เมียตำรวจพกปืนขู่ไฟแนนซ์จ้อสื่อ เผยเอารถไปเข้าไฟแนนซ์ 1.6 แสน โดยที่สามีรู้อีกทีก็ 1 ปีกว่า แต่งวดแรก “จ่ายไม่ได้” ทั้ง เซเว่น และ ธนาคาร กระทั่งค้างชำระมาเรื่อยๆ กล่าวทั้งน้ำตายืนยันไม่ได้เอารถหนี ขอสังคมเห็นใจว่าถูกกระทำ
จากกรณีที่เฟซบุ๊ก “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ V.4” โพสต์วิดีโอคลิป ขณะที่พนักงานเร่งรัดหนี้สิน บริษัท กรุงไทย ออโต้ลีส จำกัด กำลังเข้าตรวจยึดรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ซ สีขาว หมายเลขทะเบียน ฌอ 2979 กทม. ซึ่งมีผู้หญิงทราบชื่อ คือ น.ส.นพวรรณ จีระ เป็นคนขับ ภายในหมู่บ้านตะวันนา ถนนจตุโชติ แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ เนื่องจากค้างชำระเป็นระยะเวลา 2 ปี กระทั่งมีชายไม่สวมใส่เสื้อ นุ่งกางเกงขายาวสีครีม ไม่สวมรองเท้า เดินถือปืนออกจากบ้าน แล้วขึ้นไปที่นั่งคนขับ ก่อนขับรถคันดังกล่าวออกไป ทราบชื่อภายหลังคือ ด.ต.เอกฉัตร สมสิริ ผบ.หมู่สืบสวน สน.บางเขน สามีของ น.ส.นพวรรณ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พ.ค. และ นางพัชรินทร์ จันทร์ศิริ และ นางดาวรุ่ง สายทองคำ ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.คันนายาว นั้น
เมื่อวันที่ 9 พ.ค. น.ส.นพวรรณ จีระ ภรรยาของ ด.ต.เอกฉัตร สมสิริ ผู้ที่พกปืนในคลิป ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการต่างคนต่างคิด ทางสถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี กล่าวว่า รถคันดังกล่าวเป็นรถมือสอง ซื้อด้วยเงินสดในราคา 4 แสนบาท โดยสามีไปกู้เงินกับสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจแห่งชาติ จำกัด โดยรถคันดังกล่าวตนและสามีได้ใช้ร่วมกัน ภายหลังแม่มาอยู่ด้วยและเกิดเจ็บป่วย ภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น คนที่หาเงินหลักๆ คือ สามี จึงนำรถไปเข้าไฟแนนซ์ ได้เงินมาประมาณ 160,000 บาท ผ่อนชำระเดือนละ 4 พันกว่าบาท โดยที่สามีไม่รู้ แต่หลังจากได้เงินมาก็ยอมรับว่าไม่ได้จ่าย เพราะบริษัทฯ ยังไม่ได้ส่งบัตรบาร์โค้ดมาให้ ทั้งที่ตนตั้งใจจะจ่ายตั้งแต่งวดแรกที่ร้านสะดวกซื้อ และเมื่อไปที่ธนาคารกรุงไทย ก็จ่ายไม่ได้ เพราะข้อมูลไม่ขึ้น หลังจากนั้น ก็ไม่จ่ายอีกเลย
