xs
xsm
sm
md
lg

“พระธาตุดอยสุเทพ” กำเนิดจากช้างมงคล สร้างมา กว่า ๖๐๐ ปีแล้ว! พร้อมๆกับวัดสวนดอก!!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค

พระธาตุดอยสุเทพ
พระธาตุดอยสุเทพนั้นสถาปนาขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. ๑๙๒๗ ในสมัยพระเจ้ากือนา ผู้เป็นเหลนของพญามังราย ผู้สร้างเมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่

ตามตำนานพระธาตุดอยสุเทพได้กล่าวถึง “พระสมุนเถระ” หรือ “พระสุมนเถระ” ผู้เป็นเจ้าลูกหลวงในราชวงศ์พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย ได้ออกผนวชเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนา ทรงใฝ่พระทัยในการศึกษาพระไตรปิฎกถึงกับไปศึกษาที่เมืองพัน (เมาะตะมะ) ในรามัญประเทศ ครั้นกลับมา พญาเลอไทผู้เป็นโอรสของพ่อขุนรามคำแหงทรงมีพระราชศรัทธาเลื่อมใส สร้าง“วัดอัมพวนาราม” ให้ประทับในป่ามะม่วงของกรุงสุโขทัย

ครั้งหนึ่ง พระสุมนเถระได้เสด็จจาริกไปเทศนาที่เมืองปางจา ซึ่งอยู่ระหว่างกรุงสุโขทัยกับเมืองศรีสัชนาลัย เทวดามาเข้าเฝ้าว่ามีพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาครั้งพระเจ้าอโศกมหาราช บรรจุอยู่ในพระเจดีย์เก่าซึ่งปรักหักพังไปหมดสิ้นแล้ว ไม่มีใครในสมัยหลังนี้ทราบ จึงไม่มีการบูชาสักการะ ประกอบกับมีชาวเมืองมาทูลว่าได้เห็นพระบรมสารีริกธาตุสำแดงปาฏิหาริย์เป็นนิตย์ทั้งกลางวันกลางคืนในระยะที่เสด็จมา พระสุมนเถระจึงทำพิธีขุดค้นขึ้นมาด้วยความอุปถัมภ์ของพญาลือไท อุปราชผู้ครองเมืองศรีสัชนาลัย ซึ่งต่อมาก็คือพระมหาธรรมราชาลิไท

จากการขุดค้นก็ได้พบโกศบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ชั้นนอกเป็นโกศดิน บรรจุโกศเงิน โกศทองคำ และโกศแก้วประพาฬเป็นชั้นๆ ไปตามลำดับ พระบรมสารีริกธาตุมีขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว สีดังทองอุไร

เมื่อพระสุมนเถระอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาสรงน้ำในอ่างทองคำ ก็เป็นที่ประจักษ์แก่มหาชนว่า พระบรมสารีริกธาตุได้สำแดงปาฏิหาริย์แตกออกทวีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆถึง ๘๐ องค์ ลอยฟ่องเต็มอ่างทองคำนั้น ก่อนที่จะรวมกลับเป็นหนึ่งเดียวตามเดิม

เมื่อความทราบถึงพญาลือไท จึงโปรดให้สร้างปราสาทขึ้นที่กลางเมืองศรีสัชนาลัยเพื่อเป็นที่ต้อนรับพระบรมสารีริกธาตุ ตกแต่งโคมประทีปและดุริยางค์ตลอดระยะทางจากเมืองปางจาถึงกรุงศรีสัชนาลัย เมื่อพระสุมนเถระอัญเชิญมาถึง ทรงเสด็จอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุลงจากช้างมงคลขึ้นสู่ปราสาทด้วยพระองค์เอง และโปรดให้มีงานสมโภชอย่างเอิกเกริก

พญาลือไทยได้รับสั่งกับพระสุมนเถระว่า

“ข้าแต่เจ้ากู ตูข้าใคร่เห็นธาตุเจ้ากระทำปาฏิหาริย์โปรดสัตว์ทั้งหลายนั้นแล”

พระบรมสารีริกธาตุก็สำแดงปาฏิหาริย์ ดัง “ตำนานมูลศาสนา” กล่าวไว้ว่า

“...พระธาตุเจ้าก็ผุดขึ้นเหนือผิวน้ำในสรุ่งคำ ประดุจดังราชหงส์อันรำฟ้อนฉะนั้น แล้วกระทำปาฏิหาริย์ให้เป็นอัศจรรย์เปล่งออกซึ่งฉัพพรรณรังสี ๖ ประการ เพื่อจักตัดความสนเท่ห์แห่งคนทั้งหลาย ด้วยคำว่าอันนี้ไม่ใช่ธาตุพระพุทธเจ้าแท้แล...”

