รักและผูกพันกับสุนัขมาตั้งแต่ยังเด็กบวกกับชอบวาดรูปเป็นทุนเดิมทำให้เธอเอาสองสิ่งมาผสมผสานกันโดยถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาดความรักระหว่างคนกับหมา เกิดเป็นเพจ “หมาจ๋า” ขึ้นมา ซึ่งปัจจุบันมีผู้ติดตามหกแสนกว่าคน อีกทั้งยังมีพ็อกเก็ตบุ้คมาแล้ว 8 เล่ม
นัด- ณัฐวีร์ ลิมปนิลชาติ อดีตนักเขียนงานพ็อกเกตบุ้ควัยรุ่น อีกทั้งยังเคยทำเพจคำคมและเพจต่างๆ มามากมายกระทั่งได้เอาเรื่องราวระหว่างคนกับสุนัขถ่ายทอดออกมาในมุมมองน่ารักๆ ผ่านลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองกลั่นออกมาเป็นเพจ “หมาจ๋า” และพ็อกเกตบุ้คอีก 8 เล่ม อาทิ หมาจ๋า: 50 จากล้านเหตุผลที่คนหนึ่งคนรักหมา, lady gigi: หน้าโหด หัวใจมุ้งมิ้ง, หมาจ๋า Dog is all Around, 50 shade of หมาจ๋า, love me love my boss, The devil wear collar :โลกบังคับให้หมาร้าย, หมาจ๋า ดราม่าจัง และ หมาจ๋า therapy
• เพจ “หมาจ๋า” จุดเริ่มต้นของคนรักสุนัข
นัดเริ่มทำเพจหมาจ๋าครั้งแรกเมื่อตอน 4 ปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้วค่ะ ตอนนั้นจริงๆ เป็นคนที่เล่นเฟสบุ๊กอยู่แล้ว ต้องบอกก่อนว่าก่อนหน้าที่จะมาทำตรงนี้ส่วนตัวนัดเป็นนักเขียนงานพ็อกเกตบุ้ควัยรุ่นของสำนักพิมพ์ใยไหมมาก่อน ซึ่งเราได้ทำเพจต่างๆ มากมาย เพจคำคมบ้างอะไรบ้างให้ตัวเองอยู่แล้ว เลยมีความสนใจในการสร้างแฟนเพจ บวกกับที่เราก็เป็นคนที่รักหมามากๆ อยู่แล้วก็ได้มีโอกาสติดตามข่าวสารเกี่ยวกับหมาหมา แล้วก็เกิดคำถามขึ้นมา 1 เรื่อง แล้วเราก็เชื่อว่าสัตว์เลี้ยงยอดนิยมของคนไทยน่าจะเป็นหมา ไปไหนก็เห็นหมา หมาจรจัดหมาอะไรก็เยอะ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนในสื่อออนไลน์ พ็อกเก็ตบุ๊คหรืออะไรก็ตามกับมีเรื่องของหมาน้อยมาก เข้าร้านหนังสือก็ไม่มีไม่เห็นหนังสือหมา แฟนเพจในเฟสบุ๊ค โซเชียลก็จะมีแต่ว่าเรื่องของมูลนิธิหมา การช่วยเหลือหมาต่างๆ ซึ่งดูแล้วน่าสงสาร
เราก็เลยอยากลองนำเสนอเกี่ยวกับความรักระหว่างคนกับหมา ออกมาอีกแบบหนึ่งให้มันดูน่ารัก และก็ใช้ภาพวาดสื่อออกมาก็เลยเกิดเป็นเพจ “หมาจ๋า” ขึ้นมาค่ะ
• แล้วคอนเทนท์ส่วนใหญ่เอามาจากไหน เห็นว่าทางเพจบอกเล่าเรื่องราวด้วยภาพ ไม่ทราบว่าขั้นตอนวิธีการสร้างสรรค์ภาพนั้นๆ เป็นอย่างไร เพราะเห็นภาพแต่ละภาพนั้นบอกเล่าเรื่องราวได้น่ารักมาก
จริงๆ ตั้งแต่เราเกิดมาจำความได้ก็มีหมาอยู่ข้างๆ ตลอด นัดก็เลยชอบหมามาตั้งแต่เด็กๆ อย่างเวลาที่เราเจอหมาข้างถนน เจอลูกหมาอะไรก็จะชอบเก็บกลับบ้านมาด้วย ซื้อหนังสือก็จะซื้อหนังสือหมา หนังสือสายพันธุ์หมา มันทำให้มีความสนใจในเรื่องนี้เป็นพิเศษ แล้วมองในมุมว่ามันเป็นประสบการณ์นะคะ บวกกับความสนใจ ทุกอย่างก็เลยเป็นข้อมูลที่อยู่ในความทรงจำของเรา อิริยาบทของหมา พฤติกรรมหมา สัญชาตญาณของหมา หรืออะไรหลายๆ อย่าง มันก็เลยมีเรื่องราวอยู่ในหัวของเราอยู่แล้ว บวกกับจนถึงปัจจุบันเวลาเราเห็นหมา เราก็ชอบมองเห็นคนเล่นกับหมา แล้วก็มอง ภาพยนตร์หรือละครหรืออะไร มันก็ทำให้เรามีข้อมูลค่อนข้างมาก
อีกอย่างหนึ่งถ้าสังเกตคือการที่เราทำคอนเทนท์ในยุคปัจจุบัน มันก็มีบางส่วนที่อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับหมาโดยตรง อาจจะเป็นเรื่องราวชีวิตประจำวันของคนทั่วไป เราก็เอามาเขียนถึง เพื่อให้มันไม่น่าเบื่อค่ะ
• ความน่ารักระหว่างคนกับสุนัข? แล้วสะท้อนออกมาในแง่มุมใดบ้างคะ
ตอนแรกเราตั้งใจจะทำเป็นงานอดิเรก เวลาว่างๆ ก็อยากลองทำเล่นๆ คือเราวาดรูปแล้วก็เอามาโพสต์ลงเพจ ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะดังด้วยซ้ำ เราทำมาจากการที่เรารักหมา แต่ว่าพอหลังจากที่ทำออกมาแล้วมันกลายเป็นที่รู้จัก มันประสบความสำเร็จในแบบที่เกินคาด เราเลยมีแรงบันดาลใจให้เราทำต่อไปเรื่อยๆ คล้ายๆ กับว่าเรามีช่องทางเป็นสื่ออีกส่วนหนึ่งที่จะสร้างสรรค์คอนเทนท์ดีๆ ให้คน โดยเฉพาะเรื่องของสัตว์เลี้ยง เรื่องของน้องหมา มันก็เลยต่อยอดออกมา ทุกวันนี้บอกได้เลยว่า แรงบันดาลใจในการทำงานนี้ก็คือเราอยากเป็นกระบอกเสียงหนึ่งที่ช่วยให้คนมีเมตตากับเพื่อนร่วมโลกให้มากขึ้น
เราถือได้ว่าเราเป็นสื่อ นัดก็เป็นสื่อคนหนึ่ง แล้วสิ่งที่เราสื่อออกไปกับสังคม มันน่าจะเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ ถามว่าเรื่องแบบนี้มันดาร์คได้ไหม มันก็คงได้แหละ ด้วยลายเส้นด้วยอะไร มันก็คงยากลำบาก ก็มีบ้างที่เคยวาดรูปคนตีหมาแล้วหมาก็ยังวิ่งตาม ไม่รู้ก่อนนั้นเรียกดาร์คไหม แต่ว่าในมุมที่สะท้อนออกมา แบบเศร้าๆ ก็มีบ้าง แต่ว่ามู้ดแอนด์โทนที่คนจดจำเราได้ คือมันดูแล้วสบายใจ ดูแล้วสบายตามากกว่า
ภาพที่นัดประทับใจก็มีค่อนข้างเยอะพอสมควรนะคะ ถ้าสังเกตมันคงเป็นมุก มุกบ้างมุกที่คิดได้ไงวะ อะไรอย่างนี้แล้วคนจำได้นาน กี่ทีก็จะเห็นบางคนก็มาคอมเมนท์อีก เวลาวาดรูปหมากับพระ คนจะชอบ เหมือนคนจะชอบหมากับเด็ก หมากับคนแก่ หมาคุยกันเองแล้วนินทาเจ้านาย คนจะชอบแบบนี้ อย่างหมากับพระ ก็วาดมาหลายปีแล้ว เป็นภาพที่วาดหลวงตาพูดกับหมาว่า
“เอ็งไม่ใช่หมาวัดหรอก เอ็งเป็นหมาของหลวงตา” ภาพนี้ก็ยังเห็นว่านานๆ จะมีคนมาคอมเมนท์อยู่บ้าง ก็รู้สึกว่ามันน่าจะเป็นประมาณว่าบางทีแค่คำพูดนิดเดียว สั้นๆ แต่มันเข้าไปอยู่ในใจคนได้ มันก็เป็นเรื่องที่เราก็ดีใจนะ
• ลายเส้นคือเอกลักษณ์ของหมาจ๋า
