xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจสาวสวยนักกีฬาฟันดาบ “ต้นน้ำ กัญญาภัทร” พร้อมสู้ศึกซีเกมส์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นักกีฬาฟันดาบสาวหน้าใหม่ ที่หลงใหลกีฬาประเภทนี้เป็นชีวิตจิตใจ หมั่นฝึกฝน ฝึกซ้อมด้วยความพากเพียรพยายาม ลบคำสบประมาท พิสูจน์ความสามารถจนประสบความสำเร็จ กระทั่งมีชื่อติดโผได้ไปแข่งขันฟันดาบในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่จะจัดการแข่งขันขึ้นที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 19-30 สิงหาคม พ.ศ. 2560 ที่จะถึงนี้

ต้นน้ำ-กัญญาภัทร มีชัย นักศึกษาจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เริ่มต้นเล่นกีฬาฟันดาบมาเป็นระยะเวลา 3 ปี แต่ถึงแม้ว่าจะดูเริ่มต้นช้ากว่านักกีฬาคนอื่นๆ ด้วยความมุ่งมั่นจึงทำให้เธอได้ก้าวต่อไปในสายกีฬาที่รักและมีโอกาสได้ทำตามความฝัน ไปแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งแรกในชีวิต

 • เห็นว่าได้มีโอกาสไปแข่งขันฟันดาบในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่จะจัดขึ้นในเดือนสิงหาคมปีนี้ด้วย

ต้องบอกก่อนว่าพอรู้ว่าตัวเองติดทีมชาติ ความรู้สึกแรกเลยหนูดีใจมากๆ มันไม่ได้ง่ายสำหรับหนูเลย เพราะปีก่อนๆ ยากมาก หลายๆ คนเขาเป็นนักกีฬา เขาฝึกซ้อมกันมาหลายปี เป็น 5-10 ปีกว่าจะได้มาอยู่ตรงนี้ซึ่งเขาก็จะมองว่าหนูเพิ่งมาเล่นทำไมติดทีมชาติเร็วมาก ทำไมหนูถึงได้ แต่สำหรับตัวหนู หนูรู้สึกว่า หนูไม่ได้มีพื้นฐานหรือเริ่มมาอย่างเขา หนูมาอยู่จุดนี้ด้วยความพยายามทั้งหมด หนูเลยรู้สึกดีใจมากที่วันนั้นหนูไม่ยอมแพ้ ที่วันนั้นหนูไม่ถอดใจ

ในความดีใจก็มีความกดดันตรงที่ว่า หนึ่งเราเป็นน้องใหม่ไปครั้งแรกคนจับตามองเราอยู่แล้ว ตอนแรกยังไม่มีพี่ๆ สื่อทำข่าวด้วย เพราะยังไม่ประกาศตัวจริง ในทีมฟันดาบ หรือพี่ๆ ฟันดาบทีมชาติก่อนๆ เขาก็จะจับตามองเราว่าทำไมเราถึงได้มาเป็นตัวแทน หรือว่าเราจะไปทำเหรียญได้เหรอ เราจะไหวเหรอ อะไรทำนองนี้ค่ะ

ก่อนที่จะมาติดทีมชาติครั้งนี้ จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้หนูมีแพลนตอนปิดเทอม คือหนูได้เป็นตัวแทนของโอลิมปิกไทยไปอบรมที่ประเทศกรีซ เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ได้ไป และก็มีพี่ผู้ชายอีกคน แต่ว่าซีเกมส์ก็สำคัญมากๆ สำหรับหนู ซึ่งทางสมาคมเขาก็ให้เราเลือก เขาอยากให้หนูเลือกโอลิมปิกเพราะใหญ่กว่า แล้วก็บวกกับว่าหนูมีแพลนจะไปเรียนซัมเมอร์เพื่อเก็บเครดิต ทุกอย่าง ตอนนั้นค่อนข้างที่จะกดดัน หลายๆ คนมองว่าเราจะทำตรงนี้ไม่ได้ แต่รู้สึกว่ามันเป็นโอกาสของเรา เราได้โอกาสนี้แล้ว เพราะหนูไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอีก 2 ปีข้างหน้าเราจะติดทีมชาติไหม จะมีเด็กรุ่นใหม่ๆ ขึ้นมาหรือว่าใครจะกลับมาอีกหรือเปล่า หนูก็เลยจำเป็นต้องทิ้ง ต้องเสียสละทุกอย่างตรงนั้นเพื่อที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้แทน

จริงๆ หนูก็โดนกดดันมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่ผ่านหรอก แต่พอเราผ่านมาได้จุดหนึ่ง ผ่านไปทีละก้าวๆ มันก็เหมือนเป็นการพิสูจน์ตัวเราเองได้ว่า เราสามารถมาอยู่จุดนี้ได้ จุดที่ไปซีเกมส์ครั้งแรก

