ที่ปรึกษารองนายกฯ - รมว.กลาโหม ชี้ ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปเหตุระเบิด รพ.พระมงกุฎเกล้า ฝีมือใคร ยังไม่มีโยงกับการเมือง เชื่อคนลงมือมีประสบการณ์ ชำนาญพอสมควร แต่ยังด่วนสรุปเกินไป
วันนี้ (22 พ.ค.) นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุ อสมท 100.5 เมกะเฮิรตซ์ กรณีที่่เกิดเหตุระเบิดภายในอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บจำนวน 24 ราย กระทั่ง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า เป็นวัตถุระเบิดนั้น ว่า เป็นเรื่องที่สมควรได้รับการประณามอย่างรุนแรง เพราะเป็นพื้นที่สาธารณะที่มีข้อตกลงกันทั้งในระบบนานาชาติ และระบบสากล ระบบในประเทศ ว่า เป็นพื้นที่ที่จะต้องปราศจากความรุนแรง คิดว่าหลายฝ่ายคงจะต้องช่วยกันประณาม ช่วยกันกดดัน ในที่สุดจะต้องเร่งรัดหาคนผิดมาลงโทษ นอกเหนือไปจากการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบเฉพาะหน้าอย่างรวดเร็วก่อน เรื่องนี้ทางหน่วยงานความมั่นคงก็ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ลงไปคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็วตามขั้นตอนที่ได้วางไว้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทราบข้อมูลพอสมควรถึงชนิดระเบิด เข้าใจว่า เย็นนี้ทางผู้บัญชาการทหารบกได้ประชุมสรุปเหตุการณ์เรียบร้อยกับทางตำรวจแล้ว ก็คงจะให้ข่าวเพิ่มขึ้น แต่ในชั้นนี้ก็ได้พยานหลักฐานวัตถุและพื้นที่ที่มีการคัดกรองอยู่พอสมควรอยู่แล้ว มีเรื่องของกล้องวงจรปิด เมื่อได้หลักฐานทั้งหมดมีความคืบหน้าในเรื่องคดีอยู่พอสมควร
สำหรับการสรุปสาเหตุยังไม่ได้ทำในช่วงนี้ ฟังข้อมูลจากฝ่ายปฏิบัติที่รวบรวมข่าวสารเข้ามา ส่วนการตั้งสมมติฐานแล้วไปโยงกับการเมืองนั้นก็ยังไม่มี ในชั้นนี้ต้องฟังข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ก่อน แต่สื่อมวลชนก็คงจะฟังข้อสังเกตไว้หลายข้อ แต่อย่างเป็นทางการไม่สามารถตั้งสมมติฐานได้ในวันนี้ ส่วนความเกี่ยวข้องกับคดีระเบิดหน้ากองสลาก หรือหน้าโรงละครแห่งชาติ มีข้อมูลอยู่แต่ละคดี มีความแตกต่างกันออกไป บางส่วนอาจคล้ายคลึงกัน ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ยากมาก ต้องพูดคุยกันหลายฝ่าย หลายพื้นที่มีปัญหาลักษณะนี้ เราเห็นในยุโรปหลายพื้นที่ การคัดกรองควบคุมพื้นที่เหล่านี้ เราต้องร่วมมือกันมากขึ้น อย่างเช่นพื้นที่ภาคใต้ ถือเป็นบทเรียนหนึ่ง แนวโน้มที่คนเหล่านี้จะโจมตีพื้นที่สาธารณะยังคงมีอยู่
เมื่อถามถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้น นายปณิธาน กล่าวว่า เป็นไปตามขั้นตอน โดยควบคุมไม่ให้ปัญหาซ้ำซ้อน ดูแลพื้นที่เพื่อเก็บพยานหลักฐาน รวมทั้งสอบปากคำพยานบุคคล การดึงข้อมูลระบบกล้องวงจรปิด และระบบสื่อสารออกมา กำลังทำกันอยู่ เจ้าหน้าที่จะต้องเร่งรัดและคลี่คลายคดีให้เร็ว ส่วนความกังวลของประชาชนถึงความปลอดภัย โดยเฉพาะใจกลางเมืองนั้น เป็นที่เข้าใจได้ เจ้าหน้าที่คงต้องทำงานหนักขึ้น แต่ในภาพรวมถือว่าเป็นเหตุการณ์เฉพาะจุด ไม่ถึงขั้นขยายออกไปทั่วพื้นที่ แต่บางพื้นที่ที่เปราะบาง อาจจะต้องช่วยกันสังเกตและร่วมมือกันแต่ก็ไม่ง่าย อย่างพื้นที่โรงพยาบาลการตรวจสอบอาจจะกระทบหลายๆ ด้าน ถ้าจะต้องไปเข้าระบบคัดกรองแบบที่สนามบินอาจจะทำให้การรักษาพยาบาลยุ่งยากขึ้น แต่ในอนาคตคงต้องปรับหามาตรการเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น
นายปณิธาน กล่าวว่า ผู้ที่ลงมือมีประสบการณ์พอสมควรและมีความชำนาญ แต่ยังด่วนสรุปเกินไป เพราะเจ้าหน้าที่ยังทำงานรวบรวมข้อมูล ระบุผู้ต้องสงสัย คิดว่า อาจจะเร็วไปแต่ก็เข้าใจความกังวลของประชาชนที่ต้องการทราบข้อมูลทางนี้ สิ่งที่ดีที่สุด คือ ช่วยกันสังเกต ช่วยกันแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารที่ไม่ชอบมาพากลในช่วงนี้ เพื่อที่จะมีข้อมูล จะทำให้คดีคลี่คลายดีขึ้น อย่างไรก็ตาม พื้นที่เกิดเหตุมีบางที่จะควบคุม พื้นที่โดยทั่วไปของโรงพยาบาลยังปกติ การรักษาพยายาลเป็นไปเหมือนเดิม ไม่ต้องกังวล คนไข้ก็ไปรักษาพยาบาลตามปกติ และร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการคัดกรองด้วย