xs
xsm
sm
md
lg

พสกนิกรทั่วสารทิศเดินทางมาสักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙ อย่างเนืองแน่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งในกรุงเทพมหานคร และจากต่างจังหวัด เดินทางมาร่วมกราบสักการะพระบรมศพพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างเนืองแน่น ด้วยความสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ

วันนี้ (16 เม.ย.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 165 วัน ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างเนืงแน่น ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

นายชูกิต-นางปิยะดา บุญนำ 2 สามีภรรยาอาชีพนักธุรกิจ ได้เดินทางจากบ้านพักตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อมาสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยนางปิยะดา กล่าวว่า มาสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 2 แล้วครั้งนี้ถือว่ารอไม่นานถ้าเทียบกับครั้งแรกรอนานถึง 8 ชั่วโมง และทุกครั้งที่ได้สักการะพระบรมศพเต็มไปด้วยความตื้นตันใจ ปลื้มปีติ เพราะที่ผ่านมาในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงงานอย่างหนักอย่างมิเคยหยุดพัก เพื่อให้พสกนิกรของพระองค์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และทุกวันนี้ก็ได้นำหลักคำสอนของพระองค์หลายเรื่องมาสอนลูกๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความพอเพียง และเรื่องความเพียร แต่มีอยู่หนึ่งหลักคำสอนที่พระองค์เคยทรงมีพระราชดำรัสไว้ คือ “ต้องให้เด็กเอาชนะผู้ใหญ่บ้างก็ได้ เพื่อให้พวกเขามีความภูมิใจในตัวเอง” ซึ่งทั้งตนเองและสามีก็เอาหลักคำสอนนี้มาสอนลูกซึ่งเด็กๆ ก็มีพฤติกรรมที่ดีขึ้น พยายามทำอะไรด้วยตัวเองมากขึ้น เพราะพวกเขาจะได้มีความภูมิใจในตัวเอง และส่วนตัวในฐานะเป็นนักธุรกิจ ก็ได้นำคำสอนเรื่องความซื่อสัตย์มาใช้ในการดำเนินธุรกิจด้วย ซึ่งเรื่องความซื่อสัตย์นั้นมีความสำคัญมาก เพราะถ้าเราไม่ซื่อสัตย์กับลูกค้า ก็คงดำเนินธุรกิจให้มีความเจริญไม่ได้

นายโยชิอิสะ ฮานาดะ หัวหน้าสำนักข่าวจีจีเพรส ประจำประเทศไทย ในฐานะเจ้าภาพร่วมสื่อมวลชนญี่ปุ่นประจำเทศไทย เปิดเผยว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าภาพร่วมในพิธีบำเพ็ญกุศล และรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอข่าวพระราชพิธีที่สำคัญยิ่งเสมอมา การสวรรคตของพระองค์เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก สื่อจากประเทศญี่ปุ่นพร้อมที่จะนำเสนอข่าวไปจนถึงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพอย่างสมพระเกียรติ

“ประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาอย่างยาวนาน เมื่อพระองค์สวรรคตในช่วงปลายปีที่ผ่านมา คนญี่ปุ่นให้ความสนใจกับข่าวนี้มาก และคิดว่าจะให้ความสนใจอย่างมากอีกครั้งเมื่อถึงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงทำเพื่อคนไทยมากมาย ส่วนตัวผมได้เห็นพระองค์ผ่านสื่อต่างๆ ประทับใจที่พระองค์ทรงเป็นนักพัฒนาที่ดี ทำเพื่อประชาชนของพระองค์” นายโยชิอิสะ กล่าว

นางเบญจมาศ รณรงค์ อายุ 45 ปี เกษตรกรสวนยางพารา จ.นครศรีธรรมราช เดินทางมาพร้อมญาติพี่น้อง กล่าวว่า ตัวเองมีโอกาสมากราบครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกมากับกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน ที่ทางจังหวัดจัดให้เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยถือเอาช่วงวันหยุดที่คนในครอบครัวว่างตรงกันมากราบอีกครั้ง เพราะบางคนยังไม่เคยมา ตัวเองในฐานะที่เคยมาแล้วก็จะทราบถึงถนนหนทาง เส้นทางที่จัดให้รอคิว การเดินไปรอรถ หรือระเบียบการเข้ากราบพระบรมศพอยู่แล้ว จึงสามารถแนะนำญาติๆ ได้อย่างถูกต้อง

