ผอ.สำนักการระบายน้ำกรุงเทพฯ มั่นใจรับมือน้ำท่วมกรุงเทพฯได้ระดับหนึ่ง แต่หากน้ำเหนือ - ฝน - น้ำหนุน มาพร้อมกันมากเกินปกติ ก็น่ากังวล วอนประชาชนช่วยเก็บขยะที่ขวางทางน้ำใกล้บ้านออก จะช่วยให้ระบายน้ำได้เร็วขึ้น อึ้งปีที่แล้วยอดขยะที่เก็บได้เฉพาะหน้าตะแกรงประตูระบายน้ำ มีมากถึง 20 ตันต่อวัน !
วันนี้ (24 พ.ค.) นายสมพงษ์ เวียงแก้ว ผอ.สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร กล่าวในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง “นิวส์วัน” ถึงแผนรับมือน้ำท่วมกรุงเทพฯ ว่า มั่นใจว่า มาตรการการระบายน้ำสามารถรับมือน้ำท่วม กทม. ได้ระดับหนึ่ง แต่ที่น่าหนักใจ คือ หากน้ำฝน น้ำเหนือ น้ำหนุน มาพร้อมกัน โดยเฉพาะเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป จนถึงวันลอยกระทง เพราะช่วงนั้นน้ำเหนือมาก น้ำทะเลหนุนสูง และฝนก็ยังไม่หมด
อีกอย่างที่น่าหนักใจ ก็คือ สิ่งกีดขวางการระบายน้ำต่างๆ แต่ละวันสูบน้ำออกจากพื้นที่ไม่ง่าย มีทั้งขยะ และไขมันอุดตัน ต่อวันไม่รู้ขยะมาจากไหน ทั้งที่นอน ฟูก โซฟา ตู้เย็น ฯลฯ มีหมด เราใช้เจ้าหน้าที่วันนึงเยอะมาก เฉพาะสำนักงานระบายน้ำ ใช้ถึง 4,000 คน ปริมาณขยะที่หน้าตะแกรง วันที่ 1 ม.ค.- พ.ค. 60 เฉลี่ยวันละ 10 ตัน นี่ยังน้อย ถ้าฝนตกหนักขยะไหลหลากมาจะยิ่งเยอะ อย่างเช่นของปีก่อน ตั้งแต่ 1 ม.ค.- 31 ธ.ค. 59 เฉลี่ย 20 ตันต่อวัน เราต้องใช้เจ้าหน้าที่ประจำการ 24 ชั่วโมง เพราะไม่รู้ว่าฝนจะตกเมื่อไหร่
นายสมพงษ์ กล่าวขอความร่วมมือจากประชาชน ว่า ถ้าชาวบ้านเห็นขยะกีดขวางตะแกรงระบายน้ำหน้าบ้านแล้วช่วยเอาออก เราก็ไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่เต็มกำลัง จะช่วยระบายน้ำได้เร็วขึ้น อีกอย่างไขมันก็มีปัญหามาก เพราะมันไปจับตัวรวมกันเป็นก้อนแข็ง แล้วก็ไปขวางทางน้ำ
พร้อมฝากถึงให้พี่น้องประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารเรื่องน้ำท่วมจากทางสื่อต่างๆ ส่วนเรื่องขยะถ้าช่วยกันคนละไม้คนละมือ เห็นสิ่งกีดขวางทางน้ำก็ช่วยกันเก็บ ก็จะช่วยให้ระบายน้ำได้เร็วขึ้น
คำต่อคำ : คนเคาะข่าว "แผนรับมือน้ำท่วมกรุงเทพฯ
กมลพร- สวัสดีค่ะคุณผู้ชม ขอต้อนรับเข้าสู่รายการคนเคาะข่าวนะคะ สำหรับความกังวลใจของคนในเมืองหลวง หรือว่ากรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับเรื่องฝนตก น้ำท่วม สัปดาห์ที่แล้วพูดกันเยอะมากว่ากรุงเทพฯ อาจจะมีกรณีน้ำท่วมเหมือนปี 2554 ดูฝันร้ายยังไงพิกล แต่เอาเป็นว่าเฉพาะช่วงของฝนตกและถ้าฝนตกหนัก แผนรับมือกับฝนตกหนักในปี 2560 นี้ รวมไปถึงแผนการระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้ได้เร็วที่สุด กทม. มีความพร้อมขนาดไหน วันนี้เราจะคุยกันกับผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กทม. คุณสมพงษ์ เวียงแก้ว สวัสดีค่ะ
สมพงษ์- สวัสดีครับ
กมลพร- ก่อนอื่นเลย ในฐานะคนกรุงเทพฯ แม้จะอยู่ต่างจังหวัดแล้วย้ายมากรุงเทพฯ ขออนุญาตชื่นชมและขอบคุณมาก ฝนตกล่าสุดระบายน้ำเร็วมาก
สมพงษ์- ครับ ก็เป็นนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
กมลพร- บ้านอยู่ตรงห้าแยกลาดพร้าว ปกติถ้าฝนตกหนักตีสอง ออกมาสักตีห้า ต้องน้ำท่วมแล้ว แต่นี่ออกมาน้ำไม่ท่วมสูงอย่างที่คิด เก่งมากเลยค่ะ ถ้างั้นเริ่มจากในส่วนของแผนการรับมือปีนี้ดีกว่าค่ะว่า เราทำอะไรไปบ้าง มีระบบบริหารจัดการอย่างไร ถึงได้ระบายน้ำได้เร็วขึ้น
สมพงษ์- ครับ แผนการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของปี 2560 เริ่มต้นจากนโยบายก่อน นโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ท่านมีนโยบายว่า ต้องระบายน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด ต้องเร็วกว่าเมื่อปีที่ผ่านมา อันนี้เป็นนโยบาย เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็ว เพื่อลดผลกระทบและความเดือดร้อนของประชาชน นี่เป็นนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่ว่าแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ คือของสำนักการระบายน้ำก็เริ่มจากการที่ว่า น้ำจะออกจากพื้นที่ได้เร็วเมื่อเกิดเหตุฝนตกมา ก็คือเริ่มจากการลอกท่อระบายน้ำ ท่อระบายน้ำเป็นเส้นทางหลักในการที่จะระบายน้ำออกจากพื้นที่ เพราะว่าเดี๋ยวนี้มันไม่มีคูคลอง น้ำตกมาจากบ้านจากพื้นที่ก็ลงท่อ เพราะฉะนั้นท่อมีความสำคัญ ถ้าท่ออุดตันก็ทำให้เกิดปัญหาได้
ในกรุงเทพมหานครเรามีท่อระบายน้ำอยู่ประมาณสัก 6,400 กิโลเมตร ยาวนะครับ 6 พันกว่ากิโลฯ วิ่งกรุงเทพฯ-ภาคใต้ได้ 2-3 รอบเลย 6 พันกว่ากิโลฯ นี่ ปีนี้เราตั้งเป้าที่จะลอกท่อประมาณ 3,700 กิโลฯ ขณะนี้เราลอกไปแล้วได้ 60 เปอร์เซ็นต์ ได้ประมาณสัก 1,500-1,600 แล้ว คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ประมาณสัก 60 เปอร์เซ็นต์
