล์หลากหลาย มีทุกรูปอาวุธทุกลูก เด่นๆ เอกลักษณ์ก็หมัดกับเท้า มันก็มีหมด อาวุธครบเครื่องทุกอย่าง ‘อั๋น พงษ์พัฒน์’ นามนำทางมวยจึงกลายร่างเป็น ‘ไอ้เด็กปีศาจ’ ‘ไอ้หนูใจเพชร’ พ่วงต่อท้ายโดยปริยาย ซึ่งก็ตรงกับบุคลิกลักษณะนิสัยส่วนตัวเสียด้วย
“ก็ขอบพระคุณครับผมที่ยกที่ตั้งให้ผมเป็นอย่างนั้น คือผมจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด จะลงมือทำมากกว่า ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด อย่างเรื่องการฝึก เช้าตื่นตี 4 - 5 วิ่งเสร็จก็ไปเรียน 7 โมงเช้า เลิกเรียน 4 โมง 04.30 ก็ถึงค่าย กลับมาก็มาวิ่งแล้วก็ซ้อมที่ค่ายราวๆ 5 โมงเย็นปกติ เลิก 2 ทุ่ม เวลาชกก็ชกเต็มที่ แพ้ชนะเรื่องหลัง ชกให้เต็มที่ก่อน เหมือนแบบพี่แสนชัย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม หรือที่รู้จักกันในชื่อ แสนชัย ส.คิงสตาร์ ก็เป็นสไตล์คล้ายๆ กันด้วย หมัดหนัก อาวุธก็หลากหลาย ครบเครื่อง เราก็อยากจะเป็นอย่างนั้น แชมป์ระดับประเทศไทย ลุมพินี ราชดำเนิน สภามวยไทยโลก หลายแชมป์
“เวลาอยู่บนเวทีก็เลยไม่กังวลอะไร ตื่นเต้นแค่แรกๆ นิดหน่อย พอได้ฟาดกัน ก็จดจ่อกับการชกหน้าที่ของเราให้เต็มที่ แล้วผลมันก็จะออกมาได้อย่างที่เราต้องการ”

(2)
ก้อนกรวดขวากหนาม บันดาลความสำเร็จ
พรสวรรค์หรือจะสู้พรแสวง
“ก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมายครับ”
ไอ้หนูใจเพชรกล่าวเสริมท้ายประโยคเรื่องความสามารถที่ใครๆ ต่างยกย่องในเวลานี้ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเกิดขึ้นจากการฝึกซ้อมอย่างเข้มงวด ผสมกับประสบการณ์บนสังเวียนกว่า 40 สนาม
“นอกจากเรื่องหัวใจ อีกอย่างหนึ่งคือพละกำลังที่ฟิตซ้อมหมั่นเพียร รู้หน้าที่ มีโปรแกรมก็เข้าซ้อมๆ เต็มที่ ทุกอย่างที่ครูสอน ก็ทำตามและเต็มที่ตลอด ตั้งใจเวลาชก ด้วยความเป็นเด็กอาจจะมีไขว้เขว ซ้อมๆ มันก็มีเหนื่อย แต่ถ้าซ้อมดีขึ้นไป มันก็ไม่เจ็บ ซ้อมไม่ดีมันก็เจ็บตัว (หัวเราะ) มันมีพวกนี้ไล่หลังอยู่ ยิ่งทำให้ขยันซ้อม กล้ามเนื้อเราไม่ดี ไม่แข็งแรง ก็เจ็บมากครับ
“ผมก็ปฏิบัติตามนั้น” ยอดนักมวยเด็กปีศาจเผย ซึ่งก็ประสบความสำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดีสำหรับการปฏิบัติตามตารางรูปแบบนี้ส่งผลให้รายการอื่นๆ ที่ผ่านศึกสังเวียนมา ต่อยมาตั้งแต่เด็กช่วงอายุ 11 ขวบ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ทั้งในตัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่างจังหวัด บุรีรัมย์ สระบุรี สิงห์บุรี อุทัยธานี ชัยนาท อ่างทอง สุพรรณฯ หรืออำเภอปากช่อง กระทั่งเวทีมวยระดับประเทศอย่างเวทีมวยราชดำเนิน ก็ล้วนแต่เคยยัดเยียดความปราชัยให้กับฝ่ายตรงข้ามมานักต่อนัก

