ประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมาร่วมกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นจำนวนมาก ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (26 เม.ย.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 175 วัน ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
นางทีรดา สถาพรพัธน์ อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน ได้พาลูกสาว ด.ญ.นันทภัค อินทรนัส นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนอำนวยศิษย์ มากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรก โดย นางทีรดา กล่าวด้วยน้ำเสียงตื้นตัน ว่า รู้สึกภูมิใจ และมีความสุขที่ได้มาใกล้ชิดในหลวง รัชกาลที่ ๙ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีโอกาสได้เฝ้าฯ รับเสด็จฯพระองค์ท่านเลย ครั้งนี้จึงถือว่าได้ใกล้ชิดพระองค์มากที่สุด ประทับใจในทุกพระราชกรณียกิจของพระองค์ ภาพที่พระองค์เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมประชาชนในถิ่นทุรกันดารต่างๆ บางพื้นที่แสนลำบาก แต่พระองค์ก็มิได้ทรงย่อท้อแต่อย่างใด และด้วยความวิริยะอุตสาหะของพระองค์นี้เอง ได้กลายมาเป็นต้นแบบในการสอนลูก ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เป็นถึงพระราชาเป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์ควรจะมีชีวิตที่สุขสบายอยู่ในพระราชวังของตัวเอง หากแต่พระองค์กลับทรงตรากตรำพระวรกาย ทรงทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนของพระองค์อยู่ดีกินดี ดังนั้นจะสอนลูกให้มีความเพียรพยายามในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ทั้งเรียนหนังสือ อดทนตั้งใจเรียนหนังสือให้จบ และเป็นคนดีของสังคม ส่วนตนนั้นก็ได้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต ใช้จ่ายเท่าที่มี ไม่ฟุ้งเฟ้อ
ส่วนลูกสาว เด็กหญิงนันทภัค กล่าวว่า จดจำและรู้จักในหลวง รัชกาลที่ ๙ ด้านกีฬา และด้านดนตรี ที่พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์บทเพลงต่างๆ ได้อย่างไพเราะ รวมถึงภาพที่ทรงแซกโซโฟน ซึ่งทุกวันนี้จึงมีความฝันที่อยากจะเป็นนักดนตรีตามรอยพระองค์ท่านต่อไป
น.ส.โชติกา แซ่เล้า พสกนิกรจากเขตคลองเตย กทม. กล่าวว่า วันนี้เดินทางพร้อมด้วยลูกชายและพี่สาวมาถึงท้องสนามหลวงตั้งแต่เวลา 07.00 น. ใช้เวลาเพียง 1 ชม. ก็ได้เข้ากราบสักการะพระบรมแล้ว ถือว่ารวดเร็วและสะดวกขึ้นมากเมื่อเทียบกับครั้งแรกที่เดินทางมากราบพระบรมศพในช่วงเดือน พ.ย. 2560 ตอนนั้นเดินทางมาตั้งแต่ 03.00 น. ต้องรอกว่า 11 ชม. กว่าจะได้เข้ากราบพระบรมศพ แต่ความรู้สึกในวันนี้ยังคงเต็มไปด้วยความอาลัยและตื้นตันใจไม่ต่างจากวันนั้น ภาพที่อยู่ในความทรงจำตลอดคือภาพของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงสะพายกล้อง พระดำเนินไปตามท้องถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร ส่วนตัวเห็นท่านทรงเป็นแบบอย่างของความพอเพียง ใช้ชีวิตอย่างไม่ฟุ้งเฟ้อมีบ้านอีกหลังอยู่ชลบุรีก็พยายามปลูกพืชผักสวนครัวไว้กิน ลูกชายเองเมื่อได้เรียนได้ยินได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ทั้งจากสื่อและที่โรงเรียน ก็บอกด้วยตัวเองว่าอยากมากราบพระบรมศพด้วย
