เปิดใจเล่าหมดเปลือก “อุ๋ย - บุดด้าเบลส” คุ้ยมูลเหตุเรื่องร้อนกรณีธรรมกาย...
จากสถานการณ์ในกรณีวัดพระธรรมกาย ที่เป็นประเด็นร้อนอยู่ในขณะนี้ และส่งผลต่อความคิดของผู้คนในปัจจุบันว่า ใครถูก-ใครผิด ที่ยังเป็นข้อถกเถียงกันไม่รู้จบไม่สิ้นว่าสุดท้ายแล้ว กรณีดังกล่าวนี้จะมีข้อสรุปไปในทิศทางใด แต่มีบุคคลหนึ่งที่ตัดสินใจพูดถึงความไม่ชอบมาพากลถึงกรณีธรรมกาย จนได้รับการยกย่องในโลกสังคมออนไลน์
เขาคนนั้นก็คือ อุ๋ย บุดด้าเบลส หรือ นที เอกวิจิตร หนึ่งในนักร้องวงบุดด้าเบลส (Buddha Bless) ผู้ซึ่งเคยมีประสบการณ์ตรงจากกรณีดังกล่าว และด้วยบุคลิกส่วนตัวของนทีที่ได้มีการศึกษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้เขากล้ายืนยันได้ว่า “ธรรมกายเป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในประเทศไทย”

• ย้อนกลับไปที่สเตตัสของคุณอันเป็นต้นตอแรกๆ ทำไมถึงตัดสินใจโพสต์แบบนั้นครับ
ถ้าได้รู้จักผม ผมจะมีเฟซบุ๊ก 2 อัน คือแฟนเพจ และเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งสเตตัสที่ผมโพสต์ไปมันจะอยู่ในเพจแต่จะเรียกว่าส่วนตัวก็ไม่ส่วนตัว เพราะว่าเพื่อน 5,000 คน ก็เป็นประชาชนทั่วไปที่แอดเข้ามา ซึ่งผมโพสต์เรื่องธรรมกายมานานแล้ว และถ้าสังเกต ในตัวเพจของผมจะไม่มีการขยับเลย เพราะว่าเวลาที่ดูข่าวสารในเพจจะไม่ค่อยขึ้น แต่ถ้าเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัว หน้าฟีดก็จะมีนู่นมีนี่ตลอด แต่ผมจะเล่นอันส่วนตัวมากกว่า เพราะว่าฟีดมันขึ้นเยอะ ก็จะเห็นข่าวสารทั้งวัน แทบจะไม่ได้ดูทีวีเลย คือเสพข่าวทางเฟซบุ๊ก แต่เรื่องธรรมกายผมแชร์มาตลอด ซึ่งถ้าไปย้อนไทม์ไลน์ของเฟซผมนะ ก็เหมือนไม่ใช่อันส่วนตัว ทุกคนสามารถดูได้หมด
แต่ที่ผมทนไม่ไหวแล้วโพสต์นั้น เพราะเขาบอกว่าคุณเคยเข้าวัดหรือเปล่า แล้วสิ่งที่เขาถ่ายทอดสดออกมาก็มาจากวัดทั้งนั้นนะ ผมก็ได้ยินได้ฟังมาแบบนั้น จะมาอ้างว่าไม่เคยเข้าวัด จะมาวิจารณ์ได้ยังไง อันนี้ผมว่าก็ไม่ใช่ ผมก็ขออนุญาตให้ความเห็น และถึงแม้ว่าผมไม่เคยเข้าวัดพระธรรมกาย แต่ผมก็เคยไปวัดสาขามา ผมก็เคยคลุกคลีและรู้จักวิชานี้อยู่บ้าง
• เคยคลุกคลีกับวัดสาขามาบ้าง นี่คือยังไงครับ
โดยส่วนตัวผมตั้งแต่เด็ก บ้านผมเองก็ทำบุญที่วัดพระธรรมกายมาตั้งแต่สมัยที่สร้างวัดใหม่ๆ คือพ่อแม่ผมทำบุญกับวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ตัวผมไปวัดปากน้ำมาตั้งแต่เด็กๆ จนโตเลย ไปตั้งแต่จำความได้ ไปจนไม่รู้เท่าไหร่ๆ สมเด็จวัดปากน้ำ ผมกราบท่านมาไม่รู้กี่ร้อยครั้ง เจอมาไม่รู้เท่าไหร่ หรือห้องที่เขาทำวิปัสสนาวิชาธรรมกายที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผมก็เคยขึ้นไปนั่งตั้งแต่เด็กๆ มันเป็นห้องแอร์ข้างบนตึกขาว
และที่สำคัญ คุณแม่ของผมก็จะปลูกฝังในด้านศาสนาพุทธมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งวัดที่ไปบ่อยที่สุดก็คือวัดนี้ เพราะฉะนั้น ผมจะเห็นเรื่องวิชาธรรมกาย หรือหนังสือจุลสารรายเดือนซึ่งเกี่ยวกับวิชาธรรมกาย แม่ผมก็สมัคร ส่งมาที่บ้านตลอด ผมก็อ่านมาตั้งแต่เด็กครับ แล้วเมื่อก่อนที่บ้านผมก็ศรัทธามาก พระไตรปิฎกหินอ่อนที่อยู่พุทธมณฑล บ้านผมก็เป็นเจ้าภาพ 1 แผ่น
ถามว่าทำไมผมถึงมาโพสต์เรื่องนี้ เพราะผมรู้สึกว่า คือผมดูช่อง DMC บ่อยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ทัวร์คอนเสิร์ต แล้วรอเล่นคอนเสิร์ตตอนกลางคืน ก็เปิดดูเป็นประจำนะ แล้วช่องนี้ ผมดูเพราะช่วงหลังผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ ว่ามันขนาดนี้เลยเหรอ คือแถวบ้านอาม่าผมแถวพระโขนง แล้วจะมีบ้านตรงข้ามคนหนึ่งที่โตกว่าผมไม่กี่ปี คือตั้งแต่สมัยผมเด็กๆ เขาก็จะไปปฏิบัติธรรมที่วัดพระธรรมกาย ซึ่งภายนอกเขาเป็นเด็กดีมากเลย แล้วมุ่งมั่นมาก ไปแล้วไปยาวเลย ทุกเสาร์-อาทิตย์จะต้องไป และใส่เสื้อขาวไปทุกครั้ง แล้วทุกคนก็ชื่นชมเขาว่าดีหมดเลย
เพราะอย่างที่บอกว่าสมัยก่อนทุกคนทำบุญที่วัดนี้หมดและ คนก็เข้าวัดนี้เยอะมาก ตั้งแต่ประมาณ 30 ปีก่อน ซึ่งที่บ้านผมก็ทำ ทุกคนก็ชื่นชม แต่ตอนหลังๆ ผมก็มาได้ข่าวว่า ล้างสมองเหรอ บริจาคเยอะเหรอ ผมก็มีความอยากรู้ ก็เปิดช่องนี้ดู ก็เห็นว่าเป็นอย่างงี้จริงๆ ขายบ้าน ขายรถ เพื่อที่จะมาทำเจดีย์ ไม่มีไม่ได้ แล้วช่วงที่ผมดู DMC ในตอนที่เราเป็นศิลปินแล้วเนี่ย ซึ่งหลังจากที่ไปปฏิบัติธรรมและศึกษาทางพุทธศาสนาแล้ว คือตอนเด็กๆ อย่างที่บอกว่าแม่พาไปวัด แต่เราก็ไม่ได้ปฏิบัติอย่างจริงจัง แค่ลองวิชาธรรมกายที่เขาสอนว่าให้เพ่งดวงแก้ว แล้วลูกแก้วหลวงพ่อสดที่บ้านก็ยังมีอยู่ คือพูดตรงๆ ว่า พอได้ทำก็อาจจะไม่ถูกจริตผม แต่ผมมาสายสติปัฏฐาน หรือว่าทางยุวพุทธ ซึ่งผมจะเข้าใจมากกว่า

• พอคุณเริ่มโตมา สถานการณ์ของวัดลักษณะนี้ ในช่วงเวลานั้นเป็นยังไง
ตอนนั้นก็รู้สึกว่า มันก็เป็นอยู่หลายวัดนะ ว่าทำไมไม่มีการบิณฑบาต เพราะตอนนั้นเราก็เริ่มสนใจพระพุทธศาสนาแล้ว เช่นในเรื่องของการปฏิบัติ แต่ว่ามีบางองค์ที่บิณฑบาต แล้วก็มีลูกพี่ลูกน้องที่ไปบวชที่นั่น ก็มีว่าไม่บิณฑบาต แล้วก็มีโรงครัวที่ทำอาหารให้ฉันอยู่แล้ว ซึ่งอันนี้มันก็แล้วแต่วัดนะครับ บางวัดหรือพระที่มีพรรษามากๆ ที่มาไม่ไหว ก็อย่ามาเปรียบเทียบว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีก็ไม่ใช่ แต่ในความสงสัยส่วนตัวของเราก็เริ่มคิดแล้วว่า ไม่ต้องบิณฑบาตก็ได้เหรอ
เราก็เลยเริ่มมองว่า เรื่องพระที่อยู่สุขสบายกว่าโยมหลายๆ บ้าน มันเป็นเรื่องปกติของหลายๆ วัด เราก็คิดว่า เออ พระบางรูปก็อยู่สุขสบายดีนะ ทุกอย่างโอเค ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี ที่มีสถานที่ปฏิบัติแบบสัปปายะ แต่พระบางรูปที่ผมเคยเจอ อย่างเช่นระดับท่านเจ้าคุณ เราไปได้เห็นก็รู้สึกว่าเกินไปมั้ย สวยกว่าบ้านโยมที่เป็นชนชั้นกลางหลายๆ บ้านอีก ตอนเด็กๆ ก็เริ่มงงๆ แต่พอโตมา ก็ไม่ค่อยไปวัดนี้แล้ว ก็จะมีแต่คุณแม่ที่ไป ผมก็ไม่ได้ไปครับ เพราะว่าเราศรัทธาอีกแบบนึง แต่อันนี้มันเป็นข้อสงสัยของเราเฉยๆ
แต่จะบอกว่าเป็นเรื่องที่ผิดหรือเปล่า ก็ไม่ใช่นะครับ อันนี้ก็เป็นเรื่องจริต และ ส่วนบุคคล ใครจะศรัทธาอะไรก็เรื่องของเขา แต่ผมศรัทธาพระสายวัดป่า บวชเพื่อละ ผมไปทางนี้แล้วผมสบายใจกว่า สวนทางกับวัดปากน้ำที่มีคนบริจาคเยอะมาก อย่างทอดกฐินปีหนึ่งๆ ไม่รู้กี่ 10 ล้าน ต้องจองล่วงหน้ากันเลย ถ้าคุณเคยดูข่าวนะ กฐินวัดนี้นี่คือจองเป็นร้อยปีได้เลยมั้ง มีการแย่งเป็นเจ้าภาพเลย
ผมก็เลยบอกแม่ว่า ผมไปบริจาคกับวัดที่ขาดแคลนตามต่างจังหวัดดีกว่า แต่แม่ก็บอกว่า ที่นี่ก็ส่งต่อให้วัดอื่นๆ นะ ผมก็คิดว่า ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เราก็เลือกที่จะไปวัดที่ขาดแคลนเลยดีกว่า เพราะเราก็จะได้รู้ว่าวัดนั้นขาดแคลนอะไร เขาทำกฐินว่าจะทำแท็งก์น้ำ หรือเอาเงินไปทำอะไร ผมจะทำอย่างนั้นแล้วกัน ก็แล้วแต่คนชอบ

• ในแง่ของคำสอนธรรมกายเท่าที่คุณศึกษามา มันบิดเบือนอย่างไรจากพระธรรมวินัยปกติครับ