“ขึ้นอยู่กับใจ พละกำลัง การฟิตซ้อม ผมอยากเป็นแชมป์มวยระดับประเทศ ผมก็ต้องพยายาม แต่ถามว่าเก่งไหมยังไม่ได้เก่งขนาดสุดยอดอะไรมากมาย แต่ในวัยระดับนี้ขั้นนี้ก็ถือว่าส่วนตัวผมโอเคครับ ชนะบ้าง แพ้บ้าง ประปราย แต่ผมก็สู้
“เพื่อแชมป์ระดับประเทศเวทีมวยลุมพินี เวทีมวยราชดำเนิน ความคิดในตอนนี้ 14 ปี แต่เรากำหนดไม่ได้ เพราะว่าเราเข้าไปในวงการมวย มันก็ต้องมีคนรู้จัก การได้แชมป์ ได้ไปชิงแชมป์ไม่ได้ง่าย แต่ส่วนตัวก็ฟิตซ้อมเต็มที่อยู่แล้วเพื่อเป้าหมาย ความฝัน ทุกวัน ตอนนี้ก็มีฟิตซ้อมเพิ่มมากขึ้นระดับหนึ่ง”

(3)
ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ถ้าตั้งใจ
“ก็ขอขอบคุณที่ชื่นชอบ ก็ภูมิใจ ถ้าเป็นแรงบันดาลใจให้กับใคร ก็ขอให้ทำเต็มที่ แล้วผลสำเร็จก็จะกลับมาหาเราเอง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามครับ” พงษ์พัฒน์ ช.พลชำนิ กล่าวถึงกำลังใจที่มอบให้อย่างล้นหลามทั้งในสื่อโซเชียลและสังคมโลกปัจจุบัน
“เราทำได้ ถ้าทำเต็มที่ ถึงแม้ว่าเราจะต้องทำถึงสองอย่างหรือสามอย่างด้วยกัน อย่างผมเรียนไปด้วยต่อยมวยไปด้วย หากเราแบ่งเวลา ทำตามตารางหน้าที่ มันก็เป็นไปได้ ผมเรียนไม่ตก ชกเต็มที่ตลอด ที่โรงเรียนเทศบาลชุมชนป้อมเพชรมีกิจกรรมอะไรก็ทำ
“คือเราต้องแบ่งหน้าที่ของเราให้ถูก เมื่อแบ่งแล้ว ทำหน้าที่เราแล้วอย่างเต็มที่ ก็ให้ใจเราสู้ อายุเป็นเพียงตัวเลข ถ้าใจเราสู้ ไม่ว่าอะไร เราก็ทำได้ครับ ผมก็ขอฝากขอบพระคุณทุกแรงใจแรงเชียร์ในวันนั้นและวันนี้ที่ชื่นชมชอบและติดตามผมครับ ขอบพระคุณครับ”





เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : พงษ์พัฒน์ ช.พลชำนิ
จากมวยคู่รอง ปิดท้ายจบรายการ กลายเป็นมวยคู่เอก
จากความชอบกลายเป็นความรัก
และเหนือขึ้นไปกว่านั้นคือความภาคภูมิใจซึ่งได้แตกหน่อขยายเป็นแรงผลักดันด้านต่างๆ หลังจบไฟต์ทั้งในและนอกสนาม ของเด็กวัย 14 ที่อาจหาญจนผู้ใหญ่ยังล้มคว่ำ
แม้ว่าทั้งหมดทั้งมวลบนสังเวียนจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่เมื่อมองย้อนดูกี่ครั้งต่อกี่ครั้งทำให้ “ใจ” เราสู้ สู้แม้อ่อนด้อยกว่า จะสังเวียนผ้าใบหรือสังเวียนชีวิต ไฟต์นี้ก็เป็นตำราชั้นดีที่จะถอดองค์ประกอบ นำมาปรับคิด พิชิตอุปสรรคที่ขวางหน้าให้ล้มหงายได้ ด้วยตัวเรา...
