เปิดใจพิธีกรนิวส์วัน “ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที” ถูกตำรวจกองปราบฯ จับกุมผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ปมจัดรายการร้องเรียนทุจริตส่งอาหารเข้าเรือนจำ แล้วสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ ไปแจ้งความ ระบุที่ผิด พ.ร.บ. คอมพ์ เพราะเห็นคลิปในยูทูป มีคนแชร์ต่อ แจงที่จับตอนกลางคืนเพราะเกรงใจ จับกลางวันจะยุ่งยากลำบาก ก่อนที่ตำรวจอ่างทองลงมารับตัว ได้ประกันตอนเที่ยงคืน กลับถึงกรุงเทพฯ เกือบตีสาม
อ่านประกอบ : ตำรวจรวบตัว “ยุทธิยง” พิธีกร “นิวส์วัน” ข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพ์-หมิ่นประมาท ปมแฉทุจริตส่งอาหารเข้าเรือนจำอ่างทอง
วันนี้ (10 พ.ค.) นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที อายุ 51 ปี ผู้ดำเนินรายการสภากาแฟ เวทีชาวบ้าน ทางสถานีโทรทัศน์นิวส์วัน ให้สัมภาษณ์ในรายการรอบวันทันเหตุการณ์ ถึงกรณีที่ ร.ต.ท.เชวง พดด้วง รองสารวัตรกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม นำกำลังจับกุมตัวในร้านกาแฟโกปิ โกเลี้ยง ในซอยลาดพร้าว 122 (ซอยมหาดไทย) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. ตามหมายจับศาลจังหวัดอ่างทอง ลงวันที่ 11 ม.ค. 2560 ข้อหาตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ว่า ตนกลับมาถึงบ้านเมื่อเวลา 02.30 น. หลังจากถูกจับกุมและไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.เมืองอ่างทอง
ทั้งนี้ ที่มาที่ไปของคดีนี้สืบเนื่องมาจากรายการสภากาแฟ เวทีชาวบ้าน ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเข้ามาร้องทุกข์ในรายการเป็นประจำ กระทั่งวันหนึ่งมีชมรมผู้ค้าอาหารเรือนจำ มีจดหมาย และมาที่สถานีโดยตรง เล่าให้ฟังว่าตนเองค้าขายส่งอาหารเข้าเรือนจำเป็นประจำ 5 - 10 ปี มาเล่าให้ฟังในรายการว่าต้องจ่าย 7% เพื่อที่จะได้ค้าขายกัน กระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงระบบใหม่ มีผู้มาสัมปทานรายใหม่ เรียกพ่อค้ามาอีกว่าถ้าเกิดอยากค้าขายแบบเดิมต้องจ่ายเพิ่มประมาณ 9 - 15% ก็มาเล่าในรายการ ซึ่งตนถามว่าเป็นความจริงเหรอ ก็ตอบว่าเป็นความจริง ซึ่งตนซักถามในฐานะพิธีกร เพื่อเล่าความจริงให้สังคมได้ฟังว่าทำไมประเทศของเราเป็นแบบนี้ ซึ่งซักถามตามปกติวิสัยของการทำข่าว
“ในรายการไม่ได้เอ่ยถึงคู่กรณี เพราะเราก็รู้จักแหล่งข่าวตรงนั้น เมื่อเขาอยากจะพูดแล้วต้องรับผิดชอบกัน เชื่อว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงของวิถีชีวิต เพราะอยู่ๆ จะเดินทางมาที่สถานีด้วยความลำบากเลยเป็นไปไม่ได้ เขาก็มีหลักฐานโชว์ให้เห็น ก็เล่าให้สาธารณชนฟังกันเลย เขาก็ยืนยันที่จะเล่า ถือเป็นความสัตย์ที่เขากล้าจะเล่าให้แก่สาธารณชน” นายยุทธิยง กล่าว
นายยุทธิยง กล่าวว่า ตนยังจำไม่ได้ว่าหมายเรียกมาถึงเมื่อไหร่ เรื่องอะไร ตนก็ถามเจ้าหน้าที่ ผู้อำนวยการสถานี พนักงาน และโปรดิวเซอร์ ว่า วันนั้นทำรายการข่าวเรื่องอะไร เมื่อไปค้นจึงรู้ว่าเราออกอากาศเรื่องนี้ เกี่ยวกับการเปิดเผยการทุจริตในเรือนจำ ซึ่งช่วงนั้นเกิดขึ้นประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ถึง มีนาคม 2560 หมายเรียกครั้งที่ 1 จาก จ.อ่างทอง มาถึงตน ก็ยังปรึกษากับ นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการอาวุโสเครือผู้จัดการ และ นายสุรวิชช์ วีรวรรณ บรรณาธิการบริหาร สถานีโทรทัศน์นิวส์วัน อยู่เลยว่า มีหมายเรียกเข้ามา และได้ให้ทนายความไปประสานงานกับทาง สภ.เมืองอ่างทอง เพื่อชี้แจงแล้ว จู่ๆ หมายจับก็มาเลย ทั้งๆ ที่หมายเรียกครั้งที่ 2 ยังไม่มา
“อยู่ๆ ก็ไปขอหมายศาลมาจับ และจับผม ผมก็ถามเจ้าหน้าที่กองปราบฯ ว่า นึกยังไงมากลางคืน ทำไมไม่มากลางวัน ผมอยู่สถานี เพิ่งจัดรายการเสร็จเมื่อวานเรื่องแชร์ไม่ใช่เหรอ อยู่ที่สถานีทำไมไม่มา เขาบอกว่า มากลางวันเกรงใจ เขาให้ดุลพินิจในความเหมาะสมที่เขาสื่อสารกับผมแบบนั้นว่า มากลางวันเกรงใจพี่ พี่เป็นสื่อ มาอาจจะยุ่งยากลำบาก เลยมากลางคืนเสร็จ มา 1 ทุ่มกว่า ผมก็ต้องต้อนรับสิ กินกาแฟกันก่อน มาเรื่องอะไร อ๋อ เรื่องนี้เหรอ เอ้า เดี๋ยวก็ไปกัน ก็ไปที่กองปราบฯ จากกองปราบฯ เขาก็ประสานกัน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจากอ่างทองมากัน 3 นาย เพื่อที่จะมารับตัวไปอ่างทองเมื่อกลางคืนที่ผ่านมา” นายยุทธิยง กล่าว
เมื่อถามว่า หมายจับออกมาตั้งแต่ต้นปี ก็เลยสับสนกันอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น นายยุทธิยง กล่าวว่า หมายจับมาต้นปี ทำไมไม่จับตั้งแต่ต้นปี มาจับกลางปี ทั้งที่หมายเรียกออกประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ในเชิงเอกสารเดี๋ยวจะมีทีมทนายความเขาจะดูว่า ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ที่อ่างทอง ใช้กระบวนการแบบไหนในการเร่งรัดคดี เราก็จะดูในรายละเอียดว่าหมายจับ หมายเรียกออกมาอย่างถูกต้องหรือไม่ อย่างไร ทั้งนี้ รายละเอียดในการแจ้งข้อหา เจ้าหน้าที่ก็คงสับสน เพราะกฎหมายเขียนไว้ ตนก็ซักถามว่าประโยคแรกที่แจ้งข้อกล่าวหา เราจัดรายการ ถ้าถูกพาดพิงถึงใครที่เขาเสียหาย ก็มีสิทธิ์แจ้งความหมิ่นประมาท ก็ยอมรับ เพราะเป็นวิชาชีพที่เราเจอประจำ เราให้ความเคารพในวิธีคิดและผู้ที่ถูกพาดพิงถึง และใช้กระบวนการยุติธรรม เพราะเราเจอเรื่องวิชาชีพสื่อประจำ
แต่ที่น่าสนใจ คือ ข้อกล่าวหาผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ รายการของเราก็ต้องเผยแพร่สู่สาธารณชนผ่านยูทูป และช่องทางต่างๆ ด้วย เขาบอก “ก็นี่ไง มีการลงในยูทูป ก็มันเผยแพร่ในมือถือ มันเผยแพร่ในไลน์ ไม่รู้ใครแชร์กัน กี่คนต่อกี่คน เพราะเป็นเรื่องที่สังคมอยู่ในความสนใจ” ซึ่งตรงนี้ตนคิดว่าเจ้าหน้าที่ก็คงคิดว่าแบบนั้น ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับในชั้นศาลเพื่อที่จะเข้าสู่กระบวนการนั้นว่าอัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ ศาลจะมีดุลพินิจว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะเราได้ทำหน้าที่ สิ่งที่เราทำมีอานิสงส์เกิดขึ้นในการเปลี่ยนแปลงสังคม ถ้ามีการตั้งคณะกรรมการสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องในการส่งอาหารเข้าเรือนจำว่าเป็นยังไง มีการตรวจสอบ มีการอายัดทรัพย์ พูดง่ายๆ ว่า เราบอกความจริงบางอย่างเพื่อให้สังคมมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