 • การคัดตัวทีมชาติเป็นอย่างไร

การคัดตัวเขาจะเอา Rank 1 ถึง 8 ของแต่ละประเทศมาคัดกัน ซึ่งตอนนั้นหนูอยู่อันดับที่ 7 ซึ่งก็มีคนเก่งกว่าหนูเยอะมาก มีคนที่เคยไปทีมชาติมาแล้วก็มี แต่ปีนี้เขาเปลี่ยนเกณฑ์การคัด ปกติเขาจะให้ทุกคนมาเจอกัน เล่นฟันดาบกัน นับคะแนน ให้ทุกคนมาเจอกัน มาจัด Ranking ใครได้ Rank สูงก็จะได้ไป แต่ครั้งนี้ทางสมาคมมองว่านักกีฬาของเราเก่งแต่ไปแข่งต่างประเทศแล้วอาจจะขาดความแข็งแรง ก็เลยเปลี่ยนเกณฑ์ให้มาคัดวิ่ง คัดสมรรถภาพก่อน

ครั้งแรกที่ไปคัดตัวหนูไม่ผ่านนะคะ วิ่ง 4 กิโลเมตร จับเวลา 24 นาที วิ่ง 400 เมตร จับเวลา 1 นาที 15 วินาที วิดพื้น 50 ที กระโดดเชือกเร็วๆ 45 วินาที 3 เซต ห้ามหยุด มีออกกำลังอีก 3 ท่า ครั้งแรกหนูทำได้ 3 คะแนนเต็ม 15

ตอนนั้นจาก 8 คนในประเทศมีคนมาคัด 5 คน พี่อีก 3 คนไม่มาเพราะเขาตัดสินใจว่าจะวางมือแล้ว จะเล่นแค่ในประเทศเลยเหลือแค่ 5 คน ซึ่งพอเห็นกฎกติกาบางคนก็เริ่มไม่ไหวเพราะต้องขาดงานมาฝึกซ้อมด้วย เขาอยากโฟกัสกับการทำงานมากกว่า ตอนคัดครั้งแรกมีผ่าน 1 คน คือ “กรวรรณ ธานี”

ตอนวันซ่อมหนูกลับมาแก้ไข มีเวลาเดือนกว่าที่ได้ไปฝึกฝน ตอนนั้นคิดว่ามีโอกาสแล้วเลยไม่อยากปล่อยทิ้งไป ก็เลยกลับไปซ้อมวิ่ง มีพี่เทรนเนอร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเข้ามาช่วยสอนการออกกำลังกายต่างๆ ให้ ผลสรุปเลยผ่านค่ะ ซึ่งประเทศไทยก็จะมีไปแข่งทั้งหมด 12 คน 3 ประเภท มีผู้ชาย 6 คน ผู้หญิง 6 คน จะแบ่งเป็นผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 2 คนในแต่ละประเภทค่ะ

 • เตรียมตัวไปซีเกมส์ครั้งแรกนี้ยังไงบ้างคะ

ในระดับซีเกมส์เลยหนึ่งเราจะต้องศึกษาคู่ต่อสู้ ซึ่งคู่ต่อสู้เกือบจะทั้งหมดที่หนูรู้เขาเคยผ่านซีเกมส์ผ่านแมตช์อะไรแบบนี้มาก่อนแล้ว เราก็จะต้องดูว่าเขาเล่นยังไง สไตล์ไหน

สองเราต้องรู้ว่าจุดแข็งของเราคืออะไร อย่างหนูเป็นคนสูง ถ้าในระดับอาเซียนหนูถือว่าเป็นนักดาบที่สูง เรื่องระยะ อาจจะได้เปรียบ

ก่อนจะไปอยู่บนสนาม เกมนึงเล่นครั้งละ 3 นาที ถ้าเราอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร คู่ต่อสู้ก็จะจับทางเราได้ง่าย เราต้องมีการหลอกล่อ ต้องใช้ร่างกายและสมอง เราจะต้องแข็งแรงด้วยส่วนหนึ่ง เพราะว่าเราอยู่ตรงนั้นถ้าเราเหนื่อยง่ายมันจะทำให้เราหมดแรงไว ไม่ว่าเราจะทำอะไร จะออกดาบ ถ้าเราไม่มีแรง ไม่มีกำลัง มันก็จะดูไม่แข็งแรง ไม่แม่น