ถ้าไม่นับเรื่องนิพพานและอัตตานะ เอาแค่เรื่องบริจาคก่อน การบริจาคคือการทำทานที่ต่ำสุดในบุญกิริยาวัตถุ 10 คือ ถ้าคนที่ศึกษาพระพุทธศาสนาจริงๆ จะรู้ว่า มันมี 10 อย่าง ทานคือขั้นพื้นฐานเลย ทานคือการฝึกการสละละออก ละจากสิ่งภายนอกก่อน แล้วค่อยไปลึกขึ้นๆ ไปจนการละตัวตน ลดอัตตา ซึ่งเท่าที่ผมดูช่อง DMC หรือรู้จักคนที่เชื่อในธรรมกายที่อยู่รอบๆ ตัว จะเน้นแค่ว่า บริจาคๆๆๆ ยิ่งบริจาคเยอะยิ่งดี ซึ่งผมฟังเทศน์ในช่องนี้ ส่วนใหญ่จะยกข้อที่บอกว่า ปู่ของนางวิสาขา เป็นเศรษฐีที่สมัยก่อนเหลือข้าวมื้อสุดท้ายไว้ให้ครอบครัว แต่เอาไปใส่บาตร คือทำจนหมดตัว แล้วกลายเป็นว่าได้สมบัติจักรพรรดิ คือเขาเรียกกันแบบนั้นนะ เรียกได้ว่า กินกี่ปีกี่ชาติก็ไม่หมด เขาก็จะเอาข้อนี้มาบอกว่า นี่เขาทำข้อนี้มา ถึงได้ผลดั่งหวังไง
ถ้าถามผม โดยความเชื่อส่วนตัวผมนะ ผมเชื่อว่าการทำแบบไหน ก็จะได้แบบนั้น จิตแบบอยากได้ขนาดนั้น ถวายข้าวให้กับพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ก็คือเนื้อนาบุญที่ดี คือให้ขนาดนั้นแล้วได้ผลกลับมามหาศาล แต่จุดสำคัญมันอยู่ที่ เศรษฐีคนนั้น ตอนที่ยังจนอยู่ เขาไม่ได้หวังที่จะได้รับกลับ เขาให้เพราะสละออกจริงๆ คือให้ประโยชน์จริงๆ คือเอาข้าวไปบำรุงร่างกายธาตุขันธ์ของพระที่ต้องการพ้นจากทุกข์ นี่คือจิตที่เขาอยากจะให้ ไม่ใช่หวังว่า เราจะได้ไปสวรรค์ชั้นไหน เราจะรวย เราจะได้สมบัติแบบจักรพรรดิ แล้วเขาถึงให้ ซึ่งถ้าคิดแบบนั้นมันคือการลงทุนนะครับ ไม่ใช่การทำบุญ
แต่ธรรมกายเอาเรื่องนี้มาพูดอยู่ตลอดว่า ทำแล้วได้สวรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ เน้นจะสร้างวัตถุ ซึ่งศาสนาพุทธเนี่ย ECO SYSTEM มากนะครับ คือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัด สมถะ เรียบง่าย พระพุทธเจ้าบอกอยู่เสมอว่า ควรอยู่กับใคร ไม้เป็นมิตร ให้อยู่ใต้ต้นไม้ จีวรก็เอามาจากผ้าบังสุกุล ผ้าห่อศพเอามาย้อมสี ซึ่งยุคนี้เราก็ไม่ได้ขาดแคลนผ้าเหมือนยุคนั้นนะ แต่อยากจะบอกว่าศาสนาพุทธเน้นความเรียบง่ายมาโดยตลอด ไม่มีการฟุ้งเฟ้อแบบเน้นสร้างวัตถุ สร้างเจดีย์ใหญ่โต เอาพระพุทธรูปเข้าไปแบบล้านองค์ คือมันเป็นสิ่งวัตถุที่เขาสร้างต่อหลังจากนั้นมา
คนก็ถามว่าทำแบบนี้แอนตี้หรือเปล่า คือถ้ารู้จักผมเป็นการส่วนตัว ผมก็ไม่ได้สนับสนุนในการทำแบบนี้อยู่แล้ว เป็นข้อขัดแย้งว่า ทำไมถึงว่าธรรมกายวัดเดียว หนึ่งคือ ผมเห็นว่าสอนบิดเบือน แล้วเป็นคนหมู่มาก มีช่องทีวีเป็นของตนเองกระจายไปได้ง่าย มีผลกับคนส่วนมาก มีผลกับศาสนาพุทธนิกายเถรวาทของประเทศ
พระพุทธเจ้าบอกว่า หากตัวท่านไม่อยู่แล้ว ให้ยึดหลักพระธรรมวินัย แล้วประเทศไทยก็ยึดหลักนิกายเถรวาท เพราะฉะนั้นเราก็ต้องยึดพระไตรปิฎกเล่มนี้ ธรรมกายคุณไม่ได้แข็งแรงพอที่จะมาเปิดนิกายของตนเอง ซึ่งถ้ามาบอกว่า เราไม่ใช่นิกายเถรวาท เราคือนิกายของเราเอง ถ้าคุณจะเปิดนิกายของตนเอง ก็ไม่มีใครไปยุ่งคุณหรอกครับ คุณไม่อยู่ในหมู่สงฆ์ของประเทศไทย ไม่อยู่ในหมู่สังฆกรรมที่พระสงฆ์อยู่ร่วมกัน ก็ไม่มีใครมาทำอะไรคุณได้ แต่นี่คุณอยู่ในสังฆกรรมพระสงฆ์ในประเทศไทย นิกายเถรวาทที่ประเทศไทยยึดถืออยู่ในปัจจุบัน
เพราะฉะนั้น คนที่ไม่รู้เรื่องแล้วจะมาอ้างคำนี้ไม่ได้ว่า ไปดูพระญี่ปุ่นหรือพระจีนก็เป็นแบบนั้นได้ แยกพุทธแท้พุทธเทียมได้ยังไง ผมก็จะเอาข้อนี้มาโต้แย้งว่า ก็ต้องดูด้วยว่าคุณอยู่ในสังกัดไหน ถ้าคุณอยู่ในนิกายเถรวาท คุณก็ต้องยึดถือพระไตรปิฎกเป็นหลัก พวกคุณบิดเบือนจากตรงนั้น มันก็ไม่ใช่แล้วไง

• แล้วการที่ทางธรรมกายมีแนวทางอย่างงี้ ในมุมมองโดยส่วนตัวของคุณ คิดว่ามีผลดีหรือเสียยังไง
จะบอกว่าไม่มีผลดีเลยก็คงไม่ใช่นะครับ ผมรู้สึกว่าคนที่เป็นลูกศิษย์วัดหรือสาวกของเขา จากคนที่เคยเข้าวัดแล้วมาถือศีล มาปฏิบัติธรรม หรือจากคนที่ไม่เคยทำเลย มันมีอยู่จริง มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่กลายเป็นว่า พอโดนบิดเบือนแล้วเนี่ย มันหลงทางครับ คือจะบอกว่าให้เป็นข้อดีอย่างเดียวก็คงไม่ได้ เพราะว่าศาสนาพุทธในอินเดียสมัยก่อนที่ล่มสลาย ก็เพราะเป็นอย่างงี้ คือใช้วิธีกลืน ไม่ใช่เอาศาสนาอื่นมาโจมตี แล้วเนียนว่าเป็นพุทธ บิดเบือนคำสอน บิดไปเรื่อยๆ อย่างในอินเดีย ก็มีพุทธศาสนาหลายนิกายเขาก็บอกว่า พระพุทธเจ้าอวตารมาจากพระนารายณ์ พระวิศณุ เยอะแยะ หรือก็มาจากฝั่งอินดู คือใช้วิธีกลืน ซึ่งของไทยโดนกลืนมานานแล้ว สังเกตได้จากการมีพระพิฆเนศเต็มไปหมด (หัวเราะเบาๆ)
แต่อันนี้มันมีผลเยอะ เพราะว่ามีเรื่องเงินไงครับ พอมีเงินเข้ามาเป็นจำนวนมากๆ เข้า การตลาดก็มีผล คือการตลาดเขาทำถูกต้องนะครับ คือยุคนี้มันเป็นยุควัตถุนิยม ยุคบริโภคนิยม ถ้าเขามาทางนี้ว่าทำแล้วรวย ทำให้บุญเป็นสินค้า เหมือนธุรกิจเครือข่ายต่อๆ กันมา มันก็ออกมาเป็นรูปแบบ ซึ่งก็ถูกจริตกับคนยุคนี้ เลยกลายเป็นบิดเบือน ซึ่งเริ่มต้นดีแต่กลายเป็นจบร้าย ถามว่าจบร้ายยังไง คือจบแบบมีศาสนาพุทธโดนบิดเบือนแล้วมันไม่ใช่ความจริงนี่ครับ
พระไตรปิฎกมีการสืบทอดกันมา เพราะว่าเขากลัวการบิดเบือนนี่แหละครับ ทำไมภาษาบาลียังคงอยู่ ทั้งๆ ที่มันตายไปแล้ว เพราะว่ามีการแปลที่เยอะมาก จากบาลีเป็นเยอรมัน เป็นอังกฤษ เป็นไทย คือแปลต่อเนื่องกันมา มันก็บิดเบือนไปเรื่อยๆ นี่ขนาดบาลีเป็นไทยยังมาเล่นแง่จนบิดเบี้ยวเลย มาแต่งเติมแล้วใช้ข้ออ้างด้วยว่า ใช้คำอ้างจากศาสดาจารย์ฝั่งจีน ฝั่งไต้หวัน ที่ไปนับถือมหานิกายที่ว่า ใช้ความคิดในเชิงจิตวิทยาและปรัชญาในยุคปัจจุบัน มาตีความพระไตรปิฎก มาบอกว่า บางอย่างที่พระไตรปิฎกเขียนมาตีความใหม่แล้วให้โน้มเอียงมาทางเขา ซึ่งมันไม่ใช่

• การบิดเบือนที่คุณได้รับรู้และสัมผัสมานั้น เป็นลักษณะอย่างไรบ้าง
อย่างเรื่องต้นธาตุต้นธรรม มีการอวดอุตริชัดๆ ว่า ตัวเองเป็นอย่างงี้ ซึ่งถ้าคนได้ติดตามดูหรือศึกษาเรื่องนี้ ค่อยมานั่งถกกัน ถามว่าผมรู้ดีได้ยังไง ถ้าเกิดศึกษาพระไตรปิฎกก็จะรู้ว่า มันมีที่ไหนกันเรื่องนี้ แล้วบอกว่าตัวเองเป็นจุดกำเนิดอวตารลงมา ซึ่งก็เท่ากับว่า ตีตนเสมอพระพุทธเจ้า แล้วแถมมีภาพต่างๆ คือมันบิดเบือนเห็นๆ มันไม่ใช่ คือต้นธาตุในที่นี้คือ เป็นต้นแบบของธาตุต่างๆ ในโลกนี้นะ ธาตุในโลกนี้คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เราเป็นต้นธาตุจุดกำเนิดทั้งหมด คือเขายิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ ซึ่งอันนี้ผมรับไม่ได้ คือมีอาบัติปาราชิกเรื่องอวดอุตริ แล้วก็มาบอกว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ ตัวเองเป็นเหมือนพระพุทธเจ้า ซึ่งอันนี้ตัดสินกันยาก
แต่ที่ผมบอกว่า พระลิขิตของพระสังฆราชองค์ก่อนที่บอกว่าปาราชิกแล้ว เอาง่ายๆ เลย เรื่องยักยอกทรัพย์ เอาของคนอื่นมาเป็นของตนเอง อันนี้ข้อมูลหาอ่านได้ แล้วฝั่งธรรมกายก็จะเถียงว่า พระลิขิตเป็นของปลอม ผมถามหน่อยว่า ถ้าเป็นของปลอม ทางเถรสมาคมทำไมถึงยอมรับเรื่องพระลิขิต ลิขิตบอกให้คืนทรัพย์ ซึ่งทางธัมมชโยในตอนแรกที่ฟ้องร้องกัน 7 ปี กว่าจะยอมคืนทรัพย์สิน คดีมีที่มา คือเริ่มต้นจากธัมมชโยถอนเงินออกไปให้คนสนิท เพราะโยมคนสนิทเอาไปซื้อที่ พอเรียบร้อย วันที่ไปกรมที่ดิน เซ็นชื่อเป็นธัมมชโย เนี่ย ธัมมชโย เอาเงินวัดโอนออกใส่ชื่อโยมคนสนิท แล้วเอาไปซื้อที่ และถือครองชื่อตัวเอง ก็เท่ากับเอาเงินวัดไปซื้อที่ใส่ชื่อตัวเองมันก็ผิดเต็มๆ ที่ยักยอกทรัพย์ เอาทรัพย์คนอื่นมาเป็นชื่อตัวเอง
ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชในยุคนั้น รวมถึงกระทั่งศาลด้วย ผมว่าท่านมีจิตเมตตานะ ท่านยังไม่ฟันธงเป๊ะแต่แรกว่าให้อาบัติปาราชิก ท่านบอกว่าให้คืนก่อน ศาลท่านก็รับฟ้อง ปรากฏว่าไม่คืน ก็ต้องต่อสู้มา 7 ปี จนสุดท้ายต้องมายอมความ พอมายอมความให้คืนที่ คืนทรัพย์ให้กับวัด แล้วอัยการถอนฟ้อง ถ้าพระลิขิตเป็นของปลอม เอามาประกอบพิจารณาคดีได้ ถ้าเป็นของปลอม แล้วทุกวันนี้ทำไมไม่มีใครไปฟ้องร้อง การปลอมสิ่งนี้ก็เท่ากับการปลอมพระปรมาภิไธยเลยนะครับ เป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะครับ
ถ้าปลอมจริง 7 ปีที่สู้กันมา ไม่มีใครแย้งเรื่องพระลิขิตปลอม แล้วถ้ามาแย้งต่อว่า พระลิขิตไม่ได้เป็นตัวกำหนดและไม่สามารถฟันธงได้ว่าให้ปาราชิก จะปาราชิกหรือไม่ก็ต้องขึ้นกับมหาเถรสมาคมด้วย เพราะตามกฎหมายแล้ว พระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช ต้องไม่ขัดแย้งกับมหาเถรสมาคม ตามกฎหมายบ้านเมือง ก็ต้องมาให้เถระฯ ลงคะแนนด้วย แต่นี่เป็นเรื่องของกฎหมายบ้านเมือง ส่วนในทางพระวินัยคุณขาดความเป็นพระและปาราชิกไปแล้ว เหมือนกับการที่พระไปเสพเมถุน ต่อให้ไม่โดนจับได้ คุณก็ผิดอยู่ดี ไม่ต้องรอให้มาจับหรอก เรื่องนี้ก็เหมือนกัน คุณเอาทรัพย์ของคนอื่นที่ไม่ใช่ของตัว มาเป็นของตัวเอง คุณก็ขาดความเป็นพระมาตั้งแต่นั้นแล้ว แต่มหาเถรสมาคมไม่ทำอะไรเลยไง ผมก็อยากทราบเหมือนกันว่า ทำไมถึงไม่ทำอะไร ถึงเป็นปัญหาคาราคาซังมาจนทุกวันนี้

• แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีบางส่วน ที่ยังเชื่อมั่นและศรัทธาอย่างงี้อยู่ คุณคิดว่าทำไมเขายังเชื่อมั่นอยู่อย่างนั้นครับ
ผมตอบไม่ได้ครับว่าทำไมยังเชื่ออยู่ อย่างที่บอกว่า ในโลกใบนี้มีศาสนาเยอะแยะ แต่ละศาสนาก็มีนิกายเยอะแยะกันไป ก็แล้วแต่ความเชื่อครับ อย่างมีศาสนาที่พาคนไปฆ่าตัวตาย คนก็ยังไปเลย เพราะฉะนั้น เรื่องแบบนี้ ผมตอบไม่ได้หรอกครับว่าทำไมเขายังเชื่ออยู่ ก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่เขาจะเชื่อต่อไป ผมรู้สึกว่าเหตุการณ์ธรรมกายในทุกวันนี้ คนที่เป็นเหยื่อคือ ลูกศิษย์วัดหรือพระสงฆ์ที่คิดดีแต่โดนล้างสมอง คือยังมีเจตนาที่ดี แต่หลงผิด คิดว่าอาจารย์ของตนเองถูก ก็เลยปกป้องเต็มที่ ผมคิดว่าคนเหล่านั้นเป็นเหยื่อนะ ในการที่เขามาทำแบบนี้
คือถ้าธัมมชโยมาให้ปากคำตั้งแต่แรกก็จบแล้ว ไม่มีใครเดือดร้อนเลยนะ แต่การที่คุณเลือกแบบนี้ ทำให้ทุกคนเดือดร้อนกันหมด แล้วคนที่มาบอกว่า รัฐบาลประกาศ ม.44 แล้วมาทำความเดือดร้อน ก็ไม่ใช่ครับ คนที่สร้างความเดือดร้อนก็คือธัมมชโยคนเดียว รัฐบาลก็ทำหน้าที่ตามปกติ เขาบอกว่าวัดอื่นก็มีปัญหากันเยอะแยะ แต่ธรรมกายมีคดีค้างอยู่ บุกรุกป่าก็ด้วย ฟอกเงินด้วย คือหลายอัน แล้วคดีมันคาราคาซังไม่รู้กี่ 10 ปีแล้ว เราต้องยอมรับว่า เขามีอิทธิพลมาก มากไม่มากยังไง ลองดูทุกวันนี้ เกณฑ์คนมาขนาดนี้ คิดว่ามีอิทธิพลมั้ยล่ะ แล้วถามว่า ทำไมไม่เรียกวัดอื่นบ้าง ก็วัดนี้มันใหญ่สุดไง มีอิทธิพลใหญ่สุดไง เขาก็ต้องจัดการก่อนสิ
• แต่บางคนก็ต้องการความรวดเร็วในการทำบุญนะ
คืออยากให้เรียนรู้เรื่อง บุญกิริยาวัตถุ 10 คือไล่ตั้งแต่ ทาน ศีล ภาวนา ซึ่งภาวนาคือการได้บุญสูงสุด เรียกว่าได้อานิสงส์สูงสุดดีกว่า ศีลเนี่ย ไม่ต้องใช้เงินสักบาท อยู่ที่ไหนก็ทำได้ สำรวมกาย วาจา ใจ คุณโกรธ คุณไม่แสดงออก ไม่ชักสีหน้า สำรวมได้ มีสติ รู้ตัวว่ากำลังทำอะไร แต่ไม่แสดงออก ไม่เดือดร้อนคนรอบข้าง ไม่ไปตวาด ไม่ไปพูดจาหยาบคาย นี่คือการถือศีล สำรวมกายใจตัวเองได้ อานิสงส์ได้กว่าทานอีก ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปวัดเลย ไม่ต้องลงทุนสักบาท การทำทานของคุณถือว่าทำได้เรื่อยๆ อยากทานเมื่อไหร่
เดี๋ยวนี้ก็มีสารพัดมูลนิธิ เดี๋ยวนี้กดโอนทางโทรศัพท์ก็ได้แล้ว คือทำได้ตลอดครับ ยิ่งสมัยนี้ก็ง่ายแล้ว แต่ศีลส่งผลมากกว่าการทำทาน ส่วนทางภาวนา ถ้ามีโอกาสก็ควรต้องทำ การภาวนาก็เพื่อให้เห็นความเกิดดับ ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ อารมณ์เกิดขึ้น อารมณ์ดับไป คือเห็นจุดตรงนี้มันก็เห็นได้ มันก็เกิดกับชีวิตจริง รู้อารมณ์ตัวเอง รู้อารมณ์มีสติ อยู่กับปัจจุบันได้ ไม่ฟุ้งซ่านอดีตและอนาคต อยู่กับปัจจุบัน ก็ทุกข์น้อยลง
คือคุณทำบุญเพื่ออะไร เพื่อให้สบายใจขึ้น แต่ถ้ามานั่งกังวลให้มันทุกข์อีก มันต้องอยู่กับปัจจุบันได้ ไม่ไปจมกับอดีต ไม่ฟุ้งซ่านกับอนาคต คุณก็หายทุกข์แล้ว ทั้งที่กุศลในทางพุทธนะ ทำสิ่งที่ดี นี่คือสิ่งที่ควรทำมากกว่าไปวิ่งไล่ทำบุญบริจาคอีก อย่างที่บอกว่า พระพุทธศาสนาคือให้พ้นจากทุกข์ ออกและคลายจากทุกข์อย่างสิ้นเชิง ซึ่งถ้าคุณเป็นชาวพุทธ คุณควรที่จะทำอย่างนี้หรือเปล่า

• แสดงว่า ภาพจำที่เราเคยได้รับมา ก็ทำให้เกิดความเชื่อที่ผิดไป ทั้งๆ ที่ตามหลักศาสนาจริงๆ แล้ว มันไม่มีแบบนี้
ใช่ครับ ตอนเด็กๆ ผมก็โดนปลูกฝังมาให้ไปตระเวนไหว้พระ ไปแปะทอง ไปจุดธูป แล้วขอให้ตัวเองเรียนเก่ง ขอให้รวย คือโดนปลูกฝังด้วยการขอ ซึ่งศาสนาพุทธไม่มีหลักนี้เลย แต่ศาสนาพุทธจะบอกว่า ทำสิ ทำไป ศาสนาพุทธเน้นที่เหตุ แล้วปล่อยวางในผล คือเน้นเหตุให้เต็มที่ เหมือนทำงานทำการ ตั้งใจทำ ส่วนผลจะออกมายังไง ก็อยู่ที่เหตุเอง มันเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ ศาสนาพุทธเขาสอนแบบนี้ แต่ตอนนี้มันกลับกันว่า มาขอให้ได้นั่นนี่ มันเพี้ยนมาก คือมันเพี้ยนไปอย่างงี้ แล้วคุณมีมาบอกว่า พุทธแท้เป็นอย่างงั้น พุทธเทียมเป็นอย่างงี้ ลองไปเปิดพระไตรปิฎกดูว่าผมพูดผิดมั้ย
• มองในมุมหนึ่ง คุณอุ๋ยมองว่ามันเป็นเกมการเมืองของวงการสงฆ์บ้านเรามั้ย
ต้องยอมรับว่าบ้านเรามี 2 ฝ่าย คือ ธรรมยุต กับ มหานิกาย คือตั้งแต่สมัยก่อน ธรรมยุตเข้ามาตั้งแต่รัชกาลที่ 4 สมัยก่อนธรรมยุตปกครองมหานิกายได้ แต่มหานิกายปกครองธรรมยุตไม่ได้ ผมว่านั่นคือความเก็บกดของฝ่ายหลังที่ไม่สามารถปกครองธรรมยุตได้ ในปัจจุบัน สมเด็จพระสังฆราชมีการสลับกันทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งถ้าถามผม ธรรมยุตคือสายวัดป่า มีพระที่ย่อหย่อนหรือประพฤติไม่ดีมั้ย มี แล้วพระสายมหานิกายมีพระที่ดีมั้ย ก็มี น่านับถือกราบไหว้ จริยวัตรงดงาม มีเยอะด้วย เช่นท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ที่เรียกว่าพระไตรปิฎกเคลื่อนที่ ท่านก็สายมหานิกายนะครับ ก็เป็นที่ยอมรับของสังคมทั่วโลก