นางจุรีรัตน์ จันทร์หอม อายุ 67 ปี พร้อมด้วยนางมุ้ย คนึงรัมย์ อายุ 62 ปี น้องสาวและหลานสาว เดินทางมาจาก อ.รัตนบุรี จ.บุรีรัมย์ โดยนางจุรีรัตน์เปิดเผยความรู้สึกภายหลังเข้ากราบสักการะพระบรมศพว่า ตนพร้อมกับน้องสาวเดินทางมาจากต่างจังหวัดหลายวันแล้ว โดยมีความตั้งใจอยากเคารพพระบรมศพ อยากมาเห็นว่าพระบรมโกศสวยงามขนาดไหน กระทั่งหลานสาวมีเวลาว่างและเดินทางมายังท้องสนามตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรก ตนรู้สึกดีใจมากเพราะนึกในใจว่าอยากมาตลอด คิดว่าถ้าหากไม่มาสักการะในหลวง รัชกาลที่ ๙ คงนอนตายตาไม่หลับ
“พอเข้ากราบสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ รู้สึกชื่นใจ ดีใจมาก รู้สึกโล่งใจเหมือนสิ่งที่ตั้งใจไว้ได้ลุล่วงแล้ว คือการเข้าสักการะในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่รักใคร่ของปวงชน เพราะเมื่อท่านจากไป ป้าก็รู้สึกใจหาย จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงรู้สึกใจหาย เพราะเกิดมานอกจากพ่อแม่ของเราเองที่รู้จักเป็นคนแรกๆ แล้ว เราก็รู้จักในหลวงตั้งแต่เกิดมาเช่นกัน ส่วนโครงการหรือแนวคำสอนป้าประทับใจทุกอย่างโดยเฉพาะเรื่องความประหยัด ที่พระองค์สามารถเป็นต้นแบบได้อย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่หลอดยาสีฟันที่บีบใช้หมดหรือดินสอที่ใช้จนกุด ก็เป็นสิ่งที่ป้านำมาใช้ในชีวิตเสมอ” นางจุรีรัตน์กล่าว
ส่วน นางมุ้ย เล่าว่า จำได้ว่า เมื่อปี 2519 ในหลวง รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระราชินี เคยเสด็จฯวัดโพธิ์ศรีธาตุ บ้านธาตุ อ.รัตนบุรี จ.บุรีรัมย์ ซึ่งขณะนั้นตนยังเล็กส่วนแม่ก็ได้อุ้มตนเดินทางด้วยเท้าไปสถานที่ดังกล่าว โดยมีระยะห่างจากบ้านถึง 3 กิโลเมตร ส่วนถนนสมัยก่อนยังคงเป็นลูกรังและมีดินแดง เมื่อครั้นรถผ่านฝุ่นก็คละคลุ้งตลบอบอวล ซึ่งแม่ก็ไม่ย่อท้อพาตนเดินทางจนมาถึงวัดโพธิ์ศรีธาตุ จำได้ว่าบรรยากาศรายล้อมไปด้วยประชาชนเฝ้ารับเสด็จฯ จำนวนมาก ส่วนตนแม้ได้เห็นไกลๆ ก็รู้สึกว่าเป็นความประทับใจมากแล้ว ซึ่งก็คิดในใจมาตลอดว่า ในเมื่อท่านทรงเสด็จฯไปสถานที่ต่างๆ ไปเยี่ยมราษฎรอย่างเราได้ แล้วทำไมวันที่ท่านจากไปเราจะเดินทางมาสักการะท่านไม่ได้
“ป้าตื้นใจมากเห็นพระบรมโกศสวยงาม สีเหลืองอร่าม อยากอยู่เบื้องหน้าพระบรมโกศนานๆ ซึ่งหากเมื่อถึงวันพระราชพิธีถวายเพลิงพระศพของท่าน ป้าจะเดินทางมาอีกครั้ง เพื่อร่วมส่งท่านสู่สวรรคาลัยเป็นครั้งสุดท้าย” นางมุ้ยเล่า