“สมบัติ รักสกุล” ผู้หลงใหลในการปั่นจักรยานเที่ยวรอบโลก ปั่นจักรยานเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อีกทั้งยังมีแรงบันดาลใจในการทำความฝันครั้งนี้ ว่า มีความฝันก็ต้องมีสุขภาพที่ดี ดูแลร่างกายรักษาสุขภาพให้ดีที่สุด
วันนี้ (16 พ.ค.) นายสมบัติ รักสกุล วัย 59 ปี เปิดใจผ่านรายการ พระอาทิตย์ LIVE ผู้หลงใหลในการปั่นจักรยานเที่ยวรอบโลก ระยะทางแสนกว่ากิโล ใช้ระยะเวลาในการเดินทางถึง 4 - 5 ปี โดยใช้จักรยานคันนี้คันเดียวในการเดินทางรอบโลก ซึ่งเมื่อก่อนเคยเป็นบรรณาธิการช่างภาพภาพของบางกอกโพสต์ และมีความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กว่า อยากเที่ยวรอบโลก เป็นพอถึงตอนอายุ 50 ตนรู้สึกเบื่อจึงเริ่มออกเดินทางปั่นจักรยานรอบโลก ซึ่งปัจจุบันอายุมี 59 ปี และเหตุผลที่ตนมีสุขภาพแข็งแรงเพราะ วิ่งออกกำลังกายมาตั้งแต่อายุ 17 จนถึงอายุ 50 ทำให้ร่างกายแข็งแรง และคำถามยอดฮิตที่ถูกถามว่า หายไปถึง 5 ปี มีปัญหากับทางภรรยารึไม่ แต่ทางภรรยาคิดว่าห้ามก็คงไม่อยู่ จึงปล่อยให้ตนปั่นจักรยานรอบโลก และในการปั่นครั้งนี้ต้องการปั่นจักรยานเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ท่านทรงเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๗ รอบ ๘๔ พรรษา
โดยเส้นทางการปั่นจักรยานของ สมบัติ รักสกุล เริ่มปั่นจักรยานจากกรุงเทพมหานคร ขึ้นเหนือ ไปจังหวัดเชียงราย ออกไปจีนโดยเดินทางจากทางซ้ายไปตะวันตกของประเทศจีน เนปาล อินเดีย ปากีสถาน แล้วก็ขึ้นจีนอีกหนึ่งรอบที่ซินเจียง และถึงเข้าเอเชียกลาง ข้ามทะเลสาบแคสเปี้ยน อาเซอร์ไบจาน อิหร่าน ตุรกี และปั่นวนทวนเข็มนาฬิกาในยุโรป 3 เดือน ต่อด้วยนั่งเครื่องบินมาที่อียิปต์ ลงมาแอฟริกา นั่งเครื่องบินขึ้นไปอาลาสกา มุ่งใต้มาปาตาโกเนีย ในประเทศอาร์เจนตินา ต่อด้วยบราซิล แล้วนั่งเครื่องบินเข้าทวีปเอเชีย มายังเข้าญี่ปุ่น เกาหลี จีนตะวันออก อินโดจีน เวียดนาม ลาว ต่อด้วยกัมพูชา แต่ต้องเข้าประเทศไทย เพราะ เหล็กที่ดามแขนไว้ตอนที่เกิดอุบัติเหตุในแอฟริกา ได้ทะลุออกมา จึงรักษาตัวที่ประเทศไทย 2 อาทิตย์ จึงค่อยบินไปประเทศออสเตเลีย ซึ่งคนปกติทั่วไปจะปั่นจักรยานรอบโลกเป็นวงกลม แต่ตนปั่นตามใจของคนปั่น ซึ่งในการปั่นครั้งนี้ตนยอมรับว่า มีการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย แต่ก็สามารถแก้ปัญหาได้ ส่วนการกินอยู่ ตนจะซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตไว้เยอะๆ เพื่อใช้รับประทานในขณะปั่นจักรยาน
โดยการปั่นจักรยานรอบโลกครั้งนี้ ตนได้พบเจอกับสงครามกลางเมือง แต่ก็สามารถรอดชีวิตมาอย่างง่ายดาย เพราะ อดีตเคยเป็นทหาร ก่อนจะมาเป็นนักข่าวช่างภาพ ทำให้คุ้นเคยกับสถานการณ์ในประเทศที่มีสงคราม และประเทศที่น่ากลัวในการปั่นจักรยานอยู่ที่ประเทศแอฟริกา โดยตนได้ถูกรถยนต์เฉี่ยวชนจนได้รับบาดเจ็บแขนขวาหัก จนต้องกลับมารักษาตัวที่ไทย ได้พักการปั่นจักรยานอยู่ 2 สัปดาห์ และเมื่อมาถึงประเทศคาซัดสถาน ได้ถูกขโมยรถจักรยาน เพราะตนลืมไฟฉายขาดหัว ทำให้มองไม่เห็นที่ล็อก ตนจึงไม่ได้ล็อกในตอนที่ทำธุระ พอเสร็จธุระจึงออกมาเห็นว่า รถจักรยานของตนหายไป จึงต้องซื้อจักรยานคันใหม่ในประเทศคาซัดสถาน
ซึ่งในขณะที่ตนปั่นจักรยานไม่มีเครื่องเทคโนโลยีสื่อสารใดๆ โดยเพิ่งมารู้จักเฟซบุ๊กเมื่อไม่นานมานี้ จากผู้คนที่ต้องการบอกเล่าเรื่องราวของตนผ่านเฟซบุ๊ก และได้รับความรู้สึกในการนอนขดอยู่ใต้โขดหิน เพราะอากาศที่หนาวเย็น ประจวบกับมีพายุลูกเห็บตก และลม ทำให้ไม่สามารถกางเต็นท์นอนได้
ส่วนค่าใช้จ่ายส่นใหญ่หมดไปกับค่าเครื่องบินที่หนักมาก ซึ่งถือว่าสิ้นเปลือง ส่วนค่ากินในชีวิตประจำวันตลอดการปั่นจักรยานไม่ค่อยเปลืองมากเท่าไร ซึ่งเทคนิคการเดินทางคนเดียวกางเต็นท์ก่อนใช้เวลา 10 นาที และต้องรีบเข้านอน รีบตื่น เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง และการเดินทางครั้งนี้ให้เราได้รับรู้ว่า แต่ประเทศเขาอยู่กันยังไง กินกันยังไง วัฒนธรรม
ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ สมบัติ รักสกุล ได้บอกถึงแรงบันดาลใจในการทำความฝันครั้งนี้ว่า “มีความฝันก็ต้องมีสุขภาพที่ดี ดูแลร่างกายรักษาสุขภาพให้ดีที่สุด เพื่อความฝันของเราให้เป็นจริง”