จากกระแสที่มีสาววัยรุ่นหน้าตาน่ารักสวมชุดรปภ.บริษัทแห่งหนึ่ง ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านรังสิต ทำเอาคนสนใจและชื่นชมในความขยัน และเรื่องราวของเธอก็ถูกพูดถึงในสื่อโซเชียลอย่างกว้างขวาง
จูน-วัลย์ลดา กันตพลจรัณธร นักศึกษาชั้นปีที่ 3 จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
เริ่มต้นทำงานพาร์ตไทม์ครั้งแรกตอนเรียนชั้นมัธยมปลายด้วยการเป็นเด็กเสิร์ฟร้านพิซซ่าเพราะอยากแบ่งเบาภาระพ่อแม่ และเก็บเงินไว้ซื้อของที่อยากได้ด้วยตัวเอง ทำให้เธอไม่เกี่ยงงาน งานไหนสุจริตเธอทำได้หมด และหนึ่งในนั้นคืออาชีพรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ที่ถึงแม้ว่าจะทำแค่ในช่วงปิดเทอมในระยะเวลาสั้นๆ แต่ทำให้เธอได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เพียบ!

• หลายคนรู้จักน้องจูนจากกระแสข่าวที่ทำงานพาร์ตไทม์เป็นรปภ.ห้างฯ ดังย่านรังสิต
จูนมาสมัครงานเป็น รปภ. ช่วงปิดเทอม เพราะอยากหางานทำเพื่อไม่ปล่อยเวลาให้มันว่างไปเฉยๆ ก็เลยลองไปสมัครงานใกล้บ้าน แถวๆ รังสิตดู ก็ไปสมัครที่ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต พอเข้าไปก็เห็นพี่ รปภ. ยืนอยู่ เราก็เลยมีความคิดว่าลองอาชีพนี้ดีไหม พอคิดแบบนั้นแล้วก็เลยเข้าไปถามพี่เขาว่า “พี่ได้เงินวันละเท่าไหร่” “ทำงานบริษัทอะไร” แล้วพี่เขาก็ตอบมาว่า “ได้วันละ 465 บาท บริษัทสเตทการ์ดครับ” ซึ่งทำให้สนใจมากยิ่งขึ้น ก็เลยเดินเข้าไปที่บริษัทเขาเลยค่ะว่ามีตำแหน่งว่างไหม รับสมัครพนักงานพาร์ตไทมไหม เขาก็บอกว่าเขาสนับสนุนนักศึกษาที่อยากทำงานช่วงปิดเทอม เพราะว่าก่อนหน้านี้ก็มีเด็กพาร์ตไทม์มาสมัครทำงานเหมือนกัน หนูก็เขียนใบสมัครยื่นเอกสารตามปกติ และก็มีการสอบสัมภาษณ์กันตามปกติ วันรุ่งขึ้นจะมีการอบรมแล้วเขาก็รับเลย หนูก็เลยได้ทำงานนี้ค่ะ
• ทำไมถึงเลือกงานนี้ แล้วพอได้ไปทำงานแล้วเป็นยังไงบ้าง
หนูคิดว่าอาชีพ รปภ. เป็นอาชีพที่เด็กส่วนใหญ่จะไม่ค่อยคิดถึงเวลาทำงานพาร์ตไทม์ ส่วนใหญ่ก็จะเป็น MC บ้าง พนักงานขายบ้าง หนูรู้สึกว่าอยากที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่คนไม่ค่อยเรียนรู้กัน เพื่อที่หนูโตขึ้นไป หนูจะได้เข้าใจความรู้สึกของเขาว่าเขาจะต้องใช้อะไรบ้างในการทำอาชีพนี้
อีกอย่างหนูมองว่ารปภ.เป็นอาชีพที่มีเกียรตินะคะ บางคนอาจจะลืมอาชีพนี้ไป แต่จริงๆ แล้วเป็นอาชีพที่ขาดไม่ได้เลยเพราะไม่ว่าจะที่ไหนก็ต้องมี รปภ. เพื่อดูแลความปลอดภัย จากที่หนูได้ทำงานตรงนี้ หนูอยากให้ทุกคนได้เปลี่ยนมุมมอง ไม่อยากให้ดูถูกอาชีพนี้ การทำอาชีพนี้ไม่ใช่สิ่งที่น่าอาย ทุกอาชีพมีเกียรติและก็มีศักดิ์ศรีเท่ากัน ซึ่งงานนี้เป็นงานที่สุจริต เราไม่ได้ไปขโมยของใคร ไม่ได้ไปทำอะไรที่ไม่ดี เป็นงานที่ต้องใช้แรง ใช้ความอดทน ได้ดูแลคนที่เข้ามาในศูนย์การค้า ได้บริการ เป็นงานบริการเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่แตกต่างกันเลย

• การเริ่มต้นทำงานวันแรกเป็นยังไง แล้วในหนึ่งวันในการทำงานเรามีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง
การทำงานเริ่มตั้งแต่ 09.00 น. ค่ะ ก็จะมีการเข้าแถวเช็กจุด เช็กพนักงานว่ามาครบไหม จะมีการจ่ายจุดออกไปว่าคนไหนอยู่ตรงไหน แล้วก็จะขึ้นไปตรวจก่อนห้างฯ เปิดว่ามีอะไรผิดปกติตรงไหนหรือเปล่า วันหนึ่งหนูก็จะยืน 12 ชั่วโมง แต่ถ้าตัดพักเบรกไปก็จะยืนประมาณ 10 - 11 ชั่วโมงค่ะ เวลาเบรกจะแบ่งเป็น 2 ครั้ง ครั้งละครึ่งชั่วโมง แต่ถ้ามีพี่ร่วมงานหรือมีคนมาเปลี่ยนเราก็สามารถไปเบรกได้เลย ต้องไม่ทิ้งจุด เพราะว่าเผื่อลูกค้าขาดตกพกพร่องตรงไหนเราจะได้ให้บริการแล้วก็ช่วยเหลือทัน