 • จุดเริ่มต้นการเล่นกีฬาฟันดาบ

หนูเริ่มจากดูเพื่อนเล่น เขาอยู่ในสายนี้มาก่อน เพราะเพื่อนก็มีโอกาสได้ไปแข่ง เราก็เลยสนใจ แล้วบวกกับตอนนั้นหนูอยากร่วมกิจกรรมในมหาวิทยาลัยด้วย พอได้ดูเพื่อนเล่นเสร็จ หนูก็เลยตัดสินใจลองฟันดาบดูค่ะ

พอสนใจแล้วหนูก็เริ่มมาเล่นตอนอายุ 19 ปี ตอนนั้นยังไม่เปิดเทอมปี 1 นะคะ พอเปิดเทอมแล้วจะมีกีฬาเฟรชชี่ หนูเรียนคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะมีนักกีฬาน้อยมาก มีผู้หญิงอยู่แค่สองคน แล้วมันมีกีฬาฟันดาบอยู่ในนั้นด้วย เราก็เลยไปสมัครกับคณะเพราะว่าอยากจะลงแข่งกีฬาประเภทนี้ ที่ตัดสินใจลงสมัครเพราะมันเป็นกีฬาที่แปลกใหม่ก็เลยอยากลองอะไรใหม่ๆ ด้วยค่ะตอนนั้น

 • หลังจากที่ได้เข้ามาเล่นกีฬาฟันดาบแล้วเป็นยังไงบ้าง ไปหลงรักกีฬาประเภทนี้ได้ยังไง

พอได้มาเล่นแล้วก็สนุกนะคะ ตอนนั้นที่แข่งหนูก็ผ่านเข้ารอบ ได้เหรียญทองกีฬาเฟรชชี่ของมหาวิทยาลัยมาค่ะ ตอนแรกหนูก็รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเลยว่าเราจะมาทางกีฬาได้ ก็เลยบอกกับตัวเอง บอกกับพี่ๆ ในชมรมว่าถ้าเกิดแมตช์นี้ได้เหรียญทองหนูจะเข้าชมรมต่อนะ ถ้าได้เหรียญเงินก็อาจจะขอคิดดูก่อน จนไปแข่งถึงรอบ 4 คนสุดท้าย 3 คนเป็นเพื่อนมาจากคณะวิทย์กีฬา แค่เข้ามา 4 คนหนูก็กลัวแล้วนะคะ เพราะวิทย์กีฬาเขาก็มาทางด้านนี้อยู่แล้ว หนูเลยไม่คิดว่าตัวเองจะได้เหรียญทองแน่ๆ ผลปรากฏว่าก็ได้เหรียญทองมา เราก็เลยต้องรักษาคำพูด (หัวเราะ) จริงๆ ความรู้สึกลึกๆ หนูก็อยากเล่นต่ออยู่แล้วนะคะ แต่เหมือนว่าเราต้องการอะไรที่มันยึดเหนี่ยวจิตใจเพื่อให้เราได้มั่นใจประมาณว่าถ้าเราทำได้เหรียญทอง แปลว่ามันอาจจะมีอะไรในตัวเราที่เอามาใช้กับกีฬานี้ได้อย่างมีประโยชน์ก็ได้ประมาณนี้ค่ะ

 • พอได้เหรียญทองกีฬาเฟรชชี่ของมหาวิทยาลัยแล้วเป็นยังไงต่อคะ เรามีไปแข่งขันที่ไหนอีกบ้างหรือเปล่า

หนูเพิ่งเล่นกีฬาฟันดาบมาได้ 3 ปีค่ะ ส่วนใหญ่จะแข่งแต่ในประเทศมาเพราะทางสมาคมจะมีแมตช์แข่งมาให้ตลอด แต่ว่าเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาทางมหาวิทยาลัยส่งไปแข่งที่ต่างประเทศ ก็มีแข่งที่ประเทศบรูไน (บรูไน โอเพน) ได้เหรียญทองแดงบุคคล แล้วก็เหรียญทองทีม และที่ประเทศมาเลเซียเป็นฟันดาบมหาวิทยาลัยอาเซียน เฉพาะของกีฬาฟันดาบ ได้เหรียญเงินบุคคลมาค่ะ