นัดจะวาดรูปทุกวัน วาดบ่อยๆ เกิดมาเป็นเด็กที่ชอบวาดรูป ตอนอนุบาลหรือตอนประถม นัดจะประกวดวาดรูป ก็ได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งวาดรูป ใช้สีชอล์ก สีเทียนอะไรก็ว่าไป ตอนมัธยมก็จะได้คะแนนดีในวิชาศิลปะ แต่ว่าจะ ไม่ใช่คนที่ชอบนั่งทำอะไรซ้ำๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่คนที่อยู่ดีๆ ต้องตื่นมา ฉันต้องวาดรูปนะ ฉันต้องไปวาดรูปที่นั่นวาดรูปที่นี่ มันก็เลยกลายเป็นเหมือนแค่ความสามารถที่เรามี แต่เราไม่ได้ใช้ แล้วเราทำเพจหมาจ๋า มันมีอะไรที่ต้องบังคับเราว่า ต้องวาด จะได้มีคอนเทนท์ไปโพสต์ลงเพจ ก็เลยทำให้วาดบ่อยขึ้น มันก็เหมือนเป็นการฝึกฝนมาแล้วมันทำให้รู้ว่า ทุกอย่างที่เราทำมันจะทำออกมาได้ดี มันต้องทำต่อเนื่อง อันนี้ก็เพิ่งรู้จริงๆ ถ้ารู้อย่างนี้ก็พยายามวาดมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ (หัวเราะ)
นัดไม่ได้เรียนมาทางนี้เลย ไม่ได้เรียนวาดรูปเป็นจริงเป็นจังแต่ก็วาดเล่นมาเรื่อยๆ เหมือนเลี้ยงหมาเลย เราก็จะรักหมาเป็นชีวิตจิตใจ แต่ไม่ได้เอามันมาหายใจเข้าออก การวาดรูปก็เหมือนกัน คือชอบ ฝันได้ แต่ไม่ได้เป็นคนวาดรูปตลอดเวลา ถ้ารู้จักจริงๆ คือ นัดจะวาดหน้าคน เวลานั่งร้านกาแฟเบื่อๆ ก็จะวาดหน้าคน ก็เฉยๆไม่ได้วาดเอาเป็นเอาตาย ว่าจะต้องวาดออกมาเป็นวัด เป็นสถาปัตยกรรมหรืออะไร ก็จะไม่ได้มาทางสายนั้นเลย เรียกว่าเมื่อก่อนคือ ระหว่างหมาก็สนใจเรื่องหมามากกว่าเรื่องวาดรูปอีกนะ
• แต่เห็นว่าตอนนี้มีคนติดตามเป็นหลักแสนเลย ซึ่งเยอะพอสมควรเลย แบบนี้มีเคล็ดลับไหม ว่าทำยังไงให้เพจเป็นที่รู้จักได้ขนาดนี้
จริงๆ เลยนะคะ ไม่มีค่ะ คนชอบบอกว่านัดติสท์มาก ตอนนั้นนัดเคยบูทโพสต์อยู่ครั้งเดียวตอนทำหนังสือเองอยู่เล่มหนึ่งเรื่องลูกหมาจรจัด แล้วนัดก็เลยบูทขำๆ แค่นั้น นอกนั้นก็ไม่มีสปอนเซอร์หรืออะไร ต้องขอบคุณสื่อ ขอบคุณคนที่ติดตามที่ ช่วยกันผลักดัน ถ้าลำพังตัวนัดเอง ไม่ได้ไปโปรโมทอะไร เพราะนัดเชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้าคอนเทนท์มันเป็นที่น่าสนใจจริงๆ แล้วมันมีคุณค่าจริงๆ นัดว่าเดี๋ยวคนเขาก็จะเห็นเองค่ะ
น่าแปลกเหมือนกันนะคะ ตรงที่เพจหมาจ๋าจะไม่มีภาพที่อยู่ดีๆ ดังโดดขึ้นมา แล้วคนแชร์ไปทั่วโลกอะไรอย่างนี้ เพราะจะมีบางเพจที่อยู่ดีๆ ดังขึ้นมาเพราะมีคนกดไลค์เป็นแสนหรือแชร์เป็นหมื่น แต่นัดจะไม่เจอไม่เคยเจอแบบนั้น ของนัดมันจะมีเฉลี่ยคือ ถ้าอย่างรูปที่ได้รับความสนใจมากๆ ก็จะ 3,000-5,000 แชร์อะไรอย่างงี้ ก็จะนานๆ โผล่มาที แต่มันจะมีค่าเฉลี่ย เฉลี่ยก็ประมาณมีคนตอบรับสม่ำเสมอค่ะ ไม่มีรูปไหนที่เงียบไปเลย ต้องบอกว่าแฟนเพจหมาจ๋า มีความเหนียวแน่นติดตามกันอยู่เรื่อยๆ
• นอกจากเพจแล้วตอนนี้ก็มีพ็อกเก็ตบุ้คด้วย เห็นว่าตอนนี้มีออกมา 8 เล่มแล้วด้วย
ใช่ค่ะ ตอนแรกจะทำเพจหมาจ๋าเป็นงานอดิเรก แต่ว่าพอหลังจากที่เพจมีชื่อเสียง มันก็กลายว่าเป็นเหมือนงานประจำไปแล้ว เพียงแต่ว่าเราไม่ได้เงินจากเพจ เพจเหมือนทางที่ให้เราไปต่อยอด ไปทำพอคเก็ตบุ๊ค อาจจะมีแบรนด์ศูนย์การค้าหรืออะไร จะติดต่อเราเอาภาพเราไปทำบ้าง
ส่วนงานหลักจริงๆ ก็คือเขียนพ็อกเก็ตบุ๊ค ก็จะมีรับงาน Freelance เป็นครีเอทีฟเป็นอะไรอย่างนี้อยู่ ก่อนที่จะมาทำเพจก็อยู่ในวงการทำหนังสืออยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ที่มันก็ลงตัวเหมือนกัน จากนักเขียนแนวความรักก็กลับมาเป็นนักวาดรูปแนวความรักเหมือนกัน แต่เปลี่ยนเป็นคนกับหมาแทน
ตอนนี้ก็มีพ็อกเกตบุ้ค 8 เล่มแล้วค่ะ ในหนังสือแต่ละเล่มมันจะถูกปกคลุมด้วยคอนเซป คือเหมือนแต่ละเล่มทางทีมงานของสำนักพิมพ์บันลือก็จะช่วยกันคิด กองบรรณาธิการของบันลือจะช่วยกันคิดว่าเล่มนี้เราน่าจะทำคอนเซปของอะไร เพราะว่าเหมือนลำพังตัวนัดเอง เวลาทำเพจหมาจ๋า คือทำมาเยอะแล้ว มันมีมุกเยอะมาก หนังสือของเราถ้ามันไม่ได้มีโจทย์กรอบของมัน มันก็จะสร้างความแตกต่างจากบนเพจไม่ได้ เหมือนตั้งแต่ต้นจนจบ มันก็น่าจะมีกรอบอะไรให้มันหน่อย ถ้าสังเกตดีๆ ถ้าคนอ่านได้ติดตาม ก็จะเห็นว่า มันมีเล่มมาจากหมาจ๋าดราม่าจัง แล้วเราจะพูดถึง นิสัยดราม่าของหมา หมามันเป็นสัตว์เรียกร้องความสนใจ ขี้เหงา เอาแต่ใจ เราก็จะหยิบมุมนี้มาเล่น หรืออย่าง โลกบังคับให้หมาร้าย devil wear collar เราก็จะพูดถึงความร้ายของหมา แต่ว่าก็เป็นความร้ายในมุมที่แบบ หมามันร้ายอย่างนี้จริงๆ มันมีความน่าหมั่นไส้ แต่ละเล่มมันก็จะมี อิมเมจของมันอยู่ค่ะ
คิดว่ามันเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ อย่างที่บอกนัดไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนที่วาดรูปสวย อาจจะคิดก็คิดแบบเด็กๆ คิดว่าฉันวาดรูปเป็น แต่ว่าในแง่ของความเป็นจริง ไม่เคยคิดว่าตัวเองวาดรูปไปสู้กับคนอื่นได้ เพราะว่าไม่ได้เรียนจบมาทางด้านนี้ ด้านการวาดรูป เอาจริงๆ ทุกวันนี้เวลามองเห็นผลงานของคนอื่นเราก็ยังรู้สึกว่าทำไมเราไม่เก่งอย่างคนนั้น ไม่เก่งอย่างคนนี้บ้าง แต่ว่าพอกลับมามองจริงๆ คือ หลายคนเขารักงานของเรา เขาจดจำหมาในแบบที่เราวาดได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยากให้มันอยู่ไปเรื่อยๆ คือ ลายเส้นแบบนี้ หมาหน้าตาแบบนี้ คนหน้าตาแบบนี้ อาจจะแบบ เป็นข้าวของเครื่องใช้เป็นอะไรไป ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าคนที่เขาชอบหมาเหมือนกัน เขาชอบอะไรน่ารักๆ เขาก็คงอยากเห็น อะไรแบบนี้อยู่ในเรื่อยๆ เพราะว่าจะมีคนที่เขาอยากเห็นหมาของเขา หมาพันธุ์นี้ออกมาอยู่ในมุมเป็นการ์ตูนหน้าตาแบบนี้ดูบ้างก็เลยคิดว่า ในแง่ของการต่อยอดไปเรื่อยๆ มันก็คงเป็น เหมือนพวกคาแรคเตอร์ตัวการ์ตูนต่างๆ ก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้น เป็นข้าวของเครื่องใช้ และคิดว่าก็คงทำเพจ ทำหนังสือไปเรื่อยๆ ถ้ามันยังไม่ตัน ถ้ายังมีคนอ่านอยู่
