ประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเดินทางมาร่วมกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างไม่ขาดสาย ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (20 พ.ค.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 199 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ อย่างไม่ขาดสาย ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
นางวิลัย ไชยสา อายุ 42 ปี อาชีพรับจ้าง ชาวกาฬสินธุ์ มาสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 2 พร้อมด้วย น.ส.บุญเตือน สว่างเนตร อายุ 52 ปี อาชีพรับจ้าง ชาวอยุธยา มาสักการะพระบรมศพ 10 กว่าครั้ง ทั้งคู่เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนอีก 2 คนจากนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ปทุมธานี กล่าวด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้ม ว่า เดินทางมาจากนวนคร โดยมาขึ้นรถเมล์ฟรีที่หน้าห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต รถเมล์มาส่งที่หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ แล้วก็เดินต่อมาอีกหน่อยหนึ่ง เพื่อมาเข้าแถวรอ รอคิวไม่นานมากนักก็ได้กราบพระบรมศพ
“ทุกครั้งที่ได้กราบพระบรมศพจะรู้สึกตื้นตัน และคิดถึงพระองค์มาก ทรงทำให้ประชาชนทุกอย่าง หากดูจากการทรงงานของพระองค์จะทราบว่า เป็นเจ้าไม่ได้สบายเลย ทรงงานหนักและเหน็ดเหนื่อยตลอด จากพระมหากรุณาธิคุณนี้ก็อยากให้คนไทยรักกันและสามัคคีกันมากๆ และเดินตามรอยพระบาทของพระองค์ในด้านต่างๆ หลังจากนี้ตั้งใจจะมากราบอีก อย่างในวันถวายพระเพลิงพระบรมศพก็ตั้งใจว่าจะมา แม้จะเข้าไม่ถึง อยู่ไกลแค่ไหนก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงก็อยู่บริเวณท้องสนามหลวง อยู่บนผืนแผ่นดินไทย ทั้งนี้ ตั้งใจจะเดินตามรอยพระบาทในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งตอนนี้ก็ได้ทำบ้างแล้วทั้งปลูกผัก ปลูกผลไม้ และเลี้ยงปลา” นางวิลัย และ น.ส.บุญเตือน กล่าว
ด้านนางอวยชัย โพธิ์กด อายุ 55 ปี ชาว จ.อุดรธานี ที่ย้ายตามครอบครัวไปอยู่ที่จังหวัดเชียงราย และ พ.ต.ญ.จรัสศรี ศรีสุข อายุ 54 ปี ชาว จ.อุดรธานี แต่ย้ายไปเป็นครูสอนภาษาอยู่ที่พัทยา จ.ชลบุรี ที่นัดกันมากราบสักการะพระบรมศพ กล่าวด้วยน้ำเสียงปลื้มปิติและน้ำตาคลอด้วยความคิดถึงในหลวง รัชกาลที่ 9 ว่า ตั้งใจมากราบสักการะพระบรมศพตั้งแต่เมื่อวาน แต่ฝนตกจึงทำให้ไม่ได้เข้าไปกราบ วันนี้จึงรีบมาตั้งแต่เช้า และได้กราบพระบรมศพสมความตั้งใจ รักพระองค์มาก เพราะทรงทำทุกอย่างเพื่อปวงชนชาวไทย ทรงมีพระอัจฉริยภาพในทุกด้าน เพียงแค่ทอดพระเนตรออกทางหน้าต่างโรงพยาบาลศิริราชแล้วทรงเห็นว่ามีปัญหารถติด ก็ทรงแก้ไขปัญหาให้ได้ ทรงมีพระเมตตาต่อปวงชนชาวไทยมากจริงๆ ทรงเป็นแบบอย่างให้เราในทุกๆ ด้าน