คือจะมาบอกว่า นิกายไหนดีกว่าก็ไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวพระเองมากกว่า แต่เรื่องการเมืองของฝ่ายสงฆ์ มันมีแน่นอนอยู่แล้ว พอมีเรื่องสมณศักด์ เรื่องลาภสักการะขึ้นมา แล้วมีเงินมาเกี่ยวข้อง ทำให้ทุกอย่างผิดเพี้ยนไปหมด พระบวชเพื่อมาละ เงินยังจับไม่ได้เลย แล้วทำไม พระรับซองกันปกติ มาสวดแล้วได้รับซองกลับไป กลายเป็นอาชีพแล้ว แล้วมาให้พระฉันอาหาร ให้มาเทศนาญาติโยม รถก็ไปรับสิ จะต้องหารถอะไรไปรับ แต่บางบ้านที่พระรับนิมนต์ไป รถที่นั่นคือ รถส่วนตัวหรือรถทางวัด หรือเป็นรถบ้านโยมที่ไปรับนิมนต์
อย่างหลวงปู่ชาในสมัยก่อนที่มีคนจะมาบริจาครถ ท่านก็เรียกประชุมสงฆ์ทั้งวัด ว่าควรรับดีมั้ย บางรูปบอกว่าดีนะ เผื่อท่านอาพาธแล้วไปส่งที่โรงพยาบาลได้ แต่หลวงปู่ชาบอกว่า ไม่อายโยมชาวบ้านเหรอ โยมที่ถวายบิณฑบาตเอาข้าวให้เรากินยังไม่มีรถนั่งเลย แล้วเรามีรถอยู่ในวัด ไม่อายเขาเหรอ สรุปคือ มติสงฆ์ในวัดคือไม่เอา แล้วดูพระในปัจจุบัน รถหรูกว่าโยมอีก แถมโยมบางคนยังไม่มีรถด้วย แต่พระมีของส่วนตัวใช้ สุดท้ายมันบิดเบือนไปหมดครับ

• กล่าวโดยสรุป คนไทยส่วนใหญ่ก็ยังบ้าวัตถุตามที่พุทธพาณิชย์นำเสนอมา แต่หลักคำสอนในพระไตรปิฎก ก็ไม่ศึกษาอย่างจริงจัง
สังคมไทยมันเบี้ยวมานานแล้ว คือตามพระไตรปิฎกแล้ว การทำคุณไสยวิชา พระพุทธเจ้าก็มีการสั่งห้าม ทั้งเรื่องดูดวง หรือ ปลุกเสก แต่เมืองไทยนี้มีการทำอย่างเอิกเกริกจนเป็นปกติ ซึ่งผมจั๊กจี้ตรงนี้ มันปนไปจนเบี้ยวหมดแล้ว ฝั่งนั้นก็จะว่าๆ ทำไมมาด่าธรรมกายวัดเดียว ผมก็บอกว่าคุณตัวใหญ่สุด แล้วดันมีคดีทางโลกอีก เขาเลยต้องจัดการไง ถ้าคุณไม่มีคดีทางโลก ใครเขาแตะต้องอะไรคุณได้ แต่คุณยอมคืน ซึ่งก็ฟ้องแล้วว่า คุณเคยเอามาแล้ว มันก็ปาราชิกเห็นๆ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงพุ่งเป้ามาที่ธรรมกาย แล้วมาบอกว่าโดนรังแก ทั้งๆ ที่ ไม่ได้รังแกเลย
ส่วนจะทำอย่างไรให้คนกลับมาสนใจในหลักศาสนาจริงๆ ก็ต้องมีการรณรงค์นะครับ ก็เหมือนกับให้คนเลิกดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่น้อยลง อย่างที่ สสส.ทำ ถามว่าทำให้ตาย ก็ยังมีคนดื่มและสูบไหมก็มีตลอด คือมันเป็นรสนิยมส่วนบุคคลไงครับ เรื่องความเชื่อ แต่ถามผม ผมว่าอันไหนที่ผิด ก็ต้องรณรงค์ว่าเป็นสิ่งที่ผิด อันไหนเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็ต้องส่งเสริม แต่กลายเป็นว่า บางรัฐบาลที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาฯ ในช่วงเวลานั้น เกณฑ์เด็กไปที่วัดสาขาของธรรมกายทั้งนั้น คือส่งเสริมไปในทางที่ผิดเลย
ในเมื่อหน่วยงานรัฐยังพาไปในทางที่ผิด พากันฉิบหาย แต่รัฐบาลชุดนี้กำลังจัดการสิ่งที่ผิดในพระพุทธศาสนาอยู่ ส่วนเรื่องเกินกว่าเหตุมากน้อย ก็แล้วแต่วิจารณญาณของคนครับ ผมไม่มีความรู้ทางด้านตำรวจหรือหน่วยงานรัฐ แต่ถ้าเรื่องพระไตรปิฎก ผมสามารถบอกได้ สามารถเถียงได้

• แน่นอนว่า ก็มีคนมาว่าคุณเหมือนกัน โดยส่วนตัวแล้วคิดยังไง
ผมก็ค่อนข้างเปลืองตัวเหมือนกันนะ แล้วหลายคนก็บอกผมว่า ไม่น่าหาเรื่องเลย ทำทำไม อยู่เฉยๆ ก็ดีแล้ว แต่ผมรู้สึกว่า ผมเป็นชาวพุทธ แล้วเรื่องนี้มันมีมานานแล้ว อย่างตอนเรื่องขายตรง ผมก็รู้สึกว่าผมเป็นคนเปิดประเด็น แล้วทำให้คนศึกษาพระพุทธศาสนามากขึ้น รู้ว่าอะไรถึงแก่น รู้ว่าอะไรที่ไม่ใช่ ผมว่ามันยังมีประโยชน์ ส่วนคนที่เชื่อหัวปักหัวปำ อย่างที่บอกก็เรื่องของเขา
ส่วนคนที่ยังก้ำกึ่งหรือรู้สึกว่า รู้ได้ไงว่าเขาผิด รู้ได้ไงว่าเขาบิดเบือน พุทธมีตั้งหลายนิกาย นี่ไงครับ เป็นพื้นที่ที่ทำให้ผมได้อธิบายว่าสาเหตุอะไร ทำไมท่าน ป.อ. ปยุตฺโต หรือพระผู้ใหญ่อีกหลายๆ รูป ออกมาบอกว่า ธรรมกายเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทย เป็นเรื่องลึกๆ และเรื่องที่ใช้เวลาอ่านหนังสือพวกนี้ คนทั่วไปไม่ขยันอ่าน อยากจะสรุปทั่วไปไม่เกิน 8 บรรทัด มันจะอะไรนักหนา คนชอบอะไรก็เรื่องของเขา จะไปยุ่งอะไรนักหนา ก็ปล่อยไปสิ ทำอย่างงี้บาปนะเนี่ยมานั่งวิจารณ์พระ ถือศีลได้เท่าพระหรือเปล่า เพราะคนคิดกันอย่างงี้ ซึ่งถ้ารักจริง เคารพจริง เมืองไทยมีมาตั้งแต่โบราณแล้วนะครับ
พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสไว้นะครับว่า พระพุทธศาสนา อยู่ได้ด้วยพุทธบริษัท 4 คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา ไม่ได้อยู่แค่ 2 อย่างแรก หรือ 2 อย่างหลัง ถ้าไม่มีใครใส่บาตรให้ พระก็อดตายกันหมด ฉะนั้น ในการบำรุงศาสนา ถ้าเกิดกรณีที่มี 2 อย่างแรกทำผิด เรามีสิทธิ์ที่จะว่ากล่าวตักเตือนเพื่อให้เป็นกระจกสะท้อนให้กับผู้นั้นได้ ซึ่งสมัยก่อนนี่คือ ถ้าพระสงฆ์ทำผิดวินัย ชาวบ้านจับสึกเลย เพราะว่าพระนั้นเป็นของชาวบ้านและชุมชน เพราะฉะนั้นทำผิดทำไม่ดี ก็ต้องมีการว่ากล่าวตักเตือนบอกกันได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่แตะไม่ได้ (เน้นเสียง)
พระก็เป็นปุถุชนปกตินี่แหละ เพียงแต่เปลี่ยนภาพลักษณ์ เขาวิเศษขึ้นมาถึงขนาดที่แตะไม่ได้เชียวเหรอ ก็ลูกหลานเราทั้งนั้น พวกเดียวกับเรา แค่เป็นบุคคลที่หวังจะหลุดพ้นโดยสิ้นเชิง อยากออกจากทุกข์ ถึงมาละทางโลก บวชทางธรรม ถามตัวท่านเองว่า พระสงฆ์ในปัจจุบัน ท่านคิดอย่างนั้นหรือเปล่า บวชเพื่ออะไร ถามตัวเองก่อนดีกว่า ก่อนจะมาด่าคนอื่น

• อย่างบางกลุ่มก็วิจารณ์คุณแรงเหมือนกันว่า เอาชื่อศาสนามาหากิน ตั้งเป็นชื่อวง แล้วมีเขียนเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ด้วย ตรงนี้คุณมองยังไง
บทเพลงผมก็มีทั้ง 2 แบบครับ ผมก็ยอมรับ แต่ผมก็มีเพลงที่ทำทั้งทางโลกและทางที่สนับสนุนเพื่อทางศาสนา ผมเคยได้รับรางวัลจากสภาองค์กรพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ซึ่งเราก็อึดอัดกับการได้มานะ พูดตรงๆ แต่เพลงผมก็ไม่เคยชวนไปทางอบายมุข ไม่เคยชวนไปทางเสพเมถุน อาจจะมีบ้างในเรื่องความเซ็กซี่ แต่นั่นก็เป็นเรื่องทางโลก แล้วเรื่องชื่อวง ผมก็ไม่ได้ใช้คำว่า บุดด้า คำเดียวนะ ซึ่งถ้าเป็นงั้น เขาก็ด่าได้ว่า มึงอวดดียังไง Buddha bless แปลว่า เจริญพร ส่วนผมจะเจริญตามชื่อวงมั้ย อันนั้นมันอยู่ที่การกระทำของผม
ถ้าผมทำไม่ดี ผลกรรมก็ต้องตามมาอยู่แล้ว หรือถ้าวงผมทำเกินกว่าเหตุจริง ข้อกฎหมายก็มี มาฟ้องร้องสิ ซึ่งผมมองว่าไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุนะ แต่อย่างน้อย เพลงผมก็ไม่บิดเบือนศาสนา เป็นแค่การนำเสนอในแง่ศิลปะเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย แต่ผมไม่ได้เป็นคนตั้งชื่อนี้นะ ผมก็ยอมรับ แต่ผมก็ไม่สนใจ อยากชื่ออะไรก็เอาเลย
• กล่าวโดยสรุปคือ ธรรมกายคืออะไร และอันตรายต่อบ้านเมืองเรายังไงบ้างครับ
อันตรายตรงที่ บิดเบือนคำสอนของพระพุทธศาสนาจนไม่ใช่หลักของนิกายเถรวาทตามพระไตรปิฎกอย่างที่ควรจะเป็น เพราะเขาบอกว่าพุทธแท้พุทธเทียมให้มาเถียงทางนี้ ถ้านั่งเถียงอย่างงี้ก็ไม่จบสิครับ ศาสนาพุทธให้ยึดหลักวินัย แต่คุณบิดเบือนคำสอนพระวินัยที่ใช้ในประเทศไทย สอง เจ้าลัทธิของคุณ ได้โดนปาราชิกแล้ว หลุดจากความเป็นพระแล้ว ถ้าวัดจากพระวินัย หรืออย่างที่บอกว่า เอาบุญเป็นสินค้า เน้นการบริจาคเยอะๆ การผ่อนบุญได้ เน้นวัตถุ นี่คือบิดเบือนชัดเจน ถึงว่าเป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนา ก็เห็นดีด้วยที่ภาครัฐควรจัดการ มหาเถรสมาคมมิควรนิ่งเฉย เพราะผมเป็นชาวพุทธ แล้วพระพุทธศาสนาเป็นของชาวไทยพุทธทุกคน ผมก็ขอใช้สิทธิ์ส่วนร่วมของผม