ส่วนใหญ่บริษัทเขาก็จะให้หนูประจำจุดพื้นที่คอยเฝ้าระวัง ให้บริการลูกค้าเวลามีปัญหา หรือเวลาลืมของเราก็จะนำของไปส่งที่จุดบริการ เพื่อประชาสัมพันธ์และก็บอกเกี่ยวกับสถานที่ในห้างฯ ว่าร้านอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง
วันแรกที่ไปทำก็อาจจะยังไม่ชินเท่าไหร่ ก็จะมีขาล้าบ้าง ปวดเท้าบ้าง ปวดขาบ้าง อยู่ไปนานๆ เราก็จะเริ่มชิน เหมือนได้ออกกำลังกายไปในตัว มันก็รู้สึกสนุกแทนเหนื่อย ตอนนี้ก็ทำมาได้ประมาณเดือนกว่าๆ แล้วค่ะ
• รปภ. หญิง ทำหน้าที่แตกต่างจากรปภ.ผู้ชายไหมคะ แล้วตั้งแต่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยมา เคยเจอเหตุการณ์น่าตื่นเต้นบ้างหรือเปล่า
ห้างฯ ที่จูนทำมี รปภ.หญิงเยอะเหมือนกันนะคะ ประมาณ 20-30 คนได้ ส่วนหน้าที่ก็ไม่แตกต่างกันนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นการดูแลความปลอดภัยเวลาเกิดเหตุอะไรเราก็ต้องแจ้งเหตุผ่านทางวิทยุเพื่อให้กลุ่มใหญ่ๆ เขาได้รับรู้จะได้ช่วยเหลือกัน
ก็เคยมีเหตุการณ์แปลกๆ บ้างเหมือนกัน อย่างตอนนั้นเป็นช่วงวันเสาร์ คนที่มาห้างฯ ก็จะค่อนข้างเยอะ เราก็ต้องคอยจับตาดูเพื่อที่ไม่ให้ลูกค้าเดือดร้อน เพราะอาจจะมีมิจฉาชีพแฝงเข้ามา ก็เจอคนมีพิรุธบ้างแต่เขายังไม่ได้ขโมยของอะไร แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์จริงๆ เราก็จะต้องวิทยุแจ้งหัวหน้าแล้วก็จะมีการรวมพลกันเพื่อปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้มิจฉาชีพออกไปได้ เราสายตาต้องไว สติต้องรู้อยู่ตลอดอย่าให้เกิดความผิดพลาดเลย ถ้าเกิดความเสียหายก็จะเกิดที่เราแล้วลูกค้าก็จะได้รับความเสียหายด้วย ดังนั้นเราต้องไม่บกพร่องในหน้าที่ แต่หนูยังไม่เคยเจอเหตุการณ์ซึ่งหน้าเท่าไหร่ค่ะ ส่วนใหญ่จะมีแบบลูกค้าทำของหายมากกว่า เราก็เก็บของไปให้เขา ให้ประชาสัมพันธ์ตามหาปกติค่ะ

• เราได้อะไรจากการมาทำงานพาร์ตไทม์ตรงนี้บ้างคะ
สิ่งแรกที่หนูได้ คือมิตรภาพค่ะ มีพี่ๆ หลายคน ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นลุงๆ เพราะหนูจะอายุน้อยสุดในนั้นเขาก็จะคอยสอนงานหนู ประมาณว่าเราต้องยืนยังไง ท่ายืนต่างๆ เวลาเบรกห้ามทิ้งจุดนะ จุดที่เรายืนห้ามทิ้งเด็ดขาด เพราะว่าเวลามีมิจฉาชีพเข้ามาเราจะได้ดูแลเขาทัน เราจะทิ้งจุดไปไม่ได้เวลาเกิดอะไรขึ้น เราก็จะดูแลไม่ทันคนที่รับผิดชอบก็จะเป็นเรา เพราะตรงจุดนั้นหรือบริเวณนั้นเป็นจุดที่เราดูแล เขาก็จะคอยบอกคอยสอนค่ะ
หนูได้เรียนรู้งานจากคนที่ทำมาตั้ง 12-13 ปี หนูได้เรียนรู้ว่าเขาต้องใช้ความอดทนมาก เราก็ได้แบ่งเบาเขา บางทีก็ให้ลุงไปนั่งเดี๋ยวหนูยืนแทนอะไรแบบนี้ก็มี สิ่งที่เราได้กลับมาก็จะเป็นความเมตตา ขนม อะไรต่างๆ หนูว่ามันเป็นสิ่งที่ดีนะคะ
นอกจากนี้หนูยังได้ความอดทน ได้ประสบการณ์ เพราะเราต้องยืน 12 ชั่วโมง ตอนแรกเราก็ไม่คิดว่าเราจะยืนไหว แต่พอเราได้ลองทำ มันรู้สึกโอเคนะคะ แล้วก็ได้ในสิ่งที่คนอื่นไม่เคยได้ ได้มุมมองใหม่ๆ ของเพื่อนร่วมงานด้วยกันด้วย
• แล้วจริงๆ เรามีเป้าหมายในอนาคตไว้ยังไงบ้าง อยากจะทำงานอะไร
