xs
xsm
sm
md
lg

น่ารักทุกนก!! 4 สาวนางฟ้านกแอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รวมตัวกันจากกระแสบริทนีย์ สเปียร์ส มาเปิดการแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ บริทนีย์ สเปียร์ส ไลฟ์ อิน แบงค็อก 2017 (Britney Spears Live in Bangkok 2017) ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 23-24 มิถุนายน ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี งานครั้งนั้นทำให้หนุ่มสาวน้อยใหญ่ถึงกับซ้อมเต้นรอกันเลยทีเดียว เช่นเดียวกับสาวๆ นกแอร์กลุ่มนี้ที่คัฟเวอร์เพลง Toxic จนทำให้มีผู้เข้าชมเป็นหลักล้าน

จากกระแสดังกล่าวทำให้หลายคนอยากรู้จักพวกเธอให้มากขึ้น และนี่คือการเปิดใจและทำความรู้จักตัวตนของแอร์โฮสเตสทั้ง 4 คนจากสายการบินนกแอร์ นำโดย นกยิ้ม-อาริญญา เต็งจารึกชัย, นกนกยูง-ปาวารตี สาครเสถียร, นกมิ้ว-ภัทราภรณ์ คงสวัสดิ์วรากุล และนกแพม-หทัยชนก สุขบัติ

TOXIC บริทนีย์ สเปียร์ส สู่ TOXIC เวอร์ชัน นกแอร์


จากกระแสการคัฟเวอร์เพลง Toxic ของศิลปินชื่อดังดังกล่าวทำเอายอดวิวพุ่งเป็นหลักล้านเลยทีเดียว

นกยิ้ม : ตอนแรกที่ทำคือเราชอบทำอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ยิ้มเป็นคนที่ชอบเจอคนเวลามีกิจกรรมอะไรก็จะไป อย่างตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเราก็เป็นเด็กกิจกรรมอยู่แล้ว

ส่วนตัวยิ้มกับนกยูงจะค่อนข้างสนิทกัน คนต้นคิดเต้นคัฟเวอร์ก็คือนกยูง นกยูงเขาจะชอบบริทนีย์ สเปียร์ส อยู่แล้วด้วย ส่วนน้องอีกสองคนเขาก็ชอบเต้นอยู่แล้ว เราก็เลยชวนน้องมาเต้นด้วยกัน

จริงๆ แล้วเราตั้งใจว่าจะทำกันเล่นๆ เราเลยหาเวลาว่างที่ตรงกัน ซึ่งเวลาซ้อมของพวกเราก็น้อยมากเลยนะคะ แต่พอเวลามาถ่ายจริงๆ อินเนอร์แต่ละคนก็มาเอง สนุกมากค่ะ

นกนกยูง : ส่วนใหญ่จะเป็นท่าง่ายๆ เราก็เลยเต้นพร้อมกันเร็วขึ้น เพราะอย่างท่าไหนที่ยากๆ เราก็จะตัดทิ้งไป แต่ว่าเราจะไปเน้นการเต้นบนเครื่องบินกันเป็นส่วนใหญ่ ส่วนมากเราจะเน้นอินเนอร์อย่างที่ยิ้มบอกไปกันมากกว่า

นกแพม : ที่แพมมาเต้นกับพี่ๆ ก็เพราะว่าเราเคยเรียนเต้นมาก่อนบ้างแล้ว ก่อนที่จะมาเป็นแอร์โฮสเตส งานอดิเรกของแพมก็จะชอบเต้นอยู่แล้วด้วย

นกมิ้ว : ปกติมิ้วจะเรียนเต้นอยู่แล้วเหมือนกันค่ะ ถ้าช่วงไหนที่เราว่างๆ ก็จะไปลงคอร์สเรียนเต้น อย่างมีครั้งหนึ่งมิ้วก็เคยเต้นเป็นแดนเซอร์ให้กับพี่ชิน ชินวุฒิ เพลงคืนนี้อยากได้กี่ครั้ง มาก่อนค่ะ



กว่าจะมาเป็นนางฟ้าสายการบินนกแอร์

ไม่ได้มีดีแค่เรื่องเต้น เพราะถ้าหากพูดถึงเส้นทางการเป็นแอร์โฮสเตสของแต่ละคนแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะมาทำหน้าที่บริการบนเครื่องบินได้พวกเธอต้องฝ่าฟันอะไรหลายๆ อย่าง

