xs
xsm
sm
md
lg

(คำต่อคำ) “ครูอ้อย” อ้างถูกมือมืดทำเว็บโจมตีขู่เรียก 11 ล้าน รับมีคอร์สคิดเงินชั่วโมงละ 1,500 แค่กลุ่มเล็กๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ฐิตินาถ ณ พัทลุง” อ้างถูกมือดีทำเว็บโจมตีอย่างเป็นระบบ ขู่หยุดสอน หยุดชวนคนทำบุญ และจ่ายค่าไถ่ 11 ล้าน แลกกับการหยุดแพร่ข่าว ยืนยันจัดหลักสูตรเข็มทิศชีวิตไม่ได้คิดเงิน กินฟรีอยู่ฟรี แต่มีคนกลุ่มเล็กๆ อยากเรียน เลยคิดชั่วโมงละ 1,500 วันละ 8 ชั่วโมง

วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่โรงแรมสุโขทัย สาทร น.ส.ฐิตินาถ ณ พัทลุง หรือ ครูอ้อย โค้ชชีวิตและผู้เขียนหนังสือเข็มทิศชีวิต แถลงข่าวระบุว่า ตนถูกโจมตีอย่างเป็นระบบและสลับซับซ้อน ด้วยการเปิดเว็บไซต์ เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ทำลายตนและครอบครัว เช่น บิดาของตนเป็นเสื้อแดง และปลูกฝังให้ตนเป็นคนไม่ดี พร้อมขู่ให้ตนหยุดสอน หยุดชวนคนทำบุญ และจ่ายเงิน 11 ล้านบาท เพื่อแลกกับการหยุดกระจายข่าวในแพลตฟอร์มต่างๆ

โดยได้ไปปรึกษา พ.ต.ต.วรนันท์ ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และได้ขอความคุ้มครองตามกระบวนการยุติธรรม ตนเองเป็นครู มีความรักและปรารถนาดีกับลูกศิษย์ทุกคน แต่หลายครั้งที่พูดตรงๆ ทำให้ทุกคนโกรธ สำหรับลูกศิษย์ที่โกรธ ตนขอขมาและขออโหสิกรรม ตนไม่คิดว่าการเผยแพร่ข่าวต่างๆ เป็นฝีมือของลูกศิษย์ ซึ่งข้อมูลต่างๆ ได้ส่งให้ดีเอสไอแล้ว และแจ้งความให้ตำรวจประสานงานกับ ปอท. แล้ว

ส่วนการจัดอบรมหลักสูตรเข็มทิศภาวนา เข็มทิศมหาชน ฟรีหมด 4 วัน 3 คืน แม้แต่ค่าห้องพัก แต่ก็ถูกบิดเบือน มีคนเรียนฟรีกับตนมากถึง 9 ล้านคน ทำให้คนที่ไม่อยากเบียดกับคนที่อบรมฟรีก็อยากจะเรียนกลุ่มเล็กๆ ปัจจุบันคิดชั่วโมงละ 1,500 บาท วันละ 8 ชั่วโมง 2 วัน (24,000 บาท) เหมือนกับการเรียนพิเศษ แต่ไม่ได้บังคับ เทียบกับต่างประเทศที่มีการสอน ราคาแพงมากถึง 3 แสนบาท

“ขอร้องว่า ถึงแม้ครูอ้อยจะทำงานฟรี หลักสูตรฟรี แต่ขออนุญาตให้คนกลุ่มเล็กๆ ที่เขาอยากมีทางเลือก ที่จะไปเรียนแบบไม่ต้องเบียดกับคนเยอะ ก็อนุญาตให้มีทางที่จะไป” น.ส.ฐิตินาถ กล่าว

ส่วนข้อกล่าวหาว่า หลักสูตรเข็มทิศชีวิตเหมือนวัดพระธรรมกายนั้น ยืนยันว่า ตนไม่ได้เป็นพระ ไม่ได้เปิดรับบริจาค เหมือนมาซื้อข้าวกิน แต่มาแก้ปัญหา แก้ความทุกข์ให้กับคน ขณะนี้ข้อมูลต่างๆ อยู่ในมือของตำรวจแล้ว ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่า ครูอ้อยนำภาพจากผู้ที่มีชื่อเสียงไปใช้โปรโมตคอร์สโดยไม่ได้ขออนุญาตนั้น ในขั้นตอนการสมัครก็ระบุว่า ผู้เรียนรับทราบว่าภาพและเสียงเป็นลิขสิทธิ์ของหลักสตูรอยู่แล้ว



คำต่อคำ

ถาม- ทำไมข้อมูลทางการเมือง เสื้อแดงเสื้อเหลือง

ตอบ- เยอะมากค่ะ

ถาม- ทำไมต้องเอาจุดนี้มา เพราะเป็นเรื่องปกติมากในสังคมที่จะมีทัศนคติทางการเมืองที่แตกต่างกัน

ตอบ- วันนี้เห็นในเฟซบุ๊กไหมคะ ในเฟซบุ๊กต่างๆ ก็ขึ้นเลย ว่าพ่อของครูอ้อย และมีรูปครูอ้อยประกบ ก็คือมันมีการจุดประกายจากทุกมุมทุกด้านว่าเรื่องต่างๆ ... ข้อเรียกร้องก็คือ ให้ครูอ้อยหยุดสอน หยุดชวนคนทำบุญ แล้วก็ให้เงิน 11 ล้านบาท

ถาม- มันจะทำให้ครูอ้อยเสื่อมเสีย ? ทั้งที่มันก็เป็นเรื่องปกติ

ตอบ- ไม่ค่ะ จริงๆ ในเว็บไซต์นั้นมีอีกเยอะแยะมากมาย ก็คือ เหมือนสมมุติว่าเรานั่งอยู่แล้วมีใครไปยุแหย่ ปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังเรา ก็ใส่ข้อมูลบิดเบือน ความเท็จ บิดซ้ายบิดขวา สมมุติครูอ้อยบอกว่า ด้วยถ้อยคำหรือโทนเสียงที่ปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังอย่างรุนแรง เข้มข้น ซึ่งในข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ครูอ้อยก็ส่งมอบให้กับทางดีเอสไอไป ว่าจะส่งต่อให้ใครหรืออะไร เพราะว่าในข้ออ้างที่เขาขู่มา เขาอ้างอิงถึงผู้ใหญ่ของดีเอสไอว่าเขามีเส้นสาย ผู้ใหญ่ในดีเอสไอ ให้ครูอ้อยมอบเงินไป

ถาม- ตรงนี้ได้มีการตรวจสอบกับดีเอสไอไหม

ตอบ- มันไม่เกี่ยวกับดีเอสไออยู่แล้ว

ถาม- แล้วได้ไปแจ้งความในเรื่องของ...

ตอบ- แจ้งความแน่นอน แจ้งความกับทั้งทางตำรวจและดีเอสไอ และขอให้ตำรวจ ประสานงานกับทาง ปอท.

ถาม- ตำรวจบอกไหมว่าจะมีความคืบหน้า ?