ตอนนี้เรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ ม.กรุงเทพ ปี 3 แล้วค่ะ อนาคตหนูอยากไปเป็นโบรกเกอร์เพราะหนูชอบและสนใจเรื่องหุ้น มันเหมือนตัวตนของเราก็เลยเลือกตรงนี้เลย แล้วหนูก็วางแผนไว้ว่าถ้าเรียนจบปริญญาตรีแล้ว หนูจะทำงานสัก 1-2 ปี เก็บเงินเพื่อไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศฟินแลนด์ค่ะ

• ก่อนหน้านี้เห็นว่าจูนก็เคยทำงานพาร์ตไทม์อย่างอื่นมาแล้วเหมือนกัน
ใช่ค่ะ จูนเริ่มทำงานครั้งแรกตอน ม.6 ค่ะ ตอนนั้นทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟพิชซ่ามาก่อน ก็จะทำในช่วงปิดเทอมเท่านั้น พอเปิดเรียนก็จะลาออกจากงานไปเรียนตามปกติ เราก็จะไปให้ความสำคัญกับการเรียน พอปิดเทอมอีก ก็จะหางานทำอีกเพราะอยากได้ประสบการณ์ อยากได้เงินด้วย แต่ถ้าหนูกลับไปทำงานเสิร์ฟเหมือนเดิม หนูได้เงินจริง แต่ประสบการณ์หนูก็จะเป็นประสบการณ์แบบเดิมๆ คือหนูก็จะไม่ได้เรียนรู้สังคมเพิ่มเติมเลย เลยจะเปลี่ยนงานทำเรื่อยๆ ปัจจุบันเลยได้มาทำงานพาร์ตไทม์เป็น รปภ.ค่ะ
• แต่เท่าที่ทราบมาคือทางบ้านจูนฐานะดีอยู่แล้ว ไม่ได้ลำบากอะไร แต่เราก็เลือกที่จะทำงานพาร์ตไทม์เพื่อแบ่งเบาภาระผู้ปกครองเหรอคะ
พ่อกับแม่หนูทำงานรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตค่ะ ตอนนี้หนูอาศัยอยู่กับยาย น้องชาย แล้วก็พี่สาว จริงๆ แล้วที่บ้านหนูฐานะปานกลางนะคะ หนูอยากทำงานและได้เงินที่เป็นของเราเอง แล้วก็อยากที่จะแบ่งเบาภาระพ่อแม่ อยากเอาเงินที่เราหามาได้ไปซื้อของที่เราอยากได้ โดยที่เราไม่ต้องใช้เงินพ่อแม่ซื้อ เพราะว่าเขาเลี้ยงเรามา เขาก็เหนื่อยอยู่แล้ว เราก็เลยอยากเป็นอีกหนึ่งกำลังที่ช่วยพ่อกับแม่บ้างค่ะ
หนูได้ค่าแรงจากการทำงานเป็นรปภ.วันละ 465 บาท แต่จะได้เป็นรายเดือนนะคะ เงินที่ได้มาหนูก็จะแบ่งออกเป็นหลายๆ ส่วน ส่วนหนึ่งก็จะเอาไว้เก็บ ส่วนหนึ่งก็จะเอาไว้เป็นค่ากินค่าใช้ในแต่ละวัน และอีกส่วนหนึ่งก็จะแบ่งไว้ซื้อของที่เราอยากได้ค่ะ

• แสดงว่าทางบ้านก็สนับสนุนให้ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองอยู่แล้วหรือเปล่า
ตอนแรกที่หนูจะทำงานพาร์ตไทม์เป็น รปภ. หนูยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่นะคะ เพราะตอนนั้นพ่อกับแม่ทำงานอยู่ภูเก็ต แต่เวลาที่หนูจะทำอะไร หนูจะไม่ทำให้เดือดร้อนคุณพ่อ คุณแม่ ก่อนทำอะไรจะคิดก่อน คิดถึงหน้าพ่อแม่ก่อนเสมอ แล้วสิ่งที่หนูจะทำก็เป็นสิ่งที่ดี พอหนูบอกไป พ่อก็ถามว่าทำไหวเหรอ คิดยังไงอยากจะมาเป็นยาม อาชีพอื่นๆ ก็มี
พ่อน้องจูน : เขาบอกผมว่าเขาอยากเปลี่ยนความคิดอะไรใหม่ๆ อะไรที่มันแปลกๆ เขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ ถ้าเขาอยากรู้อะไรเขาก็จะถาม เพราะว่าเราจะเลี้ยงลูกแบบแนวเข้มแข็ง ให้เป็นผู้หญิงแกร่งๆ หน่อย ผมก็อยากที่จะให้เขาทดลองดูว่าเขาจะไหวหรือว่าไม่ไหว ให้เขาได้ลองทำดู
ในความคิดของผมก็อยากให้เขาลองทำทุกๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรที่เราทำแล้วเราสบายใจไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็ทำไปเลย อยากลองทำตรงนั้นตรงนี้ก็ให้เขาได้ตัดสินใจเอาเอง
แม่น้องจูน : เราก็บอกเขาว่าทำอะไรได้ก็ทำไป อยากทำอะไรก็ทำเป็นคนที่ไม่ค่อยห้ามลูกแต่เวลาทำอะไรก็คิดให้ดีก่อน คือเราเชื่อใจกัน เพราะว่าตั้งแต่เด็กเขามีอะไรเขาก็จะคุยกับเราตลอดอยู่แล้วค่ะ
พ่อน้องจูน : ตั้งแต่น้องจูนเล็กๆ ผมก็จะไปทำงานรับเหมา ผมก็จะมีลูกน้องเยอะ จะให้น้องจูนไปดูลูกน้องผมทำงานให้เขาได้เห็น ให้เขาได้เรียนรู้ตั้งแต่เด็กๆ พอโตมาเขาก็เข้าถึงกับคนที่ใช้แรงงานว่ามีจิตใจแบบไหน