นกยิ้ม และ นกนกยูง : เราสองคนมาจากรายการ The Angle นางฟ้าติดปีก มันเป็นรายการที่ค้นหาคนที่อยากเป็นแอร์โฮสเตสผ่านการคัดเลือกของพี่โอปอล์ ปาณิสรา ครูเงาะ รสสุคนธ์ กองเกตุ พี่เกรท วรินทร นักแสดงช่อง 3 พี่ป๊อบ ปิ่นยศ พิบูลสงคราม มาร์เกตติ้งของนกแอร์ ซึ่งยิ้มกับนกยูงก็ผ่านการคัดเลือกนั้นมาได้ ตอนนี้เราทำงานมา 2 ปีกว่าแล้วค่ะ

ถามว่ามันยากง่ายต่างกับแอร์ฯ ปกติไหม ยิ้มว่ามันคงจะยากกันคนละแบบ เพราะว่าของเราจะต้องผ่านการประกวดและก็ด่านต่างๆ เข้ามา เราต้องฝ่าด่านหลายด่าน ผ่านขั้นตอนของนกแอร์เหมือนกันกว่าจะผ่านมาได้ โดยการคัดเลือกทั่วไปก็จะมีการสัมภาษณ์เหมือนกันค่ะ

นกนกยูง : ก่อนจะมาเป็นแอร์โฮสเตสนกยูงเคยคิดว่าเราก็แค่เดินสิร์ฟอาหารสวยๆ บนเครื่องบินก็แค่นั้น แต่พอมาเป็นจริงๆ มันไม่ใช่เลยค่ะ เพราะว่าหน้าที่ของแอร์ฯ จริงๆ แล้วคือเราต้องทำได้หมดทุกอย่าง เจอสถานการณ์อะไรเราต้องรับมือให้ได้ เราต้องดับไฟได้ เราต้องปฐมพยาบาลได้ เกิดเหตุฉุกเฉินเราต้องคุมผู้โดยสารยังไงบ้าง ต้องใช้ทักษะหลายๆ อย่าง

อย่างเช่น ก่อนจะมาทำงานเราต้องไปเรียนรู้การปฐมพยาบาลต่างๆ ด้วย 3 เดือนค่ะ มันก็จะแบ่งเป็นพาร์ตๆ ไป หรือเราต้องรู้ทุกอย่างสำหรับอุปกรณ์ในเครื่องบิน อุปกรณ์ฉุกเฉิน ระบบออกซิเจน ใช้อุปกรณ์ยังไง ใช้ตอนไหน ดิวกับกัปตันยังไง เครื่องตกลงในน้ำเราจะมีวิธีรวมกลุ่มผู้โดยสารยังไง วิธีเปิดประตูต่างๆ ทำยังไง เพราะเครื่องแต่ละเครื่องจะไม่เหมือนกันเราต้องรู้หมดค่ะ ส่วนต่อมาจะเป็นเรื่องของการบริการต่างๆ เราก็ต้องเรียนรู้เพื่อที่จะทำออกมาให้ดีที่สุด

นกยิ้ม : จะบอกว่าเราเรียนมาหนักแค่ไหน หนังสือเล่มหนาแค่ไหน เราต้องรู้และเข้าใจในทุกๆ หน้า ต้องท่องกฎอย่างเคร่งครัด กว่าจะผ่านมาได้ เราต้องไปเรียนกับพยาบาล กับคุณหมอโดยตรงเลยว่าจะต้องทำอะไรยังไงบ้างอย่างที่นกยูงบอกเลยค่ะ เรียนหมดเลยค่ะทั้งปั๊มหัวใจ แขนหัก ขาหักเราต้องทำเป็น เราต้องสามารถวินิจฉัยเบื้องต้นได้ว่าถ้าเราเจอเหตุการณ์แบบนี้ผู้โดยสารเขาเป็นโรคอะไร เพราะบางทีเรามีแค่เสี้ยววินาที และอุปกรณ์บนเครื่องเราก็มีจำกัด เราก็เลยต้องไปเรียนรู้ที่เวชศาสตร์การบิน หลักๆ ก็จะเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักค่ะ