ตอบ- อันนี้ก็อยากรบกวนสอบถามท่านผู้อำนวยการฝ่ายร้องทุกข์ของทางดีเอสไอ ท่านวรนันท์ ที่เมื่อวานนี้ครูอ้อยไปพบท่าน

ถาม- เบื้องต้นเท่าที่สอบถามข้อมูลท่านว่าไงบ้าง ครูอ้อยบอกว่ามีช่องทางคนส่ง

ตอบ- อันนี้ครูอ้อยพูดยากมากจริงๆ เราคงเข้าใจออกใช่ไหม ก็อย่างที่เขาบอกว่าเขาวางรูปแบบต่างๆ ไว้เป็นระบบ เฟซบุ๊ก เพจ เพจชื่อคน ในการส่งข้อมูล ซึ่งดำเนินการมาหลายเดือนแล้ว ดำเนินการมาเป็นเวลาหลายเดือนเลยทีเดียว ก็เป็นหน้าที่ที่ต้อง จริงๆ แล้วครูอ้อยอยากฝาก ครูอ้อยขอกราบเรียนท่านนายกฯ และท่านอธิบดีดีเอสไอ และท่านผู้อำนวยการดีเอสไอว่า ถ้าในประเทศของเรา การขู่กรรโชกแบบนี้ครูอ้อยคงไม่ได้โดนเป็นคนแรก ที่มีการวางไว้แล้วในเฟซบุ๊ก ในเพจต่างๆ ในเพจแบบมหาศาลเลย ในประเทศของเรามีเพจมืด เพจดำ เพจต่างๆ จำนวนเยอะมากนะคะ ในเนื้อหาคล้ายคลึงกัน ในรูปแบบที่ต่างๆ กัน แล้วถ้าเป็นคนอื่นเขาก็จะต้องจ่ายเงิน แล้วก็ไปใช้ชีวิตเงียบๆ จริงๆ ครูอ้อยก็อยากทำแบบนั้นเหมือนกันนะคะ แต่พอดีครูอ้อยอ่านไม่ครบถ้วนเอง

ถาม- ครูอ้อยรู้สึกเกรงกลัวการข่มขู่ครั้งนี้ไหม

ตอบ- ลองนึกว่าถ้าเป็นเรา แม่เราร้องไห้ทุกวัน น้องเราร้องไห้ทุกวัน เหมือนชีวิตของเราไม่ปลอดภัย ข้อมูลอะไรต่างๆ ที่เขามีอยู่ในเว็บไซต์ เหมือนรู้เรื่องครูอ้อยส่วนตัวหมดทุกอย่าง ว่าวันนี้ครูอ้อยเดินไปที่ไหน โทรศัพท์พูดกับใคร อะไรต่างๆ ในระดับนั้น เพราะฉะนั้น ครูอ้อยไม่รู้จริงๆ ว่าเขาเป็นใคร ครูอ้อยโทรคุยกับคนที่ไหน สถานที่ไหน ตอนไหน เวลาไหน ก็รู้หมดทุกสิ่งทุกอย่าง ครูขอถามว่าถ้าเป็นใจเรา เราจะรู้สึกยังไง

ถาม- ครูอ้อยไม่คิดว่าจะเป็นลูกศิษย์หรือคนกันเองมีส่วนเกี่ยวข้อง? ทำไมเขาถึงข่มขู่ว่าขอให้หยุดการทำงานทุกอย่าง ตรงส่วนนี้ครูอ้อยสงสัยว่ามันเกี่ยวพันกันอะไรยังไง?

ตอบ- งานที่ครูอ้อยทำในทุกวันนี้ ครูอ้อยทำงาน 1 เดือน 30 วัน 26 วันครูอ้อยทำงานการกุศล ชวนคนไปวัด ชวนคนทำภาวนา พูดเรื่องดีๆ ทำหลักสูตรฟรี ส่งทางไกล ทำเฟซบุ๊กให้คนทุกชั่วโมง ทำหลักสูตรฟรีส่งทางยูทูบให้คนตลอดเวลา แล้วก็ทำไลฟ์สดสอน ชวนคนให้ไปวัด ไปวัดไหนก็ได้ ไปวัดที่ต่างๆ ก็ได้ ตลอดเวลา เสมอ แล้วอีก 4 วันที่เหลือครูอ้อยก็ทำงานแบบพวกเราทั่วไปปกติ แต่ตอนนี้เขาอยากให้ครูอ้อยหยุด เพราะเขาคงคิดว่าครูอ้อยทำไม่ดี เป็นคนไม่ดี ก็เข้าใจเขาค่ะ

ถาม- เพราะเนื้อหาในการสอนหรือเปล่า

ตอบ- อันนี้ก็ต้องถาม ไปสัมภาษณ์เขาดูค่ะ ... หลักการของห้องเรียนเข็มทิศชีวิตมี 3 ข้อ ข้อหนึ่ง ให้กลับไปรักครอบครัว สอง ให้รักษาใจในแกนบวก คือ คิดดี พูดดี ทำดี และสาม ให้กำหนดเป้าหมายและทำให้สำเร็จ

ข้อหนึ่ง กลับไปรักครอบครัว ทุกคนก็จะคิดว่ารักครอบครัวอยู่แล้ว แต่พวกเราเคยไหมคะที่เราหงุดหงิดกับพ่อแม่ หรือกอดพ่อแม่ไม่แนบแน่น แล้วอยากรัก เข้าใจ คุยกับพ่อแม่ให้สนิท เราสอนเรื่องนี้ว่า สามีภรรยาที่ยังแตกแยกกัน จะหย่าร้างกัน พูดกันไม่รู้เรื่อง ให้เขากลับไปคุยกันได้ ให้ลูกคุยกับพ่อแม่ได้ ให้พ่อแม่คุยกับลูกได้

สองก็คือ ปกติคนจะชอบคิดเรื่องลบ เสพดราม่า ว่าคนอื่น ตำหนิคนอื่น ก็ให้เปลี่ยนไปพูดเรื่องดีๆ คิดเรื่องดีๆ และทำเรื่องดีๆ แทน และ

สาม ในอดีตก็คือมีคนเยอะมากเลยที่คิดว่าไม่อยากทำอะไร ไม่มีพลังจะทำอะไร แต่จริงๆ แล้วในชีวิตเราทุกคน น้องนักข่าวนึกออกไหมคะ ถ้าแม่เราไม่สบาย เราต้องใช้เงินพาแม่ไปหาหมอ ลูกเราเข้าโรงเรียน หรือเราลำบากอะไร เราต้องใช้เงิน เพราะฉะนั้นห้องเรียนสอนให้เราตั้งเป้าหมาย แล้วก็มีพลัง มีความคิด กำหนดยุทธศาสตร์ที่จะไปลงมือทำให้มันสำเร็จ

ถาม- ในเอกสารบอกว่าถ้าข่มขู่หรือตอบโต้อาจจะมีข้อมูลมากกว่านี้ แต่การที่ครูอ้อยแถลง กลัวผลที่จะตามมาไหมครับ

ตอบ- ครูอ้อยก็ได้เห็นข้อมูลแต่ละชุด คือในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมานี้ เขาก็บอกไปว่านี่เป็นแค่น้ำจิ้ม ที่พวกเราได้เห็น หลายเดือนที่ผ่านมา สิ่งที่เขาบอกซึ่งครูอ้อยซาบซึ้งมาก ว่า ถ้าทันทีที่เขาเขียนข้อมูลเป็นเท็จ และบิดเบือนออกไป ครูอ้อยก็จะแตกสลาย เพราะกว่าที่จะเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ความจริง เหมือนพวกเราเป็นคนๆ หนึ่ง แล้วคนด่าเราทุกอย่าง คือไม่มีดีเลยในทุกสิ่งทุกอย่าง เอาง่ายๆ เช่นว่า ครูอ้อยเป็นคนที่นอนเร็วมาก คือนอนสองทุ่มครึ่ง แต่ในเว็บไซต์นั้นเขียนว่าครูอ้อยเป็นคนนอนไม่หลับ ถ้าเกิดไม่ได้กินยา ก็จะนอนไม่หลับ คือทุกสิ่งทุกอย่างที่ครูอ้อยขยับตัว คือเลวทั้งหมดเลย พ่อเลว แม่เลว ครูอ้อยเลว อะไรทุกอย่างคือไม่ดีเลยสักอย่าง

ถาม- เลยเวลาที่คนขู่ เลยมาแล้วมีอะไรเกิดขึ้นไหม ที่ขู่ว่าจะส่งข้อมูลให้ลูกศิษย์?