กมลพร- คือลอกมาตั้งแต่ก่อนฝนตกแล้ว
สมพงษ์- ถูกต้องครับ เราลอกมาตั้งแต่ก่อนฝนตก และคาดว่าประมาณเดือนมิถุนายน ก็จะหมด นี่เราก็ได้รับความร่วมมือจากกรมราชทัณฑ์ แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ของเราเองด้วย แล้วก็มีเครื่องไม้เครื่องมือโดยใช้รถดูดเลนที่เรามีอยู่ เราใช้รถ ใช้เครื่องมือในการลอก แต่ว่าเครื่องมือของเราจะลอกได้เฉพาะกลางคืน เพราะกลางวันการจราจรจะติด ฉะนั้นเครื่องมือจะไม่ค่อยเห็นเวลากลางวัน เพราะเราทำเวลากลางคืน 4 ทุ่มไปแล้ว เครื่องมือและคนงานเราถึงจะออกไปลอกได้
กมลพร- ที่ก่อนหน้านี้มีการพูดว่าทำไม กทม.ไม่ลอกท่อ ก่อนหน้านี้ ก่อนฝนตก น้ำท่วม คือจริงๆ เราทำมาตลอด ไม่งั้นหน้าฝนไม่สามารถลอกได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ก่อนฝนตกด้วยซ้ำไป แต่ว่าทำกันกลางคืน
สมพงษ์- ใช่ครับ
กมลพร- คนก็เลยไม่ค่อยเห็น เก๋ก็ไม่เห็นเหมือนกัน
สมพงษ์- ครับ แต่ว่ากลางวันจะเห็นทีมงานของกรมราชทัณฑ์ กรมราชทัณฑ์เขาจะไปลอกตามถนนใหญ่ๆ ซึ่งเราก็จะมี MOU ร่วมกัน ก็จะจ้างเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ในการลอก กลางวันก็จะเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งจะไม่กีดขวางการจราจร ก็จะเป็นของกรมราชทัณฑ์
แล้วอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญในการที่จะป้องกันปัญหาน้ำท่วมได้ก็คือเรื่องของการขุดลอกคูคลอง ก็จะเป็นปัญหาเหมือนกันว่า เอ๊ะ จะมองไม่เห็นว่าปีๆ หนึ่งทำไมเราไม่เปิดทางน้ำไหล ไม่ขุดลอกคูคลองเพื่อลำเลียงน้ำออกไป กรุงเทพมหานคร สำนักการระบายน้ำ เรามีคลองอยู่ในความดูแลของกรุงเทพมหานคร 1,682 คลอง ปีนี้เราตั้งเป้าไว้ที่จะขุดลอกเปิดทางน้ำ 121 คลอง แต่ว่าขณะนี้เราลอกไปแล้วได้ประมาณสัก 57 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่เป้าหมายเราก็เดือนมิถุนายน เราต้องลอกที่ตั้งเป้าไว้ทั้งหมด แต่การขุดลอกคูคลองไม่ใช่ว่า 1,682 คลอง เราต้องลอกทั้ง 1,682 นะครับ เพราะบางคลองเขาได้ระดับอยู่แล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องไปลอก ลอกเฉพาะคลองที่มันตื้นเขิน เราไปเช็กระดับแล้วอะไรแล้ว เราก็ไปขุดลอกตามที่เราได้ตรวจสอบ และงบประมาณที่เราได้มา
หลังจากท่อระบายน้ำ ส่งน้ำลงคลอง คลองขุดลอกแล้ว ทางน้ำไหลแล้ว ก็ตกไปที่ตัวสถานีสูบน้ำ บ่อสูบน้ำที่เรามีอยู่ เรามีสถานีสูบน้ำอยู่ 176 แห่งทั่ว กทม. แล้วก็มีบ่อสูบน้ำอีก 270 กว่าแห่ง รวมทั้งประตูระบายน้ำด้วย อุปกรณ์เหล่านี้ก็พร้อมใช้งาน 100 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นก็คือเราต้องบำรุงรักษา ซ่อม ก่อนที่จะถึงฤดูฝน ขณะนี้เราก็ซ่อมไปได้แล้วเกือบ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ 98 เปอร์เซ็นต์แล้ว เหลืออีก 1-2 เปอร์เซ็นต์ มันเป็นเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ การซ่อมต้องใช้เวลา แต่มั่นใจได้ว่าเครื่องอุปกรณ์ที่เรามีอยู่ พร้อมที่จะรับฝนในฤดูที่จะถึงนี้
หลังจากมีเครื่องสูบน้ำแล้ว ลอกท่อ ลองคลองเสร็จแล้ว มีเครื่องสูบน้ำพร้อมแล้ว เรื่องของเครื่องสูบน้ำสำรอง ถ้าฝนตกหนักจริงๆ มาในพื้นที่มากจริงๆ กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการระบายน้ำ ก็จะมีเครื่องสูบน้ำสำรองอีกกว่า 200 เครื่อง พร้อมที่จะไปสนับสนุนหน่วยงานที่ร้องขอ ไม่ว่าสำนักงานเขต หรือตรงจุดที่มีปัญหา เราก็จะระดมไปช่วยกัน โดยที่มีเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ เครื่องสูบน้ำสำรองเหล่านี้อีกประมาณ 200 เครื่อง
สิ่งสำคัญอีกอันหนึ่งก็คือเจ้าหน้าที่ คน จะขาดเสียไม่ได้เลย ทุกอย่างพร้อมหมด ถ้าคนเราไม่พร้อม เจ้าหน้าที่เราไม่ได้ ทำงานไม่ได้ มันก็ไม่ได้นะครับ ทุกอย่างต้องพร้อม หมายถึงตัวเจ้าหน้าที่เราด้วย เจ้าหน้าที่เรา ไม่ว่าคนงาน ไม่ว่าเจ้าหน้าที่เฝ้าเครื่อง ไม่ว่าช่างทั้งหลาย เหล่านี้ก็พร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ จะอยู่เวรกันตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมที่จะมีหน่วย best ออกไปช่วยเหลือตามจุดต่างๆ ในกรณีที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเกิดเหตุน้ำท่วมขังที่ไหน หรือเกิดความเดือดร้อนที่ไหนเกี่ยวกับเรื่องน้ำ เราจะมีหน่วย best เข้าไป ตอนนี้เราเตรียมไว้ประมาณ 107 หน่วย รวมทั้งสำนักงานเขตด้วย อะไรด้วย เป็นร้อยหน่วย ความพร้อมของคนนี่ก็ต้องพร้อม
สิ่งที่จะช่วยเราได้อีกอันก็คือ เรื่องของศูนย์ป้องกันน้ำท่วม ศูนย์นี้จะมีเรดาร์ มีการติดตามข้อมูลจากกรมชลประทาน เรื่องสถานการณ์น้ำต่างๆ โดยประสานงานกับกรมอุตุฯ ศูนย์ฯ ก็จะเป็นคนรายงานสถานการณ์ เพื่อจะให้การเตรียมพร้อมของเราระดับไหน ก็จะมีศูนย์ป้องกันน้ำท่วม อันนี้ก็คือสิ่งที่เราเตรียมไว้ว่าฝนนี้ ก่อนที่จะถึงฤดูฝน นี่คือสิ่งที่เราเตรียมพร้อม
