ประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งใน กทม. และจากต่างจังหวัด เดินทางมาร่วมกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางฝนตกหนักตลอดทั้งวัน ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้าน นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เผยภายหลังร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศล ตนปลื้มปีติที่ได้รับใช้พระองค์ ทุกคำสอนและพระราชดำรัสของพระองค์เป็นประโยชน์แก่ทุกคนและส่วนรวม
วันนี้ (30 พ.ค.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 209 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายมาอย่างหนักตลอดทั้งวัน
นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ตัวแทนตระกูลปราสาททองโอสถ กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศลพระบรมศพ ว่า ตนและตระกูลปราสาททองโอสถรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อพระองค์เป็นล้นพ้น เรารู้สึกโชคดีที่ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าภาพร่วมบำเพ็ญกุศลพระบรมศพ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ถ้าให้พูดถึงความดีของพระองค์คงบรรยายไม่หมด แต่จากประสบการณ์ได้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ไม่ถือพระองค์ อย่างครั้งหนึ่งพระองค์เคยเสด็จฯ ไปตรวจพระวรกายที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ทรงนำยาหอมของปราสาททองโอสถมาให้ตนดู และตรัสว่า “เสวยยานี้นะ” ทำให้ตนรู้สึกดีใจที่ได้รับใช้พระองค์
“ผมอ่านทุกคำสอนและพระราชดำรัสของพระองค์ที่ทำรวมเล่มไว้ ดูว่าอันไหนเราทำได้ก็ทำ อย่างการปฏิบัติดี การทำตนให้เป็นประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ ยังทำให้เห็นว่าเวลาสอนพระองค์ทรงตรัสกว้างๆ เราอาจไปไม่ถึง แต่พอเวลาผ่านไปทำให้เราได้รู้ว่าสิ่งที่พระองค์ทรงสอน มีประเด็นลึกซึ้งที่เราอาจคิดชั้นเดียวไม่ถึง ซึ่งก็เพราะพระองค์ทรงมีสายพระเนตรกว้างไกล หากน้อมนำไปปฏิบัติใช้จะเป็นประโยชน์แก่ทุกคนและส่วนรวม” นพ.ปราเสริฐ กล่าว
ด้าน นายณัฐสิทธิ์ ธีรกุลวาณิช อายุ 43 ปี หัวหน้านักศึกษา หลักสูตรจิตวิทยาความมั่นคง รุ่นที่ 117 สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กล่าวความรู้สึกที่ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพร่วมในพระพิธีธรรมสวดพระบรมศพ ว่า รู้สึกปลื้มปีติภาคภูมิใจและเป็นเกียรติต่อวงศ์ตระกูล รวมถึงสถาบันที่ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพในวันนี้ สำหรับเรื่องการน้อมนำหลักและแนวทางพระราชดำริ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ ก็คือ เริ่มต้นจากการเป็นผู้ให้ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงเป็นผู้ให้ที่ไม่หวังผลตอบแทน แม้ว่าพระองค์ท่านจะทรงเป็นพระราชา สามารถประทับอยู่ในพระบรมมหาราชวังอย่างสะดวกสบาย แต่ก็ยังทรงตรากตรำ เสด็จฯ เยี่ยมเยียนประชาชนในถิ่นทุรกันดารทุกหย่อมหญ้า อีกทั้งยังทรงช่วยพัฒนาให้ดีขึ้น
“นอกจากนี้ เป็นเรื่องความเสียสละ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงเสียสละพระวรกาย เคยได้ยินว่าทรงติดเชื้อที่พระหทัยจนประชวรหนัก ระหว่างเสด็จฯ ไปยังพื้นที่ป่าเขา อีกทั้งยังทรงงานจนพระเสโทท่วมพระวรกาย ไม่ได้กินอยู่อย่างสะดวกสบาย นี่คือ ตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ จากพระองค์ท่าน จึงอยากฝากให้ประชาชนเรียนรู้ความเสียสละและการเป็นผู้ให้ โดยมีพระองค์ท่านเป็นแบบอย่าง เชื่อว่า ประเทศไทยจะยิ่งใหญ่มาก” หัวหน้านักศึกษากล่าว