ตอบ- ข้อมูลก็ออกมาเรื่อยๆ นะคะ ซึ่งในแต่ละช่องทาง ก็ทยอยออกมาเรื่อยๆ ซึ่งครูอ้อยก็คิดว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็คงนำสืบขยายผลต่อไป

ถาม- มีข้อมูลส่งไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือยัง

ตอบ- ได้ไปหรือยังไม่รู้ // ก็คือตอนนี้ในทุกข้อมูล ช่องทาง ครูอ้อยว่าถามทางผู้อำนวยการของดีเอสไอค่ะ ถามท่านวรนันท์ดีกว่า

ถาม- ครูอ้อยหมายความว่าข้อมูลที่ออกมาจากสื่อนี้คือการบิดเบือนทั้งหมด?

ตอบ- ใช่ค่ะ

ถาม- มันมีกระแสสังคมในโซเชียลมีเดียที่ถามว่า รูปแบบการอบรม หรือคอร์สของครูอ้อยมีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งที่เป็นคอร์สธรรมะ

ตอบ- จริงๆ แล้วนี่เป็นหนึ่งตัวอย่างที่ปลุกปั่นให้เกิดความเข้าใจผิด เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมากที่ปลุกปั่นให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะจริงๆ แล้วรูปแบบการอบรมในห้องเรียน เข็มทิศภาวนา ห้องเข็มทิศภาวนานี่กินฟรี อยู่ฟรี นอนฟรี 4 วัน 3 คืน โรงแรม ทุกสิ่งทุกอย่างฟรีหมดเลย แต่เขาก็เปลี่ยนเป็นว่าเอาธรรมะมา แล้วเก็บเงินแพงๆ ซึ่งจริงๆ ฟรีนะคะ เข็มทิศภาวนา ฟรี เข็มทิศมหาชน ฟรี บทเรียนทางไกลทางยูทูบที่ส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง มีทีมงานนั่งทำงานทุกวันทุกคืน 7 วัน 24 ชั่วโมง ฟรี บทเรียนทางเฟซบุ๊กทุกชั่วโมง ฟรี แล้วห้องเรียนเข็มทิศที่เหมือนกับห้องเรียนที่ดีที่สุดต่างๆ ก็มีห้องเรียนเข็มทิศความสุข ฟรี เข็มทิศมหาชน ฟรี คือห้องเรียนฟรีเยอะมาก อาทิตย์ก่อนหน้านี้มีคนที่เรียนฟรีกับครูอ้อยทางเฟซบุ๊ก เพจเข็มทิศชีวิต ฐินินาท ณ พัทลุง ถึง 9 ล้านกว่าคน เกือบๆ สิบล้านคน คนที่มาเรียนฟรี คราวนี้มันก็จะมีคนแค่กลุ่มเล็กๆ กลุ่มเดียวที่เขาไม่อยากเบียดกับคนเวลาที่ พวกเรานึกออกไหมว่าพอเราประกาศฟรีปุ๊บ คนมาเรียนฟรีกับครูอ้อย ห้องเรียนฟรีห้องหนึ่ง 7,000 คน คนที่มาก็เบียดกัน ไม่ว่ามันจะใหญ่ เราใช้โรงแรมจัด คน 7,000 คน มันไม่มีทางที่จะสบายอยู่แล้ว คนที่เขาไม่อยากจะเบียดกันเขาก็จะไปเรียนแบบที่เขาไม่ต้องเบียดกัน เป็นกลุ่มเล็กๆ ซึ่งอันนั้นเป็นกลุ่มเล็กนิดเดียว แล้วเขาเลือก แล้วถามว่าแพงไหม ก็ปัจจุบันนี้พวกเราส่งลูกเรียนพิเศษ ติวเลขชั่วโมงละ 1,800 หรือครูสอนโยคะ 2,000 ครูอ้อยสอนวันนี้ชั่วโมงละ 1,500 แต่ครูอ้อยพูดเสมอเลยว่าเรียนฟรีทางไกลได้ ไม่จำเป็นต้องมา แต่เรานึกออกไหมบางคนเขาไม่อยากทำกับข้าวเอง เขาก็บอกว่า ... พวกเราลองนึกภาพดู ถ้าวันนี้ ครูยกตัวอย่าง พี่อดิศร เสื้อสีฟ้า วันที่แกมาเจอครูอ้อย แกเป็นหนี้แบงก์ ฟ้องล้มละลายพันกว่าล้าน ภรรยาแกที่ยืนอยู่ จะเลิกกับแก ลูกกับพ่อ กับแม่ ครอบครัวจะแตกแยก เป็นหนี้พันกว่าล้าน แล้วพอแกเรียนเสร็จ แกจ่ายหนี้หมด ไม่เป็นหนี้ใครสักบาท แล้วแกได้เงินกลับมาอีก คนที่เขาอยากจะจัดการกับปัญหาชีวิต คือบางที คนที่ไม่เคยเป็นหนี้ หรือไม่เคยเจอปัญหาชีวิต เรานึกไม่ออกหรอกว่ามันเข้าตาจนยังไง ครูอ้อยเจอมาแล้ว แล้วตอนครูอ้อยเจอ ครูอ้อยก็ไปเรียน แล้วเรียนที่เมืองนอกเขาจ่ายเป็นล้านค่ะ หลายล้าน หลายครั้ง นับครั้งไม่ถ้วน

ทีนี้ สิ่งที่ครูอ้อยสอน พวกเราในเมืองไทยอาจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหม่ แต่สิ่งที่ครูอ้อยสอน แอนโทนี่ ร็อบบิ้นส์ อะไรต่างๆ เมืองนอกเขาสอนกันระเบิดเถิดเทิง เขาสอนกันรุ่นหนึ่ง 3 แสนนะ คือแพงมาก แพงกว่านี้อีก เยอะมาก แล้วสิ่งที่ครูอ้อยทำ ที่ประเทศไทย เข้าถึงข้อมูลทั้งหมดได้ฟรี โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินเลยสักบาท

ถาม- แล้วกลุ่มเล็กต้องเสียเงินรายหัว ?

ตอบ- ชั่วโมงละ 1,500 บาท

ถาม- คิดตามชั่วโมง?

