พสกนิกรทุกหมู่เหล่าจากทั่วสารทิศ เดินทางมารอต่อแถวเพื่อเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างไม่ขาดสาย ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (20 มี.ค.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 138 ตลอดทั้งวัน ยังมี พสกนิกรทุกหมู่เหล่าจากทั่วสารทิศของประเทศไทย เดินทางมารอต่อแถวเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ อย่างไม่ขาดสาย ตลอดทั้งวันตั้งแต่ช่วงเช้ามืดท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด หากแต่พสกนิกรทุกคนก็มิได้ย่อท้อแต่อย่างใด
นางสาวปูริดา กมลเพชร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม จ.เชียงราย ได้เดินทางมาพร้อมน้าสาว 2 คน และพี่สาว อีก 1 คน ที่อาศัยช่วงโรงเรียนปิดเทอม เพื่อมาเยี่ยมพี่สาวที่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เลยถือโอกาสชวนคุณน้า และพี่สาวมาสักการะพระบรมศพ เป็นครั้งแรก โดยนางสาวปูริดา กล่าวถึงความรู้สึกหลังสักการะพระบรมศพว่ารู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง รัชกาลที่ 9 เป็นล้นพ้น เพราะตั้งแต่เล็กจนโตทั้งที่บ้านและโรงเรียนก็สอนให้เราได้เห็นพระราชกรณียกิจของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่ท่านทรงทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโครงการเศรษฐกิจพอเพียง ที่คุณครูก็ได้นำมาสอนให้ตนรู้จักการทำบัญชีรายรับรายจ่าย หรือเรื่องฝนเทียมคงไม่มีพระราชาพระองค์ไหนในโลกใบนี้สามารถทำให้ฝนตกได้
"ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นมากกว่าพระราชาท่านไม่เคยทิ้งประชาชนของพระองค์เลยแม้แต่วินาทีเดียว พื้นที่เสี่ยงภัยทุรกันดารแค่ไหน ท่านก็มิเคยหวั่นเกรง หากแต่เสด็จฯไปทุกถิ่นที่ และด้วยพระราชกรณียกิจและพระวิริยะอุตสาหะของพระองค์นี้เองได้กลายเป็นแบบอย่างทำให้เราตั้งใจเรียนหนังสือและเป็นเด็กดี เพื่อที่จะได้สำเร็จการศึกษามีงานทำ จะได้เป็นที่พึ่งของครอบครัว และช่วยเหลือสังคมต่อไป และความวิริยะอุตสาหะของในหลวง รัชกาลที่ 9 ก็ได้กลายเป็นกำลังใจสำคัญของหนูเวลาทำข้อสอบ บางครั้งเจอข้อสอบอยาก และเรานึกถึงในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่ท่านทรงมีความเพียรพยายามในการดูแลประชาชนของพระองค์อย่างมิทรงเคยย่อท้อ แล้วทำมัยข้อสอบแค่นี้เราถึงจะทำไม่ได้ เพราะถ้าเทียบกับสิ่งที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงทำเพื่อคนไทยทุกคนนั้นยิ่งใหญ่กว่าข้อสอบของเรามากนัก"
นายสัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มาสเตอร์กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด กล่าวภายหลังร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพว่า นับเป็นความภาคภูมิใจของกลุ่มบริษัท มาสเตอร์กรุ๊ปฯ ที่ร่วมเป็นเจ้าภาพถวาย และเป็นความทรงจำที่ดีที่ทำให้ทุกคนระลึกถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ที่ทรงทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ เพื่อให้คนรุ่นหลังน้อมรับเป็นแนวทางปฏิบัติตามรอยพระยุคลบาท
