ฝรั่งมังค่ายังต้องโยกตามมนต์เพลงเสียงพิณ
คนไทยที่ได้ฟังต่างขยับแข้งขยับขา โยกส่ายไปตามลีลาเมโลดี้ที่ม่วนซื่น...

จากการรวมตัวของอดีตคนหนุ่มรักเสียงดนตรีที่ไม่มีโอกาส สู่การสร้างโอกาสให้กับเด็กรุ่นใหม่ “พิณประยุกต์ ขุนนริทร์ศิลป์” วงดนตรีแตรวงจากอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ จึงแตกต่างและโดดเด่นกว่าวงดนตรีอื่นๆ ทั่วไป จนสามารถออกอัลบั้มแผ่นเสียงของเมืองนอก เล่นคอนเสิร์ตไกลยังต่างแดนในเทศกาลดนตรีระดับโลกอย่างเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส อีกทั้งมีโปรแกรมเปิดคอนเสิร์ตที่ประเทศออสเตรียและอเมริกา
อะไรที่ทำให้วงดนตรีเล็กๆ เพียง 7 ชีวิต ที่มีเสียงพิณดนตรีพื้นบ้านเป็นแกนหลักขจรขจายสร้างชื่อเสียงออกนอกประเทศ
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา “นิโรจน์ ยาคำ” หรือ “พ่อริน” พ่อค้าขายเนื้อหนุ่มใหญ่วัยย่าง 48 ปี ของสมาชิกวง ผู้สรรค์สร้างหมอรำร็อกอินเตอร์ จะชี้แจงแถลงไขให้ได้เชิญรับชมฟังแล้ว ณ บัดนี้

• จุดเริ่มต้นของวง “พิณประยุกต์ ขุนนริทร์ศิลป์” มีที่มาที่ไปอย่างไรครับ
อันดับแรกเลยคือมันเริ่มต้นจากส่วนตัวผมมีความรักความชอบทางดนตรีตั้งแต่เด็กๆ แล้วไม่มีโอกาสได้เล่น เพราะเป็นคนบ้านนอก เล่นเป็นแต่ฉิ่งกับฉาบ นอกนั้นดูฟังเขาอย่างเดียว และสอง สมัยวัยรุ่น เราชอบเที่ยวเตร่ไปวันๆ ไม่มีประโยชน์ แถมยังเดือดร้อนคุณพ่อคุณแม่ ต้องขอสตางค์ท่าน ดังนั้น พอโตขึ้นมาแต่งงานแล้วไปอยู่กับภรรยาที่จังหวัดหนองคาย ทำอาชีพขายเนื้อ ระหว่างนั้นก็ได้เปลี่ยนประสบการณ์ เพราะวัฒนธรรมแตกต่างกัน ด้วยความรักชอบดนตรีก็เลยมักจะไปดูไปฟังดนตรีพื้นบ้านหมอลำ
จนกระทั่งกลับมาบ้านเกิดที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ประมาณ 20 ปีก่อน เราก็เห็นเด็กๆ แถวบ้านเรามีรูปแบบชีวิตคล้ายๆ กันในช่วงวัยรุ่นที่อยากท่องเที่ยว อยากสนุกสนาน แต่กลัวว่าจะปล่อยเวลาให้เสียประโยชน์เปล่าๆ ไปแบบผม ก็เลยคิดหาวิธีที่จะทำให้เขามีโอกาสมากกว่าเราในสมัยนั้น ซึ่งบังเอิญมีเวลาว่างจากการขายเนื้อ ผมมีรถก็เลยไปรับจ้างลากรถแตรวง ทั้งสองอย่างเลยรวมกัน ชักชวนเด็กๆ ลูกๆ หลานๆ มาทำตรงนี้ดีกว่า ซึ่งนอกจากจะทำให้ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แล้ว เด็กๆ ก็รู้จักหารายได้แบ่งเบาภาระพ่อแม่ ดนตรียังช่วยกล่อมเกลาจิตใจได้ดีอีกด้วย
• แล้วทำไมถึงเลือกที่จะทำดนตรีพื้นบ้านแทนดนตรีสากลที่เป็นที่แพร่หลายมากกว่า