ก่อนที่หนูจะมาเล่นกีฬา หนูจะไม่สบายบ่อย แต่พอเล่นกีฬาหนูสุขภาพแข็งแรงขึ้น นอกจากเรื่องสุขภาพแล้วหนูก็ได้ฝึกสมาธิไปด้วยเพราะว่าในการแข่งขันเราจะต้องมีสมาธิกับคู่ต่อสู้ อย่างแมตช์ล่าสุดที่หนูไปแข่งมา หนูจดจ่อสมาธิมากๆ หนูไม่รู้ว่ามันดีหรือเปล่านะคะแต่หนูจดจ่อมากๆ จนหนูไม่ได้ยินเสียงรอบข้างเลย (หัวเราะ) รู้สึกว่าเราได้มีสมาธิกับสิ่งที่เราทำมากขึ้นแล้วเราต้องคิดแก้เกมตลอดเวลา ทำให้เรามีไหวพริบไม่ใช่แค่ในการกีฬา แต่มันยังสามารถเอามาใช้กับชีวิตประจำวันกับสิ่งรอบตัวเราได้ด้วย อีกอย่างคือเราได้เพื่อน ได้รู้จักคนเยอะขึ้น ได้ออกไปแข่ง ได้ทำกิจกรรมที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งของชมรม รู้สึกดีว่าเรา Rank เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากตอนแรกเราเริ่มมาจาก 100 มาอยู่ที่ 20 พอตอนอยู่ที่ 20 หนูดีใจมากเลยนะคะ แล้วก็ไต่มาอยู่ที่ 10 กว่าๆ จนขึ้นมาติด 1 ใน 8

 • ทางบ้านว่ายังไงบ้าง สนับสนุนให้มาทางด้านกีฬาไหมคะ

หนูเป็นคนที่ทำกิจกรรมมาตั้งแต่เด็กอนุบาลเลย พ่อกับแม่ก็จะสนับสนุนให้เล่นดนตรี เรียนรำไทย เต้น จะทำกิจกรรมแบบนี้มาตลอด ไปเรียนต่างประเทศก็จะแสดงละครเวทีทำอะไรแบบนี้ จนมาเล่นกีฬาค่ะ ซึ่งหนูเคยเล่นกีฬาอื่นๆ มาตั้งแต่ตอนชั้นประถมนะคะเพราะตอนนั้นคุณพ่อให้เรียนว่ายน้ำจนเกือบติดเยาวชนทีมชาติ แต่ว่าก็ต้องหยุดไป เพราะว่าจะเข้ามัธยม หลังจากนั้นก็ไม่ได้เล่นกีฬาอื่นๆ อีกเลยเพราะว่าหนูเป็นคนไม่ค่อยแข็งแรง ไม่ค่อยสบาย เหนื่อยง่ายเลยจะไม่ค่อยเล่นกีฬาเท่าไหร่ค่ะ

ตอนก่อนที่หนูจะมาเล่นกีฬาฟันดาบ หนูไม่ได้ปรึกษาคุณพ่อ คุณแม่ก่อนนะคะ เพราะว่าหนูไม่คิดว่าจะต้องมาเล่นจริงจัง คืออยากเล่นสนุกๆ แต่พอเราเริ่มมาเป็นนักกีฬามหาวิทยาลัย ก็ต้องบอกคุณพ่อคุณแม่เพราะว่าเรากลับดึกขึ้น เนื่องจากว่าเราจะต้องซ้อม ซ้อมวันละ 2-3 ชั่วโมง จนตอนหลังต้องมาอยู่หอพักค่ะ

พอตอนที่หนูจะมาเล่นจริงจัง ที่บ้านก็สนับสนุนนะคะแต่ว่าคุณพ่อ คุณแม่จะบอกเสมอว่า อย่าเสียเรื่องการเรียนนะลูก คือจะทำกิจกรรมอะไรก็ได้ในมหาวิทยาลัยแต่ว่าอย่าให้กระทบกับการเรียน

คุณพ่อคุณแม่จะสนับสนุนหนูทุกอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม ก็จะไปเชียร์ ไปส่งตลอด อยากเป็นอะไรก็เต็มที่เลย ซึ่งตอนแรกไม่ได้คิดว่าหนูจะมาไกลขนาดนี้เหมือนกันนะคะ ตอนที่บอกเขาว่าเราจะติดทีมชาติ เขาตื่นเต้นมากๆ ก็จะให้กำลังใจแต่จะไม่ได้กดดันหรือคาดหวังอะไรมาก

 • แบบนี้พอมาเล่นกีฬาฟันดาบจริงจังแล้ว เราแบ่งเวลาให้กับการเรียนและการฝึกซ้อมยังไงบ้าง

เรื่องการซ้อมตอนแรกที่เริ่มเล่นจะเป็นพี่ๆ ในชมรมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคอยฝึกสอนให้ค่ะ จะช่วยสอนทั้งสอนเบื้องต้น และให้คำแนะนำ ซึ่งชมรมที่มหาวิทยาลัยก็จะมีโค้ชประจำดาบที่นั่นอยู่แล้ว ก็จะมีโค้ชเข้ามาสอนสัปดาห์ละ 2 วัน วันอื่นๆ ก็จะซ้อมกับพี่ๆ ในชมรมค่ะ