• ขยันจนได้ดี มีคนชื่นชมเยอะ จนกลายเป็นที่รู้จักในสังคมไปแล้วตอนนี้
ตอนแรกที่ยังไม่เป็นกระแสก็เฉยๆ นะคะ แต่พอมาเป็นกระแสก็รู้สึกเกร็งเพราะมีคนจับตามองเรา เราก็ค่อนข้างไม่เป็นตัวเองเท่าไหร่ แต่ต้องขอบคุณหลายๆ คนที่ชื่นชมในสิ่งที่หนูทำ แล้วก็ขอบคุณหลายๆ คนที่เป็นกำลังใจให้หนู ให้หนูกล้าที่จะทำสิ่งดีๆ ต่อไปค่ะ
พ่อน้องจูน : ผมรู้สึกภูมิใจที่เขาทำตัวในแง่ที่ดีไม่มีแง่ลบ เขาทำในสิ่งที่เราพร่ำสอนมาตลอดไม่เสียแรงเปล่า ผมจะสอนให้เขารู้จักประหยัด อดออม อดทน แล้วก็มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ถ้าเราเจอคนที่ด้อยกว่าสามารถช่วยเขาได้เราก็ช่วย อีกอย่างเราจะบอกกับเขาเสมอว่าถ้าอยู่ในเวลาเรียนก็ขอให้เรียนจริงๆ ให้สมกับเงินที่เสียไป มันได้กลับมาในทางที่ดีไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ช่างขอให้เราเรียนให้ดีที่สุด ถึงเวลาเที่ยวพ่อกับแม่จะพาไปเที่ยวเอง เขาก็สามารถทำได้
แม่น้องจูน : แม่รู้สึกดีใจแล้วก็ภูมิใจที่เขาสามารถสื่อให้คนอื่นหรือเด็กคนอื่นๆ ได้เห็นว่าสิ่งที่เขาทำเป็นตัวอย่างที่ดี

• ในฐานะที่ตอนนี้เราเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องๆ เยาวชน อยากให้กำลังใจน้องๆ ที่ทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย หรือว่าคนที่สนใจอยากจะทำงานพาร์ตไทม์ยังไงบ้าง
ก็อยากจะบอกว่าถ้าอยากจะทำอะไรอย่างหนึ่งที่ใจเราชอบแล้วเป็นสิ่งที่ดีก็อยากให้เขาได้ลงมือทำตรงนี้ไปเลย ถ้ามีเวลาว่างหรือมีเวลาที่สามารถทำให้เกิดประโยชน์ได้ เราอย่าปล่อยให้เวลามันผ่านไปเพราะว่าวันนึงเราจะกลับมาเสียใจว่าครั้งหนึ่งเราไม่ได้ทำมัน อยากให้เขาลงมือทำไปเลยเต็มที่กับสิ่งนั้น อยากให้เขามุ่งไปสู่เป้าหมายตามที่ฝันเอาไว้
ส่วนคนที่ทำงานอยู่แล้ว จูนอยากบอกเขาว่าอยากให้เขาอดทนแล้วก็ทำไปเถอะ มันเป็นงานที่สุจริต เงินที่เราได้มาเราก็เอามาซื้อของที่เราอยากได้มันก็เป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง อย่ามองว่าตัวเองลำบากถึงต้องทำงานที่มันไม่ใช่เพราะจริงๆ แล้วมันอาจจะเป็นเหตุผลที่เราอยากได้ประสบการณ์ ได้เงิน ได้อะไรใหม่ๆ อยากให้เขาภูมิใจมากกว่าที่จะต้องมานั่งท้อ
ส่วนตัวจูนก็ไม่อายนะคะ ตอนแรกที่มาทำก็มีชวนเพื่อนมาทำด้วยเหมือนกัน เพื่อนก็อยากทำพาร์ตไทม์ แต่ติดที่ต้องเรียนซัมเมอร์ บางคนมาจากต่างจังหวัดก็จะกลับไปหาพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด มีส่วนน้อยที่หัวเราะบ้างว่าเราไปเป็น รปภ. แต่เขาก็ขำในรูปแบบของเพื่อนไม่ใช่เชิงดูถูกอะไร
อะไรก็แล้วแต่ ทุกอาชีพ ทุกงานที่สุจริตมันเป็นสิ่งที่ดี อยากให้เขาได้ทำเต็มที่ ไม่ต้องไปอายที่เราใช้แรงเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเอง

เรื่อง : วรัญญา งามขำ และ จิราภรณ์ คงทรัพย์
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์
จูน-วัลย์ลดา กันตพลจรัณธร นักศึกษาชั้นปีที่ 3 จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
เริ่มต้นทำงานพาร์ตไทม์ครั้งแรกตอนเรียนชั้นมัธยมปลายด้วยการเป็นเด็กเสิร์ฟร้านพิซซ่าเพราะอยากแบ่งเบาภาระพ่อแม่ และเก็บเงินไว้ซื้อของที่อยากได้ด้วยตัวเอง ทำให้เธอไม่เกี่ยงงาน งานไหนสุจริตเธอทำได้หมด และหนึ่งในนั้นคืออาชีพรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ที่ถึงแม้ว่าจะทำแค่ในช่วงปิดเทอมในระยะเวลาสั้นๆ แต่ทำให้เธอได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เพียบ!