• เป็นคนที่รักสุนัขมากๆ เลยเกิดแรงบันดาลใจนี้ขึ้นมา แสดงว่าศึกษาเรื่องหมามาเยอะพอสมควรเลย
ใช่ค่ะ สัตว์เลี้ยงอันดับ 1 ในใจ เลยก็คือชอบหมา นัดจะเลี้ยงหมามาตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่ตอนที่ยังเดินไม่ได้เลยค่ะ เพราะคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงจะเลี้ยงมาก่อน นัดจะเห็นจากในรูปถ่ายเก่าๆ อยู่ตลอด
ที่บ้านนัดเรียกว่าเป็นครอบครัวที่เป็นคนรักหมาอยู่แล้ว ประมาณว่าพอเลี้ยงรุ่นนี้หมดก็จะหามาเลี้ยงใหม่ เราเลี้ยงหมาสองตัว จะไม่ได้เลี้ยงตัวเดียว ซึ่งที่บ้านแต่ก่อนชอบเลี้ยงหมาไทย ก็จะมีตัวผู้ตัวเมียเป็นแฟนกัน ซึ่งเวลาที่หมาตายมันจะไม่ได้ตายพร้อมกัน ตัวนึงตายก่อน แล้วเราก็จะเอาอีกตัวมาเลี้ยงใหม่ มันก็จะต่อมาเรื่อยๆ อย่างนี้ ไม่หมด ยกเว้นแค่ว่าเราจะไม่พร้อมจริงๆ
จนตอนนี้ก็ยังเลี้ยงอยู่นะคะ ตอนนี้นัดจะมีหมาทั้งหมด 3 ตัว มีพันธุ์พุดเดิ้ล ลาบาดอ แล้วก็หมาไทย หมาไทยจะเป็นหมาที่เรารับหมาข้างถนนมาอุปการะมาเลี้ยง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นที่เขาเลี้ยง พอหมาออกลูกก็จะเอามาแบ่งกันเลี้ยงค่ะ จนพอเราโตขึ้นเริ่มจะมีกำลังซื้อหน่อยก็จะมีซื้อมาเลี้ยงบ้างค่ะ
เรียกว่าเราเป็นคนที่สนใจเรื่องหมามากๆ เหมือนสนใจโดยธรรมชาติ อย่างเวลาเราปลื้มนักร้องคนหนึ่งเราก็จะชอบ ฉันจะดูประวัติเขา ฉันรู้ว่าเขาเกิดวันที่อะไรอย่างนี้ เราชอบหมามันก็เหมือนกันมันก็กลายเป็นคนที่สนใจโดยธรรมชาติ เราก็จะจำได้ว่า สายพันธุ์นี้หน้าตาเป็นยังไง สายพันธุ์นี้นิสัยเป็นยังไง ต้องหูตั้งหูตกหรืออะไร เพียงแต่ว่าหลังๆ มีการทำงานพ็อกเก็ตบุ้คแล้วมันมีคอนเซปของแต่ละเล่ม ที่ลงดีเทลมากขึ้น ก็เลยต้องศึกษาโดยการค้นคว้าข้อมูล จากที่เราแค่ดูระดับผิวๆ แต่อย่างงานเล่มล่าสุด เรื่องหมาจ๋าเทอราพี เราก็ต้องเข้าไปอ่านเกี่ยวกับความรู้ เรื่องของการบำบัดโดยใช้สุนัขอะไรอย่างนี้ ก็ต้องทำการบ้านมากขึ้น อย่างที่ผ่านมาก็จะมีเรื่อง 50 สายพันธุ์ fifty shade of หมาจ๋า ที่ทำเรื่องหมา 50 สายพันธุ์ ก็ต้องอ่านสายพันธุ์หมาเยอะมาก มันก็มีความรู้อะไรอีกมากมายเกี่ยวกับหมาที่เราก็ไม่รู้มาก่อน
• รักสุนัขมากขนาดถึงขั้นรับเลี้ยงสุนัขจรจัดด้วย?
ก็จะมีอุปการะมาเลี้ยงบ้าง นัดรู้สึกว่ามันน่าสงสารนะ เพราะเราชอบหมา เหมือนก็บอกไม่ถูก ว่าคือหมามันเป็นสัตว์ที่น่าสงสาร ความรู้สึกแวบแรกที่เห็นหมา มันจะดูตัวมันน่าสงสาร มันมีอะไรบางอย่างที่ เหมือนกับมันเหงาไหม มันหิวไหม มันต้องการความรัก มันเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการความรักตลอดเวลา แล้วยิ่งเพราะหมาจรจัดปุ๊บแล้วก็รู้สึกว่า อาจจะเพราะเรารัก เราเลยอินกับมันมาก ขณะขับรถตอนฝนตก แล้วไปเห็นหมาจรจัด เห็นมันยืนตากฝนริมถนน รอข้ามถนน เราคิดไปถึงว่า มันจะข้ามไปไหน มันจะกลับไปที่ไหน มันจะมีที่หลบฝนไหม คือเราก็จะรู้สึกอย่างนั้น
• หลงใหลขนาดนี้ ไม่ทราบว่าอะไรเป็นเสน่ห์ในตัวน้องหมาที่เราชอบที่สุดเหรอคะ
เป็นเรื่องที่พูดยากมากเลยค่ะ นัดรู้สึกว่าลูกหมาน่ารักกว่าเด็กอีก บางทีเคยเห็นหมา ก็เห็นคุณรู้สึกว่าหมาน่าสงสารมากกว่าคน จะบอกว่าเพราะอะไรมันคงเป็นความชอบจริงๆ บางคนชอบหมา ไม่มีเหตุผลที่จะบอกเลยว่า ทำไมถึงชอบ ที่พอเป็นเหตุผลได้คือ หมามันมี reaction กับเราในแบบที่เหมือน สิ่งที่เราต้องการจากคนๆ หนึ่ง เวลาเรารักใครแล้วเราต้องการให้เขาปฏิบัติอย่างไร หมาเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด แววตาของมัน การแสดงออกของมัน แล้วทุกอย่างนัดว่านี่เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ ถ้าเราได้ลอง ใกล้ชิดกับหมาสักตัวหนึ่ง เราจะรู้ว่ามันมีอะไรบางอย่าง ที่เราถามหาอยู่จากสังคมรอบตัวเราอะไรอย่างนี้ หมาเหมือน ไม่มีฟอร์ม สื่อความรู้สึก ของมันได้โดยที่บางทีแค่มองตามองหน้ามัน คือเราก็รู้แล้วว่ามันรู้สึกยังไง แปลกดี หรือว่าเป็นเพราะเราชอบมันก็ไม่รู้นะ
• สมัยนี้คือที่เราเห็นในสังคมคนรักน้องหมาเต็มไปหมดตรงนี้รู้สึกยังไงบ้างคะ
ก็รู้สึกดีนะคะ แต่ว่าการที่เราทำเพจหมาจ๋ามันทำให้รู้ว่า มันมีความรัก ความรักก็มีหลายแบบ คนรักหมามันก็มีหลายแบบ คือมันมีคนรักหมาแบบที่ เหมือนฉาบฉวยก็มี คือนัดอยากให้รักแบบรักด้วยหัวใจ รักด้วยสิ่งที่มันเป็น อย่ารักเพียงแค่ชั่วครู่ชั่วคราว รักเพราะเห็นว่าน่ารัก พอไม่น่ารักแล้วก็ทิ้ง รักเพราะมันเป็นหมาสายพันธุ์ราคาแพง เพราะเห็นหมาข้างถนนก็ไล่เตะอะไรอย่างนี้ นี่มันไม่ใช่คนรักหมา แต่ที่บอกคือมันมีหลายแบบ
นัดอยากให้คนที่รัก รักโดยไม่ต้องไปแบ่งอะไรเลย เอาจริงๆ คือรักไม่ต้องไปเกลียด รักอย่างเดียวก็พอ มันมีหลายแบบ อย่างในการทำงานเพจหมาจ๋า มันมีหลาย คอนเทนท์ หลายประเด็น ที่ไม่สามารถที่จะพูดถึงได้ เพราะเราพูดมันก็จะทำให้ ความคิดถูกแบ่งเป็น 2 ฝ่าย แล้วจะมีคนไม่ได้คิดอย่างนี้ บางทีคนก็คิดอีกแบบ ซึ่งจะเป็นกลุ่มคนที่เขารักหมาเหมือนกัน แต่เขาคิดไม่เหมือนกันก็มี
• แล้วสำหรับเรารักหมาในระดับไหน?