คือเราคนไทย ความเป็นไทยของเราเราต้องอนุรักษ์ไว้ จะสนุกอย่างเดียวก็ได้ประโยชน์เพียงน้อย ได้แต่สนุกอย่างเดียว แต่ถ้าเอามาประยุกต์ผสมผสานก็ได้ประโยชน์จากทั้งสองอย่าง ก็เอาความสนุกสนานใส่ผสมลงไปให้ดูมีสีสัน ให้เป็นกึ่งสากล แนวทางดนตรีจึงไม่เหมือนต้นฉบับอย่างทางภาคอีสานแบบอาจารย์ทองใส ทับถนน ท่านจะอนุรักษ์วัฒนธรรมอีสานไว้เลยแท้ๆ มีกลองยาว รำมะนาด ไม่มีกีตาร์เบส กลองชุด
ถ้าถามว่าแรกๆ เด็กๆ ให้การยอมรับเลยหรือไม่ ก็ใช้ระยะเวลานานอยู่เหมือนกัน แต่เราไม่ได้ตั้งความหวัง ผมเปิดกว้าง จากแรกๆ ที่มองแค่เด็กๆ แต่คนธรรมดาทั่วไปไม่มีงานทำ ว่างงานก็มาร่วมวงได้ ทำให้พวกเขาได้สัมผัส ได้เรียนรู้ และเกิดการชักชวนบอกต่อกันเป็นรุ่นๆ นี้ก็เข้ารุ่นที่ 4 แล้ว มีสมาชิกทั้งหมด 7 คน ก็มีทั้งประกอบอาชีพภารโรงโรงเรียน มีค้าขายอย่างผมคนขายเนื้อ เป็นพ่อบ้าน มีนักเรียนมัธยมปลาย นักศึกษามหาวิทยาลัย หรือเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีก็มี ก็หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านกันเป็นรุ่นๆ จากพี่สู่น้อง

• หลังจากชักชวนรวมกลุ่มวงพิณประยุกต์ ขุนนริทร์ศิลป์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อไหร่อย่างเป็นทางการ
ราวๆ ประมาณปี พ.ศ. 2554-2555 คือหลังจากคิดก็ลงลงทุนซื้อเครื่องดนตรีต่อจากวงอื่นๆ ละแวกนั้นที่เขาเลิกทำหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ ใช้เวลาไม่นานเพราะเราปรึกษากับคนที่เขาทำวงดนตรีแบบเดียวกันในตอนนั้นที่มีประมาณ 3-4 วง น้องๆ ก็บอกว่าจะตั้งชื่ออะไรกันดี เขาก็บอกว่าให้ใช้ชื่อเรา “ริน” แล้วก็ผสมกับฉายาสมัยเด็กๆ ที่เป็นคนทำอะไรต้องเป๊ะ เจ้าสำอาง เลยเรียกกันว่า ‘ไอ้ขุน’ เสร็จแล้วเราเป็นดนตรีประยุกต์ ก็รวมทั้งหมดเป็น ‘พิณประยุกต์ ขุนนริทร์ศิลป์’
หลังจากนั้นก็ซักซ้อมกันประมาณเดือนหนึ่ง ก็มีเจ้าภาพหาวงดนตรีเล่นงานแห่นาค เราก็ได้จังหวะ ว่างพอดี (ยิ้ม) แรกๆ ก็ลุ่มๆ ดอนๆ แต่อาศัยความมันเข้าว่าก็พอไปได้ รูปแบบอาจจะไม่เป๊ะ เมโลดี้ไม่ตรง แต่เน้นสนุก เจ้าภาพก็ถูกใจ บอกว่าน้องใหม่ไฟแรง ก็ลุยดันกันมาตั้งแต่ตอนนั้น จากตำบล ก็มาอำเภอแล้วก็ข้ามจังหวัด เล่นที่จังหวัดปทุมธานีก็เคยไป ไปที่จังหวัดหนองคายถิ่นกำเนิดเลยก็เคยไป คือเล่นแบบไม่สนราคา เล่นด้วยใจ บางทีหักค่าใช้จ่ายไม่เหลือไม่ถึง 1,000 บาท
• จากจุดกำเนิดเล็กๆ ก็เลยกลายเป็นการจุดประกายสานต่อ