ปกติหนูจะซ้อมหลังเลิกเรียนเป็นส่วนใหญ่ค่ะแต่ว่าถ้าเกิดมีงานกลุ่ม หรืองานค้างอะไรที่จะต้องทำ หนูจะเลือกทำงานก่อน เสร็จแล้วถึงจะไปซ้อม แล้วก็ช่วงสอบหนูจะพักการซ้อมไปก่อนเพื่ออ่านหนังสือสอบ

ตอนแรกหนูเล่นเพื่อสุขภาพ เพื่อความสนุกมาตลอด หนูมาเริ่มฝึกซ้อมจริงจังตอนที่เล่นปีที่ 2 เพราะตอนนั้น Rank เราเริ่มสูงขึ้น เราก็เล่นจริงจังในระดับนักกีฬามหาวิทยาลัย แข่งเอา Rank ไปแข่งกีฬามหาวิทยาลัย แต่ถามว่าซ้อมหนัก ออกกำลังกายหนักไหม หนูไม่เคยคิดเลยนะคะว่าเราจะต้องมาวิ่ง ต้องแข็งแรงเหมือนกีฬาอื่นๆ แต่พอมาถึงจุดที่เราเข้ามาเป็นทีมชาติทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กลับกลายว่าเราต้องเปลี่ยนความคิดทุกอย่าง เปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน ซึ่งเราจะต้องมาวิ่ง มาเวต เราจะต้องทำเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ต้องพยายามมากขึ้น

ตารางซ้อมจะแน่นมาก ซ้อมสัปดาห์ละ 6 วัน จันทร์ถึงเสาร์ ซ้อมวันละ 3 เวลา หนูต้องตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 ออกมาวิ่งตอน 06.00-07.30 น. หรือ 06.00-08.00 น.วิ่งในราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก ซึ่งช่วงนี้ปิดเทอมก็จะไม่มีเรียน แต่ถ้ามีเรียนหนูจะซ้อมตอนเช้าเสร็จ แล้วก็ไปเรียน แล้วเรียนเสร็จก็จะกลับมาซ้อมตอน 4 โมงเย็น ไม่หนักมาก แต่ตอนนี้ไม่มีเรียนหนูก็จะซ้อมเช้า สาย เย็น ตอนสาย ก็จะเป็น 09.00-11.00 น. ซ้อมฟันดาบกับโค้ช อาจจะเป็นฝึกสเต็ปขาด้วยซึ่งก็ไม่ง่ายเลย บางทีทำจนลุกขึ้นไม่ได้เลยก็มีค่ะ ต้องซ้อมหนักมากๆ อย่างเมื่อก่อนตื่นเช้ามาเราก็ไปเรียน กลางวันก็ทานข้าวกับเพื่อน ตอนบ่ายก็ไปเรียนในกรณีที่มีเรียนเช้าบ่าย แต่ถ้ามีเรียนบ่ายอย่างเดียว เช้าเราก็สามารถตื่นสายได้ อาจจะเลิกเรียนแล้วไปทานข้าวกับเพื่อน หรือไปทำอะไรก่อนแล้วค่อยมาซ้อม หรือวันไหนที่ไม่มีซ้อมเราก็จะไปเดินเล่นกับเพื่อน หรือทำงานกับเพื่อน แต่พอมาติดทีมชาติปุ๊บ เวลาที่เราได้ใช้ในมหาวิทยาลัยก็น้อยลง ไปมหาวิทยาลัยจะเรียนอย่างเดียว เข้าห้องเรียน อาจจะมีขอออกก่อนบ้าง หรือพอเรียนเสร็จเราก็จะต้องดิ่งกลับมาที่ราชมังคลากีฬาสถานเลยโดยไม่ได้แวะที่ไหนเลย

ส่วนเรื่องเรียน ตอนนี้หนูอยู่คณะอักษรศาสตร์ ปี 3 กำลังจะขึ้นปี 4 ซึ่งการเรียนหนูก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ระดับกลางๆ เพราะหนูไม่ใช่คนที่เก่งมากๆ แต่หนูก็โอเค ส่วนคุณพ่อคุณแม่ท่านก็โอเคค่ะ เรื่องแบ่งเวลาเรียนหนูต้องให้ทางสมาคมทำหนังสือส่งตัวเราขอไปที่คณะ ต้องแจ้งให้ทางอาจารย์ผู้ฝึกสอนได้รับทราบว่าตอนนี้เรามีอีกหน้าที่หนึ่งที่ต้องทำ จะต้องเก็บตัว อาจจะมีทับซ้อนกับเวลาเรียนบ้าง ก็คือจะต้องแจ้งอาจารย์ไว้ก่อน