แล้วในชั้นพนักงานสอบสวนเมื่อคืนก็บอกว่า ตนตั้งคำถามว่าทำไมถึงมีสิ่งเหล่านี้ แล้วก็แสดงความเห็นในหลักการว่า ทำไมเราต้องไปแย่งอาหารกิน ในขณะที่ผู้ต้องโทษลำบากอยู่แล้ว อยู่ในสถานกักขัง อยู่ในช่องแคบๆ เวรกรรมเขาก็มีอยู่แล้ว พวกเราอยู่ข้างนอกบนถนน มีอากาศหายใจ ทำไมเราต้องไปแย่งอาหารคนบาปกิน เราไม่ควรนะ ซึ่งได้แสดงความเห็นไปในรายการ ซึ่งคนที่แจ้งความทราบว่าเป็นนิติบุคคล ชื่อว่า สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ จำกัด ที่ได้รับสัมปทาน เขามอบหมายให้ใครก็ไม่ทราบมาแจ้งความ เพราะเป็นผู้ได้รับสัมปทานในการส่งอาหารเข้าเรือนจำ ณ เวลานั้น ชมรมผู้ค้าฯ ก็เห็นว่า มีความไม่ชอบมาพากล เขาก็บอกเล่าความทุกข์ร้อนในการทำธุรกิจให้ฟังในฐานะสื่อ
นายยุทธิยง เล่าว่า ตนได้รับการประกันตัวในเวลา 24.00 น. (เที่ยงคืน) ที่ สภ.เมืองอ่างทอง ด้วยวงเงิน 50,000 บาท ขณะนี้กำลังรวบรวมเอกสารที่มาถึง ทั้งหมายเรียก หมายจับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติด้วยดี และให้เกียรติ นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนๆ ที่ทราบข่าวตามไปให้กำลังใจที่กองปราบปรามอีกด้วย ซึ่งตั้งแต่ทำรายการมา มีหมายเรียกเข้ามาอยู่บนโต๊ะทำงานบ่อยครั้ง แต่ก็ยืนยันว่า ตนยังทำหน้าที่ต่อไป ซึ่งที่ผ่านมา มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน เมื่อมาร้องเรียนที่ทำเนียบรัฐบาลแล้วก็แวะมาที่สถานีอยู่บ่อยครั้ง
ด้าน นายกิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์นิวส์วัน แสดงความคิดเห็นว่า ตนค่อนข้างเป็นห่วงการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรณีนี้ เพราะว่าครั้งหนึ่งเคยถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกัน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พร้อมกับ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส. นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ จากการจัดรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ซึ่งมีหมายเรียกมาแล้วให้ทนายความไปคุย แต่ยกฟ้องในชั้นพนักงานสอบสวน เพราะเราไม่ใช่คนนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่แค่จัดรายการ แต่การนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยอัปโหลดวิดีโอคลิปลงเว็บไซต์ยูทูป เป็นระบบของทางสถานีที่ทำเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง พนักงานสอบสวนก็ยกฟ้องในชั้นพนักงานสอบสวนเลย เพราะไม่มีมูลเหตุที่จะส่งไปถึงชั้นอัยการและศาล ก็เลยคิดว่า กรณีของนายยุทธิยง แค่ตั้งโจทย์มาก็ผิดแล้ว จะส่งฟ้องได้อย่างไร แต่เรื่องนี้ตนถูกตั้งคดีที่ส่วนกลาง แต่นายยุทธิยงถูกตั้งคดีที่ส่วนภูมิภาค ดุลพินิจของตำรวจที่ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค อาจจะไม่เหมือนกัน