ตอบ- ก็เรียนทั้งหมด 2 วัน กี่ชั่วโมงก็คือคูณด้วย 1,500 บาท

ถาม- แล้วจริงหรือเปล่า 2 วัน 25,000?

ตอบ- ก็คูณตามชั่วโมงไปเลยค่ะ วันหนึ่งเราเรียนตั้งแต่ 8 โมงเช้า หรือ 9 โมงเช้า ถึง 5 หรือ 6 โมงเย็น ตีง่ายๆ ก็คือวันละ 8 ชั่วโมง สองวัน 16 ชั่วโมง 16 ชั่วโมง คูณ 1,500 บาท 18 ชั่วโมง คูณ 1,500 บาท

ถาม- นี่คือคอร์สพิเศษ?

ตอบ- ใช่ค่ะ แต่ครูอ้อยพูดเสมอว่า สะดวกที่ไหน นอนเรียนฟรีอยู่ที่บ้านได้เลย แต่มันมีกลุ่มคนเยอะมากเลยที่วันนี้กอดพ่อแม่ไม่ได้ คุยกับลูกไม่ได้ หรือนี่ คุณกีรติ คุณผู้ชายคนนี้ เคยทำงานบริษัท แล้วเงินเดือนก็คือ ไม่เคยเจอหน้าเมียก่อนเที่ยงคืน เขาก็มาเรียน แล้วเขาก็เปิดธุรกิจของเขาเองได้ ก็คือทุกคน คือครูอยากวิงวอน อยากขอร้องว่า ถึงแม้ครูอ้อยจะทำงานฟรี หลักสูตรฟรีเยอะ แต่ขออนุญาตให้คนกลุ่มเล็กๆ ที่เขาอยากมีทางเลือกที่จะไปเรียนแบบไม่ต้องเบียดกับคนเยอะ ก็อนุญาตให้เขามีทางไป เหมือนที่เราจะไปติว ไปเรียนโยคะ แล้วจริงๆ ครูอ้อยสอนถูกกว่าคอร์สซุมบ้านะ

ถาม- สอบถามรายละเอียดเว็บไซต์ เปิดเผยชื่อเว็บไซต์ได้ไหม

ตอบ- สอบถาม ผู้อำนวยการวรนันท์ได้เลย สอบถามทางดีเอสไอได้เลยค่ะ คือ ครูอ้อยอยากเรียนว่า ให้สอบถามกับผู้อำนวยการได้เลยค่ะ ข้อมูลตรงนี้อยู่ที่ตำรวจแล้ว จริงๆ แล้วครูอ้อยไม่ควรที่จะออกมาตรงนี้เสียด้วยซ้ำ คำเตือนหลายอย่าง ความปลอดภัยของชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่าง

ถาม- มีเสียงวิจารณ์ตอนนี้ว่า ที่ครูอ้อยทำเหมือนลัทธิธรรมกาย

ตอบ- ข้อแรก สมมติว่าเป็นวัด แต่อย่าเอ่ยชื่อเลยนะคะไม่ว่าจะวัดไหนก็ตาม ที่บอกว่าครูอ้อยเหมือนวัด ... ข้อแรกครูอ้อยไม่ได้ใส่ชุดสีเหลือง หนึ่ง ครูอ้อยไม่ได้เป็นพระค่ะ และสอง ครูอ้อยไม่ได้รับเงินบริจาค ใครจะมาก็คือเหมือนมาซื้อข้าวกิน ทุกคนเหมือนนักข่าว ทำงานก็ได้เงิน ใช่ไหมคะ คนขายข้าวแกงก็ทำงาน ก็คือขายข้าว ทุกคนก็ทำงาน แก้ปัญหาชีวิตให้คน นักข่าวก็ทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้คนให้มีความรู้ ข้อมูลเพิ่ม ถ้าครูอ้อยขายข้าวแกง ก็คือครูอ้อยแก้ปัญหาให้คนหายหิว หมอตามโรงพยาบาลก็แก้ปัญหาให้คนที่กำลังมีความทุกข์จากความเจ็บป่วย คือพวกเราทุกคน งานของเราทุกคนกำลังแก้ปัญหา แก้ความทุกข์ให้กับคน

ถาม- นอกจากร้องทุกข์กับทางดีเอสไอได้แจ้งความไว้หรือไม่

ตอบ- ก็เอาเป็นว่า อยู่ในมือของตำรวจค่ะ ก็มีแจ้งความตั้งแต่วันแรกๆ เจอหลักฐานก็แจ้งค่ะ

ถาม- สน.ไหน

ตอบ- ตอนนี้อยากให้รวมศูนย์ที่ผู้อำนวยการวรนันท์

ถาม- เพราะว่าดีเอสไอกับตำรวจเขาแยกกัน

ตอบ- ค่ะ แต่ตอนนี้เรื่องอยู่ที่ดีเอสไอเป็นผู้พิจารณาว่าจะส่งไปทาง สน.ไหน

ถาม- คำสอนของครูอ้อยมีอิงกับหลักพุทธศาสนาข้อไหนบ้าง

ตอบ- ให้คิดดี พูดดี ทำดี ให้รักกตัญญูกับพ่อแม่ แล้วก็อย่างพระพุทธเจ้าสอนอิทธิบาท 4 ว่าให้รักงาน ขยันทำงาน ตั้งใจทำงาน มีความเพียร ในการทำงาน หมั่นตรวจสอบงาน จริงๆ แล้วทุกอย่างที่เราทำในโลกก็ควรที่จะอยู่ในกรอบที่อิงกับศาสนา

ถาม- ครูอ้อยบอกว่า เว็บไซต์ออกมาข่มขู่เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว ก่อนหน้านี้ มีขบวนการบ่อนทำลายชื่อเสียงเป็นระยะเวลา 4-5 เดือนแล้วใช่ไหม

ตอบ- ตอนแรกครูอ้อยไม่ได้คิดว่าเป็นขบวนการ ตอนแรกครูอ้อยคิดว่าแค่คนว่างธรรมดา จนกระทั่งเมื่อ 2 วันที่แล้ว

ถาม- คิดว่า 2 กลุ่มนี้เชื่อมโยงกันไหม

ตอบ- ครูอ้อยไม่ทราบจริงๆ ค่ะ ต้องถามตำรวจดีกว่า ว่าเขาคิดอะไรยังไง

ถาม- ตำรวจมีการแจ้งความคืบหน้าไหมว่าสามารถตรวจสอบเว็บไซต์ได้ไหม มีใครอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า

ตอบ- ก็ต้องไปถามตำรวจ

ถาม- เขาไม่ได้แจ้งให้เราทราบ?

ตอบ- ใช่ค่ะ เพราะเราเพิ่งไปดำเนินเรื่องกับเรื่องเว็บไซต์เมื่อวานนี้เอง

ถาม- ครูอ้อยสงสัยไหมว่าทำไมข่มขู่ 2 วันแล้วก็มีข้อความที่เกี่ยวกับ คนดังทั้งหมด เหมือนมีคนโจมตีครูอ้อย ไม่เห็นด้วยกับครูอ้อย มันเหมือนกับว่าเป็นช่วงเวลาเดียวกัน ครูอ้อยตั้งข้อสงสัยไหมว่าเพราะเหตุอะไร

ตอบ- น้องนักข่าวคิดว่ายังไง

ถาม- ไม่ใช่ครูอ้อย ก็ตอบไม่ได้ค่ะ เพราะไม่ใช่ตัวเอง แล้วเราก็ไม่รู้ข้อมูลของครูอ้อย เราก็คงตอบไม่ได้

ถาม- มีการข่มขู่ ในเรื่องความปลอดภัยของครอบครัว มีการร้องขอดีเอสไอคุ้มครองพยานไหม

ตอบ- ทางดีเอสไอก็บอกว่ามีโครงการคุ้มครองพยานให้ คือเขาถามว่าครูอ้อยต้องการการคุ้มครองพยานหรือเปล่า แต่ตอนนี้คิดว่า ...