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร
จากสถานการณ์ในกรณีวัดพระธรรมกาย ที่เป็นประเด็นร้อนอยู่ในขณะนี้ และส่งผลต่อความคิดของผู้คนในปัจจุบันว่า ใครถูก-ใครผิด ที่ยังเป็นข้อถกเถียงกันไม่รู้จบไม่สิ้นว่าสุดท้ายแล้ว กรณีดังกล่าวนี้จะมีข้อสรุปไปในทิศทางใด แต่มีบุคคลหนึ่งที่ตัดสินใจพูดถึงความไม่ชอบมาพากลถึงกรณีธรรมกาย จนได้รับการยกย่องในโลกสังคมออนไลน์
เขาคนนั้นก็คือ อุ๋ย บุดด้าเบลส หรือ นที เอกวิจิตร หนึ่งในนักร้องวงบุดด้าเบลส (Buddha Bless) ผู้ซึ่งเคยมีประสบการณ์ตรงจากกรณีดังกล่าว และด้วยบุคลิกส่วนตัวของนทีที่ได้มีการศึกษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้เขากล้ายืนยันได้ว่า “ธรรมกายเป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในประเทศไทย”
• ย้อนกลับไปที่สเตตัสของคุณอันเป็นต้นตอแรกๆ ทำไมถึงตัดสินใจโพสต์แบบนั้นครับ
ถ้าได้รู้จักผม ผมจะมีเฟซบุ๊ก 2 อัน คือแฟนเพจ และเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งสเตตัสที่ผมโพสต์ไปมันจะอยู่ในเพจแต่จะเรียกว่าส่วนตัวก็ไม่ส่วนตัว เพราะว่าเพื่อน 5,000 คน ก็เป็นประชาชนทั่วไปที่แอดเข้ามา ซึ่งผมโพสต์เรื่องธรรมกายมานานแล้ว และถ้าสังเกต ในตัวเพจของผมจะไม่มีการขยับเลย เพราะว่าเวลาที่ดูข่าวสารในเพจจะไม่ค่อยขึ้น แต่ถ้าเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัว หน้าฟีดก็จะมีนู่นมีนี่ตลอด แต่ผมจะเล่นอันส่วนตัวมากกว่า เพราะว่าฟีดมันขึ้นเยอะ ก็จะเห็นข่าวสารทั้งวัน แทบจะไม่ได้ดูทีวีเลย คือเสพข่าวทางเฟซบุ๊ก แต่เรื่องธรรมกายผมแชร์มาตลอด ซึ่งถ้าไปย้อนไทม์ไลน์ของเฟซผมนะ ก็เหมือนไม่ใช่อันส่วนตัว ทุกคนสามารถดูได้หมด
แต่ที่ผมทนไม่ไหวแล้วโพสต์นั้น เพราะเขาบอกว่าคุณเคยเข้าวัดหรือเปล่า แล้วสิ่งที่เขาถ่ายทอดสดออกมาก็มาจากวัดทั้งนั้นนะ ผมก็ได้ยินได้ฟังมาแบบนั้น จะมาอ้างว่าไม่เคยเข้าวัด จะมาวิจารณ์ได้ยังไง อันนี้ผมว่าก็ไม่ใช่ ผมก็ขออนุญาตให้ความเห็น และถึงแม้ว่าผมไม่เคยเข้าวัดพระธรรมกาย แต่ผมก็เคยไปวัดสาขามา ผมก็เคยคลุกคลีและรู้จักวิชานี้อยู่บ้าง
• เคยคลุกคลีกับวัดสาขามาบ้าง นี่คือยังไงครับ
โดยส่วนตัวผมตั้งแต่เด็ก บ้านผมเองก็ทำบุญที่วัดพระธรรมกายมาตั้งแต่สมัยที่สร้างวัดใหม่ๆ คือพ่อแม่ผมทำบุญกับวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ตัวผมไปวัดปากน้ำมาตั้งแต่เด็กๆ จนโตเลย ไปตั้งแต่จำความได้ ไปจนไม่รู้เท่าไหร่ๆ สมเด็จวัดปากน้ำ ผมกราบท่านมาไม่รู้กี่ร้อยครั้ง เจอมาไม่รู้เท่าไหร่ หรือห้องที่เขาทำวิปัสสนาวิชาธรรมกายที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผมก็เคยขึ้นไปนั่งตั้งแต่เด็กๆ มันเป็นห้องแอร์ข้างบนตึกขาว
และที่สำคัญ คุณแม่ของผมก็จะปลูกฝังในด้านศาสนาพุทธมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งวัดที่ไปบ่อยที่สุดก็คือวัดนี้ เพราะฉะนั้น ผมจะเห็นเรื่องวิชาธรรมกาย หรือหนังสือจุลสารรายเดือนซึ่งเกี่ยวกับวิชาธรรมกาย แม่ผมก็สมัคร ส่งมาที่บ้านตลอด ผมก็อ่านมาตั้งแต่เด็กครับ แล้วเมื่อก่อนที่บ้านผมก็ศรัทธามาก พระไตรปิฎกหินอ่อนที่อยู่พุทธมณฑล บ้านผมก็เป็นเจ้าภาพ 1 แผ่น
ถามว่าทำไมผมถึงมาโพสต์เรื่องนี้ เพราะผมรู้สึกว่า คือผมดูช่อง DMC บ่อยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ทัวร์คอนเสิร์ต แล้วรอเล่นคอนเสิร์ตตอนกลางคืน ก็เปิดดูเป็นประจำนะ แล้วช่องนี้ ผมดูเพราะช่วงหลังผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ ว่ามันขนาดนี้เลยเหรอ คือแถวบ้านอาม่าผมแถวพระโขนง แล้วจะมีบ้านตรงข้ามคนหนึ่งที่โตกว่าผมไม่กี่ปี คือตั้งแต่สมัยผมเด็กๆ เขาก็จะไปปฏิบัติธรรมที่วัดพระธรรมกาย ซึ่งภายนอกเขาเป็นเด็กดีมากเลย แล้วมุ่งมั่นมาก ไปแล้วไปยาวเลย ทุกเสาร์-อาทิตย์จะต้องไป และใส่เสื้อขาวไปทุกครั้ง แล้วทุกคนก็ชื่นชมเขาว่าดีหมดเลย
เพราะอย่างที่บอกว่าสมัยก่อนทุกคนทำบุญที่วัดนี้หมดและ คนก็เข้าวัดนี้เยอะมาก ตั้งแต่ประมาณ 30 ปีก่อน ซึ่งที่บ้านผมก็ทำ ทุกคนก็ชื่นชม แต่ตอนหลังๆ ผมก็มาได้ข่าวว่า ล้างสมองเหรอ บริจาคเยอะเหรอ ผมก็มีความอยากรู้ ก็เปิดช่องนี้ดู ก็เห็นว่าเป็นอย่างงี้จริงๆ ขายบ้าน ขายรถ เพื่อที่จะมาทำเจดีย์ ไม่มีไม่ได้ แล้วช่วงที่ผมดู DMC ในตอนที่เราเป็นศิลปินแล้วเนี่ย ซึ่งหลังจากที่ไปปฏิบัติธรรมและศึกษาทางพุทธศาสนาแล้ว คือตอนเด็กๆ อย่างที่บอกว่าแม่พาไปวัด แต่เราก็ไม่ได้ปฏิบัติอย่างจริงจัง แค่ลองวิชาธรรมกายที่เขาสอนว่าให้เพ่งดวงแก้ว แล้วลูกแก้วหลวงพ่อสดที่บ้านก็ยังมีอยู่ คือพูดตรงๆ ว่า พอได้ทำก็อาจจะไม่ถูกจริตผม แต่ผมมาสายสติปัฏฐาน หรือว่าทางยุวพุทธ ซึ่งผมจะเข้าใจมากกว่า
• พอคุณเริ่มโตมา สถานการณ์ของวัดลักษณะนี้ ในช่วงเวลานั้นเป็นยังไง
ตอนนั้นก็รู้สึกว่า มันก็เป็นอยู่หลายวัดนะ ว่าทำไมไม่มีการบิณฑบาต เพราะตอนนั้นเราก็เริ่มสนใจพระพุทธศาสนาแล้ว เช่นในเรื่องของการปฏิบัติ แต่ว่ามีบางองค์ที่บิณฑบาต แล้วก็มีลูกพี่ลูกน้องที่ไปบวชที่นั่น ก็มีว่าไม่บิณฑบาต แล้วก็มีโรงครัวที่ทำอาหารให้ฉันอยู่แล้ว ซึ่งอันนี้มันก็แล้วแต่วัดนะครับ บางวัดหรือพระที่มีพรรษามากๆ ที่มาไม่ไหว ก็อย่ามาเปรียบเทียบว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีก็ไม่ใช่ แต่ในความสงสัยส่วนตัวของเราก็เริ่มคิดแล้วว่า ไม่ต้องบิณฑบาตก็ได้เหรอ
เราก็เลยเริ่มมองว่า เรื่องพระที่อยู่สุขสบายกว่าโยมหลายๆ บ้าน มันเป็นเรื่องปกติของหลายๆ วัด เราก็คิดว่า เออ พระบางรูปก็อยู่สุขสบายดีนะ ทุกอย่างโอเค ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี ที่มีสถานที่ปฏิบัติแบบสัปปายะ แต่พระบางรูปที่ผมเคยเจอ อย่างเช่นระดับท่านเจ้าคุณ เราไปได้เห็นก็รู้สึกว่าเกินไปมั้ย สวยกว่าบ้านโยมที่เป็นชนชั้นกลางหลายๆ บ้านอีก ตอนเด็กๆ ก็เริ่มงงๆ แต่พอโตมา ก็ไม่ค่อยไปวัดนี้แล้ว ก็จะมีแต่คุณแม่ที่ไป ผมก็ไม่ได้ไปครับ เพราะว่าเราศรัทธาอีกแบบนึง แต่อันนี้มันเป็นข้อสงสัยของเราเฉยๆ
แต่จะบอกว่าเป็นเรื่องที่ผิดหรือเปล่า ก็ไม่ใช่นะครับ อันนี้ก็เป็นเรื่องจริต และ ส่วนบุคคล ใครจะศรัทธาอะไรก็เรื่องของเขา แต่ผมศรัทธาพระสายวัดป่า บวชเพื่อละ ผมไปทางนี้แล้วผมสบายใจกว่า สวนทางกับวัดปากน้ำที่มีคนบริจาคเยอะมาก อย่างทอดกฐินปีหนึ่งๆ ไม่รู้กี่ 10 ล้าน ต้องจองล่วงหน้ากันเลย ถ้าคุณเคยดูข่าวนะ กฐินวัดนี้นี่คือจองเป็นร้อยปีได้เลยมั้ง มีการแย่งเป็นเจ้าภาพเลย
ผมก็เลยบอกแม่ว่า ผมไปบริจาคกับวัดที่ขาดแคลนตามต่างจังหวัดดีกว่า แต่แม่ก็บอกว่า ที่นี่ก็ส่งต่อให้วัดอื่นๆ นะ ผมก็คิดว่า ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่เราก็เลือกที่จะไปวัดที่ขาดแคลนเลยดีกว่า เพราะเราก็จะได้รู้ว่าวัดนั้นขาดแคลนอะไร เขาทำกฐินว่าจะทำแท็งก์น้ำ หรือเอาเงินไปทำอะไร ผมจะทำอย่างนั้นแล้วกัน ก็แล้วแต่คนชอบ