(1)
“ใจ” กำหนด “กาย” กำหมัด
ต้นกำเนิดไอ้หนูใจเพชรเด็กปีศาจ
ยกแรก เป็นไปด้วยความดุเดือด เดินหน้าเข้าแลกอาวุธกันอย่างสุดมัน เดินออกอาวุธใส่กัน อย่างไม่มีใครยอมใคร สลับศอกถลุงเข่าฟาดแข้งไล่ต้อนกันไปมา จนในช่วงกลางยก นักมวยกัมพูชาพลาดโดนเตะก้านคอ ล้มลงไปนับ 8 แทบจำบ้านเลขที่ไม่ได้ จากนั้นฝ่ายเจ้าหนูใจเพชร “พงษ์พัฒน์ ช.พลชำนิ” ในมุมแดง รัวอาวุธราวปืนกล แบบไม่มียั้ง ตะบันใส่รุ่นพี่เขมรชนิดเมาหมัดปัดขาเป็นเลขแปด ก่อนเสียงระฆังจะช่วยเอาไว้
ขึ้นยก 2 เสียงระฆังดังขึ้นเท่านั้น ด้วยความไม่กลัวมวยรุ่นพี่ พงษ์พัฒน์ยืนแลกหมัดชนิดวัดกันที่หัวใจใครใหญ่กว่ากัน ก่อนจะผลักออกมาก้านคอเฉี่ยวปลายคาง แต่ก็ทำให้ “กี้ เด็ท” ถึงกับเซวูบไปจูบพื้น นับ 8 อีกครั้ง
ยกสุดท้าย ยกที่ 3 ฝ่ายแดงเดินเข้าหา พงษ์พัฒน์ปัดป้องรอจังหวะขึ้นก้านคอด้วยหมัด ศอก เตะไม่ยั้ง ออกลีลาลูกฉลาดให้กี้ เด็ท จั่วลม และยิ่งกี้ เด็ท รุกคืบ ยิ่งโดนสวนกลับ พงษ์พัฒน์จับจังหวะได้ดี บู๊ก็ได้บุ๋นก็ดี เรียกให้แฟนมวยตีตั๋วยืนไม่ยอมนั่งจนท้ายยกที่สามหมดเวลา
กรรมการชูแขนให้มุมแดง “พงษ์พัฒน์ ช.พลชำนิ” นักมวยไทย วัยเพียง 14 ปี ชนะคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์ ในศึก MX Muay XTreme ศึกนักสู้สายพันธุ์ใหม่ ณ GMM STUDIO พร้อมถ่ายทอดสดทางช่อง ONE 31 โดยมีการนำการชกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2560 รุ่น 50 กิโลกรัม กับ กี้ เด็ท นักชกกัมพูชา วัย 27 ปี เจ้าของสถิติการชกชนะ 25 ครั้ง แพ้ 10 ครั้ง เท่ากับ พงษ์พัฒน์ ช.พลชำนิ ที่มีสถิติการชก ชนะ 40 ครั้ง แพ้ 10 ครั้งเช่นเดียวกัน
พงษ์พัฒน์ ช.พลชำนิ หรือชื่อจริง เด็กชายพงษ์พัฒน์ นนท์แก้ว ภูมิลำเนาตามทะเบียนราษฎรอยู่ที่จังหวัดบึงกาฬ แต่เติบโตที่อยุธยาเมืองหลวงราชธานีเก่าของนักสู้ ชื่นชอบการชกมวยจากสายเลือดพ่อของพ่อ จนเกิดเป็นความรักด้วยวันวัยเพียง 11 ขวบ
“ไม่กลัวครับ เพราะตอนแรกไม่รู้ว่าพี่เขาอายุมากกว่าถึง 13 ปี แต่ถึงรู้ ผมก็ไม่กลัวอยู่ดี เพราะทุกครั้งที่ขึ้นชกผมทำเต็มที่ไว้ก่อน คนอื่นอาจจะมองว่าเสียเปรียบเรื่องกระดูก อายุ แต่จริงๆ คือนักมวยจะต่อย มันอยู่ที่จิตใจ ถอดใจก็เจ็บ ไม่ถอดใจก็ไม่เจ็บ ถ้าใจไม่สู้ก็แพ้ไปครึ่งหนึ่งแล้ว ถ้าถามว่าความรู้สึกตอนนั้นของผมเป็นอย่างไร
“ส่วนเรื่องของการรักชอบมวย ผมก็ชอบต่อยมวย 11 ขวบ ก็ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เพราะว่าคุณตาต่อยมวยอยู่แล้ว แม้ว่าตาไม่เคยสอน แต่เรารู้ว่าคุณตาเป็นนักมวย ก็อาจจะซึมซับมาอยู่ในสายเลือด แล้วอีกอย่าง คุณพ่อคุณแม่ก็สนับสนุน ท่านอยากให้เราเล่นกีฬา ท่านก็ฝากให้ผมฝึก ผมก็เลยได้มาทางนี้ ความฝันอย่างอื่นก็เลยไม่มี นอกจากการต่อยมวยและอยากเป็นแชมป์มวยไทยระดับประเทศ”