ครับ... ในเรื่องอุปกรณ์มันต้องพัฒนาอยู่แล้ว แต่ในส่วนของความสามารถของเด็กๆ ในส่วนของทิศทางในอนาคต เขาก็อยากจะต่อยอดกัน พัฒนากันไปเรื่อยๆ คือตรงนี้เป็นเหมือนเป็นวงดนตรีชีวิตที่เข้ามาแลกเปลี่ยนให้เติบโต โดยที่มีเราชักนำ ดนตรีขัดเกลาจิตใจ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีสมาชิกในวง นอกจากเติบโตทำงานไปในสายทางของตัวเอง ก็มีไปเล่นอาชีพ มีไปสานต่อเรียนระดับมหาวิทยาลัยทางด้านดนตรีด้วย
• คิดว่าอะไรที่ทำให้วงดนตรีของพ่อริน โดดเด่นกว่าดนตรีประยุกต์อื่นๆ ครับ
ในความรู้สึกส่วนตัวของผม ผมว่าสไตล์การเล่น แม้ว่าเครื่องดนตรีคล้ายๆ กันแต่การเล่นเร้าใจ ด้วยความที่เด็กๆ รวมตัว อายุ การศึกษา ก็เลยเกิดการแตกต่าง ก็ตรงกับชื่อวงเป็นการประยุกต์ ของอายุ อาชีพ ความชื่นชอบแนวทางดนตรี ทุกรุ่นมีทุกแนว ก็เลยออกมาเป็นรูปแบบเฉพาะตัวของวงเราที่ไม่เหมือนวงอื่นๆ

แรกๆ ผมก็งงเหมือนกันว่าเพราะอะไร จนหลังจากที่เราเล่นงานไปเรื่อยๆ ประมาณราวๆ 4 ปี ลูกผมก็อัดคลิปที่เล่นสดในงานลงเว็บไซต์ยูทูป ถึงได้รู้ว่าเราเล่นเร้าใจสนุกสนาน เพราะนอกจากคนไทยที่มากดดู โปรดิวเซอร์ระดับโลกอย่าง คุณจอช มาร์ซีหลังจากที่เขาได้เห็นคลิปของเราที่เล่น ถึงกับเดินทางมาตามหาเราถึงที่อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ แล้วก็บอกว่าชอบ เป็นแนวดนตรีที่สนุกเหมือนร็อก
• ที่ว่าเป็นหมอลำร็อกอินเตอร์ขึ้นมาได้ มีงานแสดงโชว์ไกลถึงต่างประเทศก็เพราะเหตุนี้
ใช่เลยครับ (ยิ้ม) แต่สิ่งแรกเลยคือได้บันทึกเสียง อัดเสียงของตัวเอง เพราะหลังจากที่เขาไปหาเราแล้วก็พูดคุยดูการเล่นของเรา เขาบอกถามว่าสนใจอัดแผ่นเสียงไหม ตอนแรกเราก็งงว่าไม่มีห้องอัดจะทำอย่างไร แต่เขามีอุปกรณ์ของเขาดีมาก เป็นไมค์ตัวเล็กๆ เขาก็ให้อัดที่โล่งๆ เลย กลางแจ้ง พอเปิดฟังเหมือนในห้องอัดเลย แล้วก็ไปขาย เราก็สังกัดค่ายเพลง Innovative Leisureก็ได้รับความนิยมมากแต่ไม่รู้ว่าขายได้เท่าไหร่ รู้แต่ว่ามีศิลปินเอาไปรีมิกซ์ใหม่ เอาเรื่องเราไปลงนิตยสาร
หลังจากนั้น เทศกาลดนตรีประเทศฝรั่งเศส คานส์ มิวสิคัล 2015 ก็ติดต่อให้ไปเล่น เป็นวงดนตรีไทยวงเดียวในปีนั้น (ยิ้ม) ความรู้สึกตอนเล่นต่อหน้าฝรั่ง เล่นงานคอนเสิร์ตใหญ่ คนเป็นหมื่นๆ ในงานที่เดินรับชมฟังเพลงตามเวทีต่างๆ ชั่วโมงนั้น เวทีเรานับได้พันคน นั่งไม่อยู่ ขาสั่นเลย อากาศหนาวๆ แต่เหงื่อแตกซิกๆ แต่พอเล่นจบก็ใจชื้นเพราะได้รับเสียงปรบมือล้นเลย
แล้วหลังจากนั้นปี 2016 ก็ได้ไปเล่นที่เทศกาลดนตรี Roskide Festivalที่ประเทศเดนมาร์ก ก่อนจะอัดอัลบั้มที่สองเมื่อปลายปีที่ผ่านมา คือแทบไม่อยากเชื่อตัวเองว่าผมทำได้ขนาดนี้ ทีมงานไม่คิดว่าเกิดมาจะได้ไปต่างแดน ก็ยังงงกับชีวิตตัวเองว่าไปได้อย่างไร (ยิ้ม) ปี 2017 นี้ก็มีโครงการคร่าวๆ มาแล้วว่าจะไปประเทศออสเตรีย เดือนมิถุนายน แล้วก็ประเทศสหรัฐอเมริกาในเดือนสิงหาคม