• ในแง่ของคำสอนธรรมกายเท่าที่คุณศึกษามา มันบิดเบือนอย่างไรจากพระธรรมวินัยปกติครับ
ถ้าไม่นับเรื่องนิพพานและอัตตานะ เอาแค่เรื่องบริจาคก่อน การบริจาคคือการทำทานที่ต่ำสุดในบุญกิริยาวัตถุ 10 คือ ถ้าคนที่ศึกษาพระพุทธศาสนาจริงๆ จะรู้ว่า มันมี 10 อย่าง ทานคือขั้นพื้นฐานเลย ทานคือการฝึกการสละละออก ละจากสิ่งภายนอกก่อน แล้วค่อยไปลึกขึ้นๆ ไปจนการละตัวตน ลดอัตตา ซึ่งเท่าที่ผมดูช่อง DMC หรือรู้จักคนที่เชื่อในธรรมกายที่อยู่รอบๆ ตัว จะเน้นแค่ว่า บริจาคๆๆๆ ยิ่งบริจาคเยอะยิ่งดี ซึ่งผมฟังเทศน์ในช่องนี้ ส่วนใหญ่จะยกข้อที่บอกว่า ปู่ของนางวิสาขา เป็นเศรษฐีที่สมัยก่อนเหลือข้าวมื้อสุดท้ายไว้ให้ครอบครัว แต่เอาไปใส่บาตร คือทำจนหมดตัว แล้วกลายเป็นว่าได้สมบัติจักรพรรดิ คือเขาเรียกกันแบบนั้นนะ เรียกได้ว่า กินกี่ปีกี่ชาติก็ไม่หมด เขาก็จะเอาข้อนี้มาบอกว่า นี่เขาทำข้อนี้มา ถึงได้ผลดั่งหวังไง
ถ้าถามผม โดยความเชื่อส่วนตัวผมนะ ผมเชื่อว่าการทำแบบไหน ก็จะได้แบบนั้น จิตแบบอยากได้ขนาดนั้น ถวายข้าวให้กับพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ก็คือเนื้อนาบุญที่ดี คือให้ขนาดนั้นแล้วได้ผลกลับมามหาศาล แต่จุดสำคัญมันอยู่ที่ เศรษฐีคนนั้น ตอนที่ยังจนอยู่ เขาไม่ได้หวังที่จะได้รับกลับ เขาให้เพราะสละออกจริงๆ คือให้ประโยชน์จริงๆ คือเอาข้าวไปบำรุงร่างกายธาตุขันธ์ของพระที่ต้องการพ้นจากทุกข์ นี่คือจิตที่เขาอยากจะให้ ไม่ใช่หวังว่า เราจะได้ไปสวรรค์ชั้นไหน เราจะรวย เราจะได้สมบัติแบบจักรพรรดิ แล้วเขาถึงให้ ซึ่งถ้าคิดแบบนั้นมันคือการลงทุนนะครับ ไม่ใช่การทำบุญ
แต่ธรรมกายเอาเรื่องนี้มาพูดอยู่ตลอดว่า ทำแล้วได้สวรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ เน้นจะสร้างวัตถุ ซึ่งศาสนาพุทธเนี่ย ECO SYSTEM มากนะครับ คือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัด สมถะ เรียบง่าย พระพุทธเจ้าบอกอยู่เสมอว่า ควรอยู่กับใคร ไม้เป็นมิตร ให้อยู่ใต้ต้นไม้ จีวรก็เอามาจากผ้าบังสุกุล ผ้าห่อศพเอามาย้อมสี ซึ่งยุคนี้เราก็ไม่ได้ขาดแคลนผ้าเหมือนยุคนั้นนะ แต่อยากจะบอกว่าศาสนาพุทธเน้นความเรียบง่ายมาโดยตลอด ไม่มีการฟุ้งเฟ้อแบบเน้นสร้างวัตถุ สร้างเจดีย์ใหญ่โต เอาพระพุทธรูปเข้าไปแบบล้านองค์ คือมันเป็นสิ่งวัตถุที่เขาสร้างต่อหลังจากนั้นมา
คนก็ถามว่าทำแบบนี้แอนตี้หรือเปล่า คือถ้ารู้จักผมเป็นการส่วนตัว ผมก็ไม่ได้สนับสนุนในการทำแบบนี้อยู่แล้ว เป็นข้อขัดแย้งว่า ทำไมถึงว่าธรรมกายวัดเดียว หนึ่งคือ ผมเห็นว่าสอนบิดเบือน แล้วเป็นคนหมู่มาก มีช่องทีวีเป็นของตนเองกระจายไปได้ง่าย มีผลกับคนส่วนมาก มีผลกับศาสนาพุทธนิกายเถรวาทของประเทศ
พระพุทธเจ้าบอกว่า หากตัวท่านไม่อยู่แล้ว ให้ยึดหลักพระธรรมวินัย แล้วประเทศไทยก็ยึดหลักนิกายเถรวาท เพราะฉะนั้นเราก็ต้องยึดพระไตรปิฎกเล่มนี้ ธรรมกายคุณไม่ได้แข็งแรงพอที่จะมาเปิดนิกายของตนเอง ซึ่งถ้ามาบอกว่า เราไม่ใช่นิกายเถรวาท เราคือนิกายของเราเอง ถ้าคุณจะเปิดนิกายของตนเอง ก็ไม่มีใครไปยุ่งคุณหรอกครับ คุณไม่อยู่ในหมู่สงฆ์ของประเทศไทย ไม่อยู่ในหมู่สังฆกรรมที่พระสงฆ์อยู่ร่วมกัน ก็ไม่มีใครมาทำอะไรคุณได้ แต่นี่คุณอยู่ในสังฆกรรมพระสงฆ์ในประเทศไทย นิกายเถรวาทที่ประเทศไทยยึดถืออยู่ในปัจจุบัน
เพราะฉะนั้น คนที่ไม่รู้เรื่องแล้วจะมาอ้างคำนี้ไม่ได้ว่า ไปดูพระญี่ปุ่นหรือพระจีนก็เป็นแบบนั้นได้ แยกพุทธแท้พุทธเทียมได้ยังไง ผมก็จะเอาข้อนี้มาโต้แย้งว่า ก็ต้องดูด้วยว่าคุณอยู่ในสังกัดไหน ถ้าคุณอยู่ในนิกายเถรวาท คุณก็ต้องยึดถือพระไตรปิฎกเป็นหลัก พวกคุณบิดเบือนจากตรงนั้น มันก็ไม่ใช่แล้วไง
• แล้วการที่ทางธรรมกายมีแนวทางอย่างงี้ ในมุมมองโดยส่วนตัวของคุณ คิดว่ามีผลดีหรือเสียยังไง
จะบอกว่าไม่มีผลดีเลยก็คงไม่ใช่นะครับ ผมรู้สึกว่าคนที่เป็นลูกศิษย์วัดหรือสาวกของเขา จากคนที่เคยเข้าวัดแล้วมาถือศีล มาปฏิบัติธรรม หรือจากคนที่ไม่เคยทำเลย มันมีอยู่จริง มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่กลายเป็นว่า พอโดนบิดเบือนแล้วเนี่ย มันหลงทางครับ คือจะบอกว่าให้เป็นข้อดีอย่างเดียวก็คงไม่ได้ เพราะว่าศาสนาพุทธในอินเดียสมัยก่อนที่ล่มสลาย ก็เพราะเป็นอย่างงี้ คือใช้วิธีกลืน ไม่ใช่เอาศาสนาอื่นมาโจมตี แล้วเนียนว่าเป็นพุทธ บิดเบือนคำสอน บิดไปเรื่อยๆ อย่างในอินเดีย ก็มีพุทธศาสนาหลายนิกายเขาก็บอกว่า พระพุทธเจ้าอวตารมาจากพระนารายณ์ พระวิศณุ เยอะแยะ หรือก็มาจากฝั่งอินดู คือใช้วิธีกลืน ซึ่งของไทยโดนกลืนมานานแล้ว สังเกตได้จากการมีพระพิฆเนศเต็มไปหมด (หัวเราะเบาๆ)
แต่อันนี้มันมีผลเยอะ เพราะว่ามีเรื่องเงินไงครับ พอมีเงินเข้ามาเป็นจำนวนมากๆ เข้า การตลาดก็มีผล คือการตลาดเขาทำถูกต้องนะครับ คือยุคนี้มันเป็นยุควัตถุนิยม ยุคบริโภคนิยม ถ้าเขามาทางนี้ว่าทำแล้วรวย ทำให้บุญเป็นสินค้า เหมือนธุรกิจเครือข่ายต่อๆ กันมา มันก็ออกมาเป็นรูปแบบ ซึ่งก็ถูกจริตกับคนยุคนี้ เลยกลายเป็นบิดเบือน ซึ่งเริ่มต้นดีแต่กลายเป็นจบร้าย ถามว่าจบร้ายยังไง คือจบแบบมีศาสนาพุทธโดนบิดเบือนแล้วมันไม่ใช่ความจริงนี่ครับ
พระไตรปิฎกมีการสืบทอดกันมา เพราะว่าเขากลัวการบิดเบือนนี่แหละครับ ทำไมภาษาบาลียังคงอยู่ ทั้งๆ ที่มันตายไปแล้ว เพราะว่ามีการแปลที่เยอะมาก จากบาลีเป็นเยอรมัน เป็นอังกฤษ เป็นไทย คือแปลต่อเนื่องกันมา มันก็บิดเบือนไปเรื่อยๆ นี่ขนาดบาลีเป็นไทยยังมาเล่นแง่จนบิดเบี้ยวเลย มาแต่งเติมแล้วใช้ข้ออ้างด้วยว่า ใช้คำอ้างจากศาสดาจารย์ฝั่งจีน ฝั่งไต้หวัน ที่ไปนับถือมหานิกายที่ว่า ใช้ความคิดในเชิงจิตวิทยาและปรัชญาในยุคปัจจุบัน มาตีความพระไตรปิฎก มาบอกว่า บางอย่างที่พระไตรปิฎกเขียนมาตีความใหม่แล้วให้โน้มเอียงมาทางเขา ซึ่งมันไม่ใช่
• การบิดเบือนที่คุณได้รับรู้และสัมผัสมานั้น เป็นลักษณะอย่างไรบ้าง
อย่างเรื่องต้นธาตุต้นธรรม มีการอวดอุตริชัดๆ ว่า ตัวเองเป็นอย่างงี้ ซึ่งถ้าคนได้ติดตามดูหรือศึกษาเรื่องนี้ ค่อยมานั่งถกกัน ถามว่าผมรู้ดีได้ยังไง ถ้าเกิดศึกษาพระไตรปิฎกก็จะรู้ว่า มันมีที่ไหนกันเรื่องนี้ แล้วบอกว่าตัวเองเป็นจุดกำเนิดอวตารลงมา ซึ่งก็เท่ากับว่า ตีตนเสมอพระพุทธเจ้า แล้วแถมมีภาพต่างๆ คือมันบิดเบือนเห็นๆ มันไม่ใช่ คือต้นธาตุในที่นี้คือ เป็นต้นแบบของธาตุต่างๆ ในโลกนี้นะ ธาตุในโลกนี้คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เราเป็นต้นธาตุจุดกำเนิดทั้งหมด คือเขายิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ ซึ่งอันนี้ผมรับไม่ได้ คือมีอาบัติปาราชิกเรื่องอวดอุตริ แล้วก็มาบอกว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ ตัวเองเป็นเหมือนพระพุทธเจ้า ซึ่งอันนี้ตัดสินกันยาก
