วิจารณ์สนั่น แบตเตอรี่รถยนต์เมอร์ซิเดส เบนซ์ รุ่นไฮบริด สูงถึง 7.93 แสนบาท หลังลูกค้านำรถไปเคลม แม้เบื้องต้นสำนักงานใหญ่ในไทยจะปฏิเสธเคลม แต่สุดท้ายได้รับการซ่อมแซมไม่มีค่าใช้จ่าย ผู้แทนจำหน่ายชี้บริษัทในไทยมักมีปัญหาหลีกเลี่ยงการเคลมบ่อยครั้ง กังขามีจุดยืนชัดเจนอย่างไร
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในสังคมออนไลน์ได้วิจารณ์กรณีที่รถยนต์เมอร์ซิเดส เบนซ์ รุ่น E300 Hybrid หมายเลขทะเบียน กค 8 ชุมพร เสียพร้อมอุปกรณ์ต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2560 โดยรถมีอายุ 3 ปี 7 เดือน เลขไมล์ 310,000 กิโลเมตร โดยได้นำไปซ่อมที่บริษัท เบนซ์สุราษฎร์ธานี จำกัด และได้ย้ายต่อมายังบริษัท เบนซ์ภูเก็ต จำกัด ทางเมอร์ซิเดส เบนซ์ ประเทศไทย ได้ปฏิเสธการรับประกันในเบื้องต้น โดยอ้างว่าเลขไมล์สูงมาก จนต้องแสดงเอกสารรับประกันประกอบหลายหน้า ได้รับการเคลม และได้ซ่อมรถเสร็จแล้วในวันที่ 26 พ.ค. 2560 พร้อมได้รับรถกลับมาแล้วโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ทางเมอร์ซิเดส เบนซ์ ประเทศไทย ได้สรุปค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายตามบิล หากหมดระยะเวลารับประกันเป็นเงินทั้งสิ้น 958,662.22 บาท หนึ่งในนั้นคือ แบตเตอรี่ไฮบริด รุ่น Li-ion ราคาสูงถึง 793,500 บาท ทำให้เป็นที่วิจารณ์ว่าราคาสูงเกินไป
อย่างไรก็ตาม ได้มีผู้รู้กล่าวว่า แบตเตอรีไฮบริดของเมอร์ซิเดส เบนซ์ ใช้แบตเตอรี่ประเภทลิเทียมไอออน ยิ่งความจุสูงราคาก็ยิ่งแพง และเมื่อผลิตออกมาจำนวนน้อย ราคาย่อมสูงขึ้นไปอีก อีกอย่างหนึ่งผู้จัดจำหน่ายมักจะได้กำไรจากอะไหล่รถยนต์เหล่านี้เป็นเท่าตัว หากเป็นข่าวคาดว่ารถรุ่นนี้ราคามือสองจะดิ่งต่ำลง
แหล่งข่าวแจ้งว่าที่ผ่านมา บริษัท เมอร์ซิเดส เบนซ์ ประเทศไทย จำกัด มักจะมีปัญหาหลีกเลี่ยงไม่ยอมรับผิดชอบเวลามีกรณีเข้ามาเคลม ซึ่งผู้แทนจำหน่ายเมอร์ซิเดส เบนซ์ จะต้องรายงานอาการรถ จากนั้นทางเมอร์ซิเดส เบนซ์ ประเทศไทย จะส่งเรื่องไปที่บริษัทแม่ที่เมืองสตุ๊ตการ์ท ประเทศเยอรมนี แก้อาการทีละอย่างสองอย่าง ทำให้ผู้แทนจำหน่ายบางแห่งต้องเตรียมช่องบริการไว้ 2 ช่องสำหรับรถที่เกิดปัญหา ซึ่งงานนี้จะโทษบริษัทแม่ที่เยอรมันแต่อย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องถามบริษัทในประเทศไทยว่ามีจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับกรณีเช่นนี้อย่างไร
