เรื่องเล่าของ ณฉัตร-กวิยณัฎฐ์ นางงามมากความสามารถ

กับชีวิตหลากหลายผ่านทั้งรอยยิ้มและน้ำตา แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ได้ก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เพราะมันคือความภาคภูมิใจในชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่ได้เกิดมาเพียงแค่ “มีมงฯมิสไทยแลนด์เวิลด์ปี 2012 เป็นใบเบิกทางเท่านั้น ความสามารถด้านการกีฬา และการแสดง ที่มีติดตัวมา ทำให้ ณฉัตร - กวิยณัฎฐ์ แฮร์มันน์ กลายเป็นที่สนใจของผู้คนอย่างไม่รู้เบื่อ

ณฉัตร - กวิยณัฎฐ์ เป็นลูกสาวคนเดียวของ “ไรเนอร์ แฮร์มันน์” กับ “ปัทมาวดี เมืองโคตร” เกิดที่เยอรมัน แต่มาเติบโตในไทย โดยพ่อจะเรียกเธอว่า “วัลเณซ่า” แปลได้สองความหมาย คือ “ของขวัญของพระเจ้า” และ “ผีเสื้อ” ในวัยเด็กเธอฝันอยากเล่นกีฬา เพราะคิดว่า ออกกำลังกายหลากหลายชนิดมาตั้งแต่เด็กๆ

“คุณพ่อฝึกให้ว่ายน้ำตั้งแต่ 6 ขวบได้ เด็กคนอื่นพ่อแม่ก็จะให้เล่นสระเล็กๆ เพราะกลัวว่าลูกจะจมน้ำ แต่คุณพ่อของณฉัตรจะจับลงสระใหญ่ตลอด ก็ว่ายเรื่อยมาจนถึงชั้นมัธยมต้น ณฉัตรก็ไปเข้าชมรมไอกิโด้ ต่อมาครูผู้สอนได้แนะนำให้ไปเข้าชมรมคาราเต้ของ จ.ภูเก็ต พอซ้อมไปสักพักก็ได้เป็นนักกีฬาของจังหวัด ไปแข่งคาราเต้เยาวชนระดับภาคระดับประเทศ จำได้ว่าตอนนั้นได้เหรียญจากการต่อสู้และการรำท่าคาราเต้ ก่อนจะไปลงแข่งในรายการ ภูเก็ต ไทยแลนด์ โอเพ่น จนได้เหรียญทองแดง รวมถึงเหรียญเงินและเหรียญทองจากการแข่งขันคาราเต้ในประเทศอีกหลายรายการค่ะ”

เหรียญรางวัลจำนวนมากสร้างฝันให้ “ณฉัตร” อยากเป็นนักกีฬาคาราเต้ทีมชาติไทย แต่ความฝันที่ใกล้จะเป็นจริงต้องพังทลายลง เพราะการซ้อมหนักส่งผลต่อสุขภาพ

“ตอนนั้นซ้อมหนักมากต้องตื่นตี 5 ไปวิ่ง ไปซ้อม วอร์ม ประมาณ 9 โมง กินข้าว ซ้อมจนถึงเที่ยง กินข้าว พัก ซ้อมตั้งแต่บ่ายโมง จนถึงเที่ยงคืน และด้วยสรีระของเราด้วยมันไม่ให้ที่จะเป็นนักกีฬา เราสูงเกิน แล้วก็เพรียว นักกีฬาตัวจะต้องหนา เวลาโดนเตะครั้งหนึ่งก็จะเจ็บกว่าคนอื่น แต่ใจเรารักก็ซ้อมไปเรื่อยๆ จนมีวันหนึ่งเกิดวูบ ครั้งแรกก็นึกว่าพักผ่อนไม่พอ นอนน้อย แต่พอไปหาหมอตรวจแบบละเอียดปรากฏว่าสาเหตุที่วูบบ่อยเป็นเพราะเม็ดเลือดขาวต่ำ ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ส่งผลให้มีอาการข้างเคียง เพลียได้ง่าย ต้องทานยาตามที่หมอสั่ง เพราะเสี่ยงที่จะเป็นโรคเลือดค่ะ พอทราบก็ค่อนข้างกังวล แต่คุยกับหมอแล้วว่าถ้าเราทานยาครบ ดูแลตัวเองเรื่องอาหาร ออกกำลังกายก็สามารถหายได้ค่ะ เพราะเรื่องสุขภาพสำคัญมากจริงๆ ห้ามละเลยเด็ดขาด”