ไม่ใช่แบบสุดโต่งแน่นอนค่ะ อาจจะไม่ใช่คนที่หายใจเข้าออกเป็นหมา แต่นัดรักมันแบบไม่อยากเห็นมันเจ็บป่วย ถ้านัดเลี้ยงนัดก็จะอยากให้มันมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่นัดคงไม่ถึงกับต้องเอาเวลาทั้งหมดของชีวิตตัวเองไปให้หมา เพราะว่ามันก็ต้องแบ่งแยก จะต้องมีคุณพ่อคุณแม่ มีครอบครัว มีหน้าที่การงาน มีหมา หมาที่ดูแลเอง เลี้ยงเองก็มีหมาข้างถนนที่เราอยากช่วย หรือว่ามีเพื่อนของเราอะไรอย่างนี้ หมาคือส่วนหนึ่งในชีวิต และสำหรับนัดคือ นัดไม่รู้บางคนอาจจะแบบ ตื่นมาทุกอย่างต้องให้หมาอันดับแรก ฉันต้องพาหมา ฉันต้องทำกับข้าวให้หมากิน ฉันต้องพาหมาไปออกกำลังกาย ต้องเดินเล่นทุกเช้าอะไรอย่างนี้ อันนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีนะคะ สำหรับคนที่มีเวลา แต่ถ้าให้วัดกันในมุมคือ ทุ่มเทแค่ไหน ก็คือตามความเหมาะสมของชีวิตด้วย คือถ้าทุ่มได้ก็ทุ่ม แต่ว่านัดก็มีความพอดี นัดก็รู้สึกว่า ก็อยากให้เขาใช้ชีวิตสบายๆ คือหมานัดก็เอาออกนอกบ้านไม่ได้เพราะมัน มีความเป็นหมามาก มันไม่ได้พร้อมที่จะเข้าสังคม เดินเรียบร้อย นั่งเป็นนั่ง ยืนเป็นยืนอะไรอย่างนี้ เรียกว่าเลี้ยงหมาแบบให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และในชีวิตของเราก็มีอย่างอื่นที่ต้องทำด้วย
• มีคนรักหมา แน่นอนว่าก็ต้องมีคนไม่รักหมาเหมือนกัน มีความคิดเห็นยังไงกับตรงนี้บ้าง
นัดไม่รู้สึกแย่กับคนที่ไม่รักนะคะ เพราะว่าเข้าใจ ตัวเราก็มีสัตว์บางประเภทที่เราไม่ชอบเหมือนกัน เราไม่ชอบสัตว์เลื้อยคลาน แต่มันก็มีคนที่ชอบ มันก็เข้าใจได้ว่า มันนานาจิตตัง เพียงแต่ว่าบางคนที่เขาไม่รัก เขาทำลายด้วย ซึ่งอันนี้นัดมองว่ามันก็ใจร้ายไปหน่อย
มันอยู่ในยุคที่เราต้องมองด้วยใจกว้างๆ แล้วนะ เราได้เห็นคนไม่รักหมา นอกจากเห็นในเวลาเราใช้ชีวิตทั่วไปอะไรอย่างนี้แล้วนะ แต่ที่จะเห็นได้ชัดๆ ที่สุดก็คือในโลกออนไลน์ ในคอมเมนท์ คือคนที่เขาไม่ชอบแล้วเขาก็ด่าเลย มีอะไรก็ด่าก่อน ซึ่งอาจว่ามันเป็นเรื่องปกติ มันก็ต้องปล่อยวางนะคะ แต่เพจนัดก็ไม่ได้มีปัญหาตรงนี้นะคะ เพราะว่าคอนเทนท์ที่นัดทำ คือนัดจะไม่พยายามเปรียบเทียบ เหมือนนัดวาดรูปหมาเพื่อถ่ายทอด มันออกมาในมุมที่กลางๆ ไม่ได้อวยหมา เวลานัดรักหมาไม่ได้บอกว่าหมาของนัดดียังไง แต่นัดแค่แชร์ ประสบการณ์ แชร์ความทรงจำที่มีว่า หมามันตลกอย่างนั้น มันน่าสงสารอย่างนี้ นัดไม่ได้พยายามโน้มน้าว ให้ทุกคนต้องรักหมา แต่คือแค่ว่าไปตามธรรมชาติ แล้วให้คุณรู้สึกว่าเออ มันมีมุมอย่างนี้ มันก็เป็นเรื่องจริง มันไม่ได้มีอะไรเกินจริง หมามันอาจจะซน ก็พูดถึงกลางๆ มันไม่ได้เลี่ยนมาก จนคุณรู้สึกเหมือนมันไม่ใช่ เพราะก็ต้องยอมรับว่ามันก็มีทั้งจุดดีและจุดที่ไม่ดีบ้าง
• ถ้าอยากเลี้ยงสุนัขแต่ไม่เคยเลี้ยงมาก่อนเลย แบบนี้มีเคล็ดลับวิธีการเลือกซื้อหรือการเลี้ยงบ้างไหมคะ
ถ้าไม่เคยเลี้ยงหมามาก่อน มันก็ยากนะ ซึ่งการเลือกซื้ออย่างแรกเลยก็ต้องเลือกลูกหมาที่แข็งแรง ซึ่งลูกหมาที่แข็งแรงก็ต้องเกิดจากพ่อแม่ที่ได้รับการเลี้ยงดูที่ดี แต่ว่าเวลาที่เราซื้อตามตลาดหรืออะไร บางทีเราไม่รู้ว่าพ่อแม่เขาเป็นยังไง เห็นหมาแค่ไม่กี่นาทีเราคงระบุไม่ได้หรอก ว่ามันแข็งแรงแค่ไหน แล้วยิ่งลูกหมาตัวเล็กๆ บางทีมันก็ยังดูไม่ออกด้วยซ้ำ ว่าโตขึ้นมันจะเป็นยังไง หน้าตาเป็นยังไง แต่ว่าหลักๆ คือ ถ้าสมมติว่าจะซื้อจริงๆ ควรที่จะ ไปตามแบบฟาร์ม หรือคนที่เขาเพาะพันธุ์ เพราะมีปัญหาเขาจะรับผิดชอบ อย่างข่าวที่เรารู้มันก็มีประมาณว่า เหมือนเขาทำเป็นโรงงานผลิตลูกสุนัขเลยก็มี มันก็น่าสงสารเหมือนกัน ต้องเลือกแหล่งดีๆ
ส่วนการดูแลน้องหมา นัดเป็นคนที่เลี้ยงหมาแบบปล่อยให้มันเป็นธรรมชาติ ชอบให้มันเป็นธรรมชาติ เราจะไม่ล่าม ไม่ขัง ให้มันได้วิ่ง ได้อะไร มันจะซนบ้าง หรือขุดดินบ้าง ชีวิตมัน สัญชาตญาณมันเป็นอย่างนี้ ก็เข้าใจ อยากกินอะไรก็ปล่อยให้มันกิน ซึ่งเลี้ยงแบบนี้ถามว่าดีไหม ต้องยอมรับว่ามันก็อาจจะดื้อบ้างอะไรบ้าง แต่มันก็ดูเป็นหมาดีนะคะ
• ทั้งหมดทั้งมวลก็แค่อยากเป็นเสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งที่ทำให้คนรักสุนัขมากขึ้น
ใช่แล้วค่ะก็อยากให้ร่วมกันเลี้ยงสัตว์อย่างมีความรับผิดชอบ แล้วก็มีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก เพราะส่วนหนึ่งคือทำให้คนรักหมา รักหมามากขึ้น และทำให้คนที่ไม่รัก คืออาจจะไม่ต้องมารักมันก็ได้ แต่ว่าไม่ต้องทำอะไรมัน
ถ้าตอนนี้มองว่าตัวเองเป็นอะไรคือ ก็คงเป็นศิลปินคนหนึ่งที่วาดรูป ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับหมา มองมาในมุมที่มันมีตลก มีซึ้ง มีน่ารัก มีกวนอะไรอย่างนี้อยู่แล้วก็น่าจะเป็นในเชิงผ่อนคลายมากกว่า
นัดไม่อยากกดดันตัวเองถึงขนาดที่ว่า ฉันต้องเป็นแกนนำทำยังไงให้คนรักหมา เราก็รู้สึกว่าทุกคนตัดสินใจได้ ที่จะเลือกว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร ให้เขาเลือกเองดีกว่า มันไม่ใช่แค่หมาหรอกที่ต้องการความรัก สัตว์อื่นๆ ก็ต้องการ อย่างแมวหรืออะไรอีกเยอะแยะ แต่ตรงนี้คือนัดแค่ใช้หมาถ่ายทอด ที่จริงๆ แล้วอาจจะเป็นแค่สัญลักษณ์ของความเป็นเพื่อนก็ได้ คือมันอ่านแล้วไม่ได้บอกแค่ว่าคุณต้องรักหมา ให้มองคนรอบๆ ตัวเรา เขาก็มีความรู้สึกมีหัวใจเหมือนเรา เวลาที่จะปฏิบัติกับใครก็ต้องให้ด้วยความจริงใจ ให้ด้วยความรัก
นัดได้อะไรกับการทำตรงนี้เยอะมาก มีทั้งดีและทั้งไม่ดี เหมือนเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราเก่งขึ้นมาก เหมือนเรากำลังทำงานอยู่ภายใต้ความสนใจของคน ถ้าอย่างแฟนเพจตอนนี้ก็มีคนติดตาม 600,000 ว่าคนแล้ว มันมีจุดที่สอนเราว่า เราควรที่จะพูดอะไร อะไรคือสิ่งที่เราควรหลีกเลี่ยง มันก็จะทำให้เราใจเย็นขึ้น ถ้าเราเจอคนหลายแบบ เราก็จะมีวิธีรับมือ แม้กระทั่งวิธีควบคุมจิตใจตัวเองว่าถ้าเราเจอแบบนี้เราควรจะทำยังไง