กมลพร- ทำงานในเชิงรุก เตรียมแผนการเอาไว้อยู่แล้ว พูดถึง ผอ.สมพงษ์ นี่ต้องบอกว่าอยู่กับสำนักระบายน้ำมาตั้งแต่ปี 2538 ใช่ไหมคะ
สมพงษ์- ใช่ครับ เริ่มย้ายมาอยู่สำนักการระบายน้ำ ปีนั้นก็น้ำท่วมพอดีเลย น้ำท่วมใหญ่มาก คือปีนั้นเท่าที่จำได้น้ำท่วมมาก และมีเหตุแถวเจริญนคร ที่ชาวบ้านสองฝั่งถนน ฝั่งหนึ่งท่วม อีกฝั่งไม่ท่วม เอาถนนเป็นตัวคั่น คันกั้นน้ำ ก็ทะเลาะกัน ปีนั้นก็ท่วมมากเหมือนกัน
กมลพร- ประเภทว่าอยู่มาตั้งแต่เจอวิกฤตน้ำท่วมมาแล้วหลายครั้ง 54 ก็ผ่านมือมาแล้ว รู้จักคลองระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ แทบจะเรียกได้ว่าหลับตาเดินได้ในกรุงเทพฯ การไปตรวจสอบ หรือการเตรียมรับมือเรื่องของการระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ นอกจากเราจะเตรียมความพร้อมในพื้นที่ของเราเองแล้ว เรื่องของน้ำที่เป็นองค์ประกอบ อย่างเช่น ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา หลายคนก็กังวลว่าน้ำจากภาคเหนือ ที่เป็นมวลน้ำขนาดใหญ่ ไหลลงไปที่สงขลา แล้วเตรียมจะลงมาภาคกลาง มันจะมาถึงกรุงเทพฯ ไหม มันจะท่วมไหม อันนี้เราติดต่อ ประสานตรวจสอบดูด้วยไหมคะ
สมพงษ์- ครับ เรื่องการติดตามสถานการณ์ ไม่ว่าฝนตกที่ไหน อะไรยังไง เราก็ต้องติดตามสถานการณ์อยู่แล้ว โดยเฉพาะศูนย์ป้องกันน้ำท่วม จริงๆ แล้วเราก็มีการประชุมร่วมกันกับกรมชลประทานสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทุกวันจันทร์ จะมีเจ้าหน้าที่เราไปประชุมร่วมกับกรมชลประทาน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่ากรมอุตุฯ กรมทรัพยากรน้ำ ก็จะประชุมร่วมกันเพื่อวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์ ว่าฝนตกที่ไหน น้ำมาอย่างไร ไปทางไหน เพื่อเราจะได้มาประเมินสถานการณ์ ในการที่จะรับสถานการณ์ของเรา เพราะฉะนั้นไม่ว่าขณะนี้ฝนจะตกที่กำแพงเพชร เชียงใหม่ อะไรก็แล้วแต่ น้ำจะมาถึงเราวันไหน เวลาไหน เราก็ประเมินโดยใช้ที่กรมชลประทาน ที่เราไปประชุมกัน ฉะนั้นเราจะมีข้อมูลติดต่อประสานงานกันอยู่ ว่าระดับน้ำผ่านมานครสวรรค์เท่าไร ผ่านอยุธยาเท่าไร และเข้ามาในเขตกรุงเทพฯ เท่าไร เราก็ประเมินสถานการณ์กันวันต่อวัน
กมลพร- เราไม่ได้ดูเฉพาะในกรุงเทพฯ เท่านั้น เราต้องทำงานร่วมกันหมด
สมพงษ์- ครับ ต้องออกไปดูภายนอกด้วย ภายในเราก็รับได้แต่ฝนว่าฝนจะตกตรงไหน อะไรยังไง จะมาวันไหน เวลาไหน ก็ประเมินสถานการณ์ไป แต่ภายนอกถ้าเราไม่ดู ถ้าเขามาแล้วเราไม่เตรียมตัว ก็จะรับมือไม่ได้เหมือนกัน
กมลพร- ดูเหมือนในส่วนของแผนรับมือถ้าเกิดฝนตกหนักในระยะสั้น เราพอเห็นภาพแล้วว่า กทม.เตรียมความมั่นใจให้คนกรุงเทพฯ คนทำงานในกรุงเทพฯ เมืองหลวง ศูนย์กลางเศรษฐกิจ ศูนย์กลางราชการ ได้ระดับหนึ่ง ระยะยาวล่ะคะ คือก่อนหน้านี้เก๋จำได้ว่ามันจะมีโครงการอุโมงค์ยักษ์ ยังได้ใช่ไหม หรือยังไง
สมพงษ์- ครับ คือระยะสั้นจะเห็นว่าเราเตรียมการปีต่อปี ไม่ว่าเรื่องของคน ไม่ว่าเรื่องของการขุดคลอง ลอกท่อ อะไรก็ว่าไป เราก็เตรียมกันปีต่อปี แต่ก็ยังมีแผนระยะกลาง และระยะยาว ผมขอเอาเป็นระยะกลางก่อน ซึ่งระยะกลางเราจะเห็นว่าการระบายน้ำจากถนนลงคูคลองและจากคลองออกไปแม่น้ำ จากถนนจะเห็นว่าน้ำท่วมบ่อย ๆ ตกทีไรน้ำท่วมทุกทีระบายไม่ทัน เพราะท่อเรามีจำกัดอยู่ขนาดนี้ เราไม่สามรถจะขยายเพิ่มขึ้นได้ และจุดที่มีปัญหาต่าง ๆ จุดอ่อน หรือจุดที่น้ำท่วมบ่อย ๆ ทางรัฐบาลก็เป็นนโยบายของทางนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีมหาดไทยให้งบประมาณกรุงเทพมหานครมาประมาณ 2,200 กว่าล้านเศษ เพื่อมาทำระบบท่อใต้ดินลำเลียงน้ำจากจุดที่มีปัญหาอยู่ปนะมาณสัก 16 จุด ไม่ว่าแถวถนนศรีอยุธยา สุขุมวิท แยกเกษตรฯ งามวงศ์วานบางส่วนนะครับ เราก็ได้งบประมาณมาจากรัฐบาล เพื่อมาทำท่อที่อยู่ใต้ดินเลยทำงานใต้ดินเลย ทำงานใต้ดิน ไม่ต้องไปขุดเปิดถนน มาเจาะอยู่ใต้ดิน ทำเฉพาะเวลากลางคืน และซึ่งพึ่งได้งบประมาณมากำลังดำเนินการหาผู้รับจ้างอยู่ คาดว่าภายในปีหน้าเราจะได้อย่างน้อย 11 จุด ที่เราจะแก้ไขตรงนี้โดยเฉพาะลาซาลแบริ่งที่ท่วมบ่อย ๆ บ่อย ๆ ก็รองบประมาณระยะกลาง มันเป็นงานเป็นงบประมาณที่เราได้มาเพื่อแก้ปัญหาในระยะกลางนะครับ ส่วนระยะยาว ๆ การลำเลียงน้ำออกจากพื้นที่นะกรุงเทพมหานครขณะนี้มีพื้นที่จำกัดแล้วเพราะเราได้รับมีการพัฒนาพื้นที่ไปเรื่อยๆ มีการเจริญเติบโตพื้นที่ถมดินถมดินเสร็จปูนบ้างอะไรบ้าง น้ำไม่มีที่ขังไม่มีที่ซึมซับ การลำเลียงน้ำออกจากพื้นที่ใช้วิธีการ ผมเรียกว่าอะไรละทางด่วนนะครับ
กมลพร- ไปทางไหนคะเนี่ย ทางด่วน ด่วนเบอร์ไหนคะ