ไอ้หนูใจเพชรกล่าวถึงจุดเริ่มต้นเส้นทางบนสังเวียนผ้าใบที่ใช้ระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีก็สามารถกลายเป็นปรากฏการณ์ในสังคม ทั้งในและนอกสนามมวย
“ส่วนมาก 18-19 ต่อยกับ 20 กว่าๆ 30 แต่เด็กๆ อย่างนี้ 14 กับ 27 ยังไม่เคยมีเกิดขึ้น ซึ่งสาเหตุที่ได้ไปต่อยในไฟต์นั้น ก็มีทีมงานของครู กบ ศศิประภายิม เขาเป็นสปอนเซอร์อยู่ที่นั่น ทางโปรโมเตอร์จัดมวย MX เขาก็ได้ติดต่อกับทีมงานค่ายมวยป๋าหรั่งมาผ่านครูจี๊ด
“เขาก็คัดเลือกเขามาดูน้ำหนัก แต่เราไม่รู้ว่าจะได้ต่อยกับใคร เขาดูที่น้ำหนัก ก็ปรากฏว่าได้ต่อยกับพี่ กี้ เด็ท แต่ตอนแรกเราไม่รู้ว่าจะได้ต่อยกับใคร พอขึ้นเราถึงจะรู้ เราก็ต้องทำตามหน้าที่ พอดีได้มาต่อยแล้วออกมาสนุก ออกมามันส์ ดุเดือด”
ด้วยสไตล์หลากหลาย มีทุกรูปอาวุธทุกลูก เด่นๆ เอกลักษณ์ก็หมัดกับเท้า มันก็มีหมด อาวุธครบเครื่องทุกอย่าง ‘อั๋น พงษ์พัฒน์’ นามนำทางมวยจึงกลายร่างเป็น ‘ไอ้เด็กปีศาจ’ ‘ไอ้หนูใจเพชร’ พ่วงต่อท้ายโดยปริยาย ซึ่งก็ตรงกับบุคลิกลักษณะนิสัยส่วนตัวเสียด้วย
“ก็ขอบพระคุณครับผมที่ยกที่ตั้งให้ผมเป็นอย่างนั้น คือผมจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด จะลงมือทำมากกว่า ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด อย่างเรื่องการฝึก เช้าตื่นตี 4 - 5 วิ่งเสร็จก็ไปเรียน 7 โมงเช้า เลิกเรียน 4 โมง 04.30 ก็ถึงค่าย กลับมาก็มาวิ่งแล้วก็ซ้อมที่ค่ายราวๆ 5 โมงเย็นปกติ เลิก 2 ทุ่ม เวลาชกก็ชกเต็มที่ แพ้ชนะเรื่องหลัง ชกให้เต็มที่ก่อน เหมือนแบบพี่แสนชัย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม หรือที่รู้จักกันในชื่อ แสนชัย ส.คิงสตาร์ ก็เป็นสไตล์คล้ายๆ กันด้วย หมัดหนัก อาวุธก็หลากหลาย ครบเครื่อง เราก็อยากจะเป็นอย่างนั้น แชมป์ระดับประเทศไทย ลุมพินี ราชดำเนิน สภามวยไทยโลก หลายแชมป์
“เวลาอยู่บนเวทีก็เลยไม่กังวลอะไร ตื่นเต้นแค่แรกๆ นิดหน่อย พอได้ฟาดกัน ก็จดจ่อกับการชกหน้าที่ของเราให้เต็มที่ แล้วผลมันก็จะออกมาได้อย่างที่เราต้องการ”
(2)
ก้อนกรวดขวากหนาม บันดาลความสำเร็จ
พรสวรรค์หรือจะสู้พรแสวง
“ก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมายครับ”
ไอ้หนูใจเพชรกล่าวเสริมท้ายประโยคเรื่องความสามารถที่ใครๆ ต่างยกย่องในเวลานี้ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเกิดขึ้นจากการฝึกซ้อมอย่างเข้มงวด ผสมกับประสบการณ์บนสังเวียนกว่า 40 สนาม