นายสัณหวุฒิ กล่าวต่อว่า ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ เพื่อคนไทยทั้งประเทศ พระองค์พระราชทานโครงการพระราชดำริหลายพันโครงการที่ทำให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตนรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ ครอบครัวของตนภาคภูมิใจที่ได้เกิดมาในประเทศไทย และอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
นางสาวนิตยกานต์ ไกรษร ชาว จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเดินทางมาทำงานร้านอาหารที่ จ.นนทบุรี วัย 30 ปี กล่าวว่า เดินทางมาสักการะพระบรมศพตั้งแต่ช่วง 7 โมงเช้า เป็นครั้งแรก และรู้สึกภูมิใจที่ได้มากราบพระองค์แล้ว ตลอดชีวิตที่ผ่านมาประทับใจในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นอย่างมาก ทั้งพระราชกรณียกิจที่ได้ทรงทำ รวมถึงพระราชจริยวัตรของพระองค์ ซึ่งเราได้เพียงแต่มีโอกาสชมผ่านโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ต่างๆ อย่างการเสด็จฯ ไปถิ่นทุรกันดารช่วยประชาชนที่ยากไร้ ภาพที่พระองค์ประทับลงกับพื้นพูดคุยกับประชาชนนั้นประทับใจอยู่จนบัดนี้ ส่วนตัวทำงานร้านอาหารฝรั่งเศส ทำให้มีชาวต่างชาติเข้ามาเป็นลูกค้ามาก ช่วงเวลาที่พระองค์เสด็จสวรรคต ชาวต่างชาติไม่ว่าจะลูกค้าหรือพนักงานในร้านต่างเข้ามาแสดงความเสียใจ และบอกกับเราว่าพวกเขาก็รักในหลวง รัชกาลที่ 9 ของเราเช่นกัน พวกเขาล้วนประทับใจกับภาพกษัตริย์ที่ไม่เหมือนชาติใดในโลก ที่เสด็จฯ ไปที่กันดารช่วยเหลือปวงชน จนกระทั่งวันนี้ต่างชาติก็ยังใส่ชุดดำไว้อาลัยไปกับเรา สิ่งที่จะทำต่อจากนี้นอกจากความพอเพียง ก็จะบอกเล่าเรื่องราวของในหลวง รัชกาลที่ 9 แก่ชาวต่างชาติ และยึดหลักซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่การงานต่อไป
นางอำนวย มีสวัสดิ์ อายุ 70 ปี ชาว อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย กล่าวว่า มากราบพระบรมศพเป็นครั้งแรก กว่าจะได้มาก็ใช้เวลานานต้องรอครอบครัวว่าง เพราะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงมีอาการปวดขาตลอดจึงต้องมีคนดูแล แต่เมื่อคืนได้อธิษฐานกับในหลวง รัชกาลที่ 9 ขอให้ขาหายปวดเพื่อจะได้เข้ามากราบ แล้วก็รู้สึกหายป่วยจริงๆ เดินได้อย่างคล่องแคล่วไม่มีอาการใดเลย ทำให้รู้สึกดีใจมาก และหลังจากนี้ก็จะไปกราบพระแก้วมรกต และชมนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาลก่อนกลับสุโขทัย
"คิดถึงพระองค์มาก 100 กว่าวันที่ผ่านมา ได้แต่นั่งดูโทรทัศน์ มองภาพพระองค์เสด็จฯ ไปที่ต่างๆ ส่วนตัวเป็นคนไม่รู้หนังสือแม้จะไม่ค่อยได้รู้เรื่องพระราชกรณียกิจมากนัก แต่ภาพพระองค์ทรงงานตามจังหวัดต่างๆ สิ่งนี้รับรู้ได้ด้วยใจ เห็นครั้งใดก็ยังคงร้องไห้อยู่เสมอ อย่างตนทำอาชีพทำไร่ ทำนา ก็นำเอาคำสอนเกษตรผสมผสาน อย่าง ปลูกมะม่วง มะนาว น้อยหน่า ขนุน มะกรูด ผักปลอดสารพิษ มาแซมพื้นที่ต่างๆ ใช้ทานได้เหลือก็นำไปขายต่อ สร้างรายได้" นางอำนวยเผย