สมพงษ์- ทางด่วนนะเหมือนกับรถนะ มันเยอะขึ้น ๆ เราก็ทำทางด่วนให้เขา เขาก็ไป ก็ไป น้ำก็เหมือนกันคลองเรามีกำจัดเราขุดคลองขยายให้คลองเพิ่มก็ไม่ได้เพราะที่ราคาสูงมาก และเราไม่สามารถไปเวนคืนหรือขุดคลองเพิ่มได้ เราเลยทำอุโมงค์ระบายน้ำคืออุโมงค์นี้มันจะอยู่ใต้ดินหรือจะอยู่ใต้ถนนก็ได้ใต้คลองก็ได้แต่เป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ ใช้มิเตอร์ประมาณ 5 เมตร มันจะรับน้ำจากจุดหนึ่งไปสูบออกแม่น้ำเจ้าพระยาอีกจุดหนึ่งโดยผ่านใต้ดิน
กมลพร- ไอ้อุโมงค์ตัวนี้หรือคะ โห้
สมพงษ์- ครับ ผมเรียกว่าเป็นทางด่วนหรือคลองด่วน คลองอีกคลองหนึ่งไม่ได้อยู่บนผิวดินนะ มันอยู่ใต้ดินซึ่งมองไม่เห็นอันนี้ละครับระยะยาวนะกรุงเทพมหานคร ณ ปัจจุบัน เรามีอยู่ 2 แห่ง คืออุโมงค์ขนาดใหญ่นะครับ คือมีอุโมงค์ ที่พระราม 9 ส่งออกเจ้าพระยาที่พระโขนงและอีกแห่งคือที่บึงมักกะสันจะไปส่งออกเจ้าพระยาที่แถวพระราม 4 อันนี้เป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่เราใช้งานอยู่เมื่อปี 54 ก็ 2 อุโมงค์นี้ละครับ ช่วยได้เต็มที่เลย แต่ปัจจุบันนี้เรากำลังก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนสิงหาคม คืออุโมงค์บางซื่อคืออุโมงค์นี้จะอยู่ใต้คลองบางซื่อ มองไม่เห็น แต่จะมีคลองด่วนอีกคลองหนึ่งอยู่ใต้คลองบางซื่อแล้วไปสูบออกแม่น้ำเจ้าพระยาแถว ๆ เกียกกายดำเนินงานอยู่ผลงานได้สัก 87-88 เปอร์เซ็นต์แล้ว คาดว่าจะเสร็จประมาณเดือนมิถุนายน สิงหาคม ประมาณนี้ จะมีการทดลองเดินเครื่องได้ ถ้าอุโมงค์ตัวนี้แล้วเสร็จหมายความว่าเราสามารถควบคุมน้ำในคลองบางซื่อได้ มันจะช่วยถนนรัชดาที่
กมลพร- ถนนลาดพร้าว-รัชดา นี้น้ำท่วมมากทุกปี
สมพงษ์- ครับ มันจะช่วยได้ด้วยน้ำเข้าลงมาหาคลองบางซื่อและลงอุโมงค์ไปเลย
กมลพร- คือปั๊มและส่งต่อไปทางนั้นเลย พูดถึงความกังวลใจเล็ก ๆ ซึ่งเก๋ว่าต้องมีแน่ ถ้าพูดถึงทางลัดของน้ำ ทางด่วนของน้ำอุโมงค์ใหญ่ใต้ถนนหรือแม้กระทั่งใต้คลองอีกทีนะ ไอ้ตัวของสภาพดินในกรุงเทพฯที่คนกรุงเทพกลัว มันเป็นดินอ่อน มันจะแข็งแรงไหม อยู่ดีดีมีโพรงเข้าไปแบบนี้คะ
สมพงษ์- คือประชาชนทั่วไปถ้าไม่ได้รับข้อมูลอาจจะกังวล ว่ากลัวดินทรุดบ้าง ดินในกรุงเทพฯเป็นดินอ่อนแต่ว่าอุโมงค์ที่เขาทำลึก 20--30 เมตร ซึ่งที่ทำอยู่ที่ชั้นทรายแล้ว ชั้นที่เราเห็นว่าเราทำตึกสูง ๆ ตอกเข็มลงไป ตอกเข็ม ก็ 18-20 เมตร เหมือนกัน อุโมงค์เราก็อยู่ในระดับนั้น ไปอยู่ชั้นทรายละ ถ้าทรุดตัว ชั้นทรายก็มีแต่น้อย
กมลพร- น้อยกว่า คือมั่นใจได้ ก็ถามเป็นความรู้หน่อย เวลาเขาเจาะ เจาะเข้าไปลึก ๆ เขาใช้เครื่องเจาะเข้าไปหรือคะ
สมพงษ์- ครับ มันมีเครื่อง มันเหมือนว่ามีสว่านใหญ่มากในมิเตอร์ 5 เมตร เจาะไปก็เอาดินมา แล้วลำเลียงส่งดินขึ้นไป เจาะได้เราต้องทำปล่องเพื่อลำเลียงหัวเจาะลงไป เพราะเราทำปล่องนี้เสร็จแล้ว เราก็เอาหัวเจาะ เจาะไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะควบคุมโดยใช้เครื่องคอมพิวเทอร์ คำนวนทิศทาง แต่แรงงานก็ต้องเป็นคน
กมลพร- เราเลยไม่เห็นขั้นตอนหรือกระบวนการในการทำอุโมงค์นี้ รู้ตัวอีกทีอุโมงคืนี้เสร็จแล้ว ส่วนของบางซื่อ นี่กี่เปอร์เซ็นต์แล้วนะค่ะ
สมพงษ์- 87 ได้ละครับ
กมลพร- ก็ใกล้ละนะคะ ตามปกติแล้วคนกรุงเทพฯต้องรับน้ำและทำงานหนักในช่วงที่รับภัยน้ำนี้คือเดือนไหน และน้ำมันมาช่วงนี้ฤดูกาลมันเปลี่ยนแปลงบ่อยนะคะ มันมาตรงเวลาไหม ปีนี้ฝนตก ทิ้งช่วง ตกอีกละ
สมพงษ์- คือถ้าเราดูสภาพอากาศของกรุงเทพฯ และประเทศไทยบางทีก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ว่าผมยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์เกือบปกติอยู่นะครับ หมายความว่าฤดูฝนจริง ๆ มันจะเข้าตามฤดูฝนสมัยก่อนคือเดือน 6 เดือนพฤษภาคมนี้ละ ถ้าคนต่างจังหวัดจะรู้ ฝนเริ่มตก แรกนาขวัญเราจะประกอบอาชีพทำไร่ทำนาต้องเดือน 6 คือจะเริ่มฝนตกต่อเนื่องแต่บางปี เมษายนก็ตก หรือก่อนเมษายนตกเรื่อยไป คือฝนจะตกก่อนตกหลังเราต้องมาปรับแผน สภาพอากาศปีนี้เราเปลี่ยนอย่างเคยทุกปีเราต้องเตรียมพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ คือเดือนพฤษภาคม แต่ก่อนนี้ ก่อนเมษายน มีนาคม เราต้องพร้อมแล้ว ฝนมันเริ่มเปลี่ยนเร็วตกเร็วเมษายน สงกราต์เห็นตกทุกปีมีปัญหาน้ำท่วมแบบนี้ก็เปลี่ยนแผน ที่ผมพูดว่าเดือนมีนาคมเตรียมพร้อมนะต้องทำเสร็จก่อน คือสิ้นเดือนมีนาคมคือเปลี่ยนแปลงปรับแผนของเราเพื่อให้รับสถานการณ์ลดความเดือดนร้อนของประชาชน
กมลพร- ช่วงไหนหนักสุดที่สำนักการระบายน้ำต้องทำงานหนัก
สมพงษ์- คือหนักจริง ๆ ก็หนักทั้งปี กรุงเทพฯเมืองหลวงน้ำท่วมไม่ได้ ตกเวลาไหนน้ำก็ต้องไม่ท่วม แต่ก็มีช่วงหนักจริง ๆ คือถ้าฝนอย่างเดียวเราก็รับได้ตามสถาพ แต่ถ้าเขามาพร้อม ๆ กัน น้ำเหนือ หลากมาจากจังหวัดนครสวรรรค์ น้ำหนุนจากทะเล และน้ำฝนตกพร้อม ๆ กัน อย่างนี้เราหนักใจแน่ถ้ามาพร้อม ๆ กัน เดือนที่จะทำให้เราทำงานหนักมากขึ้นคือ ตั้งแต่สิงหาคมเป็นต้นไป สิงหาคม กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน เราต้องรีบลอยกระทงนะ ซึ่งน้ำเหนือเพิ่งมา น้ำหนุนเริ่มสูงใกล้ลอยกระทง ฝนก็ยังไม่หมด ปลายปีก็อาจมีพายุเข้า ช่วงนี้ละครับหนักแต่ปกติแล้วเราก็หนักทุกปีอยู่แล้ว