กระทั่งตนค้างชำระมาถึงงวดที่ 6 ก็มีชายคนหนึ่งใส่ชุดยูนิฟอร์ม เป็นพนักงานบริษัทฯ มาหาที่บ้าน ตนก็เจรจาขอจ่ายสัก 3 เดือนก่อนได้ไหม ก็ได้คำตอบว่าต้องคุยกับบริษัทฯ ก่อน แต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ ภายหลังประมาณปีกว่าๆ สามีเพิ่งจะทราบ มาถึงเหตุการณ์ในวันนั้นมีผู้ชาย 4 คน ผู้หญิง 2 คน ขณะนั้นขับรถไปตลาดตามปกติ ก่อนกลับเข้ามาในหมู่บ้าน จอดรถติดเครื่องเพื่อซื้อของที่ร้านค้า ก็มีผู้ชายใส่ชุดลำลองมาหา บอกว่า มีอะไรจะคุยด้วย จึงตกใจเดินถอยหลังกลับมาที่รถ กระทั่งมีผู้หญิงมาจอดรถข้างหน้า เดินเข้ามาคุยเรื่องรถ ตนจึงรู้ว่ามาจากไฟแนนซ์ จึงบอกว่าจะเชิญไปคุยที่บ้าน แต่ไม่ยอมไป จึงคิดว่าตนโดนรถปิดหน้าปิดท้าย โดนรุมอย่างนั้นเกิดความกลัว เพราะรถคันนี้สามีใช้ในการทำงาน ไม่รู้ว่ามาดีหรือมาร้าย อีกทั้งไฟแนนซ์ไม่แสดงบัตร มีการถ่ายรูปโดยไม่ได้อนุญาต จึงโทรศัพท์เรียกสามีที่กำลังนอนอยู่ บอกว่า ไม่รู้ว่าใครมาล้อมรถ มีผู้ชายกับผู้หญิงมาคุยเรื่องรถ จึงเดินมาพร้อมพกปืนเพราะตกใจ ส่วนหลังจากนั้นก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เพราะสามีเรียกกลับเข้ามาในบ้าน
เมื่อถามว่า ทางไฟแนนซ์ให้ข้อมูลว่าที่ผ่านมาพยายามจะไปทวงรถ สามีก็เอาปืนมาขู่แบบนั้น น.ส.นพวรรณ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา บางครั้งมีปัญหาทะเลาะกัน ยอมรับว่า ตนผิดจริงที่ไม่ได้จ่ายเงินค่างวดรถ 24 งวด แต่ที่ผ่านมา สามีไม่รู้เรื่องนี้ เขาให้เงินใช้ปกติ ตนก็มีเหตุจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน ที่ผ่านมา ก็ไม่เคยเห็นว่าไฟแนนซ์มาที่บ้าน ไม่รู้ว่าสามีขู่แบบนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวและญาติแย่หมด เพราะผลกระทบมันมี เวลาออกจากบ้านตนต้องมาตอบคำถามคน รวมทั้งผลกระทบต่อหน้าที่การงานของสามี ยืนยันว่า ตนไม่ได้เล่นการพนัน สามีให้เงินใช้ บางครั้ง 1,000 บาท ใช้ได้ 2 วัน ตนไม่ได้ทำงาน เป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก กระทั่งมีลูกคนที่สอง แม่มาอยู่ด้วยเกิดเจ็บป่วย ก็ไปยืมเงินเพื่อน กระทั่งแม่เสียชีวิตจึงนำรถไปเข้าไฟแนนซ์
ในตอนท้าย น.ส.นพวรรณ กล่าวด้วยน้ำตานองหน้า ว่า ตนเป็นห่วงสามี ยืนยันว่า ไม่ได้เอารถหนี ด้วยความที่เรากลัว อยากให้คนมองว่าเราเป็นผู้ถูกกระทำ ถ้าเกิดไปดักแบบนี้ในที่เปลี่ยวๆ ซึ่งตนเป็นผู้หญิงคนเดียว ตนสู้ไม่ได้ ตนเป็นผู้หญิงตนก็มีความกลัว ทุกวันนี้ตนก็แย่ สามีก็แย่ ก็ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ทุกคนความคิดไม่เหมือนกัน ถ้าไฟแนนซ์มาอีกครั้งหนึ่ง ทำตามกฎหมาย มีหมายศาลมาก็ยอมคืนรถ ตอนนี้ขอตัดทุกทาง ไม่ติดต่อกับใครนอกจากญาติจริงๆ เพราะอยากจะให้ผ่านตรงนี้ไปให้ได้ ถ้าไฟแนนซ์มาก็จะคุยกับเขา ให้มันผ่านตรงนี้ไปให้ได้ ตอนนี้ต้องมานั่งเข้าใจกันสองคน เพราะเรารับปัญหาแล้วตอนนี้ เราจะไม่อ่านโลกสังคมออนไลน์ เพราะอ่านแล้วมันแย่จะไม่อ่าน แต่เมื่อคืนรถแล้วต้องตีตามราคาตลาด จะต้องใช้คืนไฟแนนซ์อีกนั้น ยืนยันว่าเป็นหนี้ก็ต้องชดใช้