วันนี้มารอเข้าแถวตั้งแต่หกโมงกว่าและได้เข้ากราบช่วงแปดโมง ถือว่ารอไม่นานมากนัก แต่หากต้องรอนานกว่านี้ก็ทนได้ เพราะเราตั้งใจมาอยู่แล้ว เพื่อเป็นบุญแก่ตัวเองและวงศ์ตระกูล หากคิดถึงชีวิตของเราก็คงไม่มีโอกาสได้เข้ามาในรั้วในวังแบบนี้ และเมื่อได้เข้าไปกราบรู้สึกตื้นตันใจ ปลื้มใจมาก และตั้งใจที่จะปฏิบัติตัวตามคำสอนของพระองค์ท่าน โดยเฉพาะเราเป็นเกษตรกรจึงนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ อยู่อย่างพออยู่ พอกิน และการใช้ปุ๋ยชีวภาพแทนการใช้ปุ๋ยเคมี อีกทั้งระหว่างปลูกยางพารารุ่นใหม่ที่ยังกรีดยางไม่ได้ ก็ปลูกอ้อยเสริมคั่นระหว่างต้นยางพารา ทำให้มีรายได้มาเลี้ยงครอบครัวโดยไม่ต้องรอแค่การขายยางพาราเพียงอย่างเดียว ชีวิตครอบครัวดีขึ้น นอกจากนี้ ยังตั้งใจทำดำรงเป็นคนดี ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และบอกต่อลูกหลานให้รู้จักและรักในหลวง เหมือนที่คนรุ่นหลังรักและเทิดทูนพระองค์ท่านด้วย

นางสาวปาณิสรา อุดมศิลป อายุ 54 ผู้จัดการฝ่ายขายเครื่องมือวิทยาศาสตร์ บริษัทเอกชน และ พี่สาว นางสาวพรสินีรัฐ อุดมศิลป อายุ 59 ปี เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เป็นครั้งที่สอง เผยว่า ในหลวงสอนเรื่องความพอเพียง ถือเป็นจุดที่สำคัญมาก ทุกคนไม่เฉพาะแค่คนไทยแต่รวมถึงคนทั่วโลกสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตได้ ต่อไปถ้าเราใช้ความพอเพียงได้กับทุกคน ทั่วโลกจะพบความสันติสุข คนถ้าไม่ใช้ความพอเพียงย่อมจะมีกิเลส มีความโลภต่างๆ นานา ทุกวันนี้ที่บ้านเมืองไม่มีความสงบสุข เพราะประชาชนไม่ได้ใช้หลักปรัชญาของพระองค์ท่าน

“ที่มาครั้งนี้เพราะมีความระลึกถึงพระองค์ มาด้วยความคิดถึง มาด้วยความจงรักภักดีในหลายสิ่งที่พระองค์ท่านทรงสอน ทำให้มากจนไม่สามารถบรรยายได้หมดในตอนนี้ ซึ่งหลายคนน่าจะเคยเห็นผ่านพระราชกรณียกิจ จะทราบดีว่า ทรงเป็นจุดศูนย์รวมของทุกๆ คน เพราะฉะนั้นทุกคนย่อมโศกเศร้าเมื่อพระองค์จากไป ความดีของพระองค์ยังคงอยู่ในใจประชาชนคนไทยตลอดไป และเชื่อว่าคนไทยทุกคนจะคิดถึงพระองค์ท่านเช่นเดียวกัน

เช่นเดียวกับ นางสาวพรสินีรัฐ อุดมศิลป กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเปรียบเสมือนเป็นพ่อเป็นครูบาอาจารย์ของประชาชน ที่สอนให้เราดำเนินชีวิต แนะนำเรื่องทำหากินในการสร้างสรรค์ทุกชีวิต คำว่าพอเพียงที่พระองค์ท่านทรงสอน พอกิน พอใช้ พอดี ไม่ต้องโลภ ไม่ต้องมักมาก ตัวเองเป็นประชาชนไทยคนหนึ่งที่ได้รับพระเมตตาจากพระองค์ ดังนั้นในวันนี้จึงตั้งใจมากราบสักการะพระบรมศพ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ซาบซึ้งและรักพระองค์ท่านมากๆ

“เมื่อพระองค์ท่านเสด็จสวรรคตมีความเสียใจอย่างมาก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดมาในรัชสมัยของพระองค์ท่าน ตั้งแต่เล็กเห็นท่านทำงานดูแลประชาชนตลอด ยอมรับว่าท่านทรงเหนื่อยเพื่อประชาชน เปรียบกับประเทศอื่นในโลกแล้ว หาพระมหากษัตริย์แบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว พระองค์ท่านรักประชาชนมากๆ แล้วเราจะไม่รักพระองค์ท่านได้อย่างไร ที่มาวันนี้เป็นครั้งที่สอง ซึ่งจริงๆ แล้วอยากจะมามากกว่านี้ แต่เพราะติดที่ร่างกายไม่แข็งแรง พอหายป่วยจึงรีบชวนน้องสาวมาสักการะพระบรมศพทันที” นางสาวพรสินีรัฐ เผยความในใจหลังจากขึ้นกราบสักการะพระบรมศพ




































กำลังโหลดความคิดเห็น