xs
xsm
sm
md
lg

พสกนิกรจากทั่วประเทศเดินทางมาร่วมสักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙ อย่างต่อเนื่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ประชาชนจากทั่วประเทศเดินทางมาร่วมกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

วันนี้ (6 เม.ย.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 156 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

นางรุจา จันทร์เทวี อายุ 58 ปี ครูโรงเรียนโคกสำโรง จ.ลพบุรี ที่ว่างจากภาระหน้าที่การงานในช่วงปิดภาคเรียน จึงตั้งใจพาครอบครัวมากราบสักการะพระบรมศพ โดยนางรุจา เปิดเผยว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ได้มากราบสักการะพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท รู้สึกปลาบปลื้มใจมาก ครั้งนี้ได้พาคุณแม่ นางสมจิตร เตล็ดทอง อายุ 88 ปี และหลานสาว ด.ญ.วันสิรี เตล็ดทอง อายุ 10 ปี โรงเรียนวัดโพธิ์เก้าต้น ที่กำลังปิดภาคเรียนมาพร้อมกัน ซึ่งคุณแม่เคยเดินทางมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ด้วยประชาชนที่มาพร้อมกันจำนวนมากจึงไม่ได้เข้ากราบสักการะ แต่ครั้งนี้มารอไม่ได้ก็ได้เข้ากราบสักการะ คุณแม่ก็รู้สึกประทับใจมาก และตั้งใจที่อยากจะมาอีกหลายรอบ

“ตนประทับใจในพระราชกรณียกิจทุกๆ อย่าง ที่ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงทำเพื่อประชาชนคนไทยทุกคน ตลอดระยะเวลาการครองสิริราชสมบัติกว่า 70 ปี และพระจริยวัตรของพระองค์ท่านและคุณความดีที่พระองค์ท่านทรงทำเป็นแบบอย่างให้ทุกคนสามารถนำมาปฏิบัติได้ ในฐานะที่เป็นครูก็ได้น้อมนำพระราชดำรัสของพระองค์ท่านมาสอนแก่นักเรียน โดยเฉพาะนักเรียนที่อาจจะประพฤติเกเร ว่า ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เพียงพระองค์เดียวท่านทรงทำเพื่อประชาชนคนไทยได้มากมาย แล้วเราในฐานะที่เป็นประชาชนของท่านอยากให้เริ่มทำความดีเริ่มจากตนเองก่อน ให้คิดดี ทำดี ประพฤติดี และต่อไปก็ส่งต่อความดีเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นและสังคมส่วนรวม” นางรุจา กล่าว

ด้าน นางสมจิตร กล่าวว่า มากรุงเทพฯ ไม่บ่อย ครั้งก่อนหน้านี้ยายเดินทางมาแต่ไม่ได้เข้ากราบสักการะด้านในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้แต่เพียงกราบพระองค์ท่านจากด้านนอกกำแพงพระบรมมหาราชวัง ครั้งนี้ได้เข้าไปกราบพระองค์ท่านด้านในตื้นตันใจมาก ตอนนี้ยังมีแรง แม้ว่าจะต้องมารอต่อแถวเพื่อเข้ากราบสักการะก็ไม่รู้สึกเหนื่อยล้า และอยากจะเดินทางมาอีกหลายๆ รอบ

ส่วน นางสุปราณี อรรคฮาดสี วัย 44 ปี เดินทางมาพร้อมกับลูกสาววัย 7 ปี ด.ญ.สุภกัญญา และพี่เลี้ยง นางละมุม พาลี อายุ 50 ปีจากบ้านพักย่านจรัญสนิทวงศ์ กล่าวว่า ตัวเองมากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 2 แต่เพิ่งมีโอกาสพาลูกสาวและพี่เลี้ยงมาเป็นครั้งแรก

“เมื่อปี 2536 ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ตอนที่เรียนจบจากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นับเป็นบุญวาสนาและเป็นมงคลสูงสุดในชีวิต แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เร็วมากแต่ยังคงจดจำความรู้สึกในเวลานั้นได้ดี พระองค์ท่านทรงเป็นผู้มีเมตตา ทรงทำอะไรมากมายเพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยส่วนตัวจึงได้น้อมนำพระองค์ท่านมาเป็นแบบอย่างในเรื่องการทำงานและการดำเนินชีวิต เรื่องการทำงาน คือ ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ส่วนการดำเนินชีวิตก็พยายามประคองชีวิตด้วยการพึ่งพาตัวเองให้มาก ทั้งยังนำหลักธรรมเข้ามาช่วยยึดเหนี่ยวคือนอกจากจะช่วยเหลือตัวเองแล้วยังต้องช่วยเหลือส่วนรวมด้วย ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เราพยายามสอนลูกมาตลอด อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการเป็นคนดีของสังคม” นางสุปราณี กล่าว

ขณะที่ นางอรัญญา จรัญญา อายุ 54 ปี เดินทางจากบ้านพักย่านมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตมากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 4 กล่าวทั้งน้ำตาคลอเบ้าว่า ครั้งนี้เป็นการเดินทางมากราบพระบรมศพหลังจากว่างเว้นไปหลายเดือนเนื่องจากเห็นว่าคนเยอะ พอทราบข่าวว่า คนน้อยลงจึงตัดสินใจมาอีกครั้งเพราะยังคิดถึงในหลวง รัชกาลที่ 9 แม้มาเป็นครั้งที่ 4 แล้วแต่ยังอดร้องไห้ไม่ได้ ถึงในชีวิตไม่เคยเห็นท่านมาก่อนแต่มากราบสักการะพระบรมศพแบบนี้ก็ทำให้รู้สึกเหมือนว่าท่านยังไม่ได้ไปไหน และยังฝันถึงพระองค์บ่อย ๆ ส่วนตัวรู้สึกประทับใจพระองค์ทุกอย่าง สงสารทุกครั้งที่เห็นภาพท่านทรงงานอย่างเหน็ดเหนื่อย ตากแดดตากฝนไม่เคยบ่น ทุกวันนี้ไม่ว่าทำบุญอะไรก็ขออุทิศถวายท่านหมด ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติ ขอจงรักภักดีต่อพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ พร้อมทั้งดำรงตนเป็นคนดีไม่เอารัดเอาเปรียบใครใช้ชีวิตอย่างพอเพียงเห็นคุณค่าของทุกอย่าง ไม่กินทิ้งกินขว้าง ของอะไรที่พอจะซ่อมแซมได้ก็พยายามซ่อมกลับมาใช้ใหม่ หลังจากเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพในครั้งนี้คิดว่าคงไม่มาอีกนานจนกว่าจะถึงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ไม่ใช่ว่าเราไม่พยายามมา แต่อยากเปิดโอกาสให้คนอื่นๆ ได้มากราบพ่อบ้าง อย่างคุณยายแถวบ้านอายุ 80 มาไม่ไหว ตัวเองมาก็นำความตั้งใจของคุณยายมาร่วมกราบพระบรมศพ และยังเคยแบ่งปันข้าวพอเพียงที่สำนักนายกรัฐมนตรีมาแจกให้คุณยายเพื่อเก็บไว้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตด้วย












กำลังโหลดความคิดเห็น