ประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งใน กทม. และจากต่างจังหวัดเดินทางมาร่วมกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (24 เม.ย.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 173 วัน ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
ผศ.ดร.จรรยา เหลียวตระกูล อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ เดินทางมาพร้อมลูกชาย ด.ช.รัชพล นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนอนุบาลนครสวรรค์ กล่าวภายหลังสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ว่า มาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว และทุกครั้งที่กราบสักการะพระบรมศพ รู้สึกใจหาย และคิดว่า ท่านจากเราไปแล้วจริงๆ หรอ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงเป็นต้นแบบที่ทำให้ตนอยากเป็นครูดังพระบรมราโชวาท ที่ว่า “เป็นครูใช่ไหม ฝากช่วยสอนให้เขาเป็นคนดีด้วย” ดังนั้น จึงตัดสินใจศึกษาด้านครุศาสตร์ แล้วก็ได้มาเป็นครูเพื่อประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้กับลูกศิษย์ทุกคนด้วยความตั้งใจ เพื่อให้เขาออกไปเป็นบุคลากรที่มีคุณค่ากับแผ่นดิน โดยยึดหลักความรู้ คุณธรรม มาสอนนักศึกษาทุกคน ให้เขามีหลักในการใช้ชีวิต อยู่บนความไม่ประมาท และในฐานะที่เป็นข้าในพระองค์ ตนจึงได้ยึดหลัก คิดดี ทำดี พูดดี ตามคำสอนของในหลวง รัชกาลที่ ๙ เป็นหลักในการรับราชการ จนทำให้เมื่อปี พ.ศ. 2556 ได้รับรางวัลข้าราชการดีเด่น ของกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนในครอบครัวและตัวเองก็ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักยึดในการดำเนินชีวิต สอนลูกให้รู้จักใช้ชีวิตอย่างพอเพียง รู้คุณค่าของเงิน
นายธนัช ประดิษฐ์ปรีชา ข้าราชการครูวัย 57 ปี ชาวจังหวัดสุรินทร์ เดินทางมากับ นางวิมลพันธ์ อายุ 57 ปี ภรรยา และ นางวันเพ็ญ ปัญญาเอก อายุ 68 ปี พี่สะใภ้ กล่าวว่า ชักชวนกันขับรถมาเองออกจากบ้านเวลา 22.00 น. วานนี้ มาถึงกรุงเทพฯ เวลา 08.00 น. ใช้เวลารอไม่นานก็ได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพ ถือเป็นครั้งแรก ตอนอยู่เบื้องหน้าพระบรมโกศรู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตาไหล จริงๆ ตั้งใจจะเดินทางมานานแล้ว แต่ยังว่างไม่ตรงกัน ช่วงนี้ปิดเทอมใหญ่ทุกอย่างจึงลงตัว
“เมื่อก่อนพอถึงหน้าแล้งสุรินทร์จะแล้งมาก ลำห้วยหรือหนองน้ำก็เหือดแห้ง พระองค์เสด็จฯ มาพระราชทานแนวคิดเรื่องการสร้างอ่างเก็บน้ำไว้ใช้ และให้กรมชลประทานสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยเสนงขึ้น พื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างอำเภอเมืองสุรินทร์ และอำเภอปราสาท ทำให้ชาวบ้านมีน้ำกินน้ำใช้ และช่วงหน้าแล้งก็ปล่อยน้ำไปทำการเกษตร ส่วนตัวถึงแม้ว่าจะรับราชการครูก็ยึดแนวทางของพระองค์เรื่องการพึ่งพาตัวเอง ด้วยการทำนาและปลูกผักผลไม้เล็กๆ น้อยๆ ไว้กิน ทำให้มีความเป็นอยู่ดี หนี้สินก็ไม่ค่อยมี นอกจากนี้ยังนำคำสอนเรื่องความสมัครสมานสามัคคี มีน้ำใจเป็นหนึ่งเดียวกันมาถ่ายทอดให้นักเรียน และลูกๆ ที่บ้านด้วย ถึงพระองค์ท่านจะจากไปแล้วแต่สิ่งที่ทรงทิ้งไว้ให้ถือว่ามีค่ามหาศาล” นายธนัช กล่าว
นายทวีศักดิ์ ศิลวิศาล อายุ 43 ปี ข้าราชการครู จ.ตรัง ถือโอกาสช่วงปิดภาคเรียนพาครอบครัวทั้งภรรยาและลูก นางเนตรยา - ด.ญ.ณัชชา - ด.ช.ณัฏฐวรรธน์ - ด.ช.ณัฐฎนันท์ ศิลวิศาล มากราบพระบรมศพตั้งแต่ 08.00 น. กล่าวว่า เดินทางมาเป็นครั้งแรก ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย ทั้งๆ ที่ได้ติดตามข่าวมาตลอดมาว่ามีประชาชนมารอเป็นจำนวนมาก แต่วันนี้ใช้เวลาไม่นานและไม่ร้อนเลย เมื่อได้เข้าไปกราบพระบรมศพมีทั้งความดีใจที่ได้มีโอกาสพาครอบครัวมาใกล้ชิดพระองค์ท่าน แต่ก็เสียใจที่ท่านได้จากพวกเราไป ก่อนมาได้บอกกล่าวเรื่องการปฏิบัติตัวให้แก่ลูกๆ ว่า ต้องสำรวมเมื่อขึ้นไปกราบ และก่อนหน้านี้ ก็ได้สอนให้เขารู้เรื่องโครงการในพระราชดำริที่พระองค์ท่านทรงทำเพื่อนชาวไทย แม้ลูกๆ จะเกิดไม่ทันเมื่อครั้งที่ท่านเสด็จฯ ไปยังถิ่นทุรกันดารต่างๆ แต่ก็สอนให้เขารักพระองค์ นอกจากนี้ได้นำคำสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พอกินพอใช้ ใช้จ่ายอย่างพอเพียง และอดออม มาสอนลูก ดังนั้นเมื่อลูกๆ ได้กระปุกออมสินมาก็หยอดกระปุกวันละบาทสองบาท ขณะเดียวกัน ด้วยการเป็นข้าราชการครู ได้ยึดตามกระแสพระราชดำรัสที่ว่า “เป็นครูใช่หรือไม่ ฝากเด็กๆ ด้วย” เราก็ตั้งใจทำหน้าที่ของความเป็นครู สอนลูกศิษย์ให้เขามีความรู้ เป็นคนดี และมีความซื่อสัตย์