กมลพร- แปลว่าเรา เรียกว่าบูรณาการจนน้ำเหนือ น้ำฝนได้ รับมือได้ สบายใจได้
สมพงษ์- ในระดับหนึงนะครับ เผื่อฝนมาแบบปี 54 ก็อีกระดับหนึงนะ เพราะว่า คือรับน้ำฝนในพื้นที่น้ำเหนือมาในระดับหนึงมีการบริหารจัดการแล้วเราก็บริหารจัดการได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้ามาจนเราควบคุมกันไม่ได้อันนี้ก็เป็นที่หนักใจ
กมลพร- เหมือนที่เมื่อกี้บอกคุณผู้ชมไปว่าตัวของ ผอ.สมพงษ์อยู่กับวิกฤตน้ำท่วมมาหลายครั้งแล้ว ปี 54 ตอนนั้นมันตกลงมันน้ำไหนหนักแน่ ตกลงน้ำเหนือที่ถูกปล่อยมา น้ำกักไว้ น้ำฝน ทำไมมันถึงได้ท่วมกรุงเทพฯ นานขนาดนั้น สำนักระบายน้ำตอนนั้นทำงานยังไง
สมพงษ์- ครับ จริงๆ ถามว่าปีนั้น น้ำไหนมาก ฝนก็มาก พอฝนมากปัป มันก็ทำให้น้ำเหนือมันก็มาก น้ำเหนือในเขื่อนเต็มก็ปล่อยลงมา คือถ้าดูสถิติ ของฝนในปี 54 สูงมากเลย มากกว่าค่าเฉลี่ย ผมจำตัวเลขไม่ได้ แต่มากกว่าค่าเฉลี่ยเยอะเลย แล้วฝนเริ่มตั้งแต่ต้นปี ตกหนักไปเรื่อยๆ ไปจนถึงปลายปี ทำให้น้ำในพื้นที่มาก พอน้ำในพื้นที่มาก พื้นที่เรามันสะสมไว้เยอะๆ มันไหลลงคลอง ลงแม่น้ำ ลงแม่น้ำ ทำให้ในพื้นที่จากภาคเหนือลงมาเยอะมาก แต่ว่าฝนตกในกรุงเทพฯ เราก็มีปัญหาน้ำท่วมมาเป็นรายวันอยู่แล้ว 2 ชั่วโมง 3 ชั่วโมงเราก็แก้ปัญหา แห้งไปได้ เนื่องจากฝน แต่ว่าในปี 54 พอน้ำเหนือเข้ามา เริ่มเข้าท่วมตั้งแต่ อยุธยา เข้าลพบุรี เข้าปทุมธานี อันนี้เริ่มมีปัญหาแล้วว่า เราจะเตรียมรับมือกันยังไง คือน้ำมันมาจากนอกพื้นที่ เป็นน้ำบ่ามา การบริหารจัดการ มันก็เริ่มความ ลำบากแล้วว่า มันได้รับผลกระทบจากพื้นที่ข้างเคียง เราจะปิดประตู เราจะอุดกั้น มันก็ยากลำบาก เพราะพี่น้องที่อยู่ภายนอกก็ได้ รับผลกระทบด้วย ฉะนั้นการบริหารจัดการ มันก็ต้องมีศูนย์วิชาการจัดการ ซึ่งก็ต้องอาศัย ศูนย์นี้เป็นคนบัญชาการว่า ควรจะทำอย่างไรต่อไป แต่ว่าการเตรียมพร้อมของเรา เรื่องของการอพยพ เรื่องของการช่วยเหลือ เรื่องระบบแพทย์ สาธารณสุข ก็จะว่ากันไปตามแผน มันจะมีแผนงานในการแก้ปัญหา เรื่องของอุทกภัย แต่ถามว่าในปี 54 ในสภาพสถานการณ์น้ำหนักไหม หนักนะ น้ำที่มันเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ มาก แต่ว่าบังเอิญว่า มันเข้ามาแล้ว มันเหมือนว่าผ่อน แต่ตอนแรก ตึกที่เราอยู่ดินแดง ตอนแรกประเมินแล้วว่า จะท่วม แต่บังเอิญว่ามาไม่ถึง มาถึงวิภาวดีตรงคลองบางซื่อ ตรงนั้นแล้วก็ลงคลองบางซื่อ เราก็สูบออกแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วหยุดอยู่ตรงนั้น ถ้าไม่หยุดมันก็มาตรงนี้
กมลพร- ใช่ๆ คนก็กังวลว่ามันต้องเข้าใจกลางกรุงเทพฯ แน่ๆ
สมพงษ์- ครับผม นั่นแหละโชคดีตรงที่ว่า ปลายปี ฝนไม่ตก เหมือนไม่ได้มาซ้ำเรา เราก็แก้ปัญหาไป คือการแก้ปัญหาเรื่องน้ำหลาก บางทีมันได้รับผลกระทบ บางทีว่า เราก็ต้องใช้วิธีการว่า จะลำเลียงน้ำไปทางไหน ถึงจะเหมาะสม ตรงไหนที่ยอมให้เสียหาย ตรงไหนที่ยอมให้ท่วม ตรงไหนที่ต้องเก็บไว้ อันนี้เป็นเรื่องของนโยบายครับ ต้องบริหารจัดการร่วมกันหลายๆ ส่วน แล้วก็ต้องวิเคราะห์กันหลายๆ ส่วน เพราะว่าพื้นที่เศรษฐกิจ ศูนย์กลางทางการเงิน ศูนย์กลางคมนาคม สื่อสาร
กมลพร- อยู่กรุงเทพฯ หมด
สมพงษ์- มันอยู่ตรงนี้ ท่วมแล้วความเสียหายมันมาก อันนี้ก็ต้องวิเคราะห์เอา ผมแก้ปัญหาอยู่ตรงนี้ ถ้าบอกกรุงเทพฯ น้ำไม่ท่วม
กมลพร- มันอาจจะต้องเร่งรับความร่วมมือของทั้งประเทศ
สมพงษ์- ครับ คนต่างจังหวัด คนที่อยู่ใกล้เคียง เขาก็จะต้องเดือดร้อน ตรงนี้ก็จะต้องมานั่งพิจารณากันครับ
กมลพร- ค่ะ เป็น ผอ. สำนักระบายน้ำ กทม. จะต้องขับรถไปดูน้ำที่นครสวรรค์ด้วยเหรอคะ ไปไกล
สมพงษ์- บางทีเราต้องประเมินสถานการณ์ เราต้องเตรียมความพร้อม ณ วันนี้ น้ำที่นครสวรรค์ เริ่มขึ้น ในเขื่อนเจ้าพระยา +16 แล้ว บางทีนครสวรรค์เป็นยังไง น้ำมากน้อยแค่ไหน มันดูแล้วประเมินแล้ว เขาคุมอยู่ไหม เราคอนโทรลได้ไหม บางทีเราก็ต้องประเมิน บางทีก็ต้องออกไปดูด้วย
กมลพร- ต้องรอรับ น้ำที่มันส่งต่อมา
สมพงษ์- เราจะต้องเตรียมตัว เตรียมสถานการณ์ของเรา
กมลพร- อะไรน่าหนักใจสุด ในภาวะการทำงานในส่วนของสำนักระบายน้ำ เพราะว่าดูแล้ว ถ้ามันหนักๆ คล้ายๆ ปี 54 อันนั้นคือต้องทำงานกันเป็นเดือนๆ เจ้าหน้าที่เอง ก็คงต้องทำงานหนักมาก อะไรน่าหนักใจที่สุดคะ
สมพงษ์- คือผมว่ามัน
กมลพร- งบประมาณพอไหมคะ