“นอกจากเรื่องหัวใจ อีกอย่างหนึ่งคือพละกำลังที่ฟิตซ้อมหมั่นเพียร รู้หน้าที่ มีโปรแกรมก็เข้าซ้อมๆ เต็มที่ ทุกอย่างที่ครูสอน ก็ทำตามและเต็มที่ตลอด ตั้งใจเวลาชก ด้วยความเป็นเด็กอาจจะมีไขว้เขว ซ้อมๆ มันก็มีเหนื่อย แต่ถ้าซ้อมดีขึ้นไป มันก็ไม่เจ็บ ซ้อมไม่ดีมันก็เจ็บตัว (หัวเราะ) มันมีพวกนี้ไล่หลังอยู่ ยิ่งทำให้ขยันซ้อม กล้ามเนื้อเราไม่ดี ไม่แข็งแรง ก็เจ็บมากครับ
“ผมก็ปฏิบัติตามนั้น” ยอดนักมวยเด็กปีศาจเผย ซึ่งก็ประสบความสำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดีสำหรับการปฏิบัติตามตารางรูปแบบนี้ส่งผลให้รายการอื่นๆ ที่ผ่านศึกสังเวียนมา ต่อยมาตั้งแต่เด็กช่วงอายุ 11 ขวบ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ทั้งในตัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่างจังหวัด บุรีรัมย์ สระบุรี สิงห์บุรี อุทัยธานี ชัยนาท อ่างทอง สุพรรณฯ หรืออำเภอปากช่อง กระทั่งเวทีมวยระดับประเทศอย่างเวทีมวยราชดำเนิน ก็ล้วนแต่เคยยัดเยียดความปราชัยให้กับฝ่ายตรงข้ามมานักต่อนัก
“ขึ้นอยู่กับใจ พละกำลัง การฟิตซ้อม ผมอยากเป็นแชมป์มวยระดับประเทศ ผมก็ต้องพยายาม แต่ถามว่าเก่งไหมยังไม่ได้เก่งขนาดสุดยอดอะไรมากมาย แต่ในวัยระดับนี้ขั้นนี้ก็ถือว่าส่วนตัวผมโอเคครับ ชนะบ้าง แพ้บ้าง ประปราย แต่ผมก็สู้
“เพื่อแชมป์ระดับประเทศเวทีมวยลุมพินี เวทีมวยราชดำเนิน ความคิดในตอนนี้ 14 ปี แต่เรากำหนดไม่ได้ เพราะว่าเราเข้าไปในวงการมวย มันก็ต้องมีคนรู้จัก การได้แชมป์ ได้ไปชิงแชมป์ไม่ได้ง่าย แต่ส่วนตัวก็ฟิตซ้อมเต็มที่อยู่แล้วเพื่อเป้าหมาย ความฝัน ทุกวัน ตอนนี้ก็มีฟิตซ้อมเพิ่มมากขึ้นระดับหนึ่ง”
(3)
ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ถ้าตั้งใจ
“ก็ขอขอบคุณที่ชื่นชอบ ก็ภูมิใจ ถ้าเป็นแรงบันดาลใจให้กับใคร ก็ขอให้ทำเต็มที่ แล้วผลสำเร็จก็จะกลับมาหาเราเอง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามครับ” พงษ์พัฒน์ ช.พลชำนิ กล่าวถึงกำลังใจที่มอบให้อย่างล้นหลามทั้งในสื่อโซเชียลและสังคมโลกปัจจุบัน
“เราทำได้ ถ้าทำเต็มที่ ถึงแม้ว่าเราจะต้องทำถึงสองอย่างหรือสามอย่างด้วยกัน อย่างผมเรียนไปด้วยต่อยมวยไปด้วย หากเราแบ่งเวลา ทำตามตารางหน้าที่ มันก็เป็นไปได้ ผมเรียนไม่ตก ชกเต็มที่ตลอด ที่โรงเรียนเทศบาลชุมชนป้อมเพชรมีกิจกรรมอะไรก็ทำ
“คือเราต้องแบ่งหน้าที่ของเราให้ถูก เมื่อแบ่งแล้ว ทำหน้าที่เราแล้วอย่างเต็มที่ ก็ให้ใจเราสู้ อายุเป็นเพียงตัวเลข ถ้าใจเราสู้ ไม่ว่าอะไร เราก็ทำได้ครับ ผมก็ขอฝากขอบพระคุณทุกแรงใจแรงเชียร์ในวันนั้นและวันนี้ที่ชื่นชมชอบและติดตามผมครับ ขอบพระคุณครับ”
เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : พงษ์พัฒน์ ช.พลชำนิ