xs
xsm
sm
md
lg

พึงสำเหนียก! ย้อนฟังพระราชดำรัส “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” เรื่องเรือดำน้ำแบบเต็มๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


พึงสำเหนียกไว้ ปากบอกรักในหลวง แต่ห่วงซื้อเรือดำน้ำ ย้อนฟังพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 4 ธ.ค. 2550 ย้ำชัด “เรือดำน้ำ ดำไปก็ปักเลน” แนะสร้างเรือดูแลชายฝั่งดีกว่า

จากกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ระบุว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติซื้อเรือดำน้ำจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า รายละเอียดการจัดซื้อเป็นอย่างไร ไม่จำเป็นต้องรู้ ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์แก่สังคมถึงความเหมาะสมในการใช้งบประมาณจำนวนมาก

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เคยมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับเรือดำน้ำ ที่ทรงพระราชทานแก่คณะรัฐมนตรี และผู้บัญชาการเหล่าทัพ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2550 ว่า

“นักเศรษฐกิจก็ว่าพระเจ้าอยู่หัวนี่คิดอะไรแปลกๆ ก็แปลกสิ ขายไม่ให้ได้กำไร ซื้ออะไรไม่ให้ขาดทุน เป็นเศรษฐกิจพอเพียง คือไม่ต้องหน้าเลือด แล้วไม่ใช่จะมีกำไรมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ให้พอเพียง ไม่ใช่เรื่องของการค้า เป็นเรื่องของการพอเหมาะพอดี แล้วถ้าพอเหมาะพอดี ก็ดี พูดไปพูดมา เรื่อง เดี๋ยวก็จะโกรธเอา

เราสร้างเรือ เราสร้างเรือให้พอเพียง เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง นั่นน่ะ มันไม่พอเพียง มันเล็กเกินไป ยังเล็กเกินไป ก็ควรจะใหญ่กว่าหน่อย แต่ถ้าใหญ่เกินไปไม่พอเพียง ถ้าลึกเกินไปก็ไม่พอเพียง เรือที่เขาจะทำ เรือดำน้ำน่ะ ดำลงไป ไปปัก ปักเลนเลย นี่เดี๋ยวเขาโกรธเอา เรือแล่นๆ ไป ลงไป ดำน้ำ ไม่พอ ใครมาเครื่องบินเห็นแจ๋วเลย ต้องไปจมเลนถึงจะไม่เห็น แล่นๆ ไป ปักเลน ถ้าอยากไปที่ที่ลึกก็ไปอยู่นอกเส้น ก็รู้สึกว้าเหว่ เรือดูแลใกล้ฝั่งนี่ดีกว่า แต่ลำที่เราทำเราสร้าง ก็ใช้ได้ดีแล้ว แต่ที่ควรจะสร้างต่อไปให้ใหญ่กว่านี้หน่อย แต่ตอนนี้คงไม่มีเงินแล้ว ต้องใหญ่กว่าหน่อย เพราะถ้าไม่ใหญ่พอจะไม่สามารถที่จะปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง

นี่พูดกลายเป็นราชการลับ ที่พูดๆ ราชการลับว่า เรือที่ควรจะซื้อคือเรือของรัสเซีย เรือที่เขาสร้างใหม่ ใหญ่กว่าที่เราสร้างมาไม่มาก นั่นจะมีประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าซื้อของรัสเซีย ราคาไม่ถึงครึ่งของเยอรมัน ของอเมริกัน อเมริกันก็โกรธแน่ เราไปซื้อของรัสเซีย ลองไปดู ลองไปดูเรือของรัสเซีย แต่เขาอาจจะไม่ขายก็ได้ เขาอาจจะขายราคาแพง แต่ความจริงเขาควรจะขายเรา ไปขอเขาดู ของรัสเซียดีจริงๆ

นี่พูดความลับราชการ แต่เมืองไทยนี่ ความลับราชการก็เผยเรื่อย เผยความลับราชการ ถ้าเผยความลับราชการก็อาจจะดีก็ได้ เพราะความลับราชการก็ไม่ได้เรื่องอยู่ดี ยังไงก็จะทำอะไรก็มาเผยกันหมดก็ได้ ทุกกองทัพน่ะ กองทัพเรือเขาก็มีเรือดำน้ำ กองทัพอากาศก็มีเรืออะไรล่ะ สมัยใหม่นี่ แต่เดี๋ยวนี้เขาก็เกิดจะมาซื้อลำนิดเดียวแต่ราคาแพงเหมือนลำใหญ่ แต่ตอนนั้นจะซื้อลำใหญ่ราคานิดเดียวเหมือนลำเล็ก แต่ก่อนนี้ที่จะซื้อเครื่องบินลำใหญ่ในราคาของลำเล็ก ก็ชอบกลอยู่นะ ก็รัสเซียเหมือนกันนะ ทำไปทำมาจะซื้อเรือบินรัสเซีย เราก็ไม่เห็นด้วย แต่ถ้าจะซื้อเรือน้ำรัสเซียก็น่าใช้

กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ก็จะชนกันนะ ซื้อเครื่องบินอย่าซื้อเครื่องบินรัสเซีย ซื้อเรือรัสเซียไม่งั้นจะชนกัน เรือน้ำของรัสเซียเข้าใจว่าดี เรือบินของรัสเซียเข้าใจว่าใช้ไม่ได้ ลองไปดู

นี่นานๆ ทีได้พบกันก็ต้องปรารภกันว่า อะไรควรจะทำ ไม่ควรจะทำ เรือบินก็ดูตกลงกันแล้วแต่ถึงเวลาได้เรือบินมา อาจจะล้าสมัยแล้ว สองปีกว่าจะได้ สองปีคงล้าสมัยแล้ว เรือบินไม่ใช่รัสเซีย เรือบินของสวีเดน ก็ดูดีเพราะว่าลำมันไม่ใหญ่ กองทัพบกก็จะไปซื้อรถ รถล้าสมัย ล้าสมัยเหมือนกัน ก็ไม่รู้ว่าคนไทยนี่ชอบซื้ออะไรล้าสมัย แต่เอามาเล่นก็ดีเหมือนกัน รถถังก็ล้าสมัย แต่เมืองไทยนี่ใช้รถถังทันสมัยมันใช้ไม่ได้ มันจมเลน และก็ถ้าจมเลนปั๊บมันก็หมดสมัย มันลำบากที่จะซื้อ เดี๋ยวนี้จะซื้อรัฐบาลก็หมดสมัยแล้ว ไม่กี่เดือนก็หมดสมัย เอาไว้ให้รัฐบาลใหม่เขาซื้อรถถังรถอะไรน่ะ

แต่มาแนะนำการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ กลางที่ประชุมนี้ ที่ประชุมนี้ก็ใหญ่กว่าสภา มีคนมากกว่า มีคนตั้งสองหมื่นคน สุดท้ายเขาฟังข้างนอกก็ไม่รู้ว่าพูดเรื่องอะไร แต่อย่างไรก็ตาม ที่พูดอย่างนี้ ให้เห็นว่าเราต้องคิดดีๆ ว่า จะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ จะซื้ออย่างไร”



ก่อนหน้านี้ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตประธานคณะที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่สุดที่กองทัพใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์คือเรื่อง “ภัยคุกคาม” และความคุ้มค่าในการใช้งาน ไม่ใช่พิจารณาจากอาวุธที่เพื่อนบ้านมี

“เป็นตรรกะที่มั่วมาก เพื่อนบ้านมีเรือดำน้ำแล้วเราต้องมี ในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์นั้น หลักการทางทหารจะพิจารณาเรื่องภัยคุกคามเป็นอันดับแรก คือ ดูว่ามีปัจจัยอะไรที่ทำให้เพื่อนบ้านมารุกรานเรา ณ ตอนนี้ตอบได้เลยว่าไม่มี และต่อให้ประเทศเพื่อนบ้านมีเรือดำน้ำสัก 100 ลำ ก็ทำอะไรเราไม่ได้ เพราะหลักการของเรือดำน้ำคือการปฏิบัติการใต้ผิวน้ำ แต่อ่าวไทยมันตื้น จะส่งเรือดำน้ำเข้ามาสอดแนมหรือโจมตีไทยมันทำไม่ได้ แสนยานุภาพในการรบไม่ได้หมายความว่าเพื่อนบ้านมีอาวุธอะไรแล้วเราต้องมีเหมือนเขา จะเห็นได้ว่าไทยมีเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งช่วยขยายพื้นที่ลาดตระเวนและยืดระยะในการปฏิบัติการทางทะเลให้ แต่มาเลเซียกับสิงคโปร์ก็ไม่เห็นจะซื้อเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ตามไทยเลย คือ อำนาจต่อรองระหว่างประเทศมันไม่ใช่แค่เรามีอาวุธอะไร” อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม ระบุ

พลเรือเอก บรรณวิทย์ ยังยกตัวอย่างเพื่อนบ้านประเทศหนึ่งที่ไม่มีศักยภาพในการรบอะไรเลย แต่สามารถรุกรานไทยได้บ่อยครั้งโดยที่กองทัพไทยไม่เคยตอบโต้ทั้งที่เรามีศักยภาพเหนือเขาทุกอย่าง

“ทำไมประเทศนั้นถึงกล้า ก็เพราะเขารู้ว่านักการเมืองไทยเข้าไปตั้งบ่อนกาสิโนในบ้านเขาเยอะ เขาจะยึดบ่อนเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วคนที่คุมกองทัพก็คือนักการเมือง” พลเรือเอก บรรณวิทย์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น