กระทรวงแรงงานจ่อยกร่างกฎหมายลำดับรอง พ.ร.ก. การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 พร้อมยินดีให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในกฎหมาย ย้ำ เตรียมถกปัญหาผู้เกี่ยวข้องวันที่ 5 กรกฎาคมนี้
นายวรานนท์ ปีติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการยกร่างกฎหมายลำดับรองตาม พ.ร.ก. การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ว่า กรมการจัดหางานจะพิจารณาให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาหอการค้า ภาคประชาสังคมต่างๆ เป็นต้น เข้ามาร่วมพิจารณาให้ความเห็นในการจัดทำร่างกฎหมายลำดับรองด้วย ซึ่งการออกกฎหมายฉบับดังกล่าว เป็นการดำเนินการตามกระบวนการ ขั้นตอนที่กำหนดไว้เพื่อแก้ไขปัญหา อุปสรรคต่างๆ ในการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว ซึ่งมีบทบัญญัติที่ครอบคลุมการบริหารจัดการทั้งระบบ โดยกำหนดให้นายจ้างมีหน้าที่รับผิดชอบในการส่งคนต่างด้าวกลับประเทศกรณีเลิกจ้างงานแล้ว กำหนดให้นายจ้างแจ้งการออกจากงานของคนต่างด้าว ซึ่งจะส่งผลให้ภาครัฐทราบข้อมูลการจ้างงานที่แท้จริง กำหนดขอบเขตการทำงานตามข้อเท็จจริงและความจำเป็นโดยอนุญาตให้คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานแล้ว สามารถทำงานได้อย่างถูกกฎหมายครอบคลุมท้องที่จังหวัดที่ได้รับอนุญาตทำงาน โดยไม่ยึดติดกับสถานที่ทำงานตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายฉบับเดิม ซึ่งจะช่วยลดภาระของนายจ้างในการขออนุญาตเปลี่ยน เพิ่มสถานที่ทำงาน กำหนดให้มีการทำงานในลักษณะบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรเอกชน ซึ่งข้อกำหนดเหล่านี้จะสามารถบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับกรณีที่มีการเสนอให้รัฐบาลเปิดให้ภาคเอกชนเข้าร่วมในกระบวนการยกร่างกฎหมาย เพื่อเพิ่มมุมมองให้เกิดความรอบคอบ และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมในการสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุน ปิดช่องทางให้เจ้าหน้าที่ข่มขู่รีดไถเงินจากนายจ้างและลูกจ้างนั้น ขณะนี้พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 อยู่ระหว่างยกร่างอนุบัญญัติ ซึ่งเห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าวที่ให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการออกกฎหมายในชั้นอนุบัญญัติ
นายวรานนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการจัดหางานกำหนดจัดเสวนาหัวข้อ “เสวนาพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 ปวงชนชาวไทยได้อะไร” กำหนดจัดในวันพุธที่ 5 กรกฎาคม 2560 เวลา 09.00 - 12.00 น. ณ ห้องจอมพล ป.พิบูลสงคราม กระทรวงแรงงาน โดยจะเชิญผู้เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ประกอบการ เอ็นจีโอ ผู้แทน กกร. นักวิชาการแรงงานจากมหาวิทยาลัย หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนมาร่วมกันเสวนาเกี่ยวกับการออกกฎหมายฉบับนี้