 • ซ้อมหนักขนาดนี้ มีช่วงไหนที่ท้อๆ บ้างไหมคะ

ด้วยความที่เราต้องตื่นเช้ากว่าเดิม ต้องทำตัวเองให้มีวินัยมากขึ้น บางทีก็รู้สึกเหนื่อยมาก ไม่อยากตื่นเลยแต่ก็ทำไม่ได้ ต้องบอกตัวเองทุกครั้งว่าเราต้องทำ ต้องไม่มีข้อแม้ ข้ออ้างใดๆ ไม่สบายก็ต้องไป

มีหลายครั้งเคยตื่นมาแล้วบอกกับตัวเองว่าไม่ไปแล้วดีกว่า หนูต้องตื่นตี 5 ตี 5 ครึ่งต้องออกจากห้อง พอนาฬิกาปลุกตี 5 เราไม่อยากไป อยากนอนต่อ แต่พออีก 10 นาทีต่อมา หนูก็บอกตัวเองว่าไม่ได้แล้วนะ ต้องลุกแล้วนะ สุดท้ายก็ต้องไปอยู่ดี (หัวเราะ) มันจะมีประมาณ 10 นาทีที่ขี้เกียจ ที่ท้อ ที่ไม่อยากไปซ้อม แต่หลังจากนั้นเราจะบอกตัวเองว่าไม่ได้นะ มันคือหน้าที่ที่เราเลือกแล้ว เราก็ต้องทำให้ประสบความสำเร็จ เพราะหนูเป็นคนที่เพิ่งมาเล่นด้วย เรายังไม่แข็งแรง เราก็จะวิ่งช้ากว่าคนอื่น ต้องวิ่งให้ครบ คือหนูจะคิดเสมอว่าเราจะต้องไม่ทำตัวให้เป็นนักกีฬาปกติเพราะเราคือทีมชาติ

ต้องยอมรับว่าตั้งแต่ติดทีมชาติเวลาว่างน้อยมากจริงๆ จะได้กลับบ้านวันเดียว กลับไปก็จะอยู่กับที่บ้าน ไปทานข้าวกับครอบครัวก็คือจะว่างแค่วันนั้น แต่ในทุกๆ วันจะเป็นการซ้อมส่วนใหญ่ ซ้อมอย่างเดียว ไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ เวลาไปดูหนัง ไปเที่ยว เดินเล่นกับเพื่อนๆ เหมือนเมื่อก่อนจะไม่มีแล้ว ไปเจอเพื่อน นัดเจอเพื่อนแทบไม่มี แต่หนูไม่รู้สึกสูญเสียความเป็นวัยรุ่นนะคะ เพราะว่าหนูทำสิ่งพวกนั้นมาเยอะพอสมควรแล้ว แต่ว่าอันนี้มันเป็นอีกจุดหนึ่งที่ถ้าเกิดว่าหนูไม่ทำ หนูจะเสียดายไปตลอดชีวิต

 • ถามเป็นความรู้หน่อยค่ะ กีฬานี้ยากง่ายยังไง เป็นผู้หญิงเล่นยากไหม อันตรายไหม เรื่องกฎกติกาของกีฬาฟันดาบต่างๆ เป็นยังไง

กีฬาฟันดาบเป็นกีฬาต่อสู้ที่ไม่อันตราย ผู้หญิง ผู้ชายสามารถเล่นได้หมด บางคนอาจจะคิดว่าเป็นกีฬาต่อสู้จะต้องแค่ผู้ชายเล่นหรือเปล่า ซึ่งไม่ใช่เลยค่ะ หนูมองว่าเป็นกีฬาต่อสู้ที่ปลอดภัยที่สุดด้วยเนื่องจากชุดจะมีมาตรฐานของเขา น้อยมากที่จะบาดเจ็บจากการฟันดาบ ถ้าเราเล่นถูกวิธี แต่อาจจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เหมือนกันค่ะ เช่น ขาพลิก หรืออะไรต่างๆ ก็จะแล้วแต่คน อาจจะถอยผิดท่า แต่จะเป็นแค่เล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าเกิดระหว่างการปะทะกันแทบจะไม่มีเลยค่ะ

กีฬาฟันดาบจะมีทั้งหมด 3 ประเภทค่ะ ซึ่งกฎของแต่ละประเภทจะแตกต่างกันออกไป ของหนูจะเล่นประเภทดาบเอเป้ จะใส่ชุดสีขาว แทงตรงไหนก็จะได้แต้มตรงนั้นเลย ซึ่งถ้าไฟขึ้นทั้งสองฝั่งก็คือจะได้แต้มทั้งสองฝั่งค่ะ