• แล้วกระแสในบ้านเราไม่ได้รับความนิยมมากน้อยแค่ไหน
ก็กำลังเป็นไปในทิศทางที่ดี อย่างที่มาเล่นที่หน้าห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง ก็เพราะว่ามีการแชร์มีการพูดถึงวงของเราในโลกออนไลน์ เพราะดนตรีไทยมีอะไรดีๆ เยอะ เราสามารถแปรเป็นได้หลายรูปแบบ จากเดิมๆ ไม่มีอะไร เราทำให้มีสีสันได้ ทำให้ร่วมสมัยได้ ฝรั่งยังโยกหัวตามเสียงพิณ เสียงฉิ่งฉาบ
• ท้ายที่สุดนี้ มีความคาดหวังอย่างไรบ้างครับ
ผลงานชิ้นนี้ไม่มีใครทำขึ้นมา ร่วมใจกันทำ ความคาดหวังขอบผมในตอนนี้ก็คือพยายามทำให้ดีที่สุดตราบที่ยังมีชีวิต เพราะอยากให้เยาวชนวัยรุ่นเด็กไทยหันมาสนใจศิลปวัฒนธรรมไทยบ้านเรา อยากให้เกิดขึ้นในบ้านเรา อยากให้หลายๆ วง หลายๆ แนวดนตรีที่เป็นวัฒนธรรมได้มาสัมผัส เพราะเราควรรักษาไว้ อนุรักษ์ไว้ ไม่ควรหลงลืมวัฒนธรรม ถึงตรงนี้ก็ดีใจที่ได้รับการมองเห็นและยอมรับ อนาคตก็ลูกๆ หลานๆ ในวงรับช่วงต่อเพื่อให้คงไว้ซึ่งวัฒนธรรมบ้านเรา





เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : พิณประยุกต์ ขุนนริทร์ศิลป์
คนไทยที่ได้ฟังต่างขยับแข้งขยับขา โยกส่ายไปตามลีลาเมโลดี้ที่ม่วนซื่น...
จากการรวมตัวของอดีตคนหนุ่มรักเสียงดนตรีที่ไม่มีโอกาส สู่การสร้างโอกาสให้กับเด็กรุ่นใหม่ “พิณประยุกต์ ขุนนริทร์ศิลป์” วงดนตรีแตรวงจากอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ จึงแตกต่างและโดดเด่นกว่าวงดนตรีอื่นๆ ทั่วไป จนสามารถออกอัลบั้มแผ่นเสียงของเมืองนอก เล่นคอนเสิร์ตไกลยังต่างแดนในเทศกาลดนตรีระดับโลกอย่างเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส อีกทั้งมีโปรแกรมเปิดคอนเสิร์ตที่ประเทศออสเตรียและอเมริกา
อะไรที่ทำให้วงดนตรีเล็กๆ เพียง 7 ชีวิต ที่มีเสียงพิณดนตรีพื้นบ้านเป็นแกนหลักขจรขจายสร้างชื่อเสียงออกนอกประเทศ
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา “นิโรจน์ ยาคำ” หรือ “พ่อริน” พ่อค้าขายเนื้อหนุ่มใหญ่วัยย่าง 48 ปี ของสมาชิกวง ผู้สรรค์สร้างหมอรำร็อกอินเตอร์ จะชี้แจงแถลงไขให้ได้เชิญรับชมฟังแล้ว ณ บัดนี้
• จุดเริ่มต้นของวง “พิณประยุกต์ ขุนนริทร์ศิลป์” มีที่มาที่ไปอย่างไรครับ