สมพงษ์- งบประมาณนี่ พอเกิดเหตุจากปี 54 งบประมาณนี่มันก็ช่วยอะไรไม่ด้เลยนะ ต้องอาศัยความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนมากกว่า ต้องไหนยอมรับได้ อันไหนยอมรับไม่ได้ คือเราจะอยู่กับน้ำอยู่ยังไง อำพยพยอมกันไหม มันเป็นอย่างนี้ มันเป็นอย่างนั้นมากกว่า ถ้าเกิดอย่างปี 54 นะ แต่ถ้าเป็นเรื่องเกิดจากฝน หรือน้ำหนุนธรรมดา ผมก็หนักใจเรื่องของการบริหารจัดการ เรื่องของสิ่งกีดขวางต่างๆ มากกว่า เพราะว่าเราเห็นว่าแต่ละวัน การที่เราจะสูบน้ำออกจากพื้นที่ มันไม่ใช่ง่าย มีทั้งขยะ ใบไม้ เศษถุง ไขมันไปอุดตันตามท่อ ตามคลอง ตามตะแกรงเหล่านี้ ปีๆ หนึ่งก็เยอะมาก ไม่ใช่เป็นปีนะ เป็นต่อวันมากกว่า
กมลพร- พวกขยะที่เราเห็นอย่างนี้นะคือ เราเห็นข่าวอยู่ช่วงหนึ่ง ที่ไม่สมควรเป็นขยะ เช่น เตียง เก้าอี้ ตู้เย็น
สมพงษ์- มีหมด ยางรถยนต์
กมลพร- เขาทิ้งลงในคลองนี้เหรอคะ
สมพงษ์- เจตนาจะทิ้ง ไม่แน่ใจนะครับ แต่เขาก็ลอยมาที่สถานีเรา ลอยมาในคลอง ลอยมาติดตะแกรง ขวางทางน้ำเรา เราก็ต้องเก็บขึ้นมา แต่ก็ไม่รู้ว่ามาจากไหนนะ แต่เราก็บอกไม่ได้ว่าเขาเจตนาทิ้งหรือเปล่า หรือว่าเวลาน้ำหลาก ฝนตกหนักๆ มันก็ลอยตามน้ำมา ก็อันนี้มันสันนิษฐานไม่ได้ว่าใครทิ้ง แต่ว่ามันมีมา เสื่อ ที่นอน ฟูก หรือว่า เขาเรียกอะไรล่ะ เตียง โซฟา อะไรพวกนี้มีหมดล่ะ
กมลพร- สิ่งที่ไม่ควรที่จะต้องเรียกว่าขยะ ที่จะต้องถูกทิ้งไปฟด้วยซ้ำไม่นับรวมขยะประจำวันที่มีอยู่ เราใช้เจ้าหน้าที่ที่จะไปเก็บขยะ หรือว่าทำงานแบบนี้ ทุกๆ วันจำนวนมากน้อยแค่ไหน
สมพงษ์- ใช่ครับ ทุกวัน จำนวนมาก เฉพาะสำนักงานระบายน้ำ ไม่รวมสำนักงานเขตที่ลงมาช่วยกัน ระบายน้ำเรามีเจ้าหน้าที่อยู่เกือบ 4,000 คน ทั่วกรุงเทพมหานคร มีหลายกอง แยกกันไป ส่วนหนึ่งไปลอกท่ อีกส่วนหนึ่งไปเก็บขยะ ในคลอง เก็บผักตบชวา อีกส่วนหนึ่งก็ไปขยะตามหน้าตะแกรง สถานีสูบน้ำ บ่อสูบน้ำ อันนี้แบ่งงานกันทำ ใช้คนเยอะมาก ทั่วกรุงเทพมหานคร 4,000-5,000 คน
กมลพร- เคยวัดเป็นปริมาณไหมคะ
สมพงษ์- ขยะ ใช่ไหม ผมนี่ไม่ได้นับรวมกับที่ชาวบ้านทิ้งนะ
กมลพร- เอาที่สำนักระบายน้ำต้องเคลียร์เอาไว้ระบายน้ำออกไป
สมพงษ์- ขยะหน้าตะแกรง ณ วันนี้ 1 มกราคม จนถึง พฤษภาคม เฉลี่ยแล้ววันละ 10 ตัน
กมลพร- วันละ 10 ตัน
สมพงษ์- เฉลี่ยวันละ 10 ตัน นี่ยังน้อยนะ
กมลพร- เอาเฉพาะหน้าตะแกรง สำนักระบายน้ำ
สมพงษ์- ครับ หน้าตะแกรงเราเนี่ย วันละ 10 ตัน แต่ถ้าเกิดช่วงฝนตกเยอะๆ น้ำกำลังหลาก มันจะเพิ่มเป็น 2 เท่า เมื่อปี 59 นะครับ ทั้งปี ตั้งแต่ 1 มกราคม ไปจนถึง สิ้นธันวาคม เฉลี่ยแล้ว 20 ตันต่อวัน
กมลพร- เจ้าหน้าที่เบสท์ต้องขอบคุณมากๆ เพราะว่าทำงานหนักจริงๆ เจ้าหน้าที่ระบายน้ำ กี่โมง น้ำท่วมก็ต้องไป เจ้าหน้าที่เก็บขยะอีก มันไม่มีทางที่เราจะระบายน้ำทั ถ้าขยะเฉลี่ยวันละ 20 ตัน
สมพงษ์- ถูกต้องครับ แรงงานเรามันต้องใช้เยอะ มันต้องลุย 24 ชั่วโมง ต้องช่วยกัน 24 ชั่วโมง เพราะฝนจะตกตอนไหน ไม่รู้ ถ้าเราอยู่เวรเป็นกะ ก็ไม่ได้ มันก็เลยอย่างนี้ เจ้าหน้าที่เราก็ต้องทำงานหนัก เตรียมพร้อมตลอดเวลา คือไม่เก็บก็ไม่ไหล
กมลพร- ใช่ค่ะ ถ้าไม่เก็บปุ๊ป ถ้ามีที่นอนสัก 3 ฟูก ไปแปะอยู่ตรงประตูระบายน้ำ มันก็ไม่ไปแล้วค่ะ
สมพงษ์- ครับ จะเห็นว่าก่อนฝนตกหรือหลังฝนตก ตะแกรงข้างถนน ช่องรับน้ำตามข้างถนน จะเต็มไปด้วยถุงพลาสติก ใบไม้บ้าง เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ ช่วงที่ฝนตก หรือน้ำกำลังระบายออกไป มันต้องมีคนไปๆ คอยเก็บออก ถ้าไม่เก็บน้ำก็ไม่ลง
กมลพร- มันไม่ควรจะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่
สมพงษ์- ใช่ จริงๆ แล้วพูดถูก ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านายกรัฐมนตรี อยากให้ประชาชน มีส่วนร่วม ถ้าเห็นอย่างนี้ ถ้ามีฝนตก หน้าบ้านใครก็ช่วยเคลียร์ออกจากตะแกรงหน่อย ถ้าหน้าบ้าน ร้านค้าเรา น้ำมันก็ท่วมก็เห็นอยู่ ถ้ามันมีขยะ มีเศษใบไม้ ซึ่งมันก็ไม่ได้มีคนทิ้งใบไม้ แต่ว่ามันลอยมาตามน้ำ มันก็มาพักมาติดอยู่ตะแกรง น้ำไม่ไหลเลย เพราะฉะนั้น ถ้าทุกคนมาช่วยกันตรงนี้ เราก็ไม่ต้องมาใช้เจ้าหน้าที่เราเกินกำลัง ก็ชาวบ้าน ประชาชน ที่เห็นตรงนี้ ก็มาช่วยๆ กันบ้าง มันก็จะช่วยเราระบายน้ำได้เร็วขึ้นด้วย
กมลพร- แค่หน้าบ้าน หน้าร้านของเรา ร้านขายอาหารนะ ตามริมทาง
สมพงษ์- ไม่เทเศษอาหารลงไป ก็ช่วยได้นิดหนึ่ง
กมลพร- พวกไขมัน เศษอาหารช่วยให้การระบายน้ำยากด้วยไหมค่ะ
สมพงษ์- เป็นอย่างมากเลย เวลาไขมันเศษอาหาร ลงไป เขาจะลงไปจบตัวกันเป็นไข จับตัวกันเป็นก้อน ก็ลักษณะมันจะแข็ง มันจะไปขวางทางน้ำ ไขมันที่ลงไป จับตัวเป็นก้อน
กมลพร- อ๋อ ว่ากันง่ายๆ คนขายของก็ว่า นิดเดียวเอง เดี๋ยวมันก็ไหล ถ้าคนคิดอย่่างนี้มันก็จะไปรวมกัน ท่า ผอ. อยู่กับสิ่งนี้ เฉพาะเรื่องกีดขวางเอาส่วนปัญหาส่วนนี้ ตั้งแต่ ปี 38 จนถึง ปี 60 ไม่อยากนับเลยว่ากี่ปีแล้ว มันยาวนาน มันน้อยลงไหมคะ เรื่องขยะ กับเราต้นเหตุของปัญหา