ถาม- คือดีเอสไอก็จะรับเรื่องไว้

ตอบ- ใช่ค่ะ

ถาม- นอกจากมีการข่มขู่ ในการเปิดเผยข้อมูล มีการข่มขู่ว่าจะติดตามหรือสร้างความหวาดกลัว?

ตอบ- มันต้องหวาดกลัวอยู่แล้วนะคะ มันต้องหวาดกลัวอยู่แล้ว มีคนตั้งเรื่องใหม่ๆ ที่จะใส่ร้ายป้ายสีเราทุกวัน ถ้าเป็นพี่น้องที่นั่งอยู่ พี่ว่ามันน่ากลัวไหมล่ะคะ คือทุกวันมีเรื่องใหม่ขึ้นมา อย่างเป็นระบบระเบียบ เป็นรูปแบบ ขั้นตอนที่สวยงามมาก ในเนื้อหามีรูปแบบ คือการตระเตรียมไว้ทุกวัน เป็นพี่ พี่จะกลัวไหมล่ะ

ถาม- แล้วในส่วนของศิลปินดาราที่ออกมาเรียกร้องให้เอาภาพของเขาออกจากคลิป?

ตอบ- ก็ให้เขาจัดการประสานงานกับทีมงาน เขาก็ประสานงานกันอยู่แล้วนะคะ จริงๆ แล้ว

ถาม- แล้วจริงๆ มีการตกลง มีการพูดคุยรายละเอียดกันตั้งแต่แรกเบื้องต้นไหมว่าอย่าเอาภาพเขามาใช้เพื่อการโปรโมท

ตอบ- ตั้งแต่แรกเริ่มต้น? ถ้ามี ใครจะใช้ล่ะคะ

ถาม- แล้วที่บอกว่ามีการเซ็นยินยอม

ตอบ- ก็เป็นมาตรฐานก่อนเข้าห้องเรียนไหมคะ เพราะประเด็นหลักคือเราจะต้องทำบทเรียนฟรีให้กับคนยากจน ให้กับคนทางไกล คนที่ไม่มีโอกาส สมมุติอย่างน้อง น้องนั่งอยู่ตรงนี้ น้องเป็นนักข่าว น้องจะเดินไปที่ไหนก็ได้ ฟรี แต่คนที่เขาทำมาหากินอยู่ เขาลำบาก เขายากจน เขาเดือดร้อน เขาต้องการเข้าถึงข้อมูลความรู้ ซึ่งหน้าที่หลักของห้องเรียนก็คือส่งข้อมูลเราทั้งหมดไปให้เขา แล้วอย่างที่บอกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านี้มีคนเข้าถึงเกือบสิบล้านคน

ถาม- พอจะเปิดเผยได้ไหมว่าเซ็นยินยอมที่ว่าคืออะไร

ตอบ- มันอยู่ในใบสมัครเรียนว่า คนที่เข้าห้องเรียนนี้รับทราบว่าลิขสิทธิ์ของภาพเป็นของห้องเรียน ไม่งั้นสมมุติว่าพอเรียนเสร็จ แล้วเราถ่ายบทเรียนส่งไปให้ประชาชน มันก็ยืนยัน ก็เป็นทีมอาสาที่เขาจัดทำ เขาก็ใส่ภาพไปให้คนมีกำลังใจต่างๆ ถ้าเราไม่มีเซ็นไว้ เราก็ทำงานยาก

ถาม- ส่วนนี้พอศิลปินดาราออกมาเรียกร้องให้เอาภาพของเขาออก ก็ทำ?

ตอบ- เราก็พยายามนะคะ แต่ก็ต้องขอความร่วมมือว่า บทเรียนฟรีทางไกลมันเยอะมากนะ เป็นห้าร้อย เป็นพันคลิป อันไหนที่ลำบากใจ ก็ต้องลองประสานงานมาว่า อันนี้ วินาทีเท่านี้ ช่วยเบลอหน้าดิฉันหน่อยได้ไหม

ถาม- แปลว่าจำนวนคลิป จำนวนการเผยแพร่ ...

ตอบ- หลักสูตรประชาชนทั่วไป

ถาม- แต่ว่าทางทีมงานก็จะมีการทยอยเอาออกให้ สำหรับศิลปินดาราที่แจ้งความจำนง

ตอบ- ถ้าเขาบอกว่า เขาไม่ใช่ เขาก็ประสาน

ถาม- (ฟังไม่ชัด)

ตอบ- จริงๆ แล้วบทเรียนอะไรต่างๆ ในต่างประเทศมันล้ำหน้าสอนกันมายาวนาน ยาวนานกว่าที่ครูอ้อยสอนในประเทศเยอะมาก แล้วขั้นตอน ทุกคนต้องรู้ตัวอยู่เสมอ สมมุติครูพูดตอนนี้ ว่าเรานึกถึงแม่เรา เราเคยไปทำไม่ดีกับแม่เรา เคยไหม เคยพูดจาไม่ดีกับแม่ แม่ทำกับข้าวให้กิน แล้วเราไปเหวี่ยงใส่เขา เราโกรธเขา เราพูดไม่ดีกับเขา เหมือนเราทำร้ายจิตใจแม่เราทั้งๆ ที่เขารักเรา เป็นห่วงเรา เราก็รู้ว่าเราก็รักเขา แต่เราเหวี่ยงใส่เขา พอเวลาที่ครูอ้อยให้คนเรียงลำดับนึกถึงสิ่งดีๆ ที่พ่อแม่เขาทำให้ เขานึกถึงขึ้นมาเขาก็ร้องไห้ แต่เขารู้ตัวเขานะ รู้ตัวตลอด กลับไปเห็นใหม่ว่า จากที่พวกเราเคยรู้สึกว่าทำไมแม่รักพี่มากกว่า รักน้องมากกว่า ทำไมแม่ไม่รักเรา ไม่เคยชมเรา เราเคยวิ่งมาบอกแม่ว่า แม่ หนูสอบได้ที่ 4 แม่บอกว่าทำไมไม่สอบได้ที่ 1 คือทุกคนเคยมีอยู่แล้วล่ะ แต่สิ่งที่ครูอ้อยสอนคือให้กลับไปเข้าใจใหม่ว่าทั้งหมดที่พ่อแม่ทำ คือพ่อแม่รักเรา และพ่อแม่ของพวกเราทุกคนเขาไม่ได้ตั้งใจหรอกที่จะทำให้เราเสียใจ แต่เราไปเข้าใจผิดเอง เราไปเก็บความขุ่นเคืองของเราเอาไว้กับพ่อแม่ของเราเอง ซึ่งหลักการห้องเรียนเข็มทิศมีหลักสำคัญมากอันหนึ่งเลยคือ ถ้าคุณไม่ยอมรับ และไม่ให้อภัยพ่อแม่อย่างแท้จริง คุณจะไม่สามารถได้สิ่งที่ดีๆ และไม่มีความสุขอย่างยั่งยืนได้ อันนี้เป็นเงื่อนไขเลย

ถาม- หลักคำสอนของเข็มทิศ กับพระพุทธเจ้า คนละอย่าง?