จากนั้นพระสุมนเถระก็อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเข้าสู่กรุงสุโขทัย เมื่อพญาเลอไทกษัตริย์ผู้ครองกรุงสุโขทัยทำพิธีสรงน้ำแล้ว ก็ได้ทรงอธิษฐานอาราธนาให้พระบรมสารีริกธาตุแสดงปาฏิหาริย์อีกว่า

“ผิว่าพระธาตุเจ้ากูกรุณาบริษัทในที่นี้ ขอให้เห็นอัศจรรย์ปาฏิหาริย์ เพื่อให้ใจบานแก่ชาวเมืองให้รุ่งเรืองแก่ตูข้าทุกถ้วนหน้า ย่อมให้ได้บูชาเถิด”

แต่พระบรมสาริริกธาตุก็หาได้แสดงปาฏิหาริย์ไม่ ตำนานกล่าวว่า

“เหตุเมืองนั้นใช่ที่ธาตุพระพุทธเจ้าจักอยู่แล”

พญาเลอไทไม่ทรงเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุของแท้ จึงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระสุมนเถระรับไปเก็บรักษาไว้

ต่อมาใน พ.ศ.๑๙๑๒ พญากือนาผู้ครองนครเชียงใหม่ได้โปรดส่งทูตมายังกรุงสุโขทัย อาราธนาเชิญพระสุมนเถระไปประดิษฐานพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ที่ล้านนาไทย พระสุมนเถระจึงอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นไปยังล้านนาพร้อมกับพระไตรปิฎกที่พระเจ้ากรุงสุโขทัยถวายให้นำไปเผยแพร่

พระสุมนเถระได้เสด็จไปประทับที่วัดพระยืน เมืองลำพูน อุปสมบทกุลบุตรชาวลำพูนและเชียงใหม่เป็นอันมาก รวมทั้งทรงร่วมกับพญากือนาสร้างพระพุทธรูป ๔ องค์ ประดิษฐานไว้ในวิหารวัดพระยืน พญากือนาทรงมีพระราชศรัทธาเป็นอันมาก สถาปนาอภิเษกพระสุมนเถระให้เป็นพระมหาสวามีสังฆราชทรงพระนามว่า “พระมหาสุมนะสุวรรณรัตนมหาสวามี”

วันหนึ่งพระมหาสุมนะฯ ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุถวายให้พญากือนาทอดพระเนตร พร้อมทั้งเล่าถวายถึงประวัติความเป็นมาทั้งมวล พญากือนาจึงทรงสรงน้ำด้วยเครื่องหอมอย่างดี ซึ่งพระบรมสารีริกธาตุก็ได้สำแดงปาฏิหาริย์อีกครั้ง

พระมหาสุมนะฯ จำพรรษาอยู่ที่วัดพระยืนได้ ๒ พรรษา พญากือนาก็พระราชทานสวนดอกไม้พยอม อันเป็นอุทยานครั้งพญาเม็งราย ถวายสร้างเป็นพระอารามที่ประทับ พระราชทานนามว่า “วัดบุปผาราม” หรือ “วัดสวนดอก” ในปัจจุบัน พระมหาสุมนะฯ ได้เสด็จเข้าประทับตั้งแต่ พ.ศ. ๑๙๑๔ เป็นต้นมา