อันดับแรกเลยคือมันเริ่มต้นจากส่วนตัวผมมีความรักความชอบทางดนตรีตั้งแต่เด็กๆ แล้วไม่มีโอกาสได้เล่น เพราะเป็นคนบ้านนอก เล่นเป็นแต่ฉิ่งกับฉาบ นอกนั้นดูฟังเขาอย่างเดียว และสอง สมัยวัยรุ่น เราชอบเที่ยวเตร่ไปวันๆ ไม่มีประโยชน์ แถมยังเดือดร้อนคุณพ่อคุณแม่ ต้องขอสตางค์ท่าน ดังนั้น พอโตขึ้นมาแต่งงานแล้วไปอยู่กับภรรยาที่จังหวัดหนองคาย ทำอาชีพขายเนื้อ ระหว่างนั้นก็ได้เปลี่ยนประสบการณ์ เพราะวัฒนธรรมแตกต่างกัน ด้วยความรักชอบดนตรีก็เลยมักจะไปดูไปฟังดนตรีพื้นบ้านหมอลำ
จนกระทั่งกลับมาบ้านเกิดที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ประมาณ 20 ปีก่อน เราก็เห็นเด็กๆ แถวบ้านเรามีรูปแบบชีวิตคล้ายๆ กันในช่วงวัยรุ่นที่อยากท่องเที่ยว อยากสนุกสนาน แต่กลัวว่าจะปล่อยเวลาให้เสียประโยชน์เปล่าๆ ไปแบบผม ก็เลยคิดหาวิธีที่จะทำให้เขามีโอกาสมากกว่าเราในสมัยนั้น ซึ่งบังเอิญมีเวลาว่างจากการขายเนื้อ ผมมีรถก็เลยไปรับจ้างลากรถแตรวง ทั้งสองอย่างเลยรวมกัน ชักชวนเด็กๆ ลูกๆ หลานๆ มาทำตรงนี้ดีกว่า ซึ่งนอกจากจะทำให้ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แล้ว เด็กๆ ก็รู้จักหารายได้แบ่งเบาภาระพ่อแม่ ดนตรียังช่วยกล่อมเกลาจิตใจได้ดีอีกด้วย
• แล้วทำไมถึงเลือกที่จะทำดนตรีพื้นบ้านแทนดนตรีสากลที่เป็นที่แพร่หลายมากกว่า
คือเราคนไทย ความเป็นไทยของเราเราต้องอนุรักษ์ไว้ จะสนุกอย่างเดียวก็ได้ประโยชน์เพียงน้อย ได้แต่สนุกอย่างเดียว แต่ถ้าเอามาประยุกต์ผสมผสานก็ได้ประโยชน์จากทั้งสองอย่าง ก็เอาความสนุกสนานใส่ผสมลงไปให้ดูมีสีสัน ให้เป็นกึ่งสากล แนวทางดนตรีจึงไม่เหมือนต้นฉบับอย่างทางภาคอีสานแบบอาจารย์ทองใส ทับถนน ท่านจะอนุรักษ์วัฒนธรรมอีสานไว้เลยแท้ๆ มีกลองยาว รำมะนาด ไม่มีกีตาร์เบส กลองชุด
ถ้าถามว่าแรกๆ เด็กๆ ให้การยอมรับเลยหรือไม่ ก็ใช้ระยะเวลานานอยู่เหมือนกัน แต่เราไม่ได้ตั้งความหวัง ผมเปิดกว้าง จากแรกๆ ที่มองแค่เด็กๆ แต่คนธรรมดาทั่วไปไม่มีงานทำ ว่างงานก็มาร่วมวงได้ ทำให้พวกเขาได้สัมผัส ได้เรียนรู้ และเกิดการชักชวนบอกต่อกันเป็นรุ่นๆ นี้ก็เข้ารุ่นที่ 4 แล้ว มีสมาชิกทั้งหมด 7 คน ก็มีทั้งประกอบอาชีพภารโรงโรงเรียน มีค้าขายอย่างผมคนขายเนื้อ เป็นพ่อบ้าน มีนักเรียนมัธยมปลาย นักศึกษามหาวิทยาลัย หรือเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีก็มี ก็หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านกันเป็นรุ่นๆ จากพี่สู่น้อง
• หลังจากชักชวนรวมกลุ่มวงพิณประยุกต์ ขุนนริทร์ศิลป์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อไหร่อย่างเป็นทางการ
