ประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมาร่วมกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (3 มิ.ย.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 243 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง
ด้านนางพูนทรัพย์ คงเสน่ห์ แม่บ้านวัย 63 ปี เดินทางทางจากบ้านพักย่านประชานุกูล เป็นครั้งแรก พร้อมกับลูกสาว นางสาวญาดาวรรณ พนักงานบริษัทเอกชน วัย 23 ปี เผยความรู้สึกหลังขึ้นกราบพระบรมศพในหลวงรัชกาล ๙ ว่าดีใจและตื้นใจมากที่มีโอกาสได้มากราบพระองค์ท่าน โดยตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระองค์ท่านไปสู่สุคติ ไปสู่สวรรคาลัย ส่วนตัวเองจะตั้งใจทำความดีเพื่อพระองค์ท่าน "แม้จะไม่เคยมีโอกาสชื่นชมพระบารมีพระองค์ท่านเลยสักครั้ง แต่ติดตามข่าวสารผ่านทางทีวีอยู่เสมอ พระองค์ท่านทรงงานมากมายเพื่อประชาชนคนไทยพระองค์ทรงเป็นที่สุดในทุกๆเรื่อง โดยส่วนตัวยังได้น้อมนำแนวพระราชดำริของพระองค์ท่าน ในเรื่องความพอเพียงมาปรับใช้กับตัวเอง ด้วยการใช้จ่ายอย่างประหยัดและซื้อของใช้ที่เหมาะสม" นางพูนทรัพย์ กล่าว
ด้าน นางสาวญาดาวรรณ กล่าวว่า ตัวเองมากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่สอง แม้ครั้งนี้จะต้องรอนานกว่าครั้งที่ผ่านมาแต่ก็ตั้งใจรออย่างไม่ย่อท้อ เพราะที่ผ่านมาประทับใจพระองค์ท่านมากที่ทรงช่วยเหลือประชาชนทั้งยังทรงเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายและพอเพียง
ด้านนายธีรศักดิ์ ชุ่มเชื้อ อายุ 52 ปี นายช่างไฟฟ้า 7 แผนกซ่อมบำรุงเครื่องจักรกลโรงงาน พร้อมด้วยนางภัคพร ชุ่มเชื้อ พนักงานการผลิต 4 แผนกบรรจุยาเม็ด 2 องค์การเภสัชกรรม กล่าวว่าเป็นครั้งแรกที่ได้มากราบสักการะพระบรมศพ ตัวเองสายตาพร่ามัวไม่สามารถเดินทางคนเดียวได้ จึงต้องรอให้คนในครอบครัวอย่างนางภัคพร พามาจะได้ดูแลกัน โดยวันนี้ออกจากบ้านพักที่นนทบุรีแต่เช้ามาถึงบริเวณท้องสนามหลวงเวลา 08.00 น.และได้เข้ากราบเวลา 09.00 น. แม้สายตาจะมองเห็นไม่ชัดเจนแต่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศความจงรักภักดีของพสกนิกรที่พร้อมใจกันมา ภาคภูมิใจที่ได้ใกล้ชิดกับพระองค์ท่าน แต่ก็เสียใจที่เป็นวาระที่พระองค์ท่านสวรรคตแล้ว "ตอนเล็กๆ มีโอการแต่งชุดลูกเสือรอรับเสด็จในหลวงรัชกาล ๙ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประทับใจถึงทุกวันนี้ พระองค์สำคัญกับชีวิตผม และคนไทยทุกคน ที่บ้านมีภาพพระองค์ติดอยู่เยอะมาก รักและศรัทธาพระองค์ เพราะท่านทรงงานอย่างหนักมาตลอดพระชนม์ชีพ ทรงเป็นกันเอง ไม่ถือพระองค์ ไม่ว่าส่วนไหนของประเทศก็เสด็จพระราชดำเนินมาหมด ทรงให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน ภาพที่พระองค์ทรงโน้มพระวรกายไปรับดอกบัวเหี่ยวๆ ที่หญิงชรานำมาถวายน่าประทับใจมาก ทรงเข้าไปอยู่ในใจชาวประชา สำคัญว่าพระองค์เสด็จฯ และทรงงานด้วยพระเนตรที่มองเห็นเพียงข้างเดียว สะท้อนว่าทรงสู้ชีวิตมาก เมื่อก่อนเราก็ไม่เข้าใจนะจนเมื่อสายตาเริ่มพร่ามัวถึงรู้ว่าใช้ชีวิตยากลำบากมาก แต่พระองค์ทรงไม่ท้อถอย เราจึงเกิดแรงบันดาลใจที่อยากต่อสู้เหมือนท่าน ยึดหลักความเป็นอยู่อย่างประหยัด ให้ความช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังผล มีความซื่อสัตย์สุจริต อีกไม่กี่เดือนก็จะถวายพระเพลิงแล้ว วันนั้นคงไม่สามารถเดินทางมาได้เพราะรู้ว่าคนเยอะแน่นอน วันนี้ถือว่าเราได้พยายามทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว" นายธีรศักดิ์ กล่าว