แต่ที่ผมบอกว่า พระลิขิตของพระสังฆราชองค์ก่อนที่บอกว่าปาราชิกแล้ว เอาง่ายๆ เลย เรื่องยักยอกทรัพย์ เอาของคนอื่นมาเป็นของตนเอง อันนี้ข้อมูลหาอ่านได้ แล้วฝั่งธรรมกายก็จะเถียงว่า พระลิขิตเป็นของปลอม ผมถามหน่อยว่า ถ้าเป็นของปลอม ทางเถรสมาคมทำไมถึงยอมรับเรื่องพระลิขิต ลิขิตบอกให้คืนทรัพย์ ซึ่งทางธัมมชโยในตอนแรกที่ฟ้องร้องกัน 7 ปี กว่าจะยอมคืนทรัพย์สิน คดีมีที่มา คือเริ่มต้นจากธัมมชโยถอนเงินออกไปให้คนสนิท เพราะโยมคนสนิทเอาไปซื้อที่ พอเรียบร้อย วันที่ไปกรมที่ดิน เซ็นชื่อเป็นธัมมชโย เนี่ย ธัมมชโย เอาเงินวัดโอนออกใส่ชื่อโยมคนสนิท แล้วเอาไปซื้อที่ และถือครองชื่อตัวเอง ก็เท่ากับเอาเงินวัดไปซื้อที่ใส่ชื่อตัวเองมันก็ผิดเต็มๆ ที่ยักยอกทรัพย์ เอาทรัพย์คนอื่นมาเป็นชื่อตัวเอง
ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชในยุคนั้น รวมถึงกระทั่งศาลด้วย ผมว่าท่านมีจิตเมตตานะ ท่านยังไม่ฟันธงเป๊ะแต่แรกว่าให้อาบัติปาราชิก ท่านบอกว่าให้คืนก่อน ศาลท่านก็รับฟ้อง ปรากฏว่าไม่คืน ก็ต้องต่อสู้มา 7 ปี จนสุดท้ายต้องมายอมความ พอมายอมความให้คืนที่ คืนทรัพย์ให้กับวัด แล้วอัยการถอนฟ้อง ถ้าพระลิขิตเป็นของปลอม เอามาประกอบพิจารณาคดีได้ ถ้าเป็นของปลอม แล้วทุกวันนี้ทำไมไม่มีใครไปฟ้องร้อง การปลอมสิ่งนี้ก็เท่ากับการปลอมพระปรมาภิไธยเลยนะครับ เป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะครับ
ถ้าปลอมจริง 7 ปีที่สู้กันมา ไม่มีใครแย้งเรื่องพระลิขิตปลอม แล้วถ้ามาแย้งต่อว่า พระลิขิตไม่ได้เป็นตัวกำหนดและไม่สามารถฟันธงได้ว่าให้ปาราชิก จะปาราชิกหรือไม่ก็ต้องขึ้นกับมหาเถรสมาคมด้วย เพราะตามกฎหมายแล้ว พระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช ต้องไม่ขัดแย้งกับมหาเถรสมาคม ตามกฎหมายบ้านเมือง ก็ต้องมาให้เถระฯ ลงคะแนนด้วย แต่นี่เป็นเรื่องของกฎหมายบ้านเมือง ส่วนในทางพระวินัยคุณขาดความเป็นพระและปาราชิกไปแล้ว เหมือนกับการที่พระไปเสพเมถุน ต่อให้ไม่โดนจับได้ คุณก็ผิดอยู่ดี ไม่ต้องรอให้มาจับหรอก เรื่องนี้ก็เหมือนกัน คุณเอาทรัพย์ของคนอื่นที่ไม่ใช่ของตัว มาเป็นของตัวเอง คุณก็ขาดความเป็นพระมาตั้งแต่นั้นแล้ว แต่มหาเถรสมาคมไม่ทำอะไรเลยไง ผมก็อยากทราบเหมือนกันว่า ทำไมถึงไม่ทำอะไร ถึงเป็นปัญหาคาราคาซังมาจนทุกวันนี้
• แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีบางส่วน ที่ยังเชื่อมั่นและศรัทธาอย่างงี้อยู่ คุณคิดว่าทำไมเขายังเชื่อมั่นอยู่อย่างนั้นครับ
ผมตอบไม่ได้ครับว่าทำไมยังเชื่ออยู่ อย่างที่บอกว่า ในโลกใบนี้มีศาสนาเยอะแยะ แต่ละศาสนาก็มีนิกายเยอะแยะกันไป ก็แล้วแต่ความเชื่อครับ อย่างมีศาสนาที่พาคนไปฆ่าตัวตาย คนก็ยังไปเลย เพราะฉะนั้น เรื่องแบบนี้ ผมตอบไม่ได้หรอกครับว่าทำไมเขายังเชื่ออยู่ ก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่เขาจะเชื่อต่อไป ผมรู้สึกว่าเหตุการณ์ธรรมกายในทุกวันนี้ คนที่เป็นเหยื่อคือ ลูกศิษย์วัดหรือพระสงฆ์ที่คิดดีแต่โดนล้างสมอง คือยังมีเจตนาที่ดี แต่หลงผิด คิดว่าอาจารย์ของตนเองถูก ก็เลยปกป้องเต็มที่ ผมคิดว่าคนเหล่านั้นเป็นเหยื่อนะ ในการที่เขามาทำแบบนี้
คือถ้าธัมมชโยมาให้ปากคำตั้งแต่แรกก็จบแล้ว ไม่มีใครเดือดร้อนเลยนะ แต่การที่คุณเลือกแบบนี้ ทำให้ทุกคนเดือดร้อนกันหมด แล้วคนที่มาบอกว่า รัฐบาลประกาศ ม.44 แล้วมาทำความเดือดร้อน ก็ไม่ใช่ครับ คนที่สร้างความเดือดร้อนก็คือธัมมชโยคนเดียว รัฐบาลก็ทำหน้าที่ตามปกติ เขาบอกว่าวัดอื่นก็มีปัญหากันเยอะแยะ แต่ธรรมกายมีคดีค้างอยู่ บุกรุกป่าก็ด้วย ฟอกเงินด้วย คือหลายอัน แล้วคดีมันคาราคาซังไม่รู้กี่ 10 ปีแล้ว เราต้องยอมรับว่า เขามีอิทธิพลมาก มากไม่มากยังไง ลองดูทุกวันนี้ เกณฑ์คนมาขนาดนี้ คิดว่ามีอิทธิพลมั้ยล่ะ แล้วถามว่า ทำไมไม่เรียกวัดอื่นบ้าง ก็วัดนี้มันใหญ่สุดไง มีอิทธิพลใหญ่สุดไง เขาก็ต้องจัดการก่อนสิ
• แต่บางคนก็ต้องการความรวดเร็วในการทำบุญนะ
คืออยากให้เรียนรู้เรื่อง บุญกิริยาวัตถุ 10 คือไล่ตั้งแต่ ทาน ศีล ภาวนา ซึ่งภาวนาคือการได้บุญสูงสุด เรียกว่าได้อานิสงส์สูงสุดดีกว่า ศีลเนี่ย ไม่ต้องใช้เงินสักบาท อยู่ที่ไหนก็ทำได้ สำรวมกาย วาจา ใจ คุณโกรธ คุณไม่แสดงออก ไม่ชักสีหน้า สำรวมได้ มีสติ รู้ตัวว่ากำลังทำอะไร แต่ไม่แสดงออก ไม่เดือดร้อนคนรอบข้าง ไม่ไปตวาด ไม่ไปพูดจาหยาบคาย นี่คือการถือศีล สำรวมกายใจตัวเองได้ อานิสงส์ได้กว่าทานอีก ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปวัดเลย ไม่ต้องลงทุนสักบาท การทำทานของคุณถือว่าทำได้เรื่อยๆ อยากทานเมื่อไหร่
เดี๋ยวนี้ก็มีสารพัดมูลนิธิ เดี๋ยวนี้กดโอนทางโทรศัพท์ก็ได้แล้ว คือทำได้ตลอดครับ ยิ่งสมัยนี้ก็ง่ายแล้ว แต่ศีลส่งผลมากกว่าการทำทาน ส่วนทางภาวนา ถ้ามีโอกาสก็ควรต้องทำ การภาวนาก็เพื่อให้เห็นความเกิดดับ ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ อารมณ์เกิดขึ้น อารมณ์ดับไป คือเห็นจุดตรงนี้มันก็เห็นได้ มันก็เกิดกับชีวิตจริง รู้อารมณ์ตัวเอง รู้อารมณ์มีสติ อยู่กับปัจจุบันได้ ไม่ฟุ้งซ่านอดีตและอนาคต อยู่กับปัจจุบัน ก็ทุกข์น้อยลง
คือคุณทำบุญเพื่ออะไร เพื่อให้สบายใจขึ้น แต่ถ้ามานั่งกังวลให้มันทุกข์อีก มันต้องอยู่กับปัจจุบันได้ ไม่ไปจมกับอดีต ไม่ฟุ้งซ่านกับอนาคต คุณก็หายทุกข์แล้ว ทั้งที่กุศลในทางพุทธนะ ทำสิ่งที่ดี นี่คือสิ่งที่ควรทำมากกว่าไปวิ่งไล่ทำบุญบริจาคอีก อย่างที่บอกว่า พระพุทธศาสนาคือให้พ้นจากทุกข์ ออกและคลายจากทุกข์อย่างสิ้นเชิง ซึ่งถ้าคุณเป็นชาวพุทธ คุณควรที่จะทำอย่างนี้หรือเปล่า
• แสดงว่า ภาพจำที่เราเคยได้รับมา ก็ทำให้เกิดความเชื่อที่ผิดไป ทั้งๆ ที่ตามหลักศาสนาจริงๆ แล้ว มันไม่มีแบบนี้
ใช่ครับ ตอนเด็กๆ ผมก็โดนปลูกฝังมาให้ไปตระเวนไหว้พระ ไปแปะทอง ไปจุดธูป แล้วขอให้ตัวเองเรียนเก่ง ขอให้รวย คือโดนปลูกฝังด้วยการขอ ซึ่งศาสนาพุทธไม่มีหลักนี้เลย แต่ศาสนาพุทธจะบอกว่า ทำสิ ทำไป ศาสนาพุทธเน้นที่เหตุ แล้วปล่อยวางในผล คือเน้นเหตุให้เต็มที่ เหมือนทำงานทำการ ตั้งใจทำ ส่วนผลจะออกมายังไง ก็อยู่ที่เหตุเอง มันเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ ศาสนาพุทธเขาสอนแบบนี้ แต่ตอนนี้มันกลับกันว่า มาขอให้ได้นั่นนี่ มันเพี้ยนมาก คือมันเพี้ยนไปอย่างงี้ แล้วคุณมีมาบอกว่า พุทธแท้เป็นอย่างงั้น พุทธเทียมเป็นอย่างงี้ ลองไปเปิดพระไตรปิฎกดูว่าผมพูดผิดมั้ย
• มองในมุมหนึ่ง คุณอุ๋ยมองว่ามันเป็นเกมการเมืองของวงการสงฆ์บ้านเรามั้ย
ต้องยอมรับว่าบ้านเรามี 2 ฝ่าย คือ ธรรมยุต กับ มหานิกาย คือตั้งแต่สมัยก่อน ธรรมยุตเข้ามาตั้งแต่รัชกาลที่ 4 สมัยก่อนธรรมยุตปกครองมหานิกายได้ แต่มหานิกายปกครองธรรมยุตไม่ได้ ผมว่านั่นคือความเก็บกดของฝ่ายหลังที่ไม่สามารถปกครองธรรมยุตได้ ในปัจจุบัน สมเด็จพระสังฆราชมีการสลับกันทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งถ้าถามผม ธรรมยุตคือสายวัดป่า มีพระที่ย่อหย่อนหรือประพฤติไม่ดีมั้ย มี แล้วพระสายมหานิกายมีพระที่ดีมั้ย ก็มี น่านับถือกราบไหว้ จริยวัตรงดงาม มีเยอะด้วย เช่นท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ที่เรียกว่าพระไตรปิฎกเคลื่อนที่ ท่านก็สายมหานิกายนะครับ ก็เป็นที่ยอมรับของสังคมทั่วโลก
