จังหวัดภูเก็ตรับมีเด็กหาดราไวย์ เดินตามเกาะแขนเกาะขานักท่องเที่ยวจนกว่าจะได้เงิน แต่ไม่เยอะประมาณ 12 คน ผู้นำชุมชนตัดพ้อปัญหาเรื้อรัง พ่อแม่ส่งเสริมให้ลูกขอตังค์ เร่งหามาตรการป้องกันตั้งป้อมส่งเจ้าหน้าที่เดินตรวจตราอย่างต่อเนื่อง บังคับใช้กฎหมายจากเบาไปหาหนัก เอาผิดพ่อแม่ปล่อยปละละเลย
จากกรณีมีผู้ร้องเรียนให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเด็กชุมชนหาดราไวย์ มีพฤิตกรรมขอเงินจากนักท่องเที่ยว ด้วยการเดินตามเกาะแขนเกาะขาจนกว่าจะได้เงิน นั้น เฟซบุ๊ก Phuketandamannews ชี้แจงว่า ทางจังหวัดภูเก็ตได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีเด็กมาขอเงินจากนักท่องเที่ยวจริง จำนวนประมาณ 12 คน อายุประมาณ 8 - 12 ปี เด็กหลายคนเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดสว่างอารมณ์ ใกล้กับชุมชนชาวไทยใหม่ และมีเด็กบางคนไม่ได้เรียนหนังสือตามเกณฑ์ มีพฤติกรรมวิ่งขอเงินจากนักท่องเที่ยว เดินตามเกาะแขนเกาะขาจนกว่าจะได้เงิน เรียกเก็บเงินจากรถที่มาจอด โดยเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ของบริษัทท่องเที่ยวพามาลงเรือที่ท่าเทียบเรือราไวย์ และนักท่องเที่ยวที่มารับประทานอาหารที่ร้านอาหารในพื้นที่ชุมชนชาวไทยใหม่
นายนิรันดร์ หยังปาน ผู้นำชุมชนชาวไทยใหม่ กล่าวว่า ปัญหาเด็กขอทานในพื้นที่ตำบลราไวย์ เป็นปัญหาเรื้อรัง ซึ่งตนเคยเรียกพ่อแม่ของเด็กมาพูดคุยอธิบายให้เข้าใจว่าการไปขอเงินผิดกฎหมาย ก็ได้รับคำตอบว่า พ่อแม่ไม่ผิด เพราะลูกเป็นผู้ปฏิบัติ เขาไม่กลัว บอกว่า เด็กขอไม่เป็นไร ขอกันได้ เมื่อพ่อแม่เห็นว่าลูกสามารถหาเงินได้ ก็ไม่ห้ามปรามแต่กลับส่งเสริมให้ลูกกระทำผิด และปัจจุบันเด็กกลุ่มนี้ก็มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้เป็นปัญหาซึ่งกระทบกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่ชุมชนชาวไทยใหม่ หาดราไวย์ ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในชุมชนกว่า 1,000 คนต่อวัน
ขณะที่ นางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในการแก้ปัญหาดังกล่าวต้องใช้มาตรการปราบปรามก่อน ฝากให้ทางเทศบาลตำบลราไวย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปตั้งป้อมและให้มีคนมาอยู่ประจำป้อม เชื่อว่า ถ้าเด็กกลุ่มนี้เห็นเจ้าหน้าที่ ก็จะกลัวไม่กล้าที่จะไปขอเงินจากนักท่องเที่ยว และให้มีการหมุนเวียนกันเดินตรวจตราอย่างต่อเนื่อง ถ้าพบเห็นเด็กไปขอเงินจากนักท่องเที่ยว จะต้องเข้าไปตักเตือนพร้อมกับเรียกพ่อแม่ของเด็กมารับทราบพฤติกรรมและให้มีการบังคับใช้กฎหมาย จากเบาไปหาหนัก เพื่อให้เห็นว่าถ้าพ่อแม่ยังปล่อยปละละเลย ยังปล่อยให้มีพฤติกรรมแบบนี้ พ่อแม่ก็จะต้องรับผิดชอบ เพื่อให้เห็นว่าสิ่งที่เขาทำนั้นไม่ถูกต้อง และกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวด้วย
ส่วนมาตรการป้องกัน ให้ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวบรวมฐานความผิดทั้งหมดเผยแพร่ไปยังชุมชนฯ ให้มีความถี่ในการลงพื้นที่ไปให้ความรู้เชิงรุก ให้ไปดูกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในและนอกสถานศึกษา โดยร่วมกับโรงเรียนในพื้นที่ เพื่อดึงเข้ามาร่วมกิจกรรม ต่างๆ เพื่อจะได้ไม่ไปวุ่นวายกับนักท่องเที่ยว และให้ทางหน่วยงานท่องเที่ยว จัดทำโปรชัวร์ไปแจกให้กับไกด์ และนักท่องเที่ยว เพื่อจะได้รู้ว่าเขาไม่ควรที่จะมาให้เงินกับเด็กที่มีพฤติกรรมแบบนี้