ตอบ- พระพุทธเจ้าคือกรอบใหญ่ พระพุทธองค์เคยเปรียบไว้เหมือนรอยเท้าช้าง คือเป็นกรอบใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ พระพุทธองค์สอนสิ่งดีงามเอาไว้หมด พอคนมาสอนศาสตร์เรื่องเล็ก เศรษฐศาสตร์ ตอนนี้ก็มีเศรษฐศาสตร์ชาวพุทธ จิตวิทยาเชิงพุทธ การบริหารธุรกิจเชิงพุทธ อะไรก็ตามที่จะสอนกันในโลกนี้ ครูอ้อยคิดว่ายังไงก็ตามมันควรต้องอิงอยู่ในกรอบใหญ่ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ดีแล้ว จะทำธุรกิจ คือเหมือนเราทำหลักสูตรความคิดให้คนทำงานให้ได้ ก็เป็นการที่ทำธุรกิจเป็นจุดเล็กๆ ที่อยู่ในกรอบของสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้

ถาม- มีข้อครหาว่าเราไปแอบอิงธรรมะมาเป็นธุรกิจ ...

ตอบ- ข้อแรกเลยก็คือว่า นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่ให้เห็นเลยว่าวิธีการที่บิดข้อมูลเพื่อสร้างความเกลียดชังให้กับครูอ้อย การบิดข้อมูลสร้างความเกลียดชังให้กับครูอ้อยก็คือ บิดเป็นว่า การปฏิบัติธรรม ให้มาเพื่อให้เสียเงินเรียน ซึ่งจริงๆ ที่ครูอ้อยเรียนไปแล้วว่ามันไม่ใช่ มันคนละส่วนกัน แล้วทีนี้ สมมุติว่าการปฏิบัติธรรมมันเหมือนกับวัดต่างๆ อย่างไร สิ่งที่ครูอ้อยทำก็คือ พอนักเรียนจะปฏิบัติธรรม ก็เปิดเลย พระไตรปิฎก คัดลอกพระสูตรมาว่า พระพุทธเจ้าสอนมหาสติปฐานสูตร สอนให้ทำอะไร ก็คือสอนให้ดูกาย ดูใจ ที่เป็นปัจจุบัน ด้วยใจที่เป็นกลาง หลักการในห้องการภาวนา คือครูอ้อยมีความรู้น้อย และครูอ้อยพูดเสมอเลยว่าครูอ้อยเป็นปุถุชน อย่างเวลาที่พวกเราถามครูอ้อยว่าเปรียบเทียบกับลัทธิหรือวัดอะไรต่างๆ ครูอ้อยจะพูดเสมอว่า ข้อแรก คือ ครูอ้อยไม่ได้นุ่งผ้าเหลือง ข้อสอง ครูอ้อยไม่เคยประกาศว่าครูอ้อยเป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระอริยบุคคล หรืออะไร อันนี้เราต้องแยกให้ออกก่อน ครูอ้อยอยู่ในชุดคนธรรมดา ที่มีโลภ โกรธ หลง และประกาศไปทั่วว่าเป็นปุถุชน เหมือนน้องที่ล่ะ ถ้าวันนี้น้องใส่ผ้าเหลืองปุ๊บ น้องต้องมานั่งบน และครูอ้อยต้องนั่งที่พื้น แล้วก็กราบน้อง เพราะฉะนั้นสถานะครูอ้อยคือเป็นคนธรรมดา เป็นปุถุชนธรรมดา ไม่ได้เป็นพระอริยเจ้า พูดทีไรก็บอกว่าครูเป็นปุถุชนที่เป็นเพื่อนปฏิบัติภาวนาของทุกคน

ถาม- เวลาที่เห็นภาพในเฟซบุ๊ก อาจารย์นั่งสูงอยู่ตรงนี้ ด้านหลังเป็นรูปพระพุทธเจ้า แล้วก็มีลูกศิษย์นั่งเรียน ทำให้เกิดคำถาม

ตอบ- จริงๆ แล้ว ขั้นตอนนี้ ขั้นตอนต่างๆ ครูบาอาจารย์ คือครูอ้อยเป็นลูกศิษย์พระแม่ศิริ ตั้งแต่ที่ไปเรียนวันแรกเมื่อ 21 ปีที่แล้ว ก็นั่งกันก็หลายร้อยคนนะ แล้วคุณแม่ก็นั่งบนเวที คือครูอ้อยตัวเตี้ย ถ้าครูอ้อยนั่งที่พื้นแล้วน้องจะเห็นครูอ้อยไหมล่ะ ก็อยากจะสูงกว่านี้นะ แล้วครูอ้อยพูดจริงๆ นะ คือ น้องลองนึกว่าถ้าน้องเป็นครูอ้อย แล้วทุกวันเราต้องพยายามทำเรื่องดีๆ เราไม่ได้มีความสมบูรณ์แบบหรืออะไรเลย เราก็เป็นคนธรรมดา มีโกรธ มีของขึ้น มีโลภ มีอยากอะไรต่างๆ ทุกอย่าง แต่ในแต่ละวันเราก็พยายามที่จะทำดีให้คนอื่น ตื่นมาเราก็คิดว่าวันนี้เราจะทำอะไรดีๆ ให้คนได้บ้าง แล้วเราทำมันเป็นรูปธรรม ซึ่งน้องนึกภาพออกอยู่แล้ว ถ้าถามจริงๆ คือ ใจครูอ้อยน่ะ รู้ ครูอ้อยเคยเป็นหนี้ ครูอ้อยเคยลำบากและชีวิตครูอ้อยน่ะ ยาก แล้วครูอ้อยรู้ว่าครูอ้อยผ่านมาได้ยังไง ผ่านมาทั้งปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า ไปสัมมนา ไปเรียนอะไรต่างๆ ที่ต่างประเทศ สัมมนาเยอะมากเลยนะคะ แล้วก็ผ่านมาอย่างนี้ สิ่งที่ครูอ้อยรู้คือ คนอื่นก็เป็นเหมือนครูอ้อยแหล่ะ เวลาที่มันโดน ... น้องเคยโดนน็อกมั้ย โดนน็อกแล้วมันก็มืดแปดด้าน มันไปไม่เป็น มันก็ต้องการบางสิ่งบางอย่าง จะคอร์สเล็กคอร์สน้อยที่เมืองนอก ครูอ้อยก็ไปเรียนมาหมดแล้ว แล้วแต่ละที่ครูอ้อยต้องจ่ายเป็นล้าน ไม่ใช่ชั่วโมงละพันห้า

ถาม- ทำไมต้องสอนให้ลูกศิษย์หาเงินเยอะๆ?

