ประชาชนจากทั่วประเทศเดินทางมาร่วมถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
วันนี้ (27 มี.ค.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 145 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสภาพอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนตลอดทั้งวัน และในตอนเช้าตรู่มีสายฝนโปรยปรายลงมา แต่ก็ไม่ย่อท้อแต่อย่างใด เพื่อที่ครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้มีโอกาสมาสักการะในหลวง รัชกาลที่ ๙ พ่อหลวงอันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย
นายศิริพงษ์ จันทร์ปาน อายุ 44 ปี หัวหน้ากลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงเลี้ยงโค-กระบือ โคขุน ต.บ้านยาง อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี ได้พาสมาชิกเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือ และ โคขุน จำนวน 40 คน เดินทางมาโดยรถบัสจำนวน 1 คัน มาสักการะพระบรมศพ ซึ่งได้เดินทางออกจากจังหวัดบ้านเกิดตอน 17.00 น. ของเมื่อวานนี้ และได้มาถึงท้องสนามหลวงตอน 07.00 น. และได้ขึ้นกราบสักการะพระบรมศพเมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา โดย นายศิริพงษ์ กล่าวภายหลังที่สักการะพระบรมศพเสร็จแล้วว่า มาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว แต่ความรู้สึกก็เหมือนกับทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา คือเต็มไปด้วยความอบอุ่น ปลื้มใจ ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย ที่ผ่านมาในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ต่อชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอำเภอคีรีรัฐนิคม สมัยก่อนมีความแห้งแล้งกันดาร ทำการเกษตรไม่ได้ผลตามต้องการเกษตรกรเดือดร้อนแสนสาหัส ครั้นความทุกข์ยากนี้ทราบยังพระเนตรพระกรรณ พระองค์ได้เสด็จฯมาเยี่ยมเยือนประชาชนพร้อมพระราชทานแนวทางแก้ไขให้ประชาชนคลายความทุกข์ยาก โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่ทรงวางรากฐานไว้ให้แก่ชาวคีรีรัฐ และได้กลายมาเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจในการก่อตั้งกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือ โคขุน ต.บ้านยาง ขึ้นมา อันเป็นการสร้างงานให้กับคนในหมู่บ้าน อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายอย่างยั่งยืน
“พวกเราทุกคนในหมู่บ้านได้สานต่อปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสมอมา ซึ่งเมื่อ 2 ปีที่แล้วพวกเราเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือ และ โคขุน ได้ปรึกษาหารือกันว่าจะช่วยให้ชาวบ้านและเกษตรกรมีชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร เราจึงตั้งกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือ และโคขุน ขึ้นมา ซึ่งการดำเนินงานของเราจะเลี้ยงโค-กระบือ แบบต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ คือ ในกลุ่มจะทำการผสมพันธุ์โคกระบือ และโคขุน จากนั้นก็จะนำลูกโค-กระบือ โคขุน ไปให้กับสมาชิกได้เลี้ยงกันต่อไป และสุดท้าย คือ การนำมูลของโค-กระบือ และ โคขุน ไปให้กับเกษตรกรรายอื่นที่ไม่ได้เป็นสมาชิก และมีต้นทุนต่ำ นำไปทำปุ๋ย เพื่อการเกษตรต่อไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการสานต่อหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ ๙ อย่างแท้จริง”
นางเผียน ทองเนื้อแข็ง อายุ 74 ปี ชาว ต.กระแสสิน อ.กระแสสิน จ.สงขลา กล่าวว่า ตนและน้องสาว คือ นางผิน โขมพัฒน์ อายุ 70 ปี เดินทางมากับลูกสาวและหลานๆ โดยนั่งรถทัวร์มาจาก จ.สงขลา เมื่อเย็นวันที่ 23 มี.ค. และมาถึงกรุงเทพฯ เช้าวันที่ 24 มี.ค. ก่อนที่ลูกสาวซึ่งเป็นครูอยู่ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีจรัลสนิทวงศ์ กทม. เดินทางไปรับที่ขนส่งสายใต้ เพื่อพามาพักค้างที่บ้านก่อนพากันเดินทางมากราบพระบรมศพเช้าวันนี้
“อยากมากราบพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙ นานแล้ว ยิ่งเห็นเพื่อนบ้านมากันเยอะๆ ก็ยิ่งอยากจะมาด้วย พวกเราและคนในหมู่บ้านรักในหลวง รัชกาลที่ ๙ มาก ติดตามข่าวพระองค์ท่านตลอดเห็นทีไรก็น้ำตาไหลทุกครั้ง ที่ผ่านมา ก็นำคำสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์มาใช้ด้วยการปลูกผักสวนครัวและขุดบ่อเสียงปลานิลไว้กินเอง ทำนา เลี้ยงวัว ไม่ทำอะไรเกินตัว” นางเผียน กล่าว
นางสาวรินลณี ศรีเพ็ญ พิธีกรและนักแสดงสังกัดสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 กล่าวภายหลังร่วมเป็นเจ้าภาพถวายพระบรมศพด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ว่า นับตั้งแต่ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสด็จสวรรคตมีโอกาสกราบสักการะบริเวณรอบรั้ววังหลายครั้ง แต่เพิ่งมีโอกาสเข้ามาในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเป็นครั้งแรก จึงรู้สึกปลาบปลื้มใจมาก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคิดว่าตัวเองเป็นคนโชคดี ที่ยังทันได้ดูข่าวในพระราชสำนัก ยามที่พระองค์ท่านเสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎรยังพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร จนก่อเกิดเป็นโครงการพระราชดำริต่างๆ เห็นได้ชัดจากโครงการชลประทาน สร้างเขื่อน แก้ปัญหาน้ำแล้งเพื่อเป็นประโยชน์ให้กับประชากรซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรมได้มีน้ำใช้เพียงพอกับการเกษตร
“ในฐานะเกิดในแผ่นดินรัชกาลที่ ๙ ได้น้อมนำคำสอนด้านเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการดำเนินชีวิตส่วนตัว และในแง่ของการทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ถ้าทุกคนทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำประโยชน์แก่สังคม แค่เศษเสี้ยวของพระองค์ท่านเท่านั้น ก็เชื่อว่าประเทศเราจะน่าอยู่และเจริญขึ้นเรื่อยไป ตามที่พระองค์ท่านพระราชทานแนวทางให้คนไทยเอาไว้” นักแสดงสาวกล่าว