สมพงษ์- คือขยะ ถามว่าน้อยไหม คือ ผมก็ว่ามันอยู่ในเกณฑ์ที่ลดลงบ้างเป็นบางส่วนนะครับ ขยะ ผมว่า ที่นอน หมอนมุ้ง อะไรทั้งหลาย หรือ เตียง โซฟา มันลดลงนะ ไม่เหมือนสมัยก่อน ที่เริ่มรณรงค์ที่มีสื่อเข้ามาช่วย เมื่อก่อนนั้นจะไม่มีใครรู้ทุกคนก็จะทิ้งไปๆ สำนักการระบายหรื กรุงเทพมหานคร ก็ไม่ได้สื่อไป มันกีดขวางทางน้ำ มันไม่ควรจะทิ้ง เราไม่ได้รณรงค์ เราไม่ได้ทำพวกนี้ให้ประชาชนรู้ ไม่ได้รับความร่วมมือ แต่หลังจากการประชาสัมพันธ์ช่วยกัน ให้เขตช่วยกันเก็บทุกวันหยุด ทุกสัปดาห์หรือทุกสิ้นเดือนอะไรอย่างนี้ ขยะใหญ่ๆ เขตก็ช่วยรณรงค์กันอย่างเต็มที่ ชุมชนเข้าไปด้วย เราเอาชุมชนคนรักษ์คลอง เป็นตัวอย่าง เอามาอบรม เอามาให้ความรู้ แล้วก็ให้เขาเป็นต้นแบบ แล้วเขาก็จะกระจายหาเครือข่ายออกไป คือแนวโน้มมันก็ลดลง แต่ถามว่าขยะมันจะลดลงไปไหม ผมว่าก็ยังมีขยะชิ้นเล็กชิ้นน้อย ผมไม่ได้โทษประชาชน ริมคลองนะครับ แต่เราเดินไปบนถนนขยะชิ้นเล็กๆ หนึ่งชิ้น เดี๋ยวก็ลงท่อลงคลองไป หรือเราก็จะไปทิ้ง ขยะเศษอาหาร เศษอะไรที่เราไปทิ้ง ไว้ข้างถนน ริมที่รกร้างว่างเปล่า เวลามีฝนตก มันก็ไหลลงไป เราจะไปมองว่าชุมชนเขาทิ้งทีเดียวก็ไม่ใช่นะ มันมีส่วนอื่นซึ่งเติมลงไปด้วย ที่เติมลงไปก็ไปเพิ่มที่หน้าตะแกรง หรือในคลองไปกีดขวางทางน้ำเรา อันนี้ดูเหมือนๆ จะไม่ลด แต่ว่าจริงๆ แล้วขยะชิ้นใหญ่ที่ไม่ควรทิ้ง ดูแนวโน้มแล้วลดลง
กมลพร- ชิ้นใหญ่น้อยลง แต่ปริมาณสะสมดูแล้วไม่ลด
สมพงษ์- ครับ
กมลพร- 20 ตัวต่อวันมันไม่น้อยเลยนะคะ
สมพงษ์- เยอะมากครับ
กมลพร- ถ้าเกิดเราทำแบบที่สำนักงานระบายน้ำกำลังพยายามจะสื่อสารอยู่ หรือแม้กระทั่ง กทม.พยายามจะบอก คือหน้าบ้านเราก็พอ แล้วหน้าบ้านทุกหลังช่วยกันเก็บ มันก็น่าจะลดลง คือถ้าทุกคน คือเก๋เคยแยกขยะ แล้วเรารู้สึกว่าดีเนอะแยกขยะ มันจะได้ลดปริมาณขยะ เหมือนจะมีอยู่ช่วงหนึ่งเหมือนสถานการณ์ขยะจะดีขึ้น
สมพงษ์- ครับ
กมลพร- แล้วกลับมาอีกแล้ว
สมพงษ์- คือมันเหมือนกับแบบเรารณรงค์ให้แยกขยะ มีการรัด มีรัดขยะเปียก ขยะแห้ง ลองแยกๆ ไป คือเหมือนกับเราจะทำไม่ต่อเนื่องหรือเปล่าไม่แน่ใจ
กมลพร- ไม่น่าจะต่อเนื่องค่ะ
สมพงษ์- ผมหมายถึงว่า หน่วยราชการก็ดี กทม.ก็ดี หน่วยอื่นๆ ที่มาช่วยกันก็ดี เราเหมือนกับทำไมไม่ทำให้ต่อเนื่อง แล้วทำกันอย่างจริงจัง และเต็มที่เลย เพราะถ้าทำอย่างนี้ผมเชื่อว่า ปริมาณขยะผมเชื่อได้ว่าลดลงได้แน่ เพราะขยะเปียกเราเอาไป แต่ว่าขยะเปียกบ้าง ถุงพลาสติกบ้าง ขวดน้ำบ้างไปอยู่ในถุงเดียวกัน มันไปเพิ่ม การกำจัดก็ยากขึ้น ถ้าเราแยกพวกนี้ไปรีไซเคิลได้ ตรงนี้จะทำให้ขยะที่เรากำจัดจริงๆ จะน้อยลง
กมลพร- ค่ะ
สมพงษ์- อันนี้อาจจะ...
กมลพร- อีกสเต็ปหนึ่งหรอคะ
สมพงษ์- หรือว่าอีกเจเนอเรชั่นหรือเปล่าไม่รู้
กมลพร- คงไม่ถึงค่ะ เพราะว่าเวลาน้ำท่วมพูดจริงๆ สิ่งแรกที่เราบ่นฝนตกอีกแล้ว รถติดอีกแล้ว น้ำท่วมอีกแล้ว ทำไมระบายน้ำไม่ทัน เจ้าหน้าที่อยู่ไหน กทม.อยู่ไหน นี่คือสิ่งที่เราถามบ่อยมาก แต่เรากลับมาถามตัวเราว่า ขยะที่เราทิ้ง ถุงน้ำ แก้วกาแฟ ที่เราทิ้งไว้ข้างทางมันคือส่วนหนึ่งที่ทำให้การระบายน้ำมันไม่สามารถระบายได้ ให้มี 10 กร เก๋ว่าก็ทำไม่ได้ ถ้าขยะวันละ 20 ตัน ยังไงก็ระบายไม่ทัน
สมพงษ์- มันก็เป็นปัจจัยหนึ่งครับ ว่าขยะส่วนหนึ่ง ปริมาณฝนก็ส่วนหนึ่ง ในระบบระบายน้ำเราเองก็เป็นส่วนหนึ่ง
กมลพร- คือเริ่มมั่นใจในระบบระบายน้ำดูจากความพร้อมของปีนี้ ปริมาณฝน นอกจากขยะแล้ว เดี๋ยวสุดท้ายจะให้ท่านฝากอะไรนิดหนึ่ง คือปริมาณฝนปีนี้น่ากลัวไหมคะ
สมพงษ์- คืออันนี้ปริมาณฝนเราก็ติดตามข้อมูลจากกรมอุตุฯ อยู่ ซึ่งกรมอุตุฯ บอกว่าปีนี้อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย อยู่ค่าเฉลี่ยทุกปี ปีหนึ่งค่าเฉลี่ยในกรุงเทพมหานครประมาณ 1,600 มิล ทั้งปีนะครับ ตอนแรกฝนจะบางๆ หน่อย แต่ปีนี้ก็เข้ามาค่าเฉลี่ยแล้ว ดูแล้วปริมาณฝนถ้าอยู่ในค่าเฉลี่ย ตกทุกปีเขาก็ตกประมาณนี้ มันไม่น่ามีอะไรมากมาย แต่มันจะมีอย่างนี้ครับ ความรุนแรงของฝนที่ตก เขาตกเท่าเฉลี่ยทุกปีจริง แต่ตกแต่ละครั้งมาก และทิ้งช่วงไป แล้วก็ตกมากอย่างนี้ ตกมากๆ ในแต่ละครั้ง ในแต่ละช่วงเวลา อันนี้แหละทำให้เราลำบากใจ ครั้งหนึ่งตกเป็น 100 มิล 100 มิลถ้าตกสักชั่วโมงน้ำมหาศาลมาก เราต้องลำเลียงออกจากพื้นที่ ลำเลียงออกจากถนนอันนี้ต้องใช้เวลา แล้วน้ำเหมือน 100 มิลมันแค่ไหน ถ้าอยู่ตามถนนคือแค่หัวเข่า รถวิ่งไม่ได้แล้ว
กมลพร- ใช่ค่ะ
สมพงษ์- คือความรุนแรงของฝนมันดูแล้วจะเปลี่ยนๆ สภาพอากาศจะเปลี่ยนไป แต่ว่าฝนตกมากกว่าเดิมไหม ถ้ากรมอุตุฯ เขาก็บอกไม่มาก เฉลี่ยเท่าทุกปีๆ แต่ว่าความรุนแรงของฝนแต่ละรอบแต่ละครั้ง มันอาจจะเปลี่ยนไป มันจะมากขึ้น
กมลพร- จุดไหนใน กทม.ถ้าฝนตกหนักในปริมาณที่อาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมได้น่ากังวลใจบ้าง แอบถามถ้าเกิดใครดูคนเคาะข่าวจะได้เลี่ยง คือจุดไหนหนักใจบ้าง 19 จุด 13 จุดอะไรอย่างนี้ค่ะ เจอเอกอุขนาดนี้ขอถามสัก 5 จุด ถ้าท่วมแล้วไม่ไปดีกว่า