• หลายคนรู้จักน้องจูนจากกระแสข่าวที่ทำงานพาร์ตไทม์เป็นรปภ.ห้างฯ ดังย่านรังสิต
จูนมาสมัครงานเป็น รปภ. ช่วงปิดเทอม เพราะอยากหางานทำเพื่อไม่ปล่อยเวลาให้มันว่างไปเฉยๆ ก็เลยลองไปสมัครงานใกล้บ้าน แถวๆ รังสิตดู ก็ไปสมัครที่ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต พอเข้าไปก็เห็นพี่ รปภ. ยืนอยู่ เราก็เลยมีความคิดว่าลองอาชีพนี้ดีไหม พอคิดแบบนั้นแล้วก็เลยเข้าไปถามพี่เขาว่า “พี่ได้เงินวันละเท่าไหร่” “ทำงานบริษัทอะไร” แล้วพี่เขาก็ตอบมาว่า “ได้วันละ 465 บาท บริษัทสเตทการ์ดครับ” ซึ่งทำให้สนใจมากยิ่งขึ้น ก็เลยเดินเข้าไปที่บริษัทเขาเลยค่ะว่ามีตำแหน่งว่างไหม รับสมัครพนักงานพาร์ตไทมไหม เขาก็บอกว่าเขาสนับสนุนนักศึกษาที่อยากทำงานช่วงปิดเทอม เพราะว่าก่อนหน้านี้ก็มีเด็กพาร์ตไทม์มาสมัครทำงานเหมือนกัน หนูก็เขียนใบสมัครยื่นเอกสารตามปกติ และก็มีการสอบสัมภาษณ์กันตามปกติ วันรุ่งขึ้นจะมีการอบรมแล้วเขาก็รับเลย หนูก็เลยได้ทำงานนี้ค่ะ
• ทำไมถึงเลือกงานนี้ แล้วพอได้ไปทำงานแล้วเป็นยังไงบ้าง
หนูคิดว่าอาชีพ รปภ. เป็นอาชีพที่เด็กส่วนใหญ่จะไม่ค่อยคิดถึงเวลาทำงานพาร์ตไทม์ ส่วนใหญ่ก็จะเป็น MC บ้าง พนักงานขายบ้าง หนูรู้สึกว่าอยากที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่คนไม่ค่อยเรียนรู้กัน เพื่อที่หนูโตขึ้นไป หนูจะได้เข้าใจความรู้สึกของเขาว่าเขาจะต้องใช้อะไรบ้างในการทำอาชีพนี้
อีกอย่างหนูมองว่ารปภ.เป็นอาชีพที่มีเกียรตินะคะ บางคนอาจจะลืมอาชีพนี้ไป แต่จริงๆ แล้วเป็นอาชีพที่ขาดไม่ได้เลยเพราะไม่ว่าจะที่ไหนก็ต้องมี รปภ. เพื่อดูแลความปลอดภัย จากที่หนูได้ทำงานตรงนี้ หนูอยากให้ทุกคนได้เปลี่ยนมุมมอง ไม่อยากให้ดูถูกอาชีพนี้ การทำอาชีพนี้ไม่ใช่สิ่งที่น่าอาย ทุกอาชีพมีเกียรติและก็มีศักดิ์ศรีเท่ากัน ซึ่งงานนี้เป็นงานที่สุจริต เราไม่ได้ไปขโมยของใคร ไม่ได้ไปทำอะไรที่ไม่ดี เป็นงานที่ต้องใช้แรง ใช้ความอดทน ได้ดูแลคนที่เข้ามาในศูนย์การค้า ได้บริการ เป็นงานบริการเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่แตกต่างกันเลย
• การเริ่มต้นทำงานวันแรกเป็นยังไง แล้วในหนึ่งวันในการทำงานเรามีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง
การทำงานเริ่มตั้งแต่ 09.00 น. ค่ะ ก็จะมีการเข้าแถวเช็กจุด เช็กพนักงานว่ามาครบไหม จะมีการจ่ายจุดออกไปว่าคนไหนอยู่ตรงไหน แล้วก็จะขึ้นไปตรวจก่อนห้างฯ เปิดว่ามีอะไรผิดปกติตรงไหนหรือเปล่า วันหนึ่งหนูก็จะยืน 12 ชั่วโมง แต่ถ้าตัดพักเบรกไปก็จะยืนประมาณ 10 - 11 ชั่วโมงค่ะ เวลาเบรกจะแบ่งเป็น 2 ครั้ง ครั้งละครึ่งชั่วโมง แต่ถ้ามีพี่ร่วมงานหรือมีคนมาเปลี่ยนเราก็สามารถไปเบรกได้เลย ต้องไม่ทิ้งจุด เพราะว่าเผื่อลูกค้าขาดตกพกพร่องตรงไหนเราจะได้ให้บริการแล้วก็ช่วยเหลือทัน
ส่วนใหญ่บริษัทเขาก็จะให้หนูประจำจุดพื้นที่คอยเฝ้าระวัง ให้บริการลูกค้าเวลามีปัญหา หรือเวลาลืมของเราก็จะนำของไปส่งที่จุดบริการ เพื่อประชาสัมพันธ์และก็บอกเกี่ยวกับสถานที่ในห้างฯ ว่าร้านอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง
วันแรกที่ไปทำก็อาจจะยังไม่ชินเท่าไหร่ ก็จะมีขาล้าบ้าง ปวดเท้าบ้าง ปวดขาบ้าง อยู่ไปนานๆ เราก็จะเริ่มชิน เหมือนได้ออกกำลังกายไปในตัว มันก็รู้สึกสนุกแทนเหนื่อย ตอนนี้ก็ทำมาได้ประมาณเดือนกว่าๆ แล้วค่ะ
• รปภ. หญิง ทำหน้าที่แตกต่างจากรปภ.ผู้ชายไหมคะ แล้วตั้งแต่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยมา เคยเจอเหตุการณ์น่าตื่นเต้นบ้างหรือเปล่า
ห้างฯ ที่จูนทำมี รปภ.หญิงเยอะเหมือนกันนะคะ ประมาณ 20-30 คนได้ ส่วนหน้าที่ก็ไม่แตกต่างกันนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นการดูแลความปลอดภัยเวลาเกิดเหตุอะไรเราก็ต้องแจ้งเหตุผ่านทางวิทยุเพื่อให้กลุ่มใหญ่ๆ เขาได้รับรู้จะได้ช่วยเหลือกัน
ก็เคยมีเหตุการณ์แปลกๆ บ้างเหมือนกัน อย่างตอนนั้นเป็นช่วงวันเสาร์ คนที่มาห้างฯ ก็จะค่อนข้างเยอะ เราก็ต้องคอยจับตาดูเพื่อที่ไม่ให้ลูกค้าเดือดร้อน เพราะอาจจะมีมิจฉาชีพแฝงเข้ามา ก็เจอคนมีพิรุธบ้างแต่เขายังไม่ได้ขโมยของอะไร แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์จริงๆ เราก็จะต้องวิทยุแจ้งหัวหน้าแล้วก็จะมีการรวมพลกันเพื่อปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้มิจฉาชีพออกไปได้ เราสายตาต้องไว สติต้องรู้อยู่ตลอดอย่าให้เกิดความผิดพลาดเลย ถ้าเกิดความเสียหายก็จะเกิดที่เราแล้วลูกค้าก็จะได้รับความเสียหายด้วย ดังนั้นเราต้องไม่บกพร่องในหน้าที่ แต่หนูยังไม่เคยเจอเหตุการณ์ซึ่งหน้าเท่าไหร่ค่ะ ส่วนใหญ่จะมีแบบลูกค้าทำของหายมากกว่า เราก็เก็บของไปให้เขา ให้ประชาสัมพันธ์ตามหาปกติค่ะ
• เราได้อะไรจากการมาทำงานพาร์ตไทม์ตรงนี้บ้างคะ
สิ่งแรกที่หนูได้ คือมิตรภาพค่ะ มีพี่ๆ หลายคน ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นลุงๆ เพราะหนูจะอายุน้อยสุดในนั้นเขาก็จะคอยสอนงานหนู ประมาณว่าเราต้องยืนยังไง ท่ายืนต่างๆ เวลาเบรกห้ามทิ้งจุดนะ จุดที่เรายืนห้ามทิ้งเด็ดขาด เพราะว่าเวลามีมิจฉาชีพเข้ามาเราจะได้ดูแลเขาทัน เราจะทิ้งจุดไปไม่ได้เวลาเกิดอะไรขึ้น เราก็จะดูแลไม่ทันคนที่รับผิดชอบก็จะเป็นเรา เพราะตรงจุดนั้นหรือบริเวณนั้นเป็นจุดที่เราดูแล เขาก็จะคอยบอกคอยสอนค่ะ
หนูได้เรียนรู้งานจากคนที่ทำมาตั้ง 12-13 ปี หนูได้เรียนรู้ว่าเขาต้องใช้ความอดทนมาก เราก็ได้แบ่งเบาเขา บางทีก็ให้ลุงไปนั่งเดี๋ยวหนูยืนแทนอะไรแบบนี้ก็มี สิ่งที่เราได้กลับมาก็จะเป็นความเมตตา ขนม อะไรต่างๆ หนูว่ามันเป็นสิ่งที่ดีนะคะ
นอกจากนี้หนูยังได้ความอดทน ได้ประสบการณ์ เพราะเราต้องยืน 12 ชั่วโมง ตอนแรกเราก็ไม่คิดว่าเราจะยืนไหว แต่พอเราได้ลองทำ มันรู้สึกโอเคนะคะ แล้วก็ได้ในสิ่งที่คนอื่นไม่เคยได้ ได้มุมมองใหม่ๆ ของเพื่อนร่วมงานด้วยกันด้วย
• แล้วจริงๆ เรามีเป้าหมายในอนาคตไว้ยังไงบ้าง อยากจะทำงานอะไร
ตอนนี้เรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ ม.กรุงเทพ ปี 3 แล้วค่ะ อนาคตหนูอยากไปเป็นโบรกเกอร์เพราะหนูชอบและสนใจเรื่องหุ้น มันเหมือนตัวตนของเราก็เลยเลือกตรงนี้เลย แล้วหนูก็วางแผนไว้ว่าถ้าเรียนจบปริญญาตรีแล้ว หนูจะทำงานสัก 1-2 ปี เก็บเงินเพื่อไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศฟินแลนด์ค่ะ
