พสกนิกรทุกหมู่เหล่าจากทั่วสารทิศ เดินทางมารอต่อแถวเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ตลอดทั้งวันตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้
วันนี้ (11 มี.ค.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 129 ตลอดทั้งวัน ยังมีพสกนิกรทุกหมู่เหล่าจากทั่วสารทิศของประเทศไทย เดินทางมารอต่อแถวเข้าถวายสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง ตลอดทั้งวันตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้
เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ผู้บริหารและศิลปินจากบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวภายหลังร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลพระบรมศพ ด้วยสีหน้าปลาบปลื้มว่า พระองค์ดูแลพวกเราเหมือนพ่อดูแลลูก ทั้งโลกนี้คนไทยน่าอิจฉาที่สุด การได้มาวันนี้จึงรู้สึกคิดถึงพระองค์เหลือเกิน และมีความสุขที่ได้เห็นพลังแห่งความรักของคนไทยที่เข้าไปถวายความอาลัยแด่พระองค์ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่คนจากที่ต่างๆ จะมาด้วยใจเดียวกัน ก็ถือเป็นความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย ส่วนตัวยังตีความว่าการที่เรามากราบพระบรมศพ เป็นการถวายคำสัตย์ปฏิญาณว่าเราจะทำให้พระองค์สบายพระราชหฤทัย จะทำให้พระองค์ไม่ต้องห่วงพวกเรา
“พี่เบิร์ดมีโอกาสได้ถวายงานใกล้ชิดแทบฝ่าพระบาทพระองค์ ก็ไม่เคยคิดว่าพระองค์เป็นพระเจ้าแผ่นดินผู้ยิ่งใหญ่เลย รู้สึกว่าพระองค์เป็นพ่อ เป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีมาก ทรงมีพระเมตตาสูงมากกับเรา ทั้งนี้ ทุกเพลงที่พี่เบิร์ดร้องเกี่ยวกับพระองค์ พี่เบิร์ดไม่เคยคิดว่าเป็นเพลงหรือเสียงของพี่เบิร์ดเลย แต่เป็นการรวมเสียงของคนไทย ปลายไร่ ปลายนา ลูกแม่ค้าหรือใครก็ตามที่แทบไม่มีโอกาส พี่เบิร์ดนึกถึงพวกเขาทุกคนและร้องออกมา ฉะนั้น ทุกครั้งที่ร้องจะอดภาคภูมิใจไม่ได้ ต้องซ้อมแล้วซ้อมเล่า เพราะการร้องจะเป็นเส้นบางๆ ระหว่างความปีติ และเลยไปก็เป็นความเศร้าแล้ว ฉะนั้น ต้องดึงตัวเองกลับมาให้ได้ เพราะเรารักของเราเหลือเกิน”
นายธงไชย กล่าวว่า จากนี้ตนจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด หากมีอะไรให้ช่วยเหลือ ให้อภัยอะไรได้ หรือว่าให้ข้อคิดเห็นที่จะเกิดพลังบวกกับทุกๆ คนได้ ตนก็จะทำ อย่างไรก็ดี หน้าที่ของตนคือทำให้พวกเรามีความสุข ทำให้ครอบครัวไทยมีความสุข ก็จะทำให้พระองค์มีความสุขด้วยที่เห็นลูกๆ รักกัน
นางสาวรำไพ พรรัมย์ อายุ 54 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ที่มาอาศัยย่านบางพลัดในกรุงเทพฯ ซึ่งได้เดินทางมาพร้อมหลานชาย ส.ต.ท.ศักดิ์นริน ทรงรัมย์ กล่าวภายหลังที่กราบสักการะพระบรมศพ ว่า มาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว และทุกครั้งที่ได้กราบสักการะพระบรมศพความรู้สึกนั้นไม่ได้ต่างจากครั้งแรกเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความภูมิใจ ตื้นตันใจ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงเป็นพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ทรงเป็นเทวดาบนโลกมนุษย์โดยแท้จริง คิดดูว่าชาวต่างชาติที่เก่งกาจสามารถไปได้ถึงยานอวกาศ ดวงดาวต่างๆ แต่เขาไม่สามารถทำให้ฝนตกได้เหมือนกับในหลวงของเรา พระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่งเพื่อให้ประชาชนของพระองค์อยู่ดีกินดีบนผืนแผ่นดินแม่
“คิดถึงในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทีไรน้ำตาก็ไหลตลอด จำได้ว่าเมื่อตอนที่เราอายุเพียง 10 ขวบ แม่ได้พาไปรับเสด็จฯ ในหลวง ซึ่งตอนนั้นพระองค์เสด็จฯ ไปทรงเปิดศาลากลางหลังแรกของจังหวัดบุรีรัมย์ แม่ก็จะเล่าให้ฟังเสมอว่าในหลวงทรงเป็นพระราชาที่ทรงมีพระปรีชาสามารถ และทรงเปี่ยมไปด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันกว้างใหญ่ไพศาล ทรงคิดโครงการในพระราชดำริมากมายเพื่อประชาชนชาวไทย และพอเราได้เห็นพระพักตร์พระองค์ท่านแล้วก็รู้สึกปลาบปลื้มและดีใจมากถึงแม้ว่าตอนนั้นอายุจะเพียง 10 ขวบก็ตาม และจากนี้ก็จะน้อมนำสอนของพระองค์ท่านเรื่องความซื่อสัตย์มาสอนหลานซึ่งรับราชการเป็นตำรวจว่าให้เขามีความซื่อสัตย์ ไม่คดโกงประเทศชาติ ทำหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต อันจะเป็นการทดแทนบุญคุณให้กับประเทศชาติ และเป็นการถวายความจงรักภักดีต่อในหลวง รัชกาลที่ 9 ด้วย” นางสาวรำไพ เล่าด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้ม
ด้าน นางยุพิน หวังจั่น อายุ 66 ปี ชาวบ้านโป่ง ต.หนองซ้ำซาก อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี กล่าวว่า เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนบ้าน โดยเช่ารถตู้มากันเอง รวม 14 คน และพึ่งจะมีโอกาสเดินทางมาเป็นครั้งแรก รู้สึกดีใจและซาบซึ้งใจมากที่ผ่านมาก็ปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ เพราะพวกเราเป็นสมาชิกกลุ่มแม่บ้านเกษตร มีเจ้าหน้าที่เข้าไปสอนการปลูกพืชผัก และสอนอาชีพให้กับชาวบ้าน และพาไปดูโครงการในพระราชดำริต่างๆ ของพระองค์ และได้นำความรู้ที่ได้กลับไปทำที่บ้าน ด้วยการปลูกผักหลากหลายชนิดและเลี้ยงสัตว์ ไว้กินเองที่เหลือก็ขายเพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
“ป้าเป็น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเป็นกลุ่มแม่บ้านเกษตร ประทับใจทุกอย่างที่พระองค์ท่านสอนและทำมาตลอด คิดถึงทีไรน้ำตาไหลตลอด ลึกๆ คิดว่าไม่มีใครมาแทนพระองค์ได้ ทุกวันนี้ป้าก็น้อมนำหลักคำสอนและแนวพระราชดำริของพระองค์มาใช้กับตนเองและสอนลูกหลาน ทั้งเรื่องความพอเพียง ความขยันอดทน ความรักสามัคคีช่วยเหลือต่อกันในชุมชน และขณะเข้าไปกราบก็อธิฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สรวงสวรรค์ เพราะพระองค์ท่านทำดีไว้เยอะมาก คอยดูแลช่วยเหลือประชาชนทุกที่ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”