ตอบ- พ่อแม่ของเราไม่สบาย แล้ววันนี้เขาต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วเราต้องใช้เงินที่จะให้เขาเข้าโรงพยาบาล แล้วเราไม่มีเงิน เราจะเสียใจมั้ย หรือลูกของเราจะไปเรียนโรงเรียนดีๆ แล้วเราไม่มีเงินให้เขา หรือเราต้องทำงานแบบสายตัวแทบขาด กลับบ้านเราหมดแรง แล้วเราไม่มีแรงจะคุยกับเมีย ไม่มีแรงจะคุยกับลูก ไม่มีแรงจะคุยกับพ่อแม่ ครูอ้อยก็คิดว่า ถ้าใครคิดว่าแบบนั้นดีกว่า คือใครที่สะดวก ก็มีเครื่องอำนวยความสะดวกในระดับหนึ่ง เพราะเราเป็นฆราวาส เราไม่ใช่เป็นพระ อย่างเป็นพระ พระท่านก็ใช้เงินจากการบริจาค ก็ใช้เงินนะ ซึ่งฆราวาสเอาไปให้ ซึ่งฆราวาสก็ต้องหาเงิน แล้วพระพุทธเจ้าสอนอะไร ก็สอนว่าให้หาเงิน หนึ่งคือหาเงินให้เก่ง แล้วก็แบ่งเงิน แล้วก็เก็บเงินไว้ใช้ยามจำเป็น และเก็บไว้ลงทุน

ถาม- หลายคนตั้งคำถามว่า ครูอ้อยพยายามสร้างลัทธินิยมหรือเปล่า?

ตอบ- เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ทางเว็บนี้เขาบอกว่าเขาทำ

ถาม- เป็นข้อมูลบิดเบือน?

ตอบ- เอาอย่างนี้นะคะ ข้อแรกเลย สมมุติว่า ครูอ้อยได้ตอบไปแล้วว่าครูอ้อยสอนอะไร นับจากวันนี้ไป กลับไปรักพ่อแม่ เคารพรักสามีภรรยา คิดดี พูดดี ทำดี แล้วก็มีงานอะไรแล้วทำให้สำเร็จ เป็นลัทธิ ครูอ้อยว่าเราอยู่ยากนะ แล้วเราจะอยู่กันยังไงในบ้านเมืองนี้ แล้วอีกคำถาม ครูอ้อยตอบให้ มีคนบอกว่าครูอ้อยเป็นเจ้าลัทธิ เจ้าลัทธิไม่พาคนไปตามวัดต่างๆ ไปแจกตามที่ต่างๆ สิ่งที่ครูอ้อยทำคือครูอ้อยไม่ให้ใครมายึดเหนี่ยวครูอ้อยเลย ครูอ้อยจะทำเสมอเลย คือ ไปกราบครูบาอาจารย์ท่านนี้สิ ไปทำบุญที่วัดนั้นวัดนี้ ลองเปิดแฟนเพจสิคะ เข็มทิศชีวิต เห็นทุกอาทิตย์ ทุกๆ สิบวันเป็นอย่างน้อย บอกว่าไปก็จะบอกว่าไปที่นี่สิคะ ไปวัดโน้นสิคะ แล้วน้องคิดว่าสมมุติถ้าเราเป็นเจ้าลัทธิ เราจะแจกลูกค้าเราให้คนอื่นมั้ย

ถาม- แล้วที่สอนเป็นคนดี เป็นคนดียังไง? ก็มีคนมองว่า เวลาเราทำบุญมีคำว่า สมถะ พอเพียง เรียบง่าย แต่สิ่งที่ครูอ้อยทำคือโอ่อ่า หรูหรา

ตอบ- ครูว่านะ จริงๆ แล้วถ้าสิ่งที่ครูโดนทำลาย แล้วเรื่องนี้จะออกไปให้คนเข้าใจถูกต้องนะ ครูยอม ครูยอมสละชีวิตครูเลย พวกเราเข้าใจคำสอนพระพุทธเจ้าครึ่งเดียว พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้เลยว่าการทำงาน ให้ทำงานให้สำเร็จ อิทธิบาท 4 ฉันทะ คือต้องรักในงาน 2 วิริยะ เพียรในงาน 3 จิตตะ คือมีใจใส่ในงาน และวิมังสา แล้วสอนเรื่องหัวใจเศรษฐี พระองค์สอนหัวใจเศรษฐีไว้เลยว่าหมั่นหามา แล้วก็แบ่งทรัพย์ เก็บไว้ยามจำเป็น แบ่งให้ใช้ยามลงทุน ทีนี้พวกเราไปเข้าใจผิดว่าพระพุทธเจ้าสอนให้จน จริงๆ เปิดหนังสือของท่านประยุทธ์ ปยุตโต น้องนักข่าวที่นั่งอยู่ตรงนี้ลองคิดไหมคะ อย่างที่ถามว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้รวย ให้เราต้องจน ก็คือพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอย่างนั้น แล้วที่ยิ่งกว่านั้นพระพุทธเจ้าสอนอะไร น้องรู้มั้ย สอนว่าให้เราใช้เงินเลี้ยงญาติ เป็นผู้ชาย น้องต้องซื้อเครื่องประดับให้แฟนด้วยนะ พระพุทธเจ้าระบุไว้เลยว่า สามีก็ต้องซื้อเครื่องประดับให้ภรรยา ใช่ ไม่รู้ใช่มั้ยล่ะ จริง

ถาม- อย่างธรรมกายบอก จงรวยๆ ของครูอ้อยมีพยายามโน้มน้าวว่าทำอย่างนี้แล้วจะรวย มีไหม?

ตอบ- จริงๆ แล้วยกคำสอนพระพุทธเจ้ามาเลยค่ะ ถ้าเรารักในงาน เพียรในงาน ใส่ใจในงาน และหมั่นตรวจสอบงาน งานของเราก็จะได้ผลที่ดี แล้วในขณะเดียวกัน สมมุติว่าเราไปเรียนปริญญา น้องเรียนมหาวิทยาลัย เรียนสถาบันต่างๆ ทุกวิชาที่เขาสอน ก็เพื่อให้น้องไปทำอาชีพให้ประสบความสำเร็จ ก็ไม่มีที่เรี่ยไรอันไหนที่บอกว่าจงออกไปทำงานแล้วให้ล้มเหลวนะ ถ้ามีช่วยบอกครูอ้อยด้วย ครูอ้อยก็ต้องสอนลูกศิษย์ว่า ให้ออกไปทำงานแล้ว ทำให้เต็มที่เลย ทำให้ประสบความสำเร็จ ทำเต็มที่แต่ให้ปล่อยวางในผลลัพธ์ เหมือนครูอ้อยวันนี้ ครูอ้อยก็ทำชีวิตครูอ้อยมาเต็มที่ แล้วถึงเวลา ครูอ้อยโดนด่ายับ ก็ต้องปล่อยวางว่า เอายังไงก็ได้ เอาที่สบายใจ

ถาม- ที่ไปดีเอสไอ ไปขอคำปรึกษาหรือว่าประสงค์ที่จะแจ้งความ

ตอบ- แจ้งความค่ะ มีเลขคดี แต่จริงๆ ประสานเข้าไปที่ศูนย์เรื่องราวร้องทุกข์ จริงๆ ขั้นตอนของดีเอสไอที่น้องทราบก็คือเขาจะรับเรื่องร้องทุกข์ก่อน แล้วก็พิจารณาผลกระทบอะไร ถ้าไม่ใช่คดีใหญ่ก็แล้วแต่ดีเอสไอพิจารณา แต่ก็รับเรื่องราวร้องทุกข์ไว้