นกมิ้ว และ นกแพม : มิ้วเรียนจบนิเทศศาสตร์มาค่ะ แล้วก็ทำงานเป็นแอร์โฮสเตสมาเกือบ 2 ปีแล้ว จะตามพี่ๆ เขามาเป็นรุ่นน้องอีกทีหนึ่ง ส่วนแพมก็ทำงานมาได้ปีกว่าๆ แล้ว แพมจะเป็นน้องเล็กสุดค่ะ

แพมกับมิ้วเรามาจากการคัดเลือกปกติ อย่างของรายการ The Angle จะมีการแสดงต่างๆ อย่างของการสมัครปกติก็จะมีการคัดเลือกทั่วไป ต้องผ่านการสัมภาษณ์รอบแรกต้องสัมภาษณ์พร้อมกัน 20 คนแล้วก็ค่อยๆ คัดเลือกออกไป ขั้นตอนก็ต้องผ่านความยากง่ายมาเยอะเหมือนกันค่ะ
นกยิ้ม-อาริญญา เต็งจารึกชัย และนกนกยูง-ปาวารตี สาครเสถียร
ประสบการณ์บนเครื่องบินมีทั้งสนุกและระทึก

พอได้มาเป็นแอร์โฮสเตสสมใจแล้วจริงๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายอีก เพราะการทำงานของพวกเธอนั้นต้องพบเจอกับผู้โดยสารหลากหลายที่ต่างคนก็ต่างที่มากันไป ซึ่งเมื่อเราถามถึงประสบการณ์การทำงานบนเครื่องของแต่ละคน พวกเธอก็ต่างพากันเล่าถึงเหตุการณ์น่าประทับใจที่เคยพบเจอมาให้เราได้ฟังเป็นฉากๆ

นกยิ้ม : ส่วนใหญ่ยิ้มจะบินในประเทศทุกที่ที่มีสนามบินค่ะ แต่ว่าต่างประเทศก็มีเหมือนกัน ต่างประเทศก็จะเป็นประเทศจีน เวียดนาม พม่า ในแถบๆ เอเชีย ระยะทางในการทำงานมันต่างกันถ้าเป็นในประเทศก็จะทำงานประมาณ 1 ชั่วโมง หรือว่า 1 ชั่วโมง 20 นาที แต่ถ้าเป็นต่างประเทศระยะทางมันก็จะนานกว่า แล้วจะมีการบริการที่มากขึ้นรวมถึงการเสิร์ฟอาหารด้วย

สำหรับการทำงานตรงนี้คือเราจะต้องเจอผู้คนหลายรูปแบบ แต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน ส่วนตัวยิ้มจะประทับใจตรงที่ได้ดูแลผู้โดยสาร ก็มีผู้โดยสารมาขอบคุณเรานะคะเวลาที่เขาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ส่วนตัวยิ้มไม่เคยคิดเลยว่าเราจะได้มาทำหน้าที่ตรงนี้ ได้ทำให้ผู้โดยสารทุกคนอุ่นใจที่ได้ร่วมเดินทางกับสายการบินของเรา มันเป็นอะไรที่น่าประทับใจมากๆ เลยค่ะ

อย่างมีเหตุการณ์หนึ่ง ปกติเราก็จะเจอคุณแม่กับลูกเดินทางกันสองคนบ่อยๆ ซึ่งถ้าน้องอายุเกิน 2 ขวบแล้ว ก็จะต้องนั่งที่นั่งของตัวเอง แต่วันนั้นคุณแม่ไม่รู้ เขาก็เลยเอาลูกกอดไว้บนตัก ซึ่งแบบนี้อันตรายนะคะ เราก็เลยต้องมีวิธีทำให้น้องยอมนั่งในที่ของตัวเองให้ได้ ตรงนี้มันไม่ใช่วิธีที่ง่ายเลยสำหรับการหลอกล่อเด็กให้เขายอมมานั่งห่างจากคุณแม่ เราจะต้องมีวิธีพูดที่ทำให้เขาเข้าใจ ให้เขาทำตามเราบอก ตรงนี้เป็นความประทับใจของยิ้มมากๆ เลยนะคะ เราจะรู้สึกดีใจมากทุกครั้งที่เราสามารถทำประสบความสำเร็จค่ะ

