ย้อนประวัติ “พระพิมลธรรม” เคยถูกจับสึกโดนข้อหาคอมมิวนิสต์ แต่ยังนั่งสำรวมจิตอย่างสงบในห้องขังจนพ้นมลทิน ชี้ ไม่เคยอ้างขาเน่า ไม่ยอมให้ใครมานั่งสวดมนต์ขัดขวางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เหมือน “ธัมมชโย”
วันนี้ (6 มี.ค.) คอลัมน์ “มุมกฎหมาย” ของ นายสมผล ตระกูลรุ่ง นักวิชาการกฎหมายอิสระ ในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ได้เขียนบทความหัวข้อ “เป็นพระแท้พระดี ไม่หนีหมาย” สาระสำคัญคือ รัฐธรรมนูญบัญญัติความเท่าเทียมกันของบุคคลภายใต้กฎหมาย ภิกษุ สามเณร นอกจากอยู่ภายใต้กฎหมายแล้ว ยังอยู่ภายใต้พระธรรมวินัย แต่ต้องไม่ลืมว่า การเปลี่ยนเพศเป็นนักบวช ยังเป็นบุคคลที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง ถ้าไปลักทรัพย์ รับของโจร ต้องถูกจับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเหมือนกัน แม้จะได้รับความเคารพจากพุทธศาสนิกชน แต่ก็ไม่มีอภิสิทธิ์ที่จะอยู่เหนือกฎหมายได้
ที่ผ่านมา มีพระถูกดำเนินคดีในฐานทำผิดกฎหมายหลายคดี แต่ไม่มีใครดื้อตาใสเท่ากับพระธัมมชโย ถึงขนาดต่อต้านตั้งรัฐอิสระ เอามวลชนมาปกป้องกดดัน พร้อมระบุว่า พระที่เป็นพระแท้ เป็นพระที่ดี ยอมรับกติกาของบ้านเมือง ไม่ว่าจะทำผิดกฎหมายจริงหรือไม่ ก็กล้าที่จะสู้กับความจริง ยิ่งไม่ได้ทำผิดยิ่งต้องกล้า ดังเช่น สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระพิมลธรรม เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ท่าพระจันทร์ ถูกกล่าวหาทั้งจากพระด้วยกัน และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองว่าทำผิดร้ายแรง
พระพิมลธรรม เป็นชาวขอนแก่น บวชตั้งแต่เป็นเณรอายุ 14 ปี ครองเพศบรรพชิตตลอดชีวิต มีผลงานทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติ เปิดโรงเรียนมหาธาตุวิทยาลัย สอนภาษาบาลีและสันสกฤตให้ประชาชนทั่วไป เสนอรัฐบาลขอตั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกขึ้น คือ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตั้งสำนักวิปัสสนากรรมฐานขึ้นในวัดมหาธาตุ เป็นผู้นำการปฏิบัติยุบหนอพองหนอจากพม่า เข้ามาเผยแผ่จนเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายจนเป็นที่อิจฉาของพระด้วยกันเอง จนถูกใส่ร้ายว่า เสพเมถุนทางเวจมรรคกับลูกศิษย์ ต้องศีลวิบัติ ขาดจากความเป็นพระภิกษุ แต่ได้ต่อสู้คดีทางสงฆ์จนพ้นมลทิน
ย้อนกลับไปเมื่อ 20 เม.ย. 2504 ยุคที่อเมริกาปลุกผีคอมมิวนิสต์ พระพิมลธรรม ถูกล้อมจับที่กุฏิในวัดมหาธาตุ ด้วยข้อหากระทำความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ กระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์ ถูกคุมขังอยู่ที่สันติบาล และถูกพระฝ่ายปกครองสั่งให้สึกจากความเป็นพระ ซึ่งได้เขียนบันทึกถึงเจ้าคณะ ขอความกรุณาและขอความเป็นธรรมให้ได้อยู่ต่อสู้คดีในสมณเพศจนถึงที่สุดเสียก่อน ไม่ยอมสึกตามข้อบังคับอันไม่ชอบด้วยพระธรรมวินัยและกฎหมายนั้น จะขอยอมเอาชีวิตบูชาพระรัตนตรัยตลอดไปจนถึงที่สุด ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดลุอำนาจเข้าแย่งผ้ากาสาวพัสตร์ จะถือว่าผู้นั้นแย่งชิงโดยผิดศีลธรรม
ตามประวัติเล่าว่า นั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้หลับตา มือนับลูกประคำ ไม่รับรู้ต่อการกระทำของผู้มีอำนาจใดๆ พระธรรมคุณาภรณ์ผู้ได้รับคำสั่งมาจากสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เดินเข้าไปยกมือไหว้ และ พระธรรมมหาวีรานุวัตร สังฆมนตรี วัดไตรมิตร เข้าไปกราบที่ตัก แล้วช่วยกันเปลื้องจีวรออกจากร่างพระพิมลธรรม ซึ่งยังนั่งสำรวมจิตอย่างสงบต่อไป ระหว่างถูกคุมขังในระหว่างต่อสู้คดี ก็ปฏิบัติตนอยู่ภายใต้พระธรรมวินัยเหมือนพระปกติ มิได้ล่วงสิกขาบทใดๆ จนพ้นมลทิน แม้จะมีพระลูกวัดหลายร้อยรูป ชาวบ้านที่ศรัทธาก็มาก แต่ไม่เคยอ้างขาเน่า ไม่ยอมให้ใครมานั่งสวดมนต์ขัดขวางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่
“ไชยบูลย์ หรือ ธัมมชโย คงเคยได้ยินเรื่องของพระพิมลธรรมมาบ้าง แต่ไชยบูลย์ไม่มีความเป็นบุคคลที่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย จึงได้เข้าใจเอาเองว่า ไม่ต้องทำตามกฎหมาย สภาพของไชยบูลย์วันนี้ จึงไม่ต่างไปจากสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่งเท่านั้น” นายสมผล ระบุ