• ก่อนหน้านี้เห็นว่าจูนก็เคยทำงานพาร์ตไทม์อย่างอื่นมาแล้วเหมือนกัน
ใช่ค่ะ จูนเริ่มทำงานครั้งแรกตอน ม.6 ค่ะ ตอนนั้นทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟพิชซ่ามาก่อน ก็จะทำในช่วงปิดเทอมเท่านั้น พอเปิดเรียนก็จะลาออกจากงานไปเรียนตามปกติ เราก็จะไปให้ความสำคัญกับการเรียน พอปิดเทอมอีก ก็จะหางานทำอีกเพราะอยากได้ประสบการณ์ อยากได้เงินด้วย แต่ถ้าหนูกลับไปทำงานเสิร์ฟเหมือนเดิม หนูได้เงินจริง แต่ประสบการณ์หนูก็จะเป็นประสบการณ์แบบเดิมๆ คือหนูก็จะไม่ได้เรียนรู้สังคมเพิ่มเติมเลย เลยจะเปลี่ยนงานทำเรื่อยๆ ปัจจุบันเลยได้มาทำงานพาร์ตไทม์เป็น รปภ.ค่ะ
• แต่เท่าที่ทราบมาคือทางบ้านจูนฐานะดีอยู่แล้ว ไม่ได้ลำบากอะไร แต่เราก็เลือกที่จะทำงานพาร์ตไทม์เพื่อแบ่งเบาภาระผู้ปกครองเหรอคะ
พ่อกับแม่หนูทำงานรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตค่ะ ตอนนี้หนูอาศัยอยู่กับยาย น้องชาย แล้วก็พี่สาว จริงๆ แล้วที่บ้านหนูฐานะปานกลางนะคะ หนูอยากทำงานและได้เงินที่เป็นของเราเอง แล้วก็อยากที่จะแบ่งเบาภาระพ่อแม่ อยากเอาเงินที่เราหามาได้ไปซื้อของที่เราอยากได้ โดยที่เราไม่ต้องใช้เงินพ่อแม่ซื้อ เพราะว่าเขาเลี้ยงเรามา เขาก็เหนื่อยอยู่แล้ว เราก็เลยอยากเป็นอีกหนึ่งกำลังที่ช่วยพ่อกับแม่บ้างค่ะ
หนูได้ค่าแรงจากการทำงานเป็นรปภ.วันละ 465 บาท แต่จะได้เป็นรายเดือนนะคะ เงินที่ได้มาหนูก็จะแบ่งออกเป็นหลายๆ ส่วน ส่วนหนึ่งก็จะเอาไว้เก็บ ส่วนหนึ่งก็จะเอาไว้เป็นค่ากินค่าใช้ในแต่ละวัน และอีกส่วนหนึ่งก็จะแบ่งไว้ซื้อของที่เราอยากได้ค่ะ
• แสดงว่าทางบ้านก็สนับสนุนให้ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองอยู่แล้วหรือเปล่า
ตอนแรกที่หนูจะทำงานพาร์ตไทม์เป็น รปภ. หนูยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่นะคะ เพราะตอนนั้นพ่อกับแม่ทำงานอยู่ภูเก็ต แต่เวลาที่หนูจะทำอะไร หนูจะไม่ทำให้เดือดร้อนคุณพ่อ คุณแม่ ก่อนทำอะไรจะคิดก่อน คิดถึงหน้าพ่อแม่ก่อนเสมอ แล้วสิ่งที่หนูจะทำก็เป็นสิ่งที่ดี พอหนูบอกไป พ่อก็ถามว่าทำไหวเหรอ คิดยังไงอยากจะมาเป็นยาม อาชีพอื่นๆ ก็มี
พ่อน้องจูน : เขาบอกผมว่าเขาอยากเปลี่ยนความคิดอะไรใหม่ๆ อะไรที่มันแปลกๆ เขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ ถ้าเขาอยากรู้อะไรเขาก็จะถาม เพราะว่าเราจะเลี้ยงลูกแบบแนวเข้มแข็ง ให้เป็นผู้หญิงแกร่งๆ หน่อย ผมก็อยากที่จะให้เขาทดลองดูว่าเขาจะไหวหรือว่าไม่ไหว ให้เขาได้ลองทำดู
ในความคิดของผมก็อยากให้เขาลองทำทุกๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรที่เราทำแล้วเราสบายใจไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็ทำไปเลย อยากลองทำตรงนั้นตรงนี้ก็ให้เขาได้ตัดสินใจเอาเอง
แม่น้องจูน : เราก็บอกเขาว่าทำอะไรได้ก็ทำไป อยากทำอะไรก็ทำเป็นคนที่ไม่ค่อยห้ามลูกแต่เวลาทำอะไรก็คิดให้ดีก่อน คือเราเชื่อใจกัน เพราะว่าตั้งแต่เด็กเขามีอะไรเขาก็จะคุยกับเราตลอดอยู่แล้วค่ะ