ราวๆ ประมาณปี พ.ศ. 2554-2555 คือหลังจากคิดก็ลงลงทุนซื้อเครื่องดนตรีต่อจากวงอื่นๆ ละแวกนั้นที่เขาเลิกทำหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ ใช้เวลาไม่นานเพราะเราปรึกษากับคนที่เขาทำวงดนตรีแบบเดียวกันในตอนนั้นที่มีประมาณ 3-4 วง น้องๆ ก็บอกว่าจะตั้งชื่ออะไรกันดี เขาก็บอกว่าให้ใช้ชื่อเรา “ริน” แล้วก็ผสมกับฉายาสมัยเด็กๆ ที่เป็นคนทำอะไรต้องเป๊ะ เจ้าสำอาง เลยเรียกกันว่า ‘ไอ้ขุน’ เสร็จแล้วเราเป็นดนตรีประยุกต์ ก็รวมทั้งหมดเป็น ‘พิณประยุกต์ ขุนนริทร์ศิลป์’
หลังจากนั้นก็ซักซ้อมกันประมาณเดือนหนึ่ง ก็มีเจ้าภาพหาวงดนตรีเล่นงานแห่นาค เราก็ได้จังหวะ ว่างพอดี (ยิ้ม) แรกๆ ก็ลุ่มๆ ดอนๆ แต่อาศัยความมันเข้าว่าก็พอไปได้ รูปแบบอาจจะไม่เป๊ะ เมโลดี้ไม่ตรง แต่เน้นสนุก เจ้าภาพก็ถูกใจ บอกว่าน้องใหม่ไฟแรง ก็ลุยดันกันมาตั้งแต่ตอนนั้น จากตำบล ก็มาอำเภอแล้วก็ข้ามจังหวัด เล่นที่จังหวัดปทุมธานีก็เคยไป ไปที่จังหวัดหนองคายถิ่นกำเนิดเลยก็เคยไป คือเล่นแบบไม่สนราคา เล่นด้วยใจ บางทีหักค่าใช้จ่ายไม่เหลือไม่ถึง 1,000 บาท
• จากจุดกำเนิดเล็กๆ ก็เลยกลายเป็นการจุดประกายสานต่อ
ครับ... ในเรื่องอุปกรณ์มันต้องพัฒนาอยู่แล้ว แต่ในส่วนของความสามารถของเด็กๆ ในส่วนของทิศทางในอนาคต เขาก็อยากจะต่อยอดกัน พัฒนากันไปเรื่อยๆ คือตรงนี้เป็นเหมือนเป็นวงดนตรีชีวิตที่เข้ามาแลกเปลี่ยนให้เติบโต โดยที่มีเราชักนำ ดนตรีขัดเกลาจิตใจ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีสมาชิกในวง นอกจากเติบโตทำงานไปในสายทางของตัวเอง ก็มีไปเล่นอาชีพ มีไปสานต่อเรียนระดับมหาวิทยาลัยทางด้านดนตรีด้วย
• คิดว่าอะไรที่ทำให้วงดนตรีของพ่อริน โดดเด่นกว่าดนตรีประยุกต์อื่นๆ ครับ
ในความรู้สึกส่วนตัวของผม ผมว่าสไตล์การเล่น แม้ว่าเครื่องดนตรีคล้ายๆ กันแต่การเล่นเร้าใจ ด้วยความที่เด็กๆ รวมตัว อายุ การศึกษา ก็เลยเกิดการแตกต่าง ก็ตรงกับชื่อวงเป็นการประยุกต์ ของอายุ อาชีพ ความชื่นชอบแนวทางดนตรี ทุกรุ่นมีทุกแนว ก็เลยออกมาเป็นรูปแบบเฉพาะตัวของวงเราที่ไม่เหมือนวงอื่นๆ
แรกๆ ผมก็งงเหมือนกันว่าเพราะอะไร จนหลังจากที่เราเล่นงานไปเรื่อยๆ ประมาณราวๆ 4 ปี ลูกผมก็อัดคลิปที่เล่นสดในงานลงเว็บไซต์ยูทูป ถึงได้รู้ว่าเราเล่นเร้าใจสนุกสนาน เพราะนอกจากคนไทยที่มากดดู โปรดิวเซอร์ระดับโลกอย่าง คุณจอช มาร์ซีหลังจากที่เขาได้เห็นคลิปของเราที่เล่น ถึงกับเดินทางมาตามหาเราถึงที่อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ แล้วก็บอกว่าชอบ เป็นแนวดนตรีที่สนุกเหมือนร็อก
• ที่ว่าเป็นหมอลำร็อกอินเตอร์ขึ้นมาได้ มีงานแสดงโชว์ไกลถึงต่างประเทศก็เพราะเหตุนี้
