ประชาชนจากทั่วประเทศเดินทางมาร่วมกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ต่อเนื่องเป็นวันที่ 197 ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (18 พ.ค.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 197 ตลอดทั้งวัน ยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายตลอดทั้งวัน
น.ส.วิมล สีสุกใส อายุ 56 ปี อดีตครูโรงเรียนเทศบาลหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า เดินทางมาพร้อมกับหลานและเพื่อนร่วมงานของหลาน รวม 10 คน โดยเหมารถตู้ออกเดินทางมาตั้งแต่ตี 4 และกราบสักการะพระบรมศพเสร็จประมาณ 7.30 น. ซึ่งเป็นการเดินทางมาครั้งแรก เพื่อมาน้อมเกล้าฯ ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย พวกเรารู้สึกเสียใจและอาลัยยิ่งที่พระองค์เสด็จสวรรคต พวกเราและชาวหัวหินจะระลึกถึงพระองค์ตลอดไป
“ทุกวันจันทร์ เวลาประมาณ 18.00 น. ที่หน้าวังไกลกังวล พวกเราและชาวหัวหิน จะเดินทางมาร่วมร้องเพลงพระราชนิพนธ์ของในหลวง รัชกาลที่ ๙ เพื่อแสดงความอาลัยและระลึกถึงพระองค์ที่อยู่ในใจของชาวหัวหินทุกคน พวกเราชาวหัวหินรู้สึกเสียใจมากที่สูญเสียพระมหากษัตริย์ที่ดีที่สุดในโลกไป ท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อปวงชนชาวไทยและชาวหัวหินอย่ามาก ที่ทรงพระราชทานแนวทางการดำเนินชีวิต เช่น หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้เราใช้จ่ายไม่ฟุ่มเฟือย ความซื่อสัตย์สุจริต และโครงการในพระราชดำริมากมาย อาทิ โครงการชั่งหัวมัน, อ่างเก็บน้ำเขาเต่า, ศูนย์ศึกษาพัฒนาห้วยทราย ซึ่งช่วยแก้ปัญหาการปรับปรุงสภาพน้ำและดิน ที่สามรถช่วยลดความทุกข์ยากของประชาชนและช่วยให้เกษตรกรมีอาชีพมีรายได้” น.ส.วิมล กล่าว
นางดาราวรรณ ศรีธัญรัตน์ อายุ 53 ปีอาชีพค้าขาย และสมาชิกสภาตำบลโพธิ์ศรี อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี กล่าวหลังจากได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพ ว่า เดินทางมาร่วมยินดีงานรับปริญญาลูกชายที่กรุงเทพฯ พร้อมญาติๆ รวม 6 คน จึงถือโอกาสมากราบพระบรมศพ เป็นครั้ง 2 แล้วที่ได้มา ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งสองครั้งใช้เวลารอไม่นานก็ได้เข้ากราบสมความตั้งใจ รู้สึกปลื้มใจเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรับเสด็จในหลวง รัชกาลที่ 9 รักและเทิดทูนพระองค์ท่านมาก ท่านเป็นต้นแบบของผู้เสียสละอย่างแท้จริง ทำงานเพื่อส่วนรวมมาตลอดชีวิต ไม่มีใครทำได้เหมือนอีกแล้ว
“ลุงเล่าให้ฟังว่า ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เคยเสด็จฯ ไปแก่งสะพือ จ.อุบลฯ ตอนลุงอายุ 7 - 8 ขวบ ทรงเยี่ยมราษฎรและพระราชทานโครงการพระราชดำริเกี่ยวกับการเกษตร และเรื่องน้ำ ทรงห่วงใยราษฎรมากไม่ว่าระยะทางไกลแค่ไหนก็เสด็จฯ ไปถึง ยังมีโครงการปลูกป่าอีก อย่างป่าดงนาทาม ช่วยฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ให้ผืนป่าชุมชนได้มาก นอกจากจะช่วยให้เกิดความร่มรื่นยังเป็นแหล่งหาของป่า เป็นป่าอาหารของชาวบ้าน ทุกอย่างที่พระองค์ทำล้วนเพื่อประโยชน์สุขและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน คนไทยรักพระองค์เหมือนท่านเป็นพ่อของพวกเราจริงๆ อีกไม่กี่เดือนจะถึงวันถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว รู้สึกใจหาย ถ้ามีโอกาสจะมาร่วมถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายให้ได้” นางดาราวรรณ กล่าว