คือจะมาบอกว่า นิกายไหนดีกว่าก็ไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวพระเองมากกว่า แต่เรื่องการเมืองของฝ่ายสงฆ์ มันมีแน่นอนอยู่แล้ว พอมีเรื่องสมณศักด์ เรื่องลาภสักการะขึ้นมา แล้วมีเงินมาเกี่ยวข้อง ทำให้ทุกอย่างผิดเพี้ยนไปหมด พระบวชเพื่อมาละ เงินยังจับไม่ได้เลย แล้วทำไม พระรับซองกันปกติ มาสวดแล้วได้รับซองกลับไป กลายเป็นอาชีพแล้ว แล้วมาให้พระฉันอาหาร ให้มาเทศนาญาติโยม รถก็ไปรับสิ จะต้องหารถอะไรไปรับ แต่บางบ้านที่พระรับนิมนต์ไป รถที่นั่นคือ รถส่วนตัวหรือรถทางวัด หรือเป็นรถบ้านโยมที่ไปรับนิมนต์
อย่างหลวงปู่ชาในสมัยก่อนที่มีคนจะมาบริจาครถ ท่านก็เรียกประชุมสงฆ์ทั้งวัด ว่าควรรับดีมั้ย บางรูปบอกว่าดีนะ เผื่อท่านอาพาธแล้วไปส่งที่โรงพยาบาลได้ แต่หลวงปู่ชาบอกว่า ไม่อายโยมชาวบ้านเหรอ โยมที่ถวายบิณฑบาตเอาข้าวให้เรากินยังไม่มีรถนั่งเลย แล้วเรามีรถอยู่ในวัด ไม่อายเขาเหรอ สรุปคือ มติสงฆ์ในวัดคือไม่เอา แล้วดูพระในปัจจุบัน รถหรูกว่าโยมอีก แถมโยมบางคนยังไม่มีรถด้วย แต่พระมีของส่วนตัวใช้ สุดท้ายมันบิดเบือนไปหมดครับ
• กล่าวโดยสรุป คนไทยส่วนใหญ่ก็ยังบ้าวัตถุตามที่พุทธพาณิชย์นำเสนอมา แต่หลักคำสอนในพระไตรปิฎก ก็ไม่ศึกษาอย่างจริงจัง
สังคมไทยมันเบี้ยวมานานแล้ว คือตามพระไตรปิฎกแล้ว การทำคุณไสยวิชา พระพุทธเจ้าก็มีการสั่งห้าม ทั้งเรื่องดูดวง หรือ ปลุกเสก แต่เมืองไทยนี้มีการทำอย่างเอิกเกริกจนเป็นปกติ ซึ่งผมจั๊กจี้ตรงนี้ มันปนไปจนเบี้ยวหมดแล้ว ฝั่งนั้นก็จะว่าๆ ทำไมมาด่าธรรมกายวัดเดียว ผมก็บอกว่าคุณตัวใหญ่สุด แล้วดันมีคดีทางโลกอีก เขาเลยต้องจัดการไง ถ้าคุณไม่มีคดีทางโลก ใครเขาแตะต้องอะไรคุณได้ แต่คุณยอมคืน ซึ่งก็ฟ้องแล้วว่า คุณเคยเอามาแล้ว มันก็ปาราชิกเห็นๆ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงพุ่งเป้ามาที่ธรรมกาย แล้วมาบอกว่าโดนรังแก ทั้งๆ ที่ ไม่ได้รังแกเลย
ส่วนจะทำอย่างไรให้คนกลับมาสนใจในหลักศาสนาจริงๆ ก็ต้องมีการรณรงค์นะครับ ก็เหมือนกับให้คนเลิกดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่น้อยลง อย่างที่ สสส.ทำ ถามว่าทำให้ตาย ก็ยังมีคนดื่มและสูบไหมก็มีตลอด คือมันเป็นรสนิยมส่วนบุคคลไงครับ เรื่องความเชื่อ แต่ถามผม ผมว่าอันไหนที่ผิด ก็ต้องรณรงค์ว่าเป็นสิ่งที่ผิด อันไหนเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็ต้องส่งเสริม แต่กลายเป็นว่า บางรัฐบาลที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาฯ ในช่วงเวลานั้น เกณฑ์เด็กไปที่วัดสาขาของธรรมกายทั้งนั้น คือส่งเสริมไปในทางที่ผิดเลย
ในเมื่อหน่วยงานรัฐยังพาไปในทางที่ผิด พากันฉิบหาย แต่รัฐบาลชุดนี้กำลังจัดการสิ่งที่ผิดในพระพุทธศาสนาอยู่ ส่วนเรื่องเกินกว่าเหตุมากน้อย ก็แล้วแต่วิจารณญาณของคนครับ ผมไม่มีความรู้ทางด้านตำรวจหรือหน่วยงานรัฐ แต่ถ้าเรื่องพระไตรปิฎก ผมสามารถบอกได้ สามารถเถียงได้
• แน่นอนว่า ก็มีคนมาว่าคุณเหมือนกัน โดยส่วนตัวแล้วคิดยังไง
ผมก็ค่อนข้างเปลืองตัวเหมือนกันนะ แล้วหลายคนก็บอกผมว่า ไม่น่าหาเรื่องเลย ทำทำไม อยู่เฉยๆ ก็ดีแล้ว แต่ผมรู้สึกว่า ผมเป็นชาวพุทธ แล้วเรื่องนี้มันมีมานานแล้ว อย่างตอนเรื่องขายตรง ผมก็รู้สึกว่าผมเป็นคนเปิดประเด็น แล้วทำให้คนศึกษาพระพุทธศาสนามากขึ้น รู้ว่าอะไรถึงแก่น รู้ว่าอะไรที่ไม่ใช่ ผมว่ามันยังมีประโยชน์ ส่วนคนที่เชื่อหัวปักหัวปำ อย่างที่บอกก็เรื่องของเขา
ส่วนคนที่ยังก้ำกึ่งหรือรู้สึกว่า รู้ได้ไงว่าเขาผิด รู้ได้ไงว่าเขาบิดเบือน พุทธมีตั้งหลายนิกาย นี่ไงครับ เป็นพื้นที่ที่ทำให้ผมได้อธิบายว่าสาเหตุอะไร ทำไมท่าน ป.อ. ปยุตฺโต หรือพระผู้ใหญ่อีกหลายๆ รูป ออกมาบอกว่า ธรรมกายเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทย เป็นเรื่องลึกๆ และเรื่องที่ใช้เวลาอ่านหนังสือพวกนี้ คนทั่วไปไม่ขยันอ่าน อยากจะสรุปทั่วไปไม่เกิน 8 บรรทัด มันจะอะไรนักหนา คนชอบอะไรก็เรื่องของเขา จะไปยุ่งอะไรนักหนา ก็ปล่อยไปสิ ทำอย่างงี้บาปนะเนี่ยมานั่งวิจารณ์พระ ถือศีลได้เท่าพระหรือเปล่า เพราะคนคิดกันอย่างงี้ ซึ่งถ้ารักจริง เคารพจริง เมืองไทยมีมาตั้งแต่โบราณแล้วนะครับ
พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสไว้นะครับว่า พระพุทธศาสนา อยู่ได้ด้วยพุทธบริษัท 4 คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา ไม่ได้อยู่แค่ 2 อย่างแรก หรือ 2 อย่างหลัง ถ้าไม่มีใครใส่บาตรให้ พระก็อดตายกันหมด ฉะนั้น ในการบำรุงศาสนา ถ้าเกิดกรณีที่มี 2 อย่างแรกทำผิด เรามีสิทธิ์ที่จะว่ากล่าวตักเตือนเพื่อให้เป็นกระจกสะท้อนให้กับผู้นั้นได้ ซึ่งสมัยก่อนนี่คือ ถ้าพระสงฆ์ทำผิดวินัย ชาวบ้านจับสึกเลย เพราะว่าพระนั้นเป็นของชาวบ้านและชุมชน เพราะฉะนั้นทำผิดทำไม่ดี ก็ต้องมีการว่ากล่าวตักเตือนบอกกันได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่แตะไม่ได้ (เน้นเสียง)
พระก็เป็นปุถุชนปกตินี่แหละ เพียงแต่เปลี่ยนภาพลักษณ์ เขาวิเศษขึ้นมาถึงขนาดที่แตะไม่ได้เชียวเหรอ ก็ลูกหลานเราทั้งนั้น พวกเดียวกับเรา แค่เป็นบุคคลที่หวังจะหลุดพ้นโดยสิ้นเชิง อยากออกจากทุกข์ ถึงมาละทางโลก บวชทางธรรม ถามตัวท่านเองว่า พระสงฆ์ในปัจจุบัน ท่านคิดอย่างนั้นหรือเปล่า บวชเพื่ออะไร ถามตัวเองก่อนดีกว่า ก่อนจะมาด่าคนอื่น
• อย่างบางกลุ่มก็วิจารณ์คุณแรงเหมือนกันว่า เอาชื่อศาสนามาหากิน ตั้งเป็นชื่อวง แล้วมีเขียนเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ด้วย ตรงนี้คุณมองยังไง
บทเพลงผมก็มีทั้ง 2 แบบครับ ผมก็ยอมรับ แต่ผมก็มีเพลงที่ทำทั้งทางโลกและทางที่สนับสนุนเพื่อทางศาสนา ผมเคยได้รับรางวัลจากสภาองค์กรพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ซึ่งเราก็อึดอัดกับการได้มานะ พูดตรงๆ แต่เพลงผมก็ไม่เคยชวนไปทางอบายมุข ไม่เคยชวนไปทางเสพเมถุน อาจจะมีบ้างในเรื่องความเซ็กซี่ แต่นั่นก็เป็นเรื่องทางโลก แล้วเรื่องชื่อวง ผมก็ไม่ได้ใช้คำว่า บุดด้า คำเดียวนะ ซึ่งถ้าเป็นงั้น เขาก็ด่าได้ว่า มึงอวดดียังไง Buddha bless แปลว่า เจริญพร ส่วนผมจะเจริญตามชื่อวงมั้ย อันนั้นมันอยู่ที่การกระทำของผม
ถ้าผมทำไม่ดี ผลกรรมก็ต้องตามมาอยู่แล้ว หรือถ้าวงผมทำเกินกว่าเหตุจริง ข้อกฎหมายก็มี มาฟ้องร้องสิ ซึ่งผมมองว่าไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุนะ แต่อย่างน้อย เพลงผมก็ไม่บิดเบือนศาสนา เป็นแค่การนำเสนอในแง่ศิลปะเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย แต่ผมไม่ได้เป็นคนตั้งชื่อนี้นะ ผมก็ยอมรับ แต่ผมก็ไม่สนใจ อยากชื่ออะไรก็เอาเลย
• กล่าวโดยสรุปคือ ธรรมกายคืออะไร และอันตรายต่อบ้านเมืองเรายังไงบ้างครับ
อันตรายตรงที่ บิดเบือนคำสอนของพระพุทธศาสนาจนไม่ใช่หลักของนิกายเถรวาทตามพระไตรปิฎกอย่างที่ควรจะเป็น เพราะเขาบอกว่าพุทธแท้พุทธเทียมให้มาเถียงทางนี้ ถ้านั่งเถียงอย่างงี้ก็ไม่จบสิครับ ศาสนาