xs
xsm
sm
md
lg

จากลูกเป็ดขี้เหร่ สู่พริตตี้เงินล้าน “ปลาทู-รุ่งนภา”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ไลค์และแชร์กันให้ว่อน เมื่อเจ้าตัวเอารูปในอดีตมาเปิดเผยและบอกเล่าเส้นทางของตัวเองก่อนจะมาเป็นพริตตี้สู่สาธารณชน

เด็กต่างจังหวัดตัวดำ หน้าตาขี้เหร่ ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความขยันขันแข็งที่เรียกได้ว่าทำงานมาตั้งแต่จำความได้ ผ่านมาหมดทั้งขายของ ล้างจาน ส่งของ จะบอกว่าเป็นคนไม่เคยเกี่ยงงานเลยก็ว่าได้ แต่อาชีพที่เธอใฝ่ฝันจริงๆ นั่นคือการก้าวเข้าสู่วงการพริตตี้ แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะอุปสรรคติดอยู่ที่หน้าตาแต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็สมปรารถนา

ปลาทู-รุ่งนภา น้อยเมือง อดีตเด็กดำหน้าตาขี้ริ้วสู่พริตตี้และนางแบบแถวหน้าในวันนี้

  • เห็นแชร์เรื่องราวของตัวเองก่อนจะมาเป็นพริตตี้และนางแบบยอดนิยมว่าก่อนหน้านี้ตัวดำและขี้เหร่จนสังคมไม่ยอมรับ

เดิมทีปลาทูเป็นคนที่ไม่สวยเลย ตัวดำ ขี้เหร่ โดนล้อเยอะมาก ก็จะถูกล้อประมาณว่า ขี้เหร่จัง คนที่ล้อเขาไม่คิดอะไรหรอกแต่เราโดนล้อก็คิดไง ทูโดนมาตั้งแต่เด็กว่าไม่สวยบ้างล่ะ โดนดูถูกบ้างล่ะ เคยอยากจะเป็นคนถือป้าย เป็นเชียร์ลีดเดอร์ ทำกิจกรรมอะไรของโรงเรียนก็ไม่มีใครเลือกเพราะเราไม่สวย มันเลยเก็บและสะสมความรู้สึกนั้นมาตลอด

ปกติทูเป็นคนที่ทำงานทุกอย่าง เพราะด้วยความที่เราเป็นเด็กต่างจังหวัด ชอบทำงานมาตั้งแต่เด็ก ทำที่ร้านก๋วยเตี๋ยวบ้าง ล้างจาน มัดถุงแกง ขายขนม แล้วก็เป็นเด็กส่งของ ตามรถกับข้าวในตลาด จะช่วยที่บ้านทำงานแทบทุกอย่าง เพราะแม่ปลาทูมีอาชีพค้าขาย ขายปลาที่ตลาด เราจะไม่เกี่ยงงานเลยค่ะ คือสมัยนั้นที่บ้านลำบาก ช่วยแบ่งเบาภาระที่บ้านค่ะ เพราะว่าแม่ลำบากมาก ขยันมาก เหมือนเราเกิดมาก็ต้องทำงานเลย ก็เลยไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองอะไรมาก

  • แล้วมาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้สวยตอนไหนเหรอคะ?


ส่วนตัวเราเป็นคนที่ชอบเกี่ยวกับความสวยความงามอยู่แล้ว ผู้หญิงทุกคนอยากสวยอยู่แล้ว แต่ทูคิดว่าการที่ทูจะสวยครั้งนี้ ทูต้องเอาความสวยมาใช้หาเงินได้ หมายถึงว่าทูไม่ได้จะเอาแค่สวยแล้วจบ ทูคิดว่าถ้าเราสวย เราต้องหาเงินได้ เรามีเงิน เราจะได้เอาเงินมาส่งตัวเองเรียน ส่งให้ครอบครัว


เราก็มีความฝันอยากจะเป็นพริตตี้เพราะเป็นอาชีพหนึ่งที่มีรายได้เยอะ เราก็เลยจะพยายามมาทำอาชีพนี้ให้ได้ คือตั้งแต่เด็กๆ ทูจะชอบเกี่ยวกับดารา เดินแบบอะไรอย่างนี้อยู่แล้วด้วยค่ะ พอเริ่มโตขึ้น ทูก็ได้รู้ว่ามันมีอาชีพพริตตี้นี้อยู่ด้วย ก็เป็นอาชีพที่เราอยากทำ เพราะเราได้ไปรู้จักรุ่นพี่คนหนึ่ง เขาบอกว่าอาชีพนี้ได้เงินเยอะก็เลยตั้งใจอยากจะเป็นจริงๆ เลยคิดที่จะทำศัลยกรรมค่ะ

• ตัดสินใจทำศัลยกรรมเพราะมีความฝันอยากจะเป็นพริตตี้

ทูเริ่มจากการเป็นพีซีห้างฯ ธรรมดาที่ได้เงินวันละ 400 บาท เพราะว่าการเป็นพีซีห้างฯ มันสามารถดึงเราเข้าไปสู่วงการพริตตี้ได้ ทูก็เลยต้องผลักดันตัวเองเพื่อที่จะให้ไปถึงจุดจุดนั้นให้ได้ แต่เราก็ต้องมีหน้าตาที่สวยขึ้นด้วยถึงจะไปแคสต์เป็นพริตตี้ได้

ตั้งแต่ที่ทูเริ่มทำพีซีสมัยเรียนมหา'ลัย ทูก็เริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย จนมหาวิทยาลัยปี 2 ตอนนั้นทูมีแฟนคนแรกด้วยจากที่ไม่เคยมีมาตลอด แฟนก็บอกว่า จมูกใหญ่เป็นชมพู่เลย นมก็ไม่มี คือไม่ได้เกี่ยวกับแฟนอย่างเดียวนะคะที่ตัดสินใจทำเพราะเราอยากไปแคสต์งานด้วย เราก็เลยตัดสินใจทำจมูก หลังจากทำจมูกได้ไม่นาน ก็ได้ไปแคสต์งานนั้น แล้วทูรู้สึกว่าถ้าเราไปแคสต์งานนี้ได้ ก็จะรู้จักคนเยอะขึ้น กว้างขึ้น สรุปว่าก็ได้เป็นงานแรกค่ะ

  • เริ่มจากทำศัลยกรรมจมูก แล้วหลังจากนั้นได้ทำศัลยกรรมอะไรอีกบ้างไหมคะ

หลังจากที่แคสต์ผ่านงานแรกตอนนั้นทูยังไม่ได้เป็นพริตตี้นะคะ พอเรียนจบ ทูก็เลยตัดสินใจทำหน้าอก แล้วทูก็ไปแคสต์พริตตี้แบบเต็มตัวอีกครั้ง ทูเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไปขายของ ไปสอนพิเศษ ไปทำอะไรต่อมิอะไรเพื่อเก็บเงิน ก็เก็บเงินมาตลอดแล้วก็ใช้เงินก้อนนี้แหละไปทำศัลยกรรมหน้าอก

ส่วนตัวปลาทูไม่ได้ทำศัลยกรรมอะไรเยอะนะคะ ทูทำ แค่จมูกกับหน้าอกสองอย่าง ส่วนผิวทูก็จะมีเคล็ดลับการดูแลตัวเองง่ายๆ เลยก็คือกินน้ำเยอะๆ ก่อนออกจากบ้าน ทาครีมกันแดดเช้าเย็น เป็นคนที่ติดครีมกันแดดมาก แล้วก็เวลากินน้ำผลไม้ ให้เลือกดูดีๆ ทูจะกินยี่ห้อดอยคำ ดอยคำจะช่วยบำรุงผิวให้สวยขึ้น แล้วทูก็ขัดผิว บำรุงผิวด้วยมะขาม ด้วยวิธีธรรมชาติเลยค่ะ ประมาณ 3 วันต่อ 1 สัปดาห์ แล้วก็พยายามไม่ให้อ้วน ออกกำลังกาย พวกนี้จะเป็นองค์ประกอบตามมาหลังจากทำศัลยกรรมค่ะ

ทูเป็นคนที่จะหาจุดด้อยของตัวเองว่าเรามีอะไรไม่ดีบ้าง ทูไม่ได้อารมณ์เสพติดศัลยกรรมนะ แต่มีความพอใจแล้วว่ามันโอเคแล้ว คือถ้าเราไม่พอใจก็ต้องทำต่อไปเรื่อยๆ แต่ทูรู้สึกว่าทูพอใจแล้ว ทูไม่ได้เปลี่ยนตัวเองแล้วจะอยากเปลี่ยนทุกอย่าง ส่วนตอนนี้ทูก็ไม่ได้อยากทำอะไรเพิ่มเติมแล้วนะคะ เพราะเราอยู่ในจุดที่คนรู้จักด้วยหน้าตาแบบนี้แล้ว แต่ทูก็ไม่รู้นะว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่ว่าตอนนี้พูดได้ว่าทูพอใจในตัวเองแล้วค่ะ

  • ยอมรับว่าความสวยทำให้สังคมยอมรับ เพราะเอาจริงๆ คนในสังคมบางคนแทบจะเลือกปฏิบัติด้วยซ้ำ คือปฏิบัติต่อคนสวยคนหล่ออย่างหนึ่ง แต่กับคนไม่สวยไม่หล่อก็ปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง

สังคมไทย ก็อย่างที่เห็นค่ะ แต่เราก็ต้องทำตัวเองให้เหมือนกับเข้าเมืองตาหลิ่วให้หลิ่วตาตาม เพื่อที่จะยืนในสังคมได้ ถ้าเราไม่สวย แล้วเราไม่ได้รับโอกาส มันก็สงสารคนที่เขาไม่สวยจริงๆ นะ แต่ทูเป็นคนที่คิดเสมอว่า ฉันต้องสวยสิ มีความมุ่งมานะ ถ้าสวยแล้วมันก็จะมีโอกาสอะไรหลายๆ อย่างเข้ามาในชีวิตได้ ทูก็แบบเปลี่ยนแปลงตัวเองทำทุกอย่าง

ตอนสวยกับไม่สวยนี่ต่างกันเลยนะ เชื่อปะ ไม่มีใครมาจีบหนูเลยจนถึงมหาลัยถึงได้มีแฟนคนแรก จนเริ่มได้มาเปลี่ยนแปลงตัวเอง หลายๆ คนที่ไม่เคยคุยด้วย ก็เข้ามาคุย คืองงมาก เขามาได้ยังไง มาคุย มาทำความรู้จัก ถามว่าจำเขาได้ไหม เขาคือคนนี้นะคนนั้นนะ คือเมื่อก่อนแทบไม่อยากจะคุย ไม่อยากจะมองหน้าเราเลยด้วยซ้ำ ซึ่งเราจะเจอคนพวกนี้เยอะมาก ก็ตลกดีเหมือนกันค่ะ

  • จะบอกว่าคนหน้าตาดีได้เปรียบกว่า?

จริงๆ ทูไม่อยากให้เปรียบเทียบกับความสวย เดี๋ยวคนเขาจะด่าทู แต่จริงๆ แล้วมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะคะ มันเหมือนเป็นใบเบิกทาง คนเราเจอกันก็ต้องมองหน้าก่อนอย่างแรก ถ้าเราชอบใครคนหนึ่งก็ต้องมองหน้ากันก่อน ก่อนดูนิสัย แต่ถึงทูจะอยากสวยแค่ไหนทูก็ไม่เคยทิ้งการเรียนเลยนะคะ ทูตั้งใจเรียน เรียนจบพร้อมเพื่อน ทูรู้สึกว่า ไม่ได้เชียร์ให้คนทำสวยนะ แต่รู้สึกว่าความสวยมันเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่ว่าสิ่งที่เราทิ้งไม่ได้ก็คือการเรียน 

ความสวยเป็นส่วนหนึ่งเหมือนกับว่าใบเบิกทาง ในการมีโอกาสต่างๆ มันสามารถที่จะไปต่อยอดอะไรหลายๆ อย่าง แต่มันต้องมีปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบกัน คือความรู้ การเข้าหาผู้ใหญ่ การพูดจา ทูว่าหน้าตาก็เป็นอย่างแรก แต่ไม่ใช่สวยอย่างเดียวแล้วจะมีประโยชน์เสมอไป ทูไม่ได้จะบอกว่าศัลยกรรมแล้วมันจะดี มันจะมีงาน แต่มันคือใบเบิกทางได้จริงๆ

  • ความสวยคือใบเบิกทาง แบบนี้พอสวยแล้วชีวิตเปลี่ยนไปบ้างไหม เปลี่ยนไปยังไงบ้าง

จริงๆ ทูเข้าวงการพริตตี้มาได้ไม่ถึง 2 ปี ก็มีเงินเก็บ 6 หลัก ต่อเดือน มันเป็นโอกาสของทูด้วย ไม่ใช่ทูสวยอย่างเดียวนะ แต่เวลาทูทำงาน ทูไม่เคยเบี้ยวงาน ไม่เคยแคนเซิลงาน ตั้งใจทำงาน แล้วทูมีความอดทน แล้วทำให้ผู้ใหญ่ที่เขาทำงานกับเรา เขาก็ดิลงานกับเราต่อมาได้เรื่อยๆ มันเป็นเหมือนทูเข้าหาผู้ใหญ่ ทูมีความนอบน้อม ทำให้ทูได้งาน มันเร็วกว่าปกติแค่ปีกว่าๆ ทูก็ไปถึงงานใหญ่ๆ ได้

ทูได้มาเป็นพริตตี้สมใจแล้วรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งดีๆ ที่เข้ามาในชีวิต ตอนนี้ทูก็ได้เป็น RUSH Sassy Club 2017 ด้วย มันก็มีงานเพิ่มขึ้น ถ้าอะไรที่ทำได้ ทูก็รับหมดนะ ทูไม่ค่อยเกี่ยงงานเท่าไหร่ เพราะรู้สึกเงินที่เราทำงานมา คนที่เขาลำบากกว่าเขาจะหาได้มันก็นานนะ ก็อยากจะขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาส ที่เห็นความสามารถของเรา เห็นความขยันในตัวเราที่เราสามารถทำงานให้เขาได้ ถ้าเขาไม่ให้โอกาสเราวันนั้น เราก็ไม่สามารถต่อยอดทำงานเรื่อยๆ มาจนถึงวันนี้ค่ะ

ส่วนตัวทูก็ยังเป็นทูคนเดิม ไม่ได้มีอีโก้ ทูไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับชื่อเสียง เงินทอง ไม่รู้สึกตื่นเต้นเลย เวลาอยู่บ้านทูก็เป็นคนปกติมากเลยนะ ไม่ได้รู้สึกว่าฉันสวย มันมาเดี๋ยวมันก็ไป ช่วงนี้ทำงานได้ก็ทำงานไป จะไม่เกี่ยงงาน แล้วทูจะค่อนข้างเป็นคนเฟลนด์ลี่ คุยกับใครก็คุยง่าย ทูจะมีแฟนคลับในเฟสบุ๊ค จะคุยตอบทุกคอมเม้นท์ คุยกับทุกคน เพราะเรารู้สึกว่าทุกคนเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นคนที่ช่วยให้เรามีงาน (ยิ้ม)

  • เหมือนทั้งหมดที่พูดมาจะเน้นว่าความสวยเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ก็ต้องมีส่วนอื่นๆ มาประกอบด้วย

ใช่ค่ะ หนึ่งความสวยมันต้องใช้อยู่แล้ว สองด้วยนิสัยของเรา เรารู้สึกว่าเราเป็นคนที่มีความกตัญญูและเข้ากับคนได้ง่าย ทูไม่ใช่แบบอารมณ์แบบฉันสวยฉันเหวี่ยงวีนอะไรอย่างนี้นะ เพราะทูไม่ได้รู้สึกว่า ทูเป็นคนสวย แล้วทุกคนจะต้องยอม มัน ไม่ใช่ ถ้าสวยแล้วไม่มีความรู้ ไม่ได้เป็นคนดีก็เรียกว่าไม่สวย

เราสวยแล้วก็ต้องพัฒนาตัวเอง ไม่ใช่อยู่กับแค่คำว่า "ฉันสวย" แค่นั้นจบ เพราะว่าโอกาสหลายๆ อย่างมันก็ควบคู่กันไป เพราะความสวยซื้อข้าวกินไม่ได้

ทุกคนมีความฝัน แต่ความฝันของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าทุกคนมีความมุ่งมานะ มีความขยัน มีความอดทน แล้วไปถึงฝัน มันก็จะสำเร็จ เชื่อเถอะ อย่างงานเราต้องอาศัยความสวยความงาม เราก็ต้องทำศัลยกรรมเพื่อจะให้หน้าตาตัวเองดูดี แล้วเพื่อจะไปสู่ความฝัน ไปหาเงิน มาช่วยเหลือครอบครัว เราก็เลยต้องทำแบบนี้ แต่คนที่เขาจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ไม่จำเป็นต้องทำศัลยกรรมนะคะ แต่อยู่ที่ความขยัน มานะ บากบั่น ความอดทน ต่ออุปสรรคทั้งหลายมากกว่า แต่เรามีความฝันทางสายนี้ เราก็เลยต้องมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ทูประสบความสำเร็จทุกวันนี้ก็มาจากหลายๆ อย่าง ถึงแม้ว่าหน้าตาจะมีส่วนสำคัญ แต่องค์ประกอบอื่นๆ ก็สำคัญเช่นกัน ทั้งจากครอบครัวด้วยเพราะพ่อกับแม่จะสอนมาตั้งแต่เด็กให้เราเป็นคนขยัน มุมานะ ตั้งใจทำงาน เพราะเนื่องจากแต่ก่อนที่บ้านเราลำบากมากๆ เอาจริงๆ นะสมมติว่าเราสวยอย่างเดียว แล้วทำงานขี้เกียจ ก็อย่างว่า ก็ไม่มีใครจ้างงานเราต่อหรอก คือทูว่าทุกอย่างมันต้องอาศัยกันไป แล้วทูเป็นคนที่รู้สึกว่า เหมือนมีความมุ่งมั่นที่จะไปสู่ความสำเร็จ ไม่เคยท้อ ถึงจะมีปัญหาอุปสรรคมากมายแค่ไหน ทูรู้สึกว่า ถ้าเราทำได้ มันก็จะทำได้จริงๆ

เราจะเอาหลายๆ อย่างมารวมกัน ถ้าเราสวยแล้ว เราก็เอาความสวยไปหาเงิน แต่เราไม่ได้ทำสวยเพื่อลบไอ้คำเหยียดหยามอย่างเดียว มันมีหลายปัจจัยที่ทำให้เรารู้สึกว่าวันหนึ่งเราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองแต่ก็
ไม่ใช่ทุกอาชีพที่จะต้องทำศัลยกรรมเพราะว่าเราเคยเห็นคนที่ไม่สวย ไม่หล่อ เขาก็ประสบความสำเร็จได้ แต่คือแล้วแต่สายงาน สายอาชีพ ก็ว่ากันไป 

  • ถามตามตรงว่าคุ้มค่าไหมคะกับที่ลงทุนทำศัลยกรรมมา

ถ้าตอนนี้ก็บอกเลยว่ามันคุ้มค่านะคะ สำหรับอายุแค่นี้ แล้วทูสามารถทำงานได้ขนาดนี้ เพราะทูเคยคิดแค่ว่า เรียนจบ เราไม่คิดเลยว่าเราจะสวย อาจจบมาแล้วเป็นพนักงานเงินเดือนปกติก็ได้ แต่พอมันมาถึงจุดที่เราฝันแล้ว มันก็คุ้มค่านะ

เราไม่รู้หรอกว่าอนาคตเราจะเป็นยังไง แต่วันนี้ถ้าเรามีความมุ่งมานะ พยายาม อดทนไปให้ถึงความฝัน เราตั้งไว้เลยว่าเราอยากทำอะไร เราอยากเป็นอะไร แล้วเรามีความพยายามที่จะทำ อย่าท้อแท้ แค่คิดว่าเหนื่อย มันก็จะเหนื่อย ถ้าคิดว่าเราทำได้ มันก็จะทำได้ เหมือนกับการปีนภูเขา เราไม่รู้หรอกว่าข้างบนปลายเขามันจะสูงขนาดไหน เหนื่อยขนาดไหนกว่าจะไปถึงยอดเขา ถ้าเรามีความพยายามเดินขึ้นไปเรื่อยๆ วันหนึ่งเราไปถึงยอดเขามองลงมามันจะคุ้มค่ามาก ที่เราอุตส่าห์ทำมาตั้งแต่แรกจนถึงวันที่เราประสบความสำเร็จ

  • ถ้ามีคนอยากทำศัลยกรรม อยากแนะนำอะไรบ้างไหมคะ

ก็มีหลายคนเขาก็มาถามนะคะว่า เราทำนมที่ไหน ทำจมูกที่ไหน ทำกี่ซีซี ทำราคาเท่าไหร่ ทำหมอไหน ทูอยากแนะนำคนที่อยากจะทำศัลยกรรมนะคะว่า อยากให้เลือกหมอดีๆ ได้มาตรฐาน เช็คประวัติหมอดีๆ ถ้าตั้งใจจะทำแล้ว ก็ทำเถอะ ถ้าไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน หรือให้ตัวเองเดือดร้อน ไม่ใช่ว่าไปขโมยเงินพ่อแม่มาอะไรแบบนี้ ได้เงินมาแบบสุจริต แล้วจะทำ ทำเถอะ ก่อนทำก็ศึกษาหาข้อมูลดีๆ เพราะเดี๋ยวนี้หมอเถื่อนเยอะ

ส่วนตัวทูหาข้อมูลเป็นปีนะกว่าจะทำแต่ละอย่าง อยากให้ศึกษาดีๆ แล้วดูข้อมูลดีๆ ว่าหมอจบมาจริงไหม เราไปเช็คได้ค่ะ หลายๆ อย่าง ควรศึกษาข้อมูลเยอะๆ ดูรีวิว ดูอะไรอย่างนี้ เพราะว่าไม่อยากให้ทำแล้วต้องแก้ เพราะว่าแก้มันใช้เงินนะ เจ็บตัวด้วย

 • แล้วในฐานะที่มีอาชีพพริตตี้ คิดว่าสมัยนี้คนมองอาชีพนี้ยังไงบ้างคะ เพราะยังมีอีกหลายคนมองอาชีพนี้ในแง่ลบอยู่เหมือนกันนะ

บางคนมองว่าอาชีพพริตตี้ทั้งดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ทูว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับอาชีพเลย อาชีพทุกอาชีพมีทั้งคนดีและคนไม่ดี อยากให้ทุกคนแยกแยะว่ามันอยู่ที่คน ไม่ได้อยู่ที่อาชีพ คนดีเขาก็มีเยอะแยะ เพราะว่าทุกอาชีพเขาก็ทำงานสุจริต ไม่ใช่ว่าเป็นพริตตี้แล้วเป็นคนไม่ดีทุกคน อาชีพอื่นๆ ที่มีหน้าตาทางสังคม ก็มีคนทั้งดีและไม่ดี อยากให้ดูที่คน ไม่อยากให้ดูที่อาชีพ แต่จะว่าไปแล้วต่างคนก็ต่างความคิด 
ทูไม่อยากให้คิดในแง่ลบนะ เพราะว่ามันมีคนดีเยอะ แล้วคนที่มาทำพริตตี้ ทูจะบอกว่าคนเรียนหนังสือสูงๆ เขาก็มาทำกันตั้งเยอะแยะ 

มันเป็นอาชีพของเขาหรือเปล่า อย่างเรื่องที่เขานุ่งน้อยห่มน้อยก็จริง แต่ไม่ได้ไปนุ่งน้อยห่มน้อยในวัดนิ ไปวัดไม่มีใครนุ่งน้อยห่มน้อย คือเขาทำงานได้เงิน มันคืองาน คนก็ต้องเข้าใจหรือเปล่า แล้วการที่นุ่งน้อยห่มน้อยทำงาน เขาสมัครใจ โอเค นุ่งน้อยห่มน้อย ฉันได้เงิน มันก็จบ แต่เขาไม่ได้ไปนุ่งน้อยห่มน้อยในที่ที่ไม่สมควร เขาก็รู้กาลเทศะ

แต่ใส่ชุดแบบนี้ก็ยอมรับนะคะว่าเจอโรคจิตบ้าง เวลาไปยืนตามงานก็จะมีคนมายืนมอง ทำหน้าหื่นๆ อะไรอย่างนี้ค่ะ ทูก็ชินนะ ทำเหมือนไม่เห็นละกัน ถ้าทูว่า คือทูว่าแรง ทูไม่อยากมีปัญหากับใคร แล้วมันเสี่ยงกับชื่อบูทที่เราไปยืนด้วย ทูก็ทำเหมือนไม่เห็น เดี๋ยวเขาก็ไป คือจริงๆ ก็มองไปเหอะ ถ้าเขาไม่ได้มาโดนเนื้อต้องตัวเรา เพราะเราเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว เรายืนในงาน ก็ต้องทำใจ อย่าไปสนใจ พวกนี้ถ้าสนใจเขาจะยิ่งรู้สึกได้ใจ เจอจนชินแล้ว เราก็เลยปล่อยวาง เขาก็ได้แค่นั้นได้แค่มอง

เป้าหมายตอนนี้ทูก็ยังอยากทำอาชีพพริตตี้อยู่ ทูก็ยังจะทำงานไปเรื่อยๆ มันเป็นช่วงที่เราทำงานได้เยอะ เราก็พยายามเก็บเงินให้เยอะ เพื่อที่จะไปสร้างธุรกิจเป็นของตัวเองในอนาคตต่อไปค่ะ




เรื่อง : วรัญญา งามขำ และ แพรวา คงฟัก
ภาพ : News 1

กำลังโหลดความคิดเห็น