อีกเหตุการณ์ที่ยิ้มประทับใจที่สุดซึ่งจะเป็นแบบนี้เกือบทุกครั้งเลยที่ยิ้มเจอก็คือ สายการบินนกแอร์เราจะรับผู้โดยสารที่มีรถเข็นทุกประเภทโดยไม่มีค่าใช้จ่าย หลายครั้งที่เรารับผู้โดยสารประเภทนี้มาเราจะรู้สึกประทับใจ เราจะรู้เลยว่าผู้โดยสารเขาจะกลัวมากๆ ซึ่งเราก็จะดูแลเขาเป็นอย่างดี ดูแลเป็นพิเศษ เราจะไปดูแลเขาถึงที่ ที่ยิ้มรู้ว่าเขากลัวเพราะเขาจะจับมือเราตลอด พอเราพูดอะไรกับเขาเสร็จเขาก็จะขอบคุณเราทุกครั้ง นี่ก็เป็นสิ่งดีๆ ที่ทำให้ยิ้มประทับใจเช่นกันค่ะ

นกนกยูง : ของนกยูงจำได้ว่าวันนั้นเป็นไฟลต์ภาคอีสาน แล้วนกยูงได้เจอคุณยายคนหนึ่งอายุประมาณ 80 กว่าปีนั่งวีลแชร์ ปิดตาเพราะว่าผ่าตัดตามา ซึ่งเราก็จะพาผู้โดยสารมานั่งประจำที่ แล้วก็ดูแล คุณยายก็จะดูตื่นๆ กลัวๆ หน่อยเพราะมองอะไรไม่เห็นเลย แต่คุณยายจะมีลูกมารับที่สนามบินปลายทาง นกยูงก็อยากให้คุณยายรู้สึกว่าการเดินทางไปกับเราเหมือนเขามาอยู่บ้าน ก็เลยพูดคุยกับคุณยายไปเป็นภาษาอีสาน ถามไถ่เขาไป บอกกับคุณยายว่าถ้ามีอะไรก็สามารถเรียกได้เลยนะคะ สุดท้ายเราก็นำคุณยายส่งถึงมือลูกเขาที่มารอรับที่สนามบินได้อย่างปลอดภัย

หรืออีกเหตุการณ์หนึ่ง อันนี้ค่อนข้างจะระทึกนิดหน่อยก็คือนกยูงเคยเจอคุณลุงคนหนึ่งขึ้นเครื่องแล้วเขาทำท่าเหมือนจะขอผ้าห่มตอนที่เครื่องกำลังจะ Take Off (เครื่องกำลังจะบินขึ้น) เราเห็นท่าทางไม่ดี เราก็เลยเดินไปดู ปรากฏว่าภาพตรงหน้าคือเห็นคุณลุงหน้าเริ่มเขียว จับหน้าอกอยู่ แล้วบอกกับเราว่าเขาหายใจไม่ออก เราก็เลยสอบถามว่ามีโรคประจำตัวอะไรบ้าง ก็เลยได้ทราบว่าคุณลุงเป็นโรคหัวใจแล้วโชคดีที่สเตชันของเราอยู่ใกล้กับออกซิเจนมากที่สุด ก็เลยประสานงานกับหน่วยงานที่ใกล้แล้วก็รีบส่งคุณลุงถึงมือหมอ คุณหมอก็บอกมาว่าคุณลุงเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะถ้าส่งช้ากว่านี้ก็จะได้รับอันตราย หลังจากนั้นลูกสาวคุณลุงเขาไปตามหาเฟซบุ๊กลูกเรือทุกคนในวันนั้น แล้วก็อินบ็อกซ์มาขอบคุณที่ทำให้พ่อเขารอดชีวิต ซึ่งเราก็รู้สึกดีที่ได้ช่วยชีวิตคน

นกมิ้ว : เหตุการณ์ที่น่าประทับใจของมิ้วก็คือมิ้วเคยได้ช่วยเหลือผู้โดยสารที่เป็นคุณตาคุณยายนั่งเครื่องกลับบ้านจากที่เขาไปหาหมอและเยี่ยมลูกหลานมา จำได้ว่าเขาขึ้นมาบนเครื่องกันสองคน เราก็ช่วยหาที่นั่ง สอนรัดเข็มขัด บอกว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง พอถึงจุดหมายปลายทางเขาก็ขอบคุณเราที่พาเขามาส่ง แล้วเขาก็จับแก้ม มีความรู้สึกเอ็นดูเราเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง ซึ่งเราทำหน้าที่ตรงนี้ก็เหมือนเราได้ดูแลปู่ย่า ก็มีความสุขดีค่ะ

