ประชาชนจำนวนมากเดินทางมาเข้าคิวรอต่อแถว เพื่อเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง อย่างเนืองแน่น ซึ่งทางสำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมศพ ตั้งแต่เวลา 05.00 น.
วันนี้ (8 พ.ค.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 187 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นสบาย
ด้าน นางอารีย์ จันทร์เป้า อายุ 61 ปี พสกนิกรจังหวัดนนทบุรี พนักงานบริษัทเอกชน กล่าวภายหลังที่สักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า เพิ่งมีโอกาสได้เดินทางมาเป็นครั้งแรก โดยวันนี้ได้เดินทางมาพร้อมเพื่อนๆอีก 6 คน ซึ่งเดินออกจากบ้านพักโดยเรือด่วนเจ้าพระยาตั้งแต่ 8 โมงเช้า และมาถึงท้องสนามหลวงตอน 8.45 น. และได้ขึ้นกราบสักการะพระบรมศพ ตอน 10.00 น. วินาทีที่ได้กราบสักการะพระบรมศพ เต็มไปด้วยความปลาบปลื้มใจ และใจหายไม่คิดว่าพระองค์จะจากพวกเราชาวไทยไปแล้วจริงๆ ที่ผ่านมาพระองค์ทรงเป็นยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์ที่ไหนฝนไม่ตกท่านก็ทำให้มีฝนได้ ที่ไหนทุรกันดารความเจริญไปไม่ถึง แต่พอพระองค์เสด็จฯไปเยี่ยมเยือน พื้นที่เหล่านั้นก็มีความเจริญขึ้นมาทันที ทรงรักพสกนิกรของพระองค์อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติศาสนาใดที่มาอาศัยใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร และจากนี้ต่อไป จะน้อมนำคำสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักยึดในการดำเนินชีวิต ทุกวันนี้ทำงานนอกจากจะมีใช้แล้วยังเหลือเก็บอีกด้วย คือ ต้องใช้ชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท ไม่ฟุ้งเฟ้อไปกับสิ่งหลอกลวงที่มาล่อตาล่อใจ
ด้าน นายแดเนียล ไดเยอร์ จากเมืองมาทาร์ วินยาด สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ตนเดินทางมาพร้อมภรรยา คือ นางพิศมัย ศิลารักษ์ (ไดเยอร์) และคณะ ทุกปีจะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย และวันนี้ตั้งใจมาแสดงความเคารพพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยส่วนตัวชื่นชมพระองค์ท่านมาก จึงได้ศึกษาเกี่ยวพระราชกรณียกิจของพระองค์ พบว่า ท่านทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดีที่สุดโลก ท่านทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินจริงๆ เพราะทรงทำทุกอย่างเพื่อประชาชนพระองค์ คนทั่วโลกควรจะเรียนรู้จากพระองค์ “ที่ผมเห็นคือในหลวง รัชกาลที่ ๙ พยายามทำสิ่งต่างๆ เพื่อคนจน และที่ประทับใจ คือ ท่านทรงบอกกับประชาชนของพระองค์ว่าให้รักษาแผ่นดินไว้ไม่ให้ขายให้ชาวต่างชาติ วันนี้รู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสเข้าไปแสดงความเคารพพระองค์ แต่เสียใจที่ไม่ให้เวลาได้อยู่บนพระที่นั่งนานอีกนิด เพื่อซึมซับบรรยากาศการไว้อาลัยต่อพระองค์” นายแดเนียล กล่าว
ด้าน นางพิศมัย ศิลารักษ์ (ไดเยอร์) กล่าวว่า ในช่วงหน้าหนาวตนและสามีจะเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านทุกๆ ปีๆ ละ 2 - 4 เดือน ซึ่งตนเป็นชาว ต.เมืองคง อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ แต่ไปมีครอบครัวและทำงานอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และการเดินทางกลับมาครั้งนี้วางแผนกับสามีว่าจะกลับมาพัฒนาประเทศบ้านเกิด ซึ่งแฟนก็ยินดีด้วยเพราะสามีก็รักประเทศไทย โดยจะทำเป็นองค์กรการกุศล ส่งเสริมด้านวัฒนธรรมและการศึกษา และช่วยเหลือคนยากจน ตามรอยพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพื้นที่ 4 ไร่ ที่ตนยกให้เพื่อดำเนินกิจกรรมการกุศล ขณะนี้กำลังดูว่าประชาชนต้องการความช่วยเหลืออะไรบ้าง
นายคิม เวลส์ แอทคินซัน อายุ 74 ปี ชาวสหรัฐอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาต่างประเทศ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เปิดเผยว่า เดินทางไปมาระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกามากว่า 50 ปีแล้ว ตนมีความประทับใจในประเทศไทย และในพระมหากษัตริย์ไทยเป็นอย่างมาก ยิ่งได้มีโอกาสทำงานด้านภาษาโดยแปลในเรื่องของความพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อส่งต่อเรื่องราวให้ชาวต่างชาติได้รับรู้ ก็ทำให้ประทับใจในพระปรีชาของพระองค์ “ผมได้อ่านเรื่องราววิธีการทรงงานของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ก็ได้พบว่าพระองค์ทรงสอนให้เรารู้จักคิด ให้เราเข้าใจและให้เราได้ทำ ซึ่งก็อยู่ที่ว่าเราจะเดินตามไปอย่างไร พระองค์เป็นกษัตริย์ที่ดีที่สุดในโลก เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับทุกคนในทุกๆ ด้าน ผมเห็นคนไทยเดินทางมากราบพระองค์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว รู้สึกชื่นชมในความรัก เพราะเกิดจากความรักที่บริสุทธิ์ไม่ได้มาจากคำสั่ง เป็นสิ่งที่ผมประทับใจมากๆ” นายคิม กล่าวด้วยความประทับใจ