พ่อน้องจูน : ตั้งแต่น้องจูนเล็กๆ ผมก็จะไปทำงานรับเหมา ผมก็จะมีลูกน้องเยอะ จะให้น้องจูนไปดูลูกน้องผมทำงานให้เขาได้เห็น ให้เขาได้เรียนรู้ตั้งแต่เด็กๆ พอโตมาเขาก็เข้าถึงกับคนที่ใช้แรงงานว่ามีจิตใจแบบไหน
• ขยันจนได้ดี มีคนชื่นชมเยอะ จนกลายเป็นที่รู้จักในสังคมไปแล้วตอนนี้
ตอนแรกที่ยังไม่เป็นกระแสก็เฉยๆ นะคะ แต่พอมาเป็นกระแสก็รู้สึกเกร็งเพราะมีคนจับตามองเรา เราก็ค่อนข้างไม่เป็นตัวเองเท่าไหร่ แต่ต้องขอบคุณหลายๆ คนที่ชื่นชมในสิ่งที่หนูทำ แล้วก็ขอบคุณหลายๆ คนที่เป็นกำลังใจให้หนู ให้หนูกล้าที่จะทำสิ่งดีๆ ต่อไปค่ะ
พ่อน้องจูน : ผมรู้สึกภูมิใจที่เขาทำตัวในแง่ที่ดีไม่มีแง่ลบ เขาทำในสิ่งที่เราพร่ำสอนมาตลอดไม่เสียแรงเปล่า ผมจะสอนให้เขารู้จักประหยัด อดออม อดทน แล้วก็มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ถ้าเราเจอคนที่ด้อยกว่าสามารถช่วยเขาได้เราก็ช่วย อีกอย่างเราจะบอกกับเขาเสมอว่าถ้าอยู่ในเวลาเรียนก็ขอให้เรียนจริงๆ ให้สมกับเงินที่เสียไป มันได้กลับมาในทางที่ดีไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ช่างขอให้เราเรียนให้ดีที่สุด ถึงเวลาเที่ยวพ่อกับแม่จะพาไปเที่ยวเอง เขาก็สามารถทำได้
แม่น้องจูน : แม่รู้สึกดีใจแล้วก็ภูมิใจที่เขาสามารถสื่อให้คนอื่นหรือเด็กคนอื่นๆ ได้เห็นว่าสิ่งที่เขาทำเป็นตัวอย่างที่ดี
• ในฐานะที่ตอนนี้เราเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องๆ เยาวชน อยากให้กำลังใจน้องๆ ที่ทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย หรือว่าคนที่สนใจอยากจะทำงานพาร์ตไทม์ยังไงบ้าง
ก็อยากจะบอกว่าถ้าอยากจะทำอะไรอย่างหนึ่งที่ใจเราชอบแล้วเป็นสิ่งที่ดีก็อยากให้เขาได้ลงมือทำตรงนี้ไปเลย ถ้ามีเวลาว่างหรือมีเวลาที่สามารถทำให้เกิดประโยชน์ได้ เราอย่าปล่อยให้เวลามันผ่านไปเพราะว่าวันนึงเราจะกลับมาเสียใจว่าครั้งหนึ่งเราไม่ได้ทำมัน อยากให้เขาลงมือทำไปเลยเต็มที่กับสิ่งนั้น อยากให้เขามุ่งไปสู่เป้าหมายตามที่ฝันเอาไว้
ส่วนคนที่ทำงานอยู่แล้ว จูนอยากบอกเขาว่าอยากให้เขาอดทนแล้วก็ทำไปเถอะ มันเป็นงานที่สุจริต เงินที่เราได้มาเราก็เอามาซื้อของที่เราอยากได้มันก็เป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง อย่ามองว่าตัวเองลำบากถึงต้องทำงานที่มันไม่ใช่เพราะจริงๆ แล้วมันอาจจะเป็นเหตุผลที่เราอยากได้ประสบการณ์ ได้เงิน ได้อะไรใหม่ๆ อยากให้เขาภูมิใจมากกว่าที่จะต้องมานั่งท้อ
ส่วนตัวจูนก็ไม่อายนะคะ ตอนแรกที่มาทำก็มีชวนเพื่อนมาทำด้วยเหมือนกัน เพื่อนก็อยากทำพาร์ตไทม์ แต่ติดที่ต้องเรียนซัมเมอร์ บางคนมาจากต่างจังหวัดก็จะกลับไปหาพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด มีส่วนน้อยที่หัวเราะบ้างว่าเราไปเป็น รปภ. แต่เขาก็ขำในรูปแบบของเพื่อนไม่ใช่เชิงดูถูกอะไร
อะไรก็แล้วแต่ ทุกอาชีพ ทุกงานที่สุจริตมันเป็นสิ่งที่ดี อยากให้เขาได้ทำเต็มที่ ไม่ต้องไปอายที่เราใช้แรงเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเอง
เรื่อง : วรัญญา งามขำ และ จิราภรณ์ คงทรัพย์
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์