นกแพม : เรื่องที่แพมเจอตอนแรกเราคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจนะคะ เพราะมีผู้โดยสารเขาสูญเสียลูกสาวเขาไป แล้วก็ต้องนั่งเครื่องไปรับศพลูกสาวเพียงคนเดียวเหมือนตอนนั้นเขาสติหลุดไปแล้ว เขานั่งร้องไห้ตลอดการเดินทาง เราก็เลยเข้าไปคุยให้กำลังใจเพื่อที่จะไม่ให้เขารู้สึกโดดเดี่ยว ปกติแพมจะเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบคุยเท่าไหร่แต่พอมีเคสนี้มาทำให้เราทลายกำแพงของตัวเองได้ ซึ่งมันเป็นความประทับใจอย่างหนึ่งที่เราทำให้เขารู้สึกอุ่นใจว่าการเดินทางครั้งนี้เขาไม่ได้โดดเดี่ยวคนเดียวเพราะยังมีเรา มีลูกเรือที่คอยเป็นห่วงเขาอยู่นะ
นกมิ้ว-ภัทราภรณ์ คงสวัสดิ์วรากุล และนกแพม-หทัยชนก สุขบัติ
เครียดแค่ไหน แค่ทิ้งมันไป

นอกจากจะได้เจอกับเหตุการณ์น่าประทับใจแล้ว ในทางกลับกันหน้าที่ของแอร์โฮสเตสก็ต้องรองรับอารมณ์ต่างๆ ของผู้โดยสารในแต่ละวันด้วย แต่ถึงแม้ว่างานบริการจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน การเก็บเรื่องเครียดๆ หลังเลิกงานมาคิดวนไปวนมาก็ไม่ใช่คำตอบที่ดี ดังนั้นการทิ้งความเครียดไปหลังจบแต่ละไฟลต์คือทางเลือกที่พวกเธอพึงกระทำมากที่สุด

นกมิ้ว : เคยเจอครั้งหนึ่งค่ะ มีผู้โดยสารเขาขอดูเสื้อแล้วก็ถามราคาเท่าไหร่เราก็บอกราคาเขาไป แล้วเขาก็บอกว่าแล้วเบอร์แอร์โฮสเตสล่ะมีไหม เราก็ตอบกลับไปว่าถ้าอยากรู้ก็ขึ้นนกแอร์อีกนะคะ ก็ตอบให้ขำๆ ไปค่ะ เขาก็ไม่ยุ่งอะไรอีก

นกแพม : ของแพมถือว่าโชคดีมากที่ไม่ค่อยได้เจอเคสอะไรที่หนักๆ จะเจอแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ น่ารักๆ อย่างเหตุการณ์หนึ่งที่ผู้โดยสารที่ไม่ค่อยทราบประมาณว่าพาลูกพาหลานขึ้นมาแล้วก็จะเข้าห้องน้ำตอนที่เครื่องจะลงแล้วประมาณนี้ค่ะ เราก็ต้องคอยบอกเขา

หรืออย่างตอนที่บินไปประเทศจีน ซึ่งผู้โดยสารน่าจะนั่งเครื่องครั้งแรก ตอนนั้นเขาตกใจว่าเครื่องมันส่ายแล้วเขาก็ขอออกซิเจนด่วน เราก็เลยเข้าไปปลอบให้เขาใจเย็นๆ แล้วก็จับมือเขา สักพักเขาก็ดีขึ้นเหมือนเดิม

นกยิ้ม : เรื่องผู้โดยสารเหวี่ยงก็มีโดนบ้าง ยิ้มคิดว่าเขาคงไม่เข้าใจในสิ่งที่เราบอก เขาเหวี่ยงจากสิ่งที่เขาไม่เข้าใจว่าทำเพื่ออะไร คือตรงนี้อยากให้ผู้โดยสารตั้งใจฟังในสิ่งที่บอกเพราะว่าลูกเรือทุกคนได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี เข้าใจว่าบางทีผู้โดยสารไม่เข้าใจแต่สามารถถามลูกเรือได้ตลอดเลยค่ะว่าทำไมต้องทำแบบนี้ เพราะทางลูกเรือจะมีคำตอบให้ได้หมดทุกอย่าง