นางสาวภัทรา จริงสันเทียะ อายุ 33 ปี อาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัว อาศัยอยู่ย่านบางนา จ.กรุงเทพฯ ซึ่งเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรก กับแฟนหนุ่มชาวญี่ปุ่น กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้มาร่วมกราบสักการะพระบรมศพ ที่ผ่านมา ติดตามข่าวมาตลอดเห็นช่วงแรกประชาชนมาเข้าคิวจำนวนมาก จึงอยากให้โอกาสผู้อื่นได้เข้ามาก่อน เมื่อขึ้นไปกราบพระบรมศพแล้ว ก็รู้สึกตื้นตันใจ ภูมิใจที่ได้มาสักครั้ง เพราะไม่เคยมีโอกาสได้รับเสด็จฯในหลวง รัชกาลที่ ๙ มาก่อนในชีวิต แม้จะเป็นคนรุ่นหลังก็ได้ติดตามข่าวพระราชสำนักอยู่เสมอๆ รวมถึงคำสอนอย่างความพอเพียง ไม่ฟุ่มเฟือย เป็นสิ่งที่นำมาปรับใช้ได้ง่ายที่สุด เพียงเก็บออม ไม่ซื้อของที่ไม่จำเป็น อย่างการประกอบอาชีพนี้ ก็เน้นการเอื้ออารีกับคนรอบข้าง ประหยัด ไม่มุ่งหน้าจะทำกำไรหรือร่ำรวยจนทิ้งคนรอบข้างหรือเอาเปรียบใคร เป็นสิ่งที่นำมาประยุกต์ได้ สำหรับแฟนชาวญี่ปุ่น ก็ได้พูดให้เขาฟังว่าในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงทำทุกอย่างเพื่อคนไทย ให้ประเทศพัฒนาก้าวหน้าขึ้น อย่างการสร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้าและเพาะปลูก ซึ่งที่ญี่ปุ่นเองก็มีข่าวอยู่ตลอดทำให้แฟนรู้จักกับพระองค์เป็นอย่างดี
ด้าน นายโคจิ ซูซูกิ แฟนหนุ่ม รองประธานบริษัทด้านการรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ที่อาศัยช่วงเวลาที่มาเที่ยวพักผ่อนในประเทศไทย มาร่วมสักการะพระบรมศพ กล่าวว่า มากราบด้วยความเคารพ นับถือในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องจากหลังพระองค์เสด็จสวรรคต โทรทัศน์ช่องต่างๆ ก็ได้นำเสนอข่าวพระราชกรณียกิจของพระองค์ รวมถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศนับสัปดาห์ จึงเกิดความเลื่อมใส ที่ได้เห็นว่าพระองค์ทรงใช้เงินส่วนพระองค์ไปพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ช่วยคนจนในชนบทให้ได้มีอาชีพที่ดี มีไฟฟ้า มีน้ำ ใช้ รวมถึงหลังจากเสด็จสวรรคตสมเด็จพระจักรพรรดิของประเทศญี่ปุ่นก็ได้เสด็จมาถวายความอาลัยเช่นกัน และมีการรวมตัวของคนไทยที่มาร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีร่วมกัน ทำให้รู้ว่าทรงเป็นศูนย์รวมความรักของคนไทย จึงอยากเดินตามรอยพระองค์ นำเงินต่างๆ ที่มีช่วยเหลือคนด้อยโอกาสด้วย
นางเหลือง สุขนา อายุ 75 ปี ซึ่งเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ จาก จ.ยโสธร กล่าวว่า ดีใจมากๆ ที่หลานพามากราบสักการะพระบรมศพ ที่ผ่านมา ก็ไปลงชื่อกับอำเภอต่างๆ ก็ไม่มีโอกาสได้มาสักที เมื่อหลานว่างพามาจึงรู้สึกดีใจมากๆ พอได้ขึ้นไปกราบก็ถึงกับน้ำตาไหลไม่รู้ตัว คิดถึงพ่อหลวงมาก เพราะรักพระองค์เหมือนพ่อ ตนรักทุกอย่างที่พระองค์ทำเพื่อคนไทย ด้วยความเป็นชาวนาก็ได้ใช้ประโยชน์จากพระราชกรณียกิจของพระองค์ไม่น้อย อย่างเรื่องปุ๋ยอินทรีย์ที่แต่ก่อนใช้ปุ๋ยเคมี เมื่อพระองค์ได้สอนให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์อย่างปุ๋ยคอก มาผสมกับเชื้อปุ๋ย ผลผลิตก็ดีขึ้นขณะที่ค่าใช้จ่ายก็ลดลง นอกจากนี้ ชีวิตที่บ้านก็ดีขึ้น จากแต่ก่อนไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้ตะเกียงน้ำมัน พระองค์ก็พระราชทานไฟฟ้าให้พวกเรา ทำให้ความเป็นอยู่ดี ทุกวันนี้รู้สึกใจหายที่เหลือเวลาอีกไม่นานแล้วได้แต่มองพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ที่บ้านทุกๆ วัน