ใช่เลยครับ (ยิ้ม) แต่สิ่งแรกเลยคือได้บันทึกเสียง อัดเสียงของตัวเอง เพราะหลังจากที่เขาไปหาเราแล้วก็พูดคุยดูการเล่นของเรา เขาบอกถามว่าสนใจอัดแผ่นเสียงไหม ตอนแรกเราก็งงว่าไม่มีห้องอัดจะทำอย่างไร แต่เขามีอุปกรณ์ของเขาดีมาก เป็นไมค์ตัวเล็กๆ เขาก็ให้อัดที่โล่งๆ เลย กลางแจ้ง พอเปิดฟังเหมือนในห้องอัดเลย แล้วก็ไปขาย เราก็สังกัดค่ายเพลง Innovative Leisureก็ได้รับความนิยมมากแต่ไม่รู้ว่าขายได้เท่าไหร่ รู้แต่ว่ามีศิลปินเอาไปรีมิกซ์ใหม่ เอาเรื่องเราไปลงนิตยสาร
หลังจากนั้น เทศกาลดนตรีประเทศฝรั่งเศส คานส์ มิวสิคัล 2015 ก็ติดต่อให้ไปเล่น เป็นวงดนตรีไทยวงเดียวในปีนั้น (ยิ้ม) ความรู้สึกตอนเล่นต่อหน้าฝรั่ง เล่นงานคอนเสิร์ตใหญ่ คนเป็นหมื่นๆ ในงานที่เดินรับชมฟังเพลงตามเวทีต่างๆ ชั่วโมงนั้น เวทีเรานับได้พันคน นั่งไม่อยู่ ขาสั่นเลย อากาศหนาวๆ แต่เหงื่อแตกซิกๆ แต่พอเล่นจบก็ใจชื้นเพราะได้รับเสียงปรบมือล้นเลย
แล้วหลังจากนั้นปี 2016 ก็ได้ไปเล่นที่เทศกาลดนตรี Roskide Festivalที่ประเทศเดนมาร์ก ก่อนจะอัดอัลบั้มที่สองเมื่อปลายปีที่ผ่านมา คือแทบไม่อยากเชื่อตัวเองว่าผมทำได้ขนาดนี้ ทีมงานไม่คิดว่าเกิดมาจะได้ไปต่างแดน ก็ยังงงกับชีวิตตัวเองว่าไปได้อย่างไร (ยิ้ม) ปี 2017 นี้ก็มีโครงการคร่าวๆ มาแล้วว่าจะไปประเทศออสเตรีย เดือนมิถุนายน แล้วก็ประเทศสหรัฐอเมริกาในเดือนสิงหาคม
• แล้วกระแสในบ้านเราไม่ได้รับความนิยมมากน้อยแค่ไหน
ก็กำลังเป็นไปในทิศทางที่ดี อย่างที่มาเล่นที่หน้าห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง ก็เพราะว่ามีการแชร์มีการพูดถึงวงของเราในโลกออนไลน์ เพราะดนตรีไทยมีอะไรดีๆ เยอะ เราสามารถแปรเป็นได้หลายรูปแบบ จากเดิมๆ ไม่มีอะไร เราทำให้มีสีสันได้ ทำให้ร่วมสมัยได้ ฝรั่งยังโยกหัวตามเสียงพิณ เสียงฉิ่งฉาบ
• ท้ายที่สุดนี้ มีความคาดหวังอย่างไรบ้างครับ
ผลงานชิ้นนี้ไม่มีใครทำขึ้นมา ร่วมใจกันทำ ความคาดหวังขอบผมในตอนนี้ก็คือพยายามทำให้ดีที่สุดตราบที่ยังมีชีวิต เพราะอยากให้เยาวชนวัยรุ่นเด็กไทยหันมาสนใจศิลปวัฒนธรรมไทยบ้านเรา อยากให้เกิดขึ้นในบ้านเรา อยากให้หลายๆ วง หลายๆ แนวดนตรีที่เป็นวัฒนธรรมได้มาสัมผัส เพราะเราควรรักษาไว้ อนุรักษ์ไว้ ไม่ควรหลงลืมวัฒนธรรม ถึงตรงนี้ก็ดีใจที่ได้รับการมองเห็นและยอมรับ อนาคตก็ลูกๆ หลานๆ ในวงรับช่วงต่อเพื่อให้คงไว้ซึ่งวัฒนธรรมบ้านเรา
เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : พิณประยุกต์ ขุนนริทร์ศิลป์