ประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมาร่วมกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (23 เม.ย.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 172 วัน ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
นางมัญฑรัตน์ จันทร์เปลี่ยน อายุ 54 ปี มาพร้อมกับลูกสาว นางสาวจิดาภา แสงอมร อายุ 28 ปี และ ด.ญ.จุฬาลักษณ์ เนียมปาน อายุ 14 ปี จากบ้านพักใน จ.ปทุมธานี กล่าวว่า แม้จะมากราบพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศเป็นครั้งที่ 2 แล้วแต่ยังรู้สึกดีใจและตื้นตันไม่ต่างจากครั้งที่แล้ว
“ตอนที่พระองค์ท่านยังมีพระชนม์ชีพอยู่มีโอกาสได้รับเสด็จฯ พระองค์ท่านหลายครั้งแถวถนนราชดำเนิน แต่ก็มีโอกาสได้แค่ชื่นชมพระบารมีไกลๆ แค่เห็นรถที่ประทับขับผ่านไปเท่านั้น การมากราบครั้งนี้จึงถือว่าใกล้ชิดพระองค์ท่านมากที่สุด ตอนได้เข้าไปนั่งอยู่ด้านหน้าพระบรมโกศตื้นใจจนพูดไม่ออก ประทับใจพระองค์ท่านที่ทรงเสียสละ ทรงงานเพื่อประชาชนมาตลอด ที่ผ่านมา จึงพยายามทำตามคำสอนของพระองค์ท่านในเรื่องความอดทนและความเสียสละ ทั้งยังสอนลูกหลานให้ดำเนินตามด้วย" นางมัญฑรัตน์ กล่าวด้วยแววตาซาบซึ้ง
น.ส.นฤมล อังอนันท์ อายุ 52 ปี พยาบาลโรงพยาบาลนพรัตน์ กรุงเทพฯ เดินทางมาพร้อมกับครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน กล่าวว่า ตนได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 2 แล้ว รู้สึกตื้นตันใจทุกครั้ง เพราะซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ตนเห็นภาพในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงงานหนักเพื่อพสกนิกรมาโดยตลอด ซึ่งตนก็ได้ติดตามพระราชกรณียกิจและดูข่าวพระราชสำนักทุกวัน
“เมื่อครั้งที่ทราบว่าในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงประชวรหนักในวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ก็รีบลางานไปโรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อไปสวดมนต์ขอให้พระองค์ท่านทรงหายจากพระอาการประชวรแต่สุดท้ายก็กลับได้รับข่าวร้าย และวันต่อมาก็ได้ไปรับเสด็จฯพระองค์ท่านครั้งสุดท้ายที่บริเวณผ่านฟ้า นับเป็นช่วงเวลาที่คนไทยโศกเศร้ามาก” น.ส.นฤมล กล่าว
น.ส.นฤมล กล่าวต่อว่า ในฐานะข้าราชการไทย ขอปฏิญาณตนว่าจะตามรอยพระยุคลบาทในการทำความดีเพื่อประเทศชาติ ช่วยเหลือผู้อื่นและจะเป็นข้าราชการที่ทำงานอย่างตั้งใจและเต็มที่อย่างดีที่สุด
ด้าน นางพัน แสนหล้า อายุ 63 ปี ชาว จ.หนองคาย เดินทางพร้อมญาติและหลานสาวรวม 6 คน เดินทางโดยรถยนต์ออกจากบ้านตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 22 เมษายน เดินทางมาถึงและมาต่อแถวเพื่อกราบสักการะพระบรมศพในช่วงเช้าวันนี้ โดยนางพัน กล่าวด้วยน้ำตาคลอว่า ตั้งใจที่จะเดินทางมากราบพระบรมศพ และครั้งนี้ได้มากราบพระบรมศพเป็นครั้งแรก รู้สึกปลาบปลื้มมากที่ได้มากราบพระองค์ท่าน เพราะในหลวง รัชกาลที่ ๙ ท่านทรงงานหนักกว่า 70 ปี พระองค์ท่านเป็นพ่อที่ดีมาก ตนเองประทับใจต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ท่านทรงทำเพื่อคนไทย
“เคยได้มีโอกาสรับเสด็จฯในหลวง รัชกาลที่ ๙ ครั้งที่พระองค์ท่านและสมเด็จย่าเสด็จฯ ไปเยี่ยมเยือนประชาชนที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ตอนนั้นป้าอายุเพียง 14 - 15 ปี ผ่านมานานแล้วยังจำความรู้สึกที่ได้ชื่นชมพระบารมีของทั้งสองพระองค์ได้” นางพัน กล่าว