สมพงษ์- ได้ครับ จริงๆ มีอยู่ 15-20 จุดนี่แหละ ตกทีไรก็ท่วมทุกครั้ง เอาอย่างที่ผ่านมาก็ที่รัชดา หน้าศาลอาญานี่แหละ เป็นจุดที่ควรเฝ้าระวังมากเลย เป็นจุดแถวสุขุวิท-อโศก , ถนนศรีอยุธยา ,ที่ฝั่งถนนนนท์ แจ้งวัฒนะ , งามวงศ์วาน , ถนนพหลโยธินก็แยกเกษตรฯ , วงเวียนบางเขน , จะมีแบริ่ง-ลาซาล
กมลพร- ตัวดีเลยค่ะ แบริ่ง-ลาซาล
สมพงษ์- แล้วมีถนนพัฒนาการบางส่วน คือจุดพวกนี้ที่ผมยกตัวอย่างมา จริงๆ มันมีอีกแยกย่อยฝั่งธนฯ ก็ฉิมพลี-ทุ่งมังกร บางขุนเทียน-ชายทะเล พวกนี้จะมีเวลาฝนตกแต่ว่าตามความหนักเบานะครับ หนักเกือบสัก 60 มิล อาจจะ 10-15 เซนฯ ประมาณสูงไม่ถึงหน้าแข้ง
กมลพร- รถพอวิ่งได้ แต่ชะลอๆ หน่อย
สมพงษ์- แต่ก็ท่วม จุดเหล่านี้เป็นจุดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษก็ต้องเร่ง จุดไหนที่มีปัญหากระทบกับการจราจร ที่นโยบายท่านผู้ว่าฯ ว่าต้องระบายน้ำได้เร็วกว่าเดิม อันนี้คือสิ่งที่เราต้อง ทีมงานต้องกลางค่ำกลางคืนฝนที่ไหนอะไรยังไงทีมงานต้องออกไป เพราะว่า 1.เรื่องขยะ 2.เรื่องความพร้อมของเครื่องไม้เครื่องมือ 3.ถ้าเดือดร้อนแล้ว รถเสียหรืออะไรเสีย เราก็ต้องเข้าไปช่วย แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าเป็นตำรวจจราจร เป็นทหาร เป็นอะไรลงมาช่วยกัน
กมลพร- ถ้าเกิดเราไปเจอน้ำท่วมแล้วรถเราดับ แจ้ง กทม.ได้ไหมคะ แจ้งหน่วยเบสท์ได้ไหม
สมพงษ์- ได้ แจ้งมาที่สำนักงานระบายน้ำก็ได้ 1555 ก็ได้ หรือมีไลน์กลุ่มของระบายน้ำ หรือเฟซใส่เข้ามาเลย เดี๋ยวทีมงานเราถึงที่
กมลพร- 24 ชั่วโมง มั่นใจได้ แต่มั่นใจหน่วยงานเบสท์เหมือนกันนะคะ ต้องฝากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ด้วย น้ำท่วมตรงไหนเห็นเจ้าหน้าที่ตรงนั้นเลย
สมพงษ์- คือมันเป็นนโยบาย 2.มันเป็นเรื่องของว่า ถ้าเราไม่เข้าไปเดี๋ยวน้ำแทนที่จะแห้งภายใน 1 ชั่วโมง มันจะเพิ่มเป็น 2 ชั่วโมง มันมีความเดือดร้อน เลยต้องเข้าพื้นที่ เดี๋ยวจะบอกว่า เอ๊ะน้ำท่วมที่ไหนไม่เห็นเจ้าหน้าที่ อย่างน้อยๆ มีเจ้าหน้าที่ไปเก็บขยะ ไปเคลียร์อะไรก็ได้ มีความมั่นใจกับประชาชน อย่างนี้เราก็ต้องเข้าไปว่า ทีมงานช่วยเหลือจริงๆ เดี๋ยวเขาจะระดมเครื่องมือเข้าไป มันมีหน่วยพร้อมที่จะช่วยอยู่แล้ว
กมลพร- ฟังมาถึงตอนนี้รู้สึกว่า ฝนตกหนักกว่านี้ก็มั่นใจได้พอสมควร มั่นใจได้ในระดับหนึ่งเลย จะไม่เหมือน 54 ใช่ไหมคะ
สมพงษ์- คือเราพิสูจน์มา 2 รอบ ตก 100 กว่ามิลฯ ที่ฉิมพลี 122-123 มิลฯ มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อเร็วๆ นี้แหละครับ ที่ฝั่งธนฯ ในกรุงเทพฯ เราฝั่งพระนคร 112-113 มิลฯ ก็แถวสุขุมวิท ท่วมประมาณเช้าแห้ง ประชาชนไม่เดือดร้อน
กมลพร- ออกมารถไม่ติดพอดี
สมพงษ์- ใช่ แต่ว่าท่วมไหม แต่เวลาเราระบายได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ทำให้เวลาที่เช้าออกมา คนเขาออกไปทำงานกันได้สะดวก
กมลพร- สุดท้ายท่าน ผอ.มีอะไรฝากถึงบรรดาพี่น้องประชาชน คนในกรุงเทพฯ บ้างไหมคะ ถ้าเกิดว่าอยากจะฝากอะไรเกี่ยวกับสำนักระบายน้ำ หรือว่าการระบายน้ำของกรุงเทพฯ
สมพงษ์- จริงๆ แล้วเรื่องฝน น้ำท่วมกรุงเทพมหานคร เวลาฝนตกผมก็จริงๆ จะแก้ปัญหาได้ 100% เลย บางทีมันลำบากเหมือนกัน เพราะว่าเราไม่สามารถไปขยายท่อระบายน้ำ ไปขยายถนน หรือไปทำอะไรได้มากขึ้นกว่านี้ ไปขุดคลองมากขึ้นกว่านี้ก็ไม่ได้ แต่ว่าอยากให้พี่น้องประชาชน เวลามีฝนตกก็ติดตามสภาพอากาศตามข้อมูลข่าวสารจากสื่อทีวีต่างๆ วิทยุต่างๆ เพราะว่าเราจะมีคอนแทคเกี่ยวกับสื่อต่างๆ เราจะส่งข้อมูลไม่ว่าเรดาร์ ไม่ว่าปริมาณฝน หรือจุดน้ำท่วมขัง ว่ามีน้ำท่วมขังที่ไหน สูงขนาดไหน เราจะส่งผ่านสื่อเข้าไปว่า ออกประชาสัมพันธ์ไป ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสื่อเวลาฤดูฝนตามสื่อ และวางแผนการเดินทาง เพราะว่าทุกคนถ้าเกิดไปติด
กมลพร- อยู่บนถนน
สมพงษ์- ตั้งใจจะไปทางนี้ เรารู้ว่าน้ำท่วม เราตั้งใจจะไป เรารู้ว่าไปติด ทุกคนขยับตัวไม่ได้ คือวางแผนสักนิดหนึ่ง จะไปอ้อมหน่อยก็ได้ วางแผนในการเดินทาง แต่สิ่งสำคัญอีกอันหนึ่งก็คือ ความร่วมมือของพี่น้องประชาชน อย่างที่คุยกันมาว่า ปัญหาเรื่องขยะ ถ้าทุกคนช่วยกันคนละไม้ละมือ อย่าไปรอเจ้าหน้าที่เราอย่างเดียว ถ้าชาวบ้านพี่น้องช่วยกันตรงหน้าเรามีขยะ ช่วยกันเก็บ หรือหน้าบ้านถ้าเห็นน้ำท่วมอยู่ เราเห็นขยะไปกีดขวางทางน้ำก็ช่วยๆ กันเก็บ อันนี้จะทำให้การระบายได้เร็วขึ้น อันนี้ขอฝากพี่น้องประชาชนด้วยครับ
กมลพร- วันนี้ขอบคุณ ผอ.สมพงษ์ เวียงแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร และขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของเจ้าหน้าที่ด้วย หน่วยงานนี้ทำงาน 24 ชั่วโมงจริงๆ ขอบคุณมากเลยค่ะ
สมพงษ์- ครับ สวัสดีครับ
กมลพร- หมดเวลาของคนเคาะข่าวแล้วนะคะ เราสองคนลาคุณผู้ชมไปก่อน กลับมาเจอกันใหม่วันพรุ่งนี้ สวัสดีค่ะ