หลังพลาดหวังจากการเป็นนักกีฬาทีมชาติ ชีวิตของเธอก็พลิกผัน ฟ้าลิขิตให้ผีเสื้อน้อยตัวนี้โบยบินไปในเส้นทางนางงาม และประสบความสำเร็จด้วยการคว้าตำแหน่ง “มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2012” มาครอบครองอย่างสบายๆ

“หลังเลิกเล่นคาราเต้ก็หันไปเล่นกีฬาอย่างอื่น และคงเพราะหนูเป็นคนสูงเพียวก็เลยมีคนชวนไปประกวดนางแบบ ASNI Guest Model และ Thai Supermodel Contest 2011 ก่อนไปประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ ซึ่งตรงนั้นถือเป็นประสบการณ์ที่ดี จากช่วงแรกที่ไม่มั่นใจเลยเพราะเป็นคนเดินไม่สวยนะคะ ต้องฝึกเยอะมากต้องพยายามดูกระจก แต่ถ้าเวลาหันหลัง เราจะเผลอ ก็จะอัดวิดีโอตั้งเอาไว้ แล้วก็เดินไปเดินกลับ แล้วก็มาดูว่า ตั้งแต่เท้า การวางเท้า สะโพก การวางมือ จังหวะของแขน เราต้องดูเป็นส่วนๆ แล้วเราก็ค่อยๆ พัฒนา เพราะมันไม่สามารถจะปรับได้ในเวลาเดียว”

ตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ปี 2012 นี้ ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากที่เคยเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ ก็ต้องกลายเป็นคนสนุกสนานร่าเริง พูดจา เข้ากับผู้คนง่ายขึ้น ที่สำคัญเวทีนี้ยังช่วยให้เธอได้สัมผัสงานแสดง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความฝันในวัยเด็กที่เธอไม่คิดว่าจะเป็นจริง โดยโชว์ฝีมือทางการแสดง เรื่องแรก “ผู้ชนะสิบทิศ” ในบทบาท “ตะละแม่กุสุมา” ก่อนจะพลิกบทบาทมาแสดงเป็นนางร้าย ในละ “เพลิงพ่าย”

“เป็นอีกหนึ่งงานที่รักนะคะ แรกๆ ก็เขินนิดหน่อย พอเรื่องที่ 2 เรื่องที่ 3 ก็เริ่มชิน ตอนนี้ก็ไม่เขิน เริ่มสนุกมากขึ้นเพราะบทบาทที่ได้ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ที่เพิ่งจบไปคือ “เงาเสน่หา” เรื่องนี้ค่อนข้างแรงหน่อยนะคะ พลิกบทบาทมาแนวเซ็กซี่ตอนแรกก็อึดอัดนะคะ แต่เพื่อให้งานออกมาดีก็ต้องใส่ ส่วนงานตอนนี้มีละครอีกเรื่องที่กำลังจะออนแอร์เดือนสิงหาคมนี้ ทางช่อง 8 ก็เป็นเรื่อง เงาอาถรรพ์ ค่ะ เรื่องนี้ก็ไม่อยากให้พลาดนะคะ”

ชีวิตในวันนี้ ณฉัตร บอกว่า มีความสุขมาก เพราะได้ทำทุกอย่างที่รักมาอย่างครบถ้วนแล้ว และชีวิตหลังจากนี้คือการตั้งใจแสดงละครให้ได้ในทุกบทบาทและเธอจะต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อแฟนละครของเธอ