ถาม- ถ้ามีเจ้าทุกข์เองมีความประสงค์ที่จะดำเนินคดี

ตอบ- ก็ดีค่ะ ครูอ้อยมีความประสงค์ดำเนินคดีค่ะ เดี๋ยวให้ทีมงานเช็กเลขคดีให้ค่ะ

ถาม- (ฟังไม่ชัด)

ตอบ- อย่าว่าแต่เป็นครูอ้อยเลย เป็นน้อง น้องไม่มีเหรอ ศัตรูน่ะ แล้วอย่างที่บอก ครูอ้อยอยู่ในที่แจ้ง น้องไม่มีเหรอ ทุกคนล่ะค่ะ คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ

ถาม- เรื่องส่วนตัว หรือเรื่องการทำงาน

ตอบ- ที่เขาบอก เขาก็พูดแต่เรื่องการทำงานนะ เขาขอให้ครูอ้อยหยุดการทำงาน ที่เขาบอกมา

ถาม- มีเรื่องผลประโยชน์?

ตอบ- ไม่รู้เหมือนกันค่ะ น้องรอสัมภาษณ์เขานะ รอดีเอสไอได้ตัว

ถาม- ครูอ้อยว่าการที่ดาราศิลปินออกมาพูดถึงการที่ครูอ้อยเอาภาพไปใช้กับการมีหนังสือข่มขู่ มันเกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน

ตอบ- มันเกิดช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ครูอ้อยไม่รู้จริงๆ

ถาม- จะมีปัญหากับดาราที่เป็นข่าว

ตอบ- ส่วนใหญ่ลูกศิษย์ เราเป็นอาจารย์เราก็สอน สมมุติว่าเราสอน เราบอก เราก็ไม่รู้หรอกว่าใครเขาฟัง อย่างน้องเจน คนนี้ ก็เคยโดนครูอ้อยดุเยอะมากเลย แต่แทนที่น้องจะโกรธ น้องก็ไม่โกรธ แล้วตอนนี้ก็ทำชีวิตดีมาก ก็รักกับสามี ลูกก็ดี อะไรก็ดีทุกอย่าง การค้าก็รุ่งเรือง เอาจริงๆ แล้วเวลาที่ครูอ้อยตักเตือนอะไร ครูอ้อยไม่ได้อะไร แต่ถ้าครูอ้อยเตือนแล้วไม่พอใจ ครูอ้อยบอกแล้ว ครูอ้อยขอโทษ และครูอ้อยเสียใจ และครูอ้อยไม่ได้เพิ่งพูดวันนี้ ครูอ้อยพูด พวกนี้ได้ยินมาตลอดเลยว่าครูอ้อยเสียใจ คือครูอ้อยผิดเอง ที่ไปพูดกับลูกศิษย์แล้วเขาไม่เข้าใจ เขาโกรธ แล้วเขาก็เหมือนกับไม่ไปไหน โกรธเคืองเรา

เลขรับเรื่องของดีเอสไอ คือเลขที่ 4565 ค่ะ

ถาม- ถ้ากรณีที่ออกมายืนยันว่าไม่เคยเซ็นอะไรก่อนเข้าคอร์ส

ตอบ- ก็ยังไงก็ได้ค่ะ อย่างที่บอกว่า ถึงเขาจะยังไง ทีมงานก็พร้อม

ถาม- มีความเป็นไปได้มั้ยที่ทีมงานจะเผยแพร่เอกสารที่ว่ามีการเซ็นยินยอม

ตอบ- ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ต้องถามเจ้าตัว คือตอนนี้มีสำนักข่าวเยอะแยะเลยที่มาขอดูคลิปของดาราต่างๆ สำนักข่าวต่างๆ ก็มากดดันครูอ้อยว่าขอให้เปิดคลิปของดาราตอนที่เรียนอะไรมากมายมหาศาล

ถาม- ที่เซ็นยินยอม มีระบุมั้ยว่าใช้เมื่อไร ถึงเมื่อไร หรือใช้ในลักษณะไหน

ตอบ- คือตอนที่เวลาคนสมัครเรียน มันก็สั้นๆ ว่า ผู้เรียนรับทราบว่าภาพและเสียงในห้องเรียนเป็นลิขสิทธิ์ของหลักสูตร เป็นเอกสารใบสมัครที่มีต่อท้ายเลย

วันนี้ก็ให้เวลาที่ยาวนานมาก ครูอ้อยก็ขอขอบคุณกับทุกท่านนะคะ จริงๆ ครูอ้อยก็ซาบซึ้งใจ และอยากบอกว่ามันไม่ได้ง่าย ถ้าคนที่ทำกับเราขนาดนี้ มันไม่ได้ง่าย ครูอ้อยก็พยายามเต็มที่ ก็ขอขอบคุณทุกกำลังใจ ความปรารถนาดีจากทุกท่านด้วย ครูอ้อยไม่มีอะไรแล้ว ขอบคุณมาก สวัสดีค่ะ
In Clip : ปักกิ่งกร้าว!! ประกาศล่า IS  หลังยืนยัน ตัวประกันจีนถูกสังหารพร้อมนอร์เวย์ – “เทเลแกรม” โร่ปิด 78 แอ็กเคาน์ เชื่อม IS  พบถูกใช้ติดต่อโจมตีปารีส – เรียกรับเงินค่าไถ่
In Clip : ปักกิ่งกร้าว!! ประกาศล่า IS หลังยืนยัน ตัวประกันจีนถูกสังหารพร้อมนอร์เวย์ – “เทเลแกรม” โร่ปิด 78 แอ็กเคาน์ เชื่อม IS พบถูกใช้ติดต่อโจมตีปารีส – เรียกรับเงินค่าไถ่
กระทรวงการต่างประเทศจีนล่าสุดยืนยันการเสียชีวิตของ ฟาน จิงฮุ่ย (Fan Jinghui) พลเมืองจีนวัย 50 ปี ตัวประกันกลุ่มก่อการร้าย IS ที่ถูกจับตัวได้ในช่วงเดือนกันยายนก่อนหน้านี้ โดยตัวประกันชาวจีนถูกสังหารพร้อมกับตัวประกันชาวนอร์เวย์ วัย 48 ปี โอเล-โยฮัน กริมส์การ์ด-ออฟส์ตาด (Ole Johan Grimsgaard) ผ่านการรายงานของ “ดาบีค“ นิตยสารกลุ่ม IS เล่มที่ 12 ที่มีรูปภาพปกเป็นกรุงปารีสถูกโจมตีพร้อมข้อความ “Just Terror” ในขณะที่มีรายงานว่าบริษัทเทเลแกรมที่ให้บริการช่องทางการสื่อสารความปลอดภัยสูง ล่าสุดออกมาประกาศปิดช่องทางการเชื่อมต่อ 78 แอ็กเคาน์ที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ IS หลังพบใช้บริการของบริษัทติดต่อวางแผนโจมตีก่อการร้าย และก่อนหน้านี้เป็นช่องทางติดต่อเรียกรับเงินค่าไถ่ของฟานและกริมส์การ์ด-ออฟส์ตาด
กำลังโหลดความคิดเห็น