นกนกยูง : วันไหนถ้าเจออะไรเครียดๆ งานจบก็ปล่อยทิ้งไปเลยค่ะ ไม่เก็บเอามาคิด

นกยิ้ม : ใช่ค่ะ หลังเลิกงานก็จบไม่เก็บมาคิด เพราะเราเจอมาทุกวัน ให้จบไปบนเครื่องเลยค่ะ ออกจากเครื่องไปก็จบ ให้จบตรงนั้นไม่อย่างนั้นเราจะเครียด เพราะเรายอมรับว่างานบริการต้องเจออะไรหลายๆ อย่างอยู่แล้ว เพราะมันเป็นการบริการที่ไม่ใช่แค่การบริการ แต่มันเป็นการบริการบวกกับความปลอดภัย ดังนั้นเราเลยจะไม่ได้ตามใจผู้โดยสารไปทั้งหมด เราก็เลยต้องรองรับอะไรค่อนข้างเยอะอยู่เหมือนกันค่ะ

เราอยากให้ผู้โดยสารได้รับการบริการที่สบายที่สุด แต่ความปลอดภัยต้องมาก่อน ประนีประนอมไม่ได้จริงๆ ค่ะ แต่ถ้าผู้โดยสารไม่ฟังจริงๆ เราก็ต้องมีวิธีอธิบายให้เขาฟัง ซึ่งจะเริ่มจากวิธีการพูดแบบดีๆ แต่ถ้าไม่ฟังก็จะซีเรียสมากขึ้น เราจะมีเลเวลในการพูดกับผู้โดยสารเพื่อให้เขาปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดค่ะ
นกยิ้ม-อาริญญา เต็งจารึกชัย และนกนกยูง-ปาวารตี สาครเสถียร
ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตไม่ได้สวยหรูดูแพงอย่างที่หลายคนคิด

แม้ว่าหลายคนจะติดภาพลักษณ์ไปว่าเป็นแอร์ฯ ต้องสวย เริ่ด เชิด หยิ่ง แต่เมื่อเอ่ยปากถามถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ก็ได้รับคำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ธรรมดาทั่วไป” “ติดดินค่ะ” “ไม่ได้สวยหรู ดูแพงอย่างที่หลายคนคิด”

นกนกยูง : จริงๆ แล้วเราติดดินสุดๆ ค่ะ ธรรมดาๆ ทั่วไปเลยค่ะ

นกแพม : บางคนจะมองว่าเราต้องใช้ของแบรนด์เนม ต้องกินอาหารหรูๆ มันก็เหมือนเป็นกำไรให้เราบางทีเราก็เข้าบ้าง แต่ส่วนใหญ่จริงๆ เราก็เข้าร้านทั่วไปอาหารข้างทางที่เขาขายกันเราก็กินบ่อยมาก กินแทบทุกวันเลย

นกยิ้ม : จริงๆ แล้วเราอยู่บนเครื่อง เราดูสวย แต่ถ้าเป็นวันหยุดเราก็จะไม่แต่งหน้า หน้าสด รัดผมธรรมดา นั่ง นอน อยู่บ้าน ดูทีวีแบบสบายๆ เลยค่ะ เพราะว่าเราทำงานหนักแล้วก็เหนื่อยมาเยอะแล้ว เราก็ขอมีช่วงเวลาพักผ่อนตามสไตล์ของเราบ้าง

แม้ว่าวันหยุดจะปล่อยตัวสบายแค่ไหน แต่ทว่าอยู่ในยูนิฟอร์มยังไงก็ต้องเป๊ะ เลยทำให้การเป็นแอร์โฮสเตสต้องดูแลตัวเองให้ดูสวยอยู่เสมอ

นกยิ้ม : ด้วยความที่เราเป็นสายการบินที่บินเยอะ เพราะฉะนั้นลูกเรือแต่ละคนจะต้องบินหนัก วันว่างๆ เวลาที่ไม่ได้บิน เราก็จะนอนพักผ่อน คือเราทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันก็จริงแต่เวลาที่เราขึ้นไปบินความกดอากาศบนเครื่องมันก็จะทำให้เราเพลีย เราก็เลยต้องพักผ่อนให้เยอะๆ วันหยุดเลยจะเน้นนอนอย่างเดียว หรือบางทีก็มีชวนกันไปออกกำลังกายบ้าง ไปนวดหน้าก็มีบ้างค่ะ