ในปีเดียวกันนั้นเอง พระมหาสุมนะฯ ก็ได้ทรงร่วมกับพญากือนาสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ขึ้นที่วัดสวนดอก เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากกรุงสุโขทัย แต่ก่อนที่จะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเข้าบรรจุก็ได้มีการถวายน้ำสรงอีก ซึ่งพระบรมสารีริกธาตุก็ได้สำแดงปาฏิหาริย์อีกครั้ง ตามตำนานพระธาตุดอยสุเทพกล่าวไว้ว่า

“เถิงวันอันจักฐาปนานั้น ท้าวกือนาแลมหาสุมนเจ้าจึงอาราธนาธาตุพระพุทธเจ้ามาใส่สะโถนคำ แล้วก็สรงด้วยสุคันโทธกภิเษกเอนกหลายประการต่างๆ แลบูชาด้วยสักการวิเศษมากนัก ธาตุพระพุทธเจ้าก็กระทำปาฏิหาริย์ หื้อปรากฏแก่ท้าวกือนาแลมหาสุมนแลคนทั้งหลาย เป็น ๒ องค์ ๓ องค์ เป็นหลายองค์ฟูอยู่เหนือน้ำเต็มสะโถนคำ ผ้องมีวัณณดังคำแล ผ้องมีวัณณดังนาค ผ้องมีวัณณดังมุกด์ ผ้องมีวัณณเป็นดังแก้ว ประทักษิณเหนือน้ำ ยามนั้นอากาศกลางหาวทั้งมวลเป็นอันมืดมนอนธการมากนัก ท้าวกือนาแลเสนาอำมาตย์ประชาราษฎร์สมณพราหมณาจารย์ทั้งหลายหันเป็นอัจฉริยะมากนัก ก็มีใจอภิรมณ์ชมชื่นยินดีปิติปราโมทย์มากนัก เขาก็ประนมมือขึ้น ตั้งขะหม่อมน้อมนบเคารพสาธุการเป็นไพมากนักแล”

เมื่อเสร็จจากการสรง พระมหาสุมนะฯ อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นจากน้ำ พระบรมสารีริกธาตุก็ได้กลายเป็น ๒ องค์ องค์หนึ่งมีขนาดเล็กกว่าปกติ อีกองค์มีขนาดเท่าเดิม มีวรรณะงามเสมอกัน พระมหาสุมนะฯ และพญากือนาได้อาราธนาองค์ที่ขนาดเท่าเดิมบรรจุลงในโกศแก้วประพาฬอันเก่า แล้วอัญเชิญลงในโกศทองคำ โกศเงิน โกศทองเหลือง และโกศดินซ้อนกันตามลำดับ จากนั้นก็อัญเชิญบรรจุไว้ในองค์พระมหาเจดีย์ของวัดสวนดอกมาจนปัจจุบัน

ส่วนพระบรมสารีริกธาตุอีกองค์ที่ขนาดเล็กกว่า พระมหาสุมนะฯ และพญากือนาดำริร่วมกันที่จะสร้างมหาเจดีย์อีกองค์เป็นที่ประดิษฐาน แต่ก็ยังไม่เห็นที่ใดเหมาะสม จึงได้ใช้วิธีอัญเชิญผอบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขึ้นหลังช้างมงคล แล้วอธิษฐานเสี่ยงปล่อยช้างนั้นไป ปรากฏว่าช้างได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นไปยังดอยสุเทพ จึงได้มีการสถาปนาพระมหาธาตุเจดีย์ขึ้นบนดอยนี้ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุองค์ที่ ๒ ซึ่งเสด็จมาเอง

นี่ก็คือเรื่องราวที่มาของพระธาตุดอยสุเทพ ปูชนียสถานอันเป็นที่เคารพสักการะของชาวล้านนาและชาวไทยทั้งประเทศมาเป็นเวลากว่า ๖๐๐ ปีแล้ว
บันไดนาคของวัดพระธาตุดอยสุเทพ สร้างขึ้นใน พ.ศ.๒๑๐๐
วันเปิดถนนขึ้นดอยสุเทพ หรือ ถนนศรีวิชัย พระครูบาศรีวิชัย ผู้ริเริ่มสร้างนั่งอยู่ในรถ คนขับคือเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย
วัดสวนดอกใน พ.ศ.๒๔๖๙
กำลังโหลดความคิดเห็น