ประเภทที่สองก็คือดาบฟอยล์จะมีเป้าแค่เสื้อกั๊กสีเงินค่ะ คือถ้าใครบุกหรือใครมีสิทธิ สิทธิก็คือไปเคาะดาบ ซึ่งถ้าแทงออกไปไฟขึ้น ต่อให้ไฟขึ้นคู่แต่ว่าสิทธิอยู่กับใครคนนั้นจะได้แต้มไปค่ะ

ประเภทที่สาม คือ ดาบเซเบอร์จะเป็นเสื้อแขนยาว กฎกติกาก็จะคล้ายกันจะเป็นเป้าตั้งแต่ช่วงบน ตั้งแต่แขนไปถึงหัว ประมาณว่าดาบฟัน โดนใบดาบก็ได้แต้มแล้ว แต่ฟอยล์กับเอเป้จะมีปุ่มกดอยู่ที่ปลายดาบค่ะ

จริงๆ หนูเคยคิดว่าการฟันดาบเอเป้ที่หนูเล่นคือประเภทที่ง่ายที่สุด เพราะไม่ต้องรู้เรื่องสิทธิอะไรเลย แต่จริงๆ แล้วหนูว่ามันกลายเป็นประเภทที่ยากที่สุดเลยนะคะเพราะว่าเป้าเราคือทั้งตัวเลย ซึ่งเราจะทำยังไงให้ไฟขึ้นไฟเดียว เราจะทำยังไงที่จะป้องกันเป้าทั้งตัวของเราได้

 • แล้วกีฬาฟันดาบตอนนี้โดดเด่นยังไงบ้างในประเทศไทย

จริงๆ ในประเทศไทยกีฬาประเภทนี้ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนะคะ เพราะอย่างตัวหนูไปดูครั้งแรกหนูก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน หรืออย่างในข่าวเองก็ไม่ค่อยมีข่าวอะไรมาก เพิ่งจะมีข่าวออกมาบ้างที่พี่วีระเดช โค๊ธนี ไปได้เหรียญมา แต่ว่าก็ไม่ได้เป็นกีฬาที่คนทั่วไปสนใจมากนัก เป็นกีฬาที่อาจถูกมองว่าเข้าถึงยาก เพราะว่าหนึ่งคือที่ฝึกสอนมันจำกัด มีน้อย แต่ว่าตอนนี้ ช่วงปีนี้มีชมรมเปิดมากขึ้น มีไปสาธิตตามโรงเรียนมากขึ้น แล้วก็มีสื่อเข้ามาทำข่าวมากขึ้น มีคนรู้จักมากขึ้น นักกีฬาก็เพิ่มขึ้นมา ตอนนี้หนูว่ากีฬาประเภทนี้กำลังมา กำลังบูมมากขึ้นแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วประเทศไทยมีนักกีฬาฟันดาบเก่งๆ หลายคนนะคะ อย่างพี่วีระเดช โค๊ธนี พี่นนทพัฒน์ ปานจันทร์ ได้เหรียญซีเกมส์มาหลายสมัยซ้อนเลยค่ะ

ส่วนตัวหนูรักและผูกพันกับกีฬานี้มากๆ พี่ที่เขาเก่งๆ อาจจะพอแล้วถึงจุดอิ่มตัวแล้ว เริ่มออกกันบ้างแล้ว ซึ่งนักกีฬาจะขาดตอน ถ้าเป็นไปได้หนูอยากให้มีน้องๆ เยาวชนเพิ่มขึ้นมาฝึกกันเรื่อยๆ ไม่อยากให้ขาดตอน เพราะว่าประเทศไทยเคยติดอันดับหนึ่งมาก่อน อย่างก่อนหน้านี้ที่ทำงานในมหาวิทยาลัยทำงานชมรมมาก็มีน้องๆ เข้ามาซ้อม คือเราพยายามดึงน้องเข้ามา พอน้องๆ ได้มาเล่น มาฝึกซ้อม รู้สึกว่าน้องเขาก็ผูกพันกับกีฬานี้เหมือนกัน

กีฬาฟันดาบเป็นกีฬาที่สนุกแล้วก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ทุกคนสามารถเข้ามาเล่นได้เพราะเป็นกีฬาที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน ตอนนี้คนก็เข้ามาเล่นเยอะแล้ว เพราะมันเป็นช่วงที่กำลังไต่ขึ้น ถ้าเข้ามาเล่นตอนนี้โอกาสที่จะพัฒนามันก็มีเยอะ

 • ความใฝ่ฝันสูงสุดของเราอยากไปไกลแค่ไหนกับกีฬาฟันดาบ

เหมือนช่วงนี้กำลังขึ้นมาเรื่อยๆ หนูอยากเห็นตัวเองไปอยู่จุดที่สูงสุด เพราะว่าถ้าเราพยายามทุกอย่างแล้วจุดสูงสุดเราจะไปได้ถึงไหน หนูอยากลองไปอยู่ให้ถึงจุดนั้นก่อน