ทุกวันนี้ก็โตขึ้นในระยะเวลารวดเร็ว มันเป็นโอกาสที่ได้ทำงานดีๆ ได้รู้จักคนดีๆ เยอะมากเหมือนกัน ก็อยากให้ติดตามกันไปได้เรื่อยๆ อย่างเคยมีนักเขียนท่านหนึ่ง ชื่อมุนินทร์ สมัยเจอกันใหม่ๆ เขาก็จะตาม เขาก็ลุ้นว่าเราจะทำได้ไปถึงเมื่อไหร่ มันเรื่องหมา นึกไม่ออกว่าจะไปทางไหน แต่สุดท้ายเราก็มาได้ขนาดนี้ ซึ่งก็เออ เขาก็แปลกใจ ตัวเราเองก็เหมือนกัน มุกมันไม่หมดสักที คนก็ชอบถามตันไหม มีตันบ้างไหม ก็ต้องบอกว่ามันมีบ้างที่ซึ่งเราก็จะปล่อยเฉยๆ ไปก่อน แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้วาดทุกวัน บางทีก็จะจดมุกเก็บไว้ วันไหนมีเวลาก็จะวาดทีนึง วาด 10 รูป 20 รูป สต๊อกไว้ เพราะมันก็แค่ทำให้มันสนุกๆ เรามีความสุขกับงานที่ทำอยู่ แล้วหลายๆ คน ที่อ่านงานเราเขามีความสุขก็อยากให้ติดตามไปเรื่อยๆ ไม่ว่าผลงานจะออกมาในรูปแบบไหนค่ะ (ยิ้ม)
เรื่อง : วรัญญา งามขำ และ แพรวา คงฟัก
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์ และเพจหมาจ๋า
นัด- ณัฐวีร์ ลิมปนิลชาติ อดีตนักเขียนงานพ็อกเกตบุ้ควัยรุ่น อีกทั้งยังเคยทำเพจคำคมและเพจต่างๆ มามากมายกระทั่งได้เอาเรื่องราวระหว่างคนกับสุนัขถ่ายทอดออกมาในมุมมองน่ารักๆ ผ่านลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองกลั่นออกมาเป็นเพจ “หมาจ๋า” และพ็อกเกตบุ้คอีก 8 เล่ม อาทิ หมาจ๋า: 50 จากล้านเหตุผลที่คนหนึ่งคนรักหมา, lady gigi: หน้าโหด หัวใจมุ้งมิ้ง, หมาจ๋า Dog is all Around, 50 shade of หมาจ๋า, love me love my boss, The devil wear collar :โลกบังคับให้หมาร้าย, หมาจ๋า ดราม่าจัง และ หมาจ๋า therapy
• เพจ “หมาจ๋า” จุดเริ่มต้นของคนรักสุนัข
นัดเริ่มทำเพจหมาจ๋าครั้งแรกเมื่อตอน 4 ปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้วค่ะ ตอนนั้นจริงๆ เป็นคนที่เล่นเฟสบุ๊กอยู่แล้ว ต้องบอกก่อนว่าก่อนหน้าที่จะมาทำตรงนี้ส่วนตัวนัดเป็นนักเขียนงานพ็อกเกตบุ้ควัยรุ่นของสำนักพิมพ์ใยไหมมาก่อน ซึ่งเราได้ทำเพจต่างๆ มากมาย เพจคำคมบ้างอะไรบ้างให้ตัวเองอยู่แล้ว เลยมีความสนใจในการสร้างแฟนเพจ บวกกับที่เราก็เป็นคนที่รักหมามากๆ อยู่แล้วก็ได้มีโอกาสติดตามข่าวสารเกี่ยวกับหมาหมา แล้วก็เกิดคำถามขึ้นมา 1 เรื่อง แล้วเราก็เชื่อว่าสัตว์เลี้ยงยอดนิยมของคนไทยน่าจะเป็นหมา ไปไหนก็เห็นหมา หมาจรจัดหมาอะไรก็เยอะ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนในสื่อออนไลน์ พ็อกเก็ตบุ๊คหรืออะไรก็ตามกับมีเรื่องของหมาน้อยมาก เข้าร้านหนังสือก็ไม่มีไม่เห็นหนังสือหมา แฟนเพจในเฟสบุ๊ค โซเชียลก็จะมีแต่ว่าเรื่องของมูลนิธิหมา การช่วยเหลือหมาต่างๆ ซึ่งดูแล้วน่าสงสาร
เราก็เลยอยากลองนำเสนอเกี่ยวกับความรักระหว่างคนกับหมา ออกมาอีกแบบหนึ่งให้มันดูน่ารัก และก็ใช้ภาพวาดสื่อออกมาก็เลยเกิดเป็นเพจ “หมาจ๋า” ขึ้นมาค่ะ
• แล้วคอนเทนท์ส่วนใหญ่เอามาจากไหน เห็นว่าทางเพจบอกเล่าเรื่องราวด้วยภาพ ไม่ทราบว่าขั้นตอนวิธีการสร้างสรรค์ภาพนั้นๆ เป็นอย่างไร เพราะเห็นภาพแต่ละภาพนั้นบอกเล่าเรื่องราวได้น่ารักมาก
จริงๆ ตั้งแต่เราเกิดมาจำความได้ก็มีหมาอยู่ข้างๆ ตลอด นัดก็เลยชอบหมามาตั้งแต่เด็กๆ อย่างเวลาที่เราเจอหมาข้างถนน เจอลูกหมาอะไรก็จะชอบเก็บกลับบ้านมาด้วย ซื้อหนังสือก็จะซื้อหนังสือหมา หนังสือสายพันธุ์หมา มันทำให้มีความสนใจในเรื่องนี้เป็นพิเศษ แล้วมองในมุมว่ามันเป็นประสบการณ์นะคะ บวกกับความสนใจ ทุกอย่างก็เลยเป็นข้อมูลที่อยู่ในความทรงจำของเรา อิริยาบทของหมา พฤติกรรมหมา สัญชาตญาณของหมา หรืออะไรหลายๆ อย่าง มันก็เลยมีเรื่องราวอยู่ในหัวของเราอยู่แล้ว บวกกับจนถึงปัจจุบันเวลาเราเห็นหมา เราก็ชอบมองเห็นคนเล่นกับหมา แล้วก็มอง ภาพยนตร์หรือละครหรืออะไร มันก็ทำให้เรามีข้อมูลค่อนข้างมาก
อีกอย่างหนึ่งถ้าสังเกตคือการที่เราทำคอนเทนท์ในยุคปัจจุบัน มันก็มีบางส่วนที่อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับหมาโดยตรง อาจจะเป็นเรื่องราวชีวิตประจำวันของคนทั่วไป เราก็เอามาเขียนถึง เพื่อให้มันไม่น่าเบื่อค่ะ
• ความน่ารักระหว่างคนกับสุนัข? แล้วสะท้อนออกมาในแง่มุมใดบ้างคะ
ตอนแรกเราตั้งใจจะทำเป็นงานอดิเรก เวลาว่างๆ ก็อยากลองทำเล่นๆ คือเราวาดรูปแล้วก็เอามาโพสต์ลงเพจ ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะดังด้วยซ้ำ เราทำมาจากการที่เรารักหมา แต่ว่าพอหลังจากที่ทำออกมาแล้วมันกลายเป็นที่รู้จัก มันประสบความสำเร็จในแบบที่เกินคาด เราเลยมีแรงบันดาลใจให้เราทำต่อไปเรื่อยๆ คล้ายๆ กับว่าเรามีช่องทางเป็นสื่ออีกส่วนหนึ่งที่จะสร้างสรรค์คอนเทนท์ดีๆ ให้คน โดยเฉพาะเรื่องของสัตว์เลี้ยง เรื่องของน้องหมา มันก็เลยต่อยอดออกมา ทุกวันนี้บอกได้เลยว่า แรงบันดาลใจในการทำงานนี้ก็คือเราอยากเป็นกระบอกเสียงหนึ่งที่ช่วยให้คนมีเมตตากับเพื่อนร่วมโลกให้มากขึ้น
เราถือได้ว่าเราเป็นสื่อ นัดก็เป็นสื่อคนหนึ่ง แล้วสิ่งที่เราสื่อออกไปกับสังคม มันน่าจะเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ ถามว่าเรื่องแบบนี้มันดาร์คได้ไหม มันก็คงได้แหละ ด้วยลายเส้นด้วยอะไร มันก็คงยากลำบาก ก็มีบ้างที่เคยวาดรูปคนตีหมาแล้วหมาก็ยังวิ่งตาม ไม่รู้ก่อนนั้นเรียกดาร์คไหม แต่ว่าในมุมที่สะท้อนออกมา แบบเศร้าๆ ก็มีบ้าง แต่ว่ามู้ดแอนด์โทนที่คนจดจำเราได้ คือมันดูแล้วสบายใจ ดูแล้วสบายตามากกว่า
ภาพที่นัดประทับใจก็มีค่อนข้างเยอะพอสมควรนะคะ ถ้าสังเกตมันคงเป็นมุก มุกบ้างมุกที่คิดได้ไงวะ อะไรอย่างนี้แล้วคนจำได้นาน กี่ทีก็จะเห็นบางคนก็มาคอมเมนท์อีก เวลาวาดรูปหมากับพระ คนจะชอบ เหมือนคนจะชอบหมากับเด็ก หมากับคนแก่ หมาคุยกันเองแล้วนินทาเจ้านาย คนจะชอบแบบนี้ อย่างหมากับพระ ก็วาดมาหลายปีแล้ว เป็นภาพที่วาดหลวงตาพูดกับหมาว่า
“เอ็งไม่ใช่หมาวัดหรอก เอ็งเป็นหมาของหลวงตา” ภาพนี้ก็ยังเห็นว่านานๆ จะมีคนมาคอมเมนท์อยู่บ้าง ก็รู้สึกว่ามันน่าจะเป็นประมาณว่าบางทีแค่คำพูดนิดเดียว สั้นๆ แต่มันเข้าไปอยู่ในใจคนได้ มันก็เป็นเรื่องที่เราก็ดีใจนะ
• ลายเส้นคือเอกลักษณ์ของหมาจ๋า
นัดจะวาดรูปทุกวัน วาดบ่อยๆ เกิดมาเป็นเด็กที่ชอบวาดรูป ตอนอนุบาลหรือตอนประถม นัดจะประกวดวาดรูป ก็ได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งวาดรูป ใช้สีชอล์ก สีเทียนอะไรก็ว่าไป ตอนมัธยมก็จะได้คะแนนดีในวิชาศิลปะ แต่ว่าจะ ไม่ใช่คนที่ชอบนั่งทำอะไรซ้ำๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่คนที่อยู่ดีๆ ต้องตื่นมา ฉันต้องวาดรูปนะ ฉันต้องไปวาดรูปที่นั่นวาดรูปที่นี่ มันก็เลยกลายเป็นเหมือนแค่ความสามารถที่เรามี แต่เราไม่ได้ใช้ แล้วเราทำเพจหมาจ๋า มันมีอะไรที่ต้องบังคับเราว่า ต้องวาด จะได้มีคอนเทนท์ไปโพสต์ลงเพจ ก็เลยทำให้วาดบ่อยขึ้น มันก็เหมือนเป็นการฝึกฝนมาแล้วมันทำให้รู้ว่า ทุกอย่างที่เราทำมันจะทำออกมาได้ดี มันต้องทำต่อเนื่อง อันนี้ก็เพิ่งรู้จริงๆ ถ้ารู้อย่างนี้ก็พยายามวาดมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ (หัวเราะ)
นัดไม่ได้เรียนมาทางนี้เลย ไม่ได้เรียนวาดรูปเป็นจริงเป็นจังแต่ก็วาดเล่นมาเรื่อยๆ เหมือนเลี้ยงหมาเลย เราก็จะรักหมาเป็นชีวิตจิตใจ แต่ไม่ได้เอามันมาหายใจเข้าออก การวาดรูปก็เหมือนกัน คือชอบ ฝันได้ แต่ไม่ได้เป็นคนวาดรูปตลอดเวลา ถ้ารู้จักจริงๆ คือ นัดจะวาดหน้าคน เวลานั่งร้านกาแฟเบื่อๆ ก็จะวาดหน้าคน ก็เฉยๆไม่ได้วาดเอาเป็นเอาตาย ว่าจะต้องวาดออกมาเป็นวัด เป็นสถาปัตยกรรมหรืออะไร ก็จะไม่ได้มาทางสายนั้นเลย เรียกว่าเมื่อก่อนคือ ระหว่างหมาก็สนใจเรื่องหมามากกว่าเรื่องวาดรูปอีกนะ
• แต่เห็นว่าตอนนี้มีคนติดตามเป็นหลักแสนเลย ซึ่งเยอะพอสมควรเลย แบบนี้มีเคล็ดลับไหม ว่าทำยังไงให้เพจเป็นที่รู้จักได้ขนาดนี้
จริงๆ เลยนะคะ ไม่มีค่ะ คนชอบบอกว่านัดติสท์มาก ตอนนั้นนัดเคยบูทโพสต์อยู่ครั้งเดียวตอนทำหนังสือเองอยู่เล่มหนึ่งเรื่องลูกหมาจรจัด แล้วนัดก็เลยบูทขำๆ แค่นั้น นอกนั้นก็ไม่มีสปอนเซอร์หรืออะไร ต้องขอบคุณสื่อ ขอบคุณคนที่ติดตามที่ ช่วยกันผลักดัน ถ้าลำพังตัวนัดเอง ไม่ได้ไปโปรโมทอะไร เพราะนัดเชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้าคอนเทนท์มันเป็นที่น่าสนใจจริงๆ แล้วมันมีคุณค่าจริงๆ นัดว่าเดี๋ยวคนเขาก็จะเห็นเองค่ะ
น่าแปลกเหมือนกันนะคะ ตรงที่เพจหมาจ๋าจะไม่มีภาพที่อยู่ดีๆ ดังโดดขึ้นมา แล้วคนแชร์ไปทั่วโลกอะไรอย่างนี้ เพราะจะมีบางเพจที่อยู่ดีๆ ดังขึ้นมาเพราะมีคนกดไลค์เป็นแสนหรือแชร์เป็นหมื่น แต่นัดจะไม่เจอไม่เคยเจอแบบนั้น ของนัดมันจะมีเฉลี่ยคือ ถ้าอย่างรูปที่ได้รับความสนใจมากๆ ก็จะ 3,000-5,000 แชร์อะไรอย่างงี้ ก็จะนานๆ โผล่มาที แต่มันจะมีค่าเฉลี่ย เฉลี่ยก็ประมาณมีคนตอบรับสม่ำเสมอค่ะ ไม่มีรูปไหนที่เงียบไปเลย ต้องบอกว่าแฟนเพจหมาจ๋า มีความเหนียวแน่นติดตามกันอยู่เรื่อยๆ
• นอกจากเพจแล้วตอนนี้ก็มีพ็อกเก็ตบุ้คด้วย เห็นว่าตอนนี้มีออกมา 8 เล่มแล้วด้วย
ใช่ค่ะ ตอนแรกจะทำเพจหมาจ๋าเป็นงานอดิเรก แต่ว่าพอหลังจากที่เพจมีชื่อเสียง มันก็กลายว่าเป็นเหมือนงานประจำไปแล้ว เพียงแต่ว่าเราไม่ได้เงินจากเพจ เพจเหมือนทางที่ให้เราไปต่อยอด ไปทำพอคเก็ตบุ๊ค อาจจะมีแบรนด์ศูนย์การค้าหรืออะไร จะติดต่อเราเอาภาพเราไปทำบ้าง
ส่วนงานหลักจริงๆ ก็คือเขียนพ็อกเก็ตบุ๊ค ก็จะมีรับงาน Freelance เป็นครีเอทีฟเป็นอะไรอย่างนี้อยู่ ก่อนที่จะมาทำเพจก็อยู่ในวงการทำหนังสืออยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ที่มันก็ลงตัวเหมือนกัน จากนักเขียนแนวความรักก็กลับมาเป็นนักวาดรูปแนวความรักเหมือนกัน แต่เปลี่ยนเป็นคนกับหมาแทน
ตอนนี้ก็มีพ็อกเกตบุ้ค 8 เล่มแล้วค่ะ ในหนังสือแต่ละเล่มมันจะถูกปกคลุมด้วยคอนเซป คือเหมือนแต่ละเล่มทางทีมงานของสำนักพิมพ์บันลือก็จะช่วยกันคิด กองบรรณาธิการของบันลือจะช่วยกันคิดว่าเล่มนี้เราน่าจะทำคอนเซปของอะไร เพราะว่าเหมือนลำพังตัวนัดเอง เวลาทำเพจหมาจ๋า คือทำมาเยอะแล้ว มันมีมุกเยอะมาก หนังสือของเราถ้ามันไม่ได้มีโจทย์กรอบของมัน มันก็จะสร้างความแตกต่างจากบนเพจไม่ได้ เหมือนตั้งแต่ต้นจนจบ มันก็น่าจะมีกรอบอะไรให้มันหน่อย ถ้าสังเกตดีๆ ถ้าคนอ่านได้ติดตาม ก็จะเห็นว่า มันมีเล่มมาจากหมาจ๋าดราม่าจัง แล้วเราจะพูดถึง นิสัยดราม่าของหมา หมามันเป็นสัตว์เรียกร้องความสนใจ ขี้เหงา เอาแต่ใจ เราก็จะหยิบมุมนี้มาเล่น หรืออย่าง โลกบังคับให้หมาร้าย devil wear collar เราก็จะพูดถึงความร้ายของหมา แต่ว่าก็เป็นความร้ายในมุมที่แบบ หมามันร้ายอย่างนี้จริงๆ มันมีความน่าหมั่นไส้ แต่ละเล่มมันก็จะมี อิมเมจของมันอยู่ค่ะ
คิดว่ามันเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ อย่างที่บอกนัดไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนที่วาดรูปสวย อาจจะคิดก็คิดแบบเด็กๆ คิดว่าฉันวาดรูปเป็น แต่ว่าในแง่ของความเป็นจริง ไม่เคยคิดว่าตัวเองวาดรูปไปสู้กับคนอื่นได้ เพราะว่าไม่ได้เรียนจบมาทางด้านนี้ ด้านการวาดรูป เอาจริงๆ ทุกวันนี้เวลามองเห็นผลงานของคนอื่นเราก็ยังรู้สึกว่าทำไมเราไม่เก่งอย่างคนนั้น ไม่เก่งอย่างคนนี้บ้าง แต่ว่าพอกลับมามองจริงๆ คือ หลายคนเขารักงานของเรา เขาจดจำหมาในแบบที่เราวาดได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยากให้มันอยู่ไปเรื่อยๆ คือ ลายเส้นแบบนี้ หมาหน้าตาแบบนี้ คนหน้าตาแบบนี้ อาจจะแบบ เป็นข้าวของเครื่องใช้เป็นอะไรไป ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าคนที่เขาชอบหมาเหมือนกัน เขาชอบอะไรน่ารักๆ เขาก็คงอยากเห็น อะไรแบบนี้อยู่ในเรื่อยๆ เพราะว่าจะมีคนที่เขาอยากเห็นหมาของเขา หมาพันธุ์นี้ออกมาอยู่ในมุมเป็นการ์ตูนหน้าตาแบบนี้ดูบ้างก็เลยคิดว่า ในแง่ของการต่อยอดไปเรื่อยๆ มันก็คงเป็น เหมือนพวกคาแรคเตอร์ตัวการ์ตูนต่างๆ ก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้น เป็นข้าวของเครื่องใช้ และคิดว่าก็คงทำเพจ ทำหนังสือไปเรื่อยๆ ถ้ามันยังไม่ตัน ถ้ายังมีคนอ่านอยู่
• เป็นคนที่รักสุนัขมากๆ เลยเกิดแรงบันดาลใจนี้ขึ้นมา แสดงว่าศึกษาเรื่องหมามาเยอะพอสมควรเลย
ใช่ค่ะ สัตว์เลี้ยงอันดับ 1 ในใจ เลยก็คือชอบหมา นัดจะเลี้ยงหมามาตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่ตอนที่ยังเดินไม่ได้เลยค่ะ เพราะคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงจะเลี้ยงมาก่อน นัดจะเห็นจากในรูปถ่ายเก่าๆ อยู่ตลอด
ที่บ้านนัดเรียกว่าเป็นครอบครัวที่เป็นคนรักหมาอยู่แล้ว ประมาณว่าพอเลี้ยงรุ่นนี้หมดก็จะหามาเลี้ยงใหม่ เราเลี้ยงหมาสองตัว จะไม่ได้เลี้ยงตัวเดียว ซึ่งที่บ้านแต่ก่อนชอบเลี้ยงหมาไทย ก็จะมีตัวผู้ตัวเมียเป็นแฟนกัน ซึ่งเวลาที่หมาตายมันจะไม่ได้ตายพร้อมกัน ตัวนึงตายก่อน แล้วเราก็จะเอาอีกตัวมาเลี้ยงใหม่ มันก็จะต่อมาเรื่อยๆ อย่างนี้ ไม่หมด ยกเว้นแค่ว่าเราจะไม่พร้อมจริงๆ
จนตอนนี้ก็ยังเลี้ยงอยู่นะคะ ตอนนี้นัดจะมีหมาทั้งหมด 3 ตัว มีพันธุ์พุดเดิ้ล ลาบาดอ แล้วก็หมาไทย หมาไทยจะเป็นหมาที่เรารับหมาข้างถนนมาอุปการะมาเลี้ยง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นที่เขาเลี้ยง พอหมาออกลูกก็จะเอามาแบ่งกันเลี้ยงค่ะ จนพอเราโตขึ้นเริ่มจะมีกำลังซื้อหน่อยก็จะมีซื้อมาเลี้ยงบ้างค่ะ
เรียกว่าเราเป็นคนที่สนใจเรื่องหมามากๆ เหมือนสนใจโดยธรรมชาติ อย่างเวลาเราปลื้มนักร้องคนหนึ่งเราก็จะชอบ ฉันจะดูประวัติเขา ฉันรู้ว่าเขาเกิดวันที่อะไรอย่างนี้ เราชอบหมามันก็เหมือนกันมันก็กลายเป็นคนที่สนใจโดยธรรมชาติ เราก็จะจำได้ว่า สายพันธุ์นี้หน้าตาเป็นยังไง สายพันธุ์นี้นิสัยเป็นยังไง ต้องหูตั้งหูตกหรืออะไร เพียงแต่ว่าหลังๆ มีการทำงานพ็อกเก็ตบุ้คแล้วมันมีคอนเซปของแต่ละเล่ม ที่ลงดีเทลมากขึ้น ก็เลยต้องศึกษาโดยการค้นคว้าข้อมูล จากที่เราแค่ดูระดับผิวๆ แต่อย่างงานเล่มล่าสุด เรื่องหมาจ๋าเทอราพี เราก็ต้องเข้าไปอ่านเกี่ยวกับความรู้ เรื่องของการบำบัดโดยใช้สุนัขอะไรอย่างนี้ ก็ต้องทำการบ้านมากขึ้น อย่างที่ผ่านมาก็จะมีเรื่อง 50 สายพันธุ์ fifty shade of หมาจ๋า ที่ทำเรื่องหมา 50 สายพันธุ์ ก็ต้องอ่านสายพันธุ์หมาเยอะมาก มันก็มีความรู้อะไรอีกมากมายเกี่ยวกับหมาที่เราก็ไม่รู้มาก่อน
• รักสุนัขมากขนาดถึงขั้นรับเลี้ยงสุนัขจรจัดด้วย?
ก็จะมีอุปการะมาเลี้ยงบ้าง นัดรู้สึกว่ามันน่าสงสารนะ เพราะเราชอบหมา เหมือนก็บอกไม่ถูก ว่าคือหมามันเป็นสัตว์ที่น่าสงสาร ความรู้สึกแวบแรกที่เห็นหมา มันจะดูตัวมันน่าสงสาร มันมีอะไรบางอย่างที่ เหมือนกับมันเหงาไหม มันหิวไหม มันต้องการความรัก มันเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการความรักตลอดเวลา แล้วยิ่งเพราะหมาจรจัดปุ๊บแล้วก็รู้สึกว่า อาจจะเพราะเรารัก เราเลยอินกับมันมาก ขณะขับรถตอนฝนตก แล้วไปเห็นหมาจรจัด เห็นมันยืนตากฝนริมถนน รอข้ามถนน เราคิดไปถึงว่า มันจะข้ามไปไหน มันจะกลับไปที่ไหน มันจะมีที่หลบฝนไหม คือเราก็จะรู้สึกอย่างนั้น
• หลงใหลขนาดนี้ ไม่ทราบว่าอะไรเป็นเสน่ห์ในตัวน้องหมาที่เราชอบที่สุดเหรอคะ
เป็นเรื่องที่พูดยากมากเลยค่ะ นัดรู้สึกว่าลูกหมาน่ารักกว่าเด็กอีก บางทีเคยเห็นหมา ก็เห็นคุณรู้สึกว่าหมาน่าสงสารมากกว่าคน จะบอกว่าเพราะอะไรมันคงเป็นความชอบจริงๆ บางคนชอบหมา ไม่มีเหตุผลที่จะบอกเลยว่า ทำไมถึงชอบ ที่พอเป็นเหตุผลได้คือ หมามันมี reaction กับเราในแบบที่เหมือน สิ่งที่เราต้องการจากคนๆ หนึ่ง เวลาเรารักใครแล้วเราต้องการให้เขาปฏิบัติอย่างไร หมาเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด แววตาของมัน การแสดงออกของมัน แล้วทุกอย่างนัดว่านี่เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ ถ้าเราได้ลอง ใกล้ชิดกับหมาสักตัวหนึ่ง เราจะรู้ว่ามันมีอะไรบางอย่าง ที่เราถามหาอยู่จากสังคมรอบตัวเราอะไรอย่างนี้ หมาเหมือน ไม่มีฟอร์ม สื่อความรู้สึก ของมันได้โดยที่บางทีแค่มองตามองหน้ามัน คือเราก็รู้แล้วว่ามันรู้สึกยังไง แปลกดี หรือว่าเป็นเพราะเราชอบมันก็ไม่รู้นะ
• สมัยนี้คือที่เราเห็นในสังคมคนรักน้องหมาเต็มไปหมดตรงนี้รู้สึกยังไงบ้างคะ
ก็รู้สึกดีนะคะ แต่ว่าการที่เราทำเพจหมาจ๋ามันทำให้รู้ว่า มันมีความรัก ความรักก็มีหลายแบบ คนรักหมามันก็มีหลายแบบ คือมันมีคนรักหมาแบบที่ เหมือนฉาบฉวยก็มี คือนัดอยากให้รักแบบรักด้วยหัวใจ รักด้วยสิ่งที่มันเป็น อย่ารักเพียงแค่ชั่วครู่ชั่วคราว รักเพราะเห็นว่าน่ารัก พอไม่น่ารักแล้วก็ทิ้ง รักเพราะมันเป็นหมาสายพันธุ์ราคาแพง เพราะเห็นหมาข้างถนนก็ไล่เตะอะไรอย่างนี้ นี่มันไม่ใช่คนรักหมา แต่ที่บอกคือมันมีหลายแบบ
นัดอยากให้คนที่รัก รักโดยไม่ต้องไปแบ่งอะไรเลย เอาจริงๆ คือรักไม่ต้องไปเกลียด รักอย่างเดียวก็พอ มันมีหลายแบบ อย่างในการทำงานเพจหมาจ๋า มันมีหลาย คอนเทนท์ หลายประเด็น ที่ไม่สามารถที่จะพูดถึงได้ เพราะเราพูดมันก็จะทำให้ ความคิดถูกแบ่งเป็น 2 ฝ่าย แล้วจะมีคนไม่ได้คิดอย่างนี้ บางทีคนก็คิดอีกแบบ ซึ่งจะเป็นกลุ่มคนที่เขารักหมาเหมือนกัน แต่เขาคิดไม่เหมือนกันก็มี
• แล้วสำหรับเรารักหมาในระดับไหน?
ไม่ใช่แบบสุดโต่งแน่นอนค่ะ อาจจะไม่ใช่คนที่หายใจเข้าออกเป็นหมา แต่นัดรักมันแบบไม่อยากเห็นมันเจ็บป่วย ถ้านัดเลี้ยงนัดก็จะอยากให้มันมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่นัดคงไม่ถึงกับต้องเอาเวลาทั้งหมดของชีวิตตัวเองไปให้หมา เพราะว่ามันก็ต้องแบ่งแยก จะต้องมีคุณพ่อคุณแม่ มีครอบครัว มีหน้าที่การงาน มีหมา หมาที่ดูแลเอง เลี้ยงเองก็มีหมาข้างถนนที่เราอยากช่วย หรือว่ามีเพื่อนของเราอะไรอย่างนี้ หมาคือส่วนหนึ่งในชีวิต และสำหรับนัดคือ นัดไม่รู้บางคนอาจจะแบบ ตื่นมาทุกอย่างต้องให้หมาอันดับแรก ฉันต้องพาหมา ฉันต้องทำกับข้าวให้หมากิน ฉันต้องพาหมาไปออกกำลังกาย ต้องเดินเล่นทุกเช้าอะไรอย่างนี้ อันนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีนะคะ สำหรับคนที่มีเวลา แต่ถ้าให้วัดกันในมุมคือ ทุ่มเทแค่ไหน ก็คือตามความเหมาะสมของชีวิตด้วย คือถ้าทุ่มได้ก็ทุ่ม แต่ว่านัดก็มีความพอดี นัดก็รู้สึกว่า ก็อยากให้เขาใช้ชีวิตสบายๆ คือหมานัดก็เอาออกนอกบ้านไม่ได้เพราะมัน มีความเป็นหมามาก มันไม่ได้พร้อมที่จะเข้าสังคม เดินเรียบร้อย นั่งเป็นนั่ง ยืนเป็นยืนอะไรอย่างนี้ เรียกว่าเลี้ยงหมาแบบให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และในชีวิตของเราก็มีอย่างอื่นที่ต้องทำด้วย
• มีคนรักหมา แน่นอนว่าก็ต้องมีคนไม่รักหมาเหมือนกัน มีความคิดเห็นยังไงกับตรงนี้บ้าง
นัดไม่รู้สึกแย่กับคนที่ไม่รักนะคะ เพราะว่าเข้าใจ ตัวเราก็มีสัตว์บางประเภทที่เราไม่ชอบเหมือนกัน เราไม่ชอบสัตว์เลื้อยคลาน แต่มันก็มีคนที่ชอบ มันก็เข้าใจได้ว่า มันนานาจิตตัง เพียงแต่ว่าบางคนที่เขาไม่รัก เขาทำลายด้วย ซึ่งอันนี้นัดมองว่ามันก็ใจร้ายไปหน่อย
มันอยู่ในยุคที่เราต้องมองด้วยใจกว้างๆ แล้วนะ เราได้เห็นคนไม่รักหมา นอกจากเห็นในเวลาเราใช้ชีวิตทั่วไปอะไรอย่างนี้แล้วนะ แต่ที่จะเห็นได้ชัดๆ ที่สุดก็คือในโลกออนไลน์ ในคอมเมนท์ คือคนที่เขาไม่ชอบแล้วเขาก็ด่าเลย มีอะไรก็ด่าก่อน ซึ่งอาจว่ามันเป็นเรื่องปกติ มันก็ต้องปล่อยวางนะคะ แต่เพจนัดก็ไม่ได้มีปัญหาตรงนี้นะคะ เพราะว่าคอนเทนท์ที่นัดทำ คือนัดจะไม่พยายามเปรียบเทียบ เหมือนนัดวาดรูปหมาเพื่อถ่ายทอด มันออกมาในมุมที่กลางๆ ไม่ได้อวยหมา เวลานัดรักหมาไม่ได้บอกว่าหมาของนัดดียังไง แต่นัดแค่แชร์ ประสบการณ์ แชร์ความทรงจำที่มีว่า หมามันตลกอย่างนั้น มันน่าสงสารอย่างนี้ นัดไม่ได้พยายามโน้มน้าว ให้ทุกคนต้องรักหมา แต่คือแค่ว่าไปตามธรรมชาติ แล้วให้คุณรู้สึกว่าเออ มันมีมุมอย่างนี้ มันก็เป็นเรื่องจริง มันไม่ได้มีอะไรเกินจริง หมามันอาจจะซน ก็พูดถึงกลางๆ มันไม่ได้เลี่ยนมาก จนคุณรู้สึกเหมือนมันไม่ใช่ เพราะก็ต้องยอมรับว่ามันก็มีทั้งจุดดีและจุดที่ไม่ดีบ้าง
• ถ้าอยากเลี้ยงสุนัขแต่ไม่เคยเลี้ยงมาก่อนเลย แบบนี้มีเคล็ดลับวิธีการเลือกซื้อหรือการเลี้ยงบ้างไหมคะ
ถ้าไม่เคยเลี้ยงหมามาก่อน มันก็ยากนะ ซึ่งการเลือกซื้ออย่างแรกเลยก็ต้องเลือกลูกหมาที่แข็งแรง ซึ่งลูกหมาที่แข็งแรงก็ต้องเกิดจากพ่อแม่ที่ได้รับการเลี้ยงดูที่ดี แต่ว่าเวลาที่เราซื้อตามตลาดหรืออะไร บางทีเราไม่รู้ว่าพ่อแม่เขาเป็นยังไง เห็นหมาแค่ไม่กี่นาทีเราคงระบุไม่ได้หรอก ว่ามันแข็งแรงแค่ไหน แล้วยิ่งลูกหมาตัวเล็กๆ บางทีมันก็ยังดูไม่ออกด้วยซ้ำ ว่าโตขึ้นมันจะเป็นยังไง หน้าตาเป็นยังไง แต่ว่าหลักๆ คือ ถ้าสมมติว่าจะซื้อจริงๆ ควรที่จะ ไปตามแบบฟาร์ม หรือคนที่เขาเพาะพันธุ์ เพราะมีปัญหาเขาจะรับผิดชอบ อย่างข่าวที่เรารู้มันก็มีประมาณว่า เหมือนเขาทำเป็นโรงงานผลิตลูกสุนัขเลยก็มี มันก็น่าสงสารเหมือนกัน ต้องเลือกแหล่งดีๆ
ส่วนการดูแลน้องหมา นัดเป็นคนที่เลี้ยงหมาแบบปล่อยให้มันเป็นธรรมชาติ ชอบให้มันเป็นธรรมชาติ เราจะไม่ล่าม ไม่ขัง ให้มันได้วิ่ง ได้อะไร มันจะซนบ้าง หรือขุดดินบ้าง ชีวิตมัน สัญชาตญาณมันเป็นอย่างนี้ ก็เข้าใจ อยากกินอะไรก็ปล่อยให้มันกิน ซึ่งเลี้ยงแบบนี้ถามว่าดีไหม ต้องยอมรับว่ามันก็อาจจะดื้อบ้างอะไรบ้าง แต่มันก็ดูเป็นหมาดีนะคะ
• ทั้งหมดทั้งมวลก็แค่อยากเป็นเสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งที่ทำให้คนรักสุนัขมากขึ้น
ใช่แล้วค่ะก็อยากให้ร่วมกันเลี้ยงสัตว์อย่างมีความรับผิดชอบ แล้วก็มีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก เพราะส่วนหนึ่งคือทำให้คนรักหมา รักหมามากขึ้น และทำให้คนที่ไม่รัก คืออาจจะไม่ต้องมารักมันก็ได้ แต่ว่าไม่ต้องทำอะไรมัน
ถ้าตอนนี้มองว่าตัวเองเป็นอะไรคือ ก็คงเป็นศิลปินคนหนึ่งที่วาดรูป ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับหมา มองมาในมุมที่มันมีตลก มีซึ้ง มีน่ารัก มีกวนอะไรอย่างนี้อยู่แล้วก็น่าจะเป็นในเชิงผ่อนคลายมากกว่า
นัดไม่อยากกดดันตัวเองถึงขนาดที่ว่า ฉันต้องเป็นแกนนำทำยังไงให้คนรักหมา เราก็รู้สึกว่าทุกคนตัดสินใจได้ ที่จะเลือกว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร ให้เขาเลือกเองดีกว่า มันไม่ใช่แค่หมาหรอกที่ต้องการความรัก สัตว์อื่นๆ ก็ต้องการ อย่างแมวหรืออะไรอีกเยอะแยะ แต่ตรงนี้คือนัดแค่ใช้หมาถ่ายทอด ที่จริงๆ แล้วอาจจะเป็นแค่สัญลักษณ์ของความเป็นเพื่อนก็ได้ คือมันอ่านแล้วไม่ได้บอกแค่ว่าคุณต้องรักหมา ให้มองคนรอบๆ ตัวเรา เขาก็มีความรู้สึกมีหัวใจเหมือนเรา เวลาที่จะปฏิบัติกับใครก็ต้องให้ด้วยความจริงใจ ให้ด้วยความรัก
นัดได้อะไรกับการทำตรงนี้เยอะมาก มีทั้งดีและทั้งไม่ดี เหมือนเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราเก่งขึ้นมาก เหมือนเรากำลังทำงานอยู่ภายใต้ความสนใจของคน ถ้าอย่างแฟนเพจตอนนี้ก็มีคนติดตาม 600,000 ว่าคนแล้ว มันมีจุดที่สอนเราว่า เราควรที่จะพูดอะไร อะไรคือสิ่งที่เราควรหลีกเลี่ยง มันก็จะทำให้เราใจเย็นขึ้น ถ้าเราเจอคนหลายแบบ เราก็จะมีวิธีรับมือ แม้กระทั่งวิธีควบคุมจิตใจตัวเองว่าถ้าเราเจอแบบนี้เราควรจะทำยังไง
ทุกวันนี้ก็โตขึ้นในระยะเวลารวดเร็ว มันเป็นโอกาสที่ได้ทำงานดีๆ ได้รู้จักคนดีๆ เยอะมากเหมือนกัน ก็อยากให้ติดตามกันไปได้เรื่อยๆ อย่างเคยมีนักเขียนท่านหนึ่ง ชื่อมุนินทร์ สมัยเจอกันใหม่ๆ เขาก็จะตาม เขาก็ลุ้นว่าเราจะทำได้ไปถึงเมื่อไหร่ มันเรื่องหมา นึกไม่ออกว่าจะไปทางไหน แต่สุดท้ายเราก็มาได้ขนาดนี้ ซึ่งก็เออ เขาก็แปลกใจ ตัวเราเองก็เหมือนกัน มุกมันไม่หมดสักที คนก็ชอบถามตันไหม มีตันบ้างไหม ก็ต้องบอกว่ามันมีบ้างที่ซึ่งเราก็จะปล่อยเฉยๆ ไปก่อน แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้วาดทุกวัน บางทีก็จะจดมุกเก็บไว้ วันไหนมีเวลาก็จะวาดทีนึง วาด 10 รูป 20 รูป สต๊อกไว้ เพราะมันก็แค่ทำให้มันสนุกๆ เรามีความสุขกับงานที่ทำอยู่ แล้วหลายๆ คน ที่อ่านงานเราเขามีความสุขก็อยากให้ติดตามไปเรื่อยๆ ไม่ว่าผลงานจะออกมาในรูปแบบไหนค่ะ (ยิ้ม)
เรื่อง : วรัญญา งามขำ และ แพรวา คงฟัก
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์ และเพจหมาจ๋า