อีกอย่างส่วนตัวยิ้มจะเป็นคนที่ดื่มน้ำเยอะ แล้วก็ชอบออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ ถ้าเรามาทำงานในจุดนี้จริงๆ เราก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี ซึ่งทุกคนก็เป็นเช่นเดียวกันค่ะ
นกมิ้ว-ภัทราภรณ์ คงสวัสดิ์วรากุล และนกแพม-หทัยชนก สุขบัติ
จบคณะอะไรมาก็เป็นแอร์ฯ ได้ ถ้าคุณสมบัติผ่านเกณฑ์

ท้ายนี้ถามถึงเคล็ดลับและเทคนิคต่างๆ สำหรับน้องๆ เยาวชนที่อยากทำอาชีพนี้บ้าง ก็ได้รับคำตอบเกี่ยวกับคุณสมบัติของอาชีพแอร์โฮลเตสในเบื้องต้นมาว่า เรียนจบคณะไหนมาก็ได้, อายุไม่เกิน 25 ปี, ส่วนสูง 160 เซนติเมตรขึ้นไป, บุคลิกภาพดี, คะแนนสอบวัดผลภาษาอังกฤษ (TOEIC) 650 คะแนนขึ้นไป และสามารถทำงานเป็นทีมได้คือมาตรฐานการเป็นแอร์ฯ

นกยิ้ม : จริงๆ เป็นแอร์โฮสเตสจะเรียนจบอะไรก็ได้ค่ะ แต่ต้องถามตัวเองว่าเราชอบอาชีพนี้จริงๆ ไหม ชอบงานบริการหรือเปล่าเพราะหลักๆ แล้วงานของเราจะเจอคนเยอะแล้วก็มีความกดดันด้วยเรื่องของเวลา ด้วยเรื่องของสถานการณ์ ผู้โดยสารแต่ละคนไม่เหมือนกันเราสามารถรับได้ไหม บางคนไม่ชอบเจอคน ไม่ชอบอธิบายหรือไม่ชอบคุยกับใครก็ไม่สามารถทำงานแบบนี้ได้

แต่หลักๆ จะเป็นเรื่องพื้นฐานของภาษาอังกฤษ ต้องมีคะแนนสอบวัดผลภาษาอังกฤษ (TOEIC) 650 คะแนนขึ้นไป ถ้าได้ภาษาอื่นๆ ด้วยก็จะดีมากค่ะ

ส่วนสูงก็สำคัญผู้หญิงต้องสูง 160 เซนติเมตรขึ้นไป อายุไม่เกิน 25 ปี บุคลิกภาพต่างๆ แล้วก็เรื่องความคิดสำคัญมาก เพราะเราต้องทำงานเป็นทีมไม่ว่าเราจะเจอทีมไหนเราก็ต้องสามารถละลายพฤติกรรมและนิสัยส่วนตัวของเราเพื่อให้เข้ากับคนในทีมนั้นๆ ให้ได้

นกแพม : แพมก็เคยไปเข้าคอร์สที่สถาบันสอนแอร์โฮสเตสที่นึง หลักๆ เขาก็จะสอนวิธีการวางตัว วิธีการพูด วิธีการตอบคำถามให้กรรมการสนใจเรา สถาบันเหล่านี้ก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน เหมือนเป็นทางลัด ประมาณเราไปเรียนพิเศษ ไปติวหนังสือก่อนสอบ ซึ่งเราก็จะได้รับความมั่นใจกลับมา

นกนกยูง : ถ้าน้องๆ อยากจะเป็นแอร์โฮสเตส นกยูงอยากให้น้องๆ ศึกษาวิธีว่าจะต้องทำยังไงบ้างตามที่พี่ๆ ได้บอกไป หรือไม่ก็อินบ็อกซ์เข้ามาถามกันก็ได้ค่ะที่อินสตาแกรม pawaratee นกยูงยินดีตอบคำถามค่ะ ส่วนใครอยากได้แรงบันดาลใจก็เข้าไปที่ Nok Air Crew ได้เลยค่ะ
นกแพม-หทัยชนก สุขบัติ
นกมิ้ว-ภัทราภรณ์ คงสวัสดิ์วรากุล
นกยิ้ม-อาริญญา เต็งจารึกชัย
 นกนกยูง-ปาวารตี สาครเสถียร

เรื่อง : วรัญญา งามขำ และจิราภรณ์ คงทรัพย์

ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์ และอินสตาแกรม @nokaircrew , @pawaratee ,@yimarrinya, @millmilkkk, @pamdaaa

กำลังโหลดความคิดเห็น