ความตั้งใจของหนูตอนนี้คืออยากไปทำเหรียญให้กับประเทศไทย หนูไม่หวังถึงเหรียญทองนะคะ เพราะว่ามีหลายๆ ประเทศ อย่างเวียดนาม สิงคโปร์ที่เขาเก่งมากแล้วเขาก็ได้เหรียญกันทุกปี แต่หนูรู้สึกว่าหนูซ้อมหนักพอสมควร ถ้าในเมื่อเรามีความตั้งใจยังไงมันก็สามารถไปถึงเหรียญได้สักเหรียญหนึ่ง ซึ่งในซีเกมส์นี้หนูอยากจะทำเหรียญกลับมาให้ได้ค่ะ

ถามว่าตอนนี้พอใจแล้วหรือยัง หนูจะตอบว่ายังนะคะ หนูตั้งเป้าหมายไว้ว่าถ้าหนูมีโอกาสในชีวิตถ้าได้ไปโอลิมปิกมันก็ดี แต่ว่ามันค่อนข้างไกลมาก ตอนนี้เลยคิดว่าเราอยากสนุกและอยากเต็มที่กับสิ่งที่ชัดเจนก่อน ณ เวลานี้ อย่างซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ หรือว่าชิงแชมป์เอเชียอะไรประมาณนี้ค่ะ รู้สึกว่าครั้งหนึ่งเราจะต้องไปคว้าเหรียญแมตช์พวกนี้มาให้ได้

รู้จักกีฬาฟันดาบให้มากขึ้น
ข้อมูลจาก สมาคมฟันดาบแห่งประเทศไทยฯ(http://www.thaifencing.org/extensions.html)

กีฬาฟันดาบเป็นกีฬาที่ถูกจัดมาตรฐานว่าเป็นกีฬาที่ปลอดภัยที่สุดประเภทหนึ่ง เนื่องจากอุปกรณ์ป้องกันนั้นถูกกำหนดมาตรฐานไว้สูง ถึงแม้ว่าในการเริ่มต้นการเล่นเราอาจใช้อุปกรณ์ที่มาจากประเทศจีนที่มีราคาถูก แต่อุปกรณ์จากจีนก็มีมาตรฐานเพียงพอในการปกป้องเด็กๆ ที่หัดเล่นใหม่ อุปกรณ์จากจีนนั้นมีราคาถูก จึงทำให้การเล่นฟันดาบไม่เป็นข้อจำกัด เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

ในการแข่งขันนั้นมีดาบอยู่ 3 ประเภทได้แก่ ดาบฟอยล์, ดาบเอเป้ และดาบเซเบอร์ อาวุธทั้งสามชนิดถูกใช้ในกีฬาฟันดาบสากลยุคปัจจุบัน ใบดาบของดาบเหล่านี้ทำมาจากเนื้อเหล็กที่ยืดหยุ่นได้โดยใบดาบแต่ละใบมีความยาวสูงสุดไม่เกิน 89 เซนติเมตร (35 นิ้ว) น้ำหนักสูงสุดสำหรับดาบฟอยล์ และดาบเซเบอร์ ประมาณ 500 กรัม(ประมาณ 17.6 ออนซ์) ดาบเอเป้หนักประมาณ 770 กรัม (ประมาณ 27.2 ออนซ์)

การพัฒนาของดาบเริ่มต้นมาจากอาวุธที่ใช้ในการต่อสู้และฝึกซ้อม ต่อมาใช้ในการประลองและถูกพัฒนาเพื่อใช้ในกีฬาดาบฟอยล์มีน้ำหนักเบา และยืดหยุ่น เป็นอาวุธที่ใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการฝึกฝน โดยทั่วไปแล้วจะใช้สอนแก่นักฟันดาบที่เพิ่งเริ่มเล่น

ดาบเอเป้และดาบฟอยล์การทำแต้มใช้การแทงด้วยปลายใบดาบที่มีปุ่มวงจรไฟฟ้าติดตั้งไว้บริเวณที่ปลายด้านหัวดาบ ดาบเซเบอร์ใช้ใบดาบด้านคมดาบ (แต่ในเชิงเทคนิคในการตัดสินด้วยเครื่องไฟฟ้าสามารถใช้ได้ทุกส่วนของใบดาบ) ดาบเอเป้ยุคใหม่พัฒนามาจากดาบฝรั่งเศสขนาดเล็ก และมีลักษณะใหญ่กว่าดาบฟอยล์

เรื่อง : วรัญญา งามขำ และจิราภรณ์ คงทรัพย์
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์ และเฟสบุ๊ก Tonnam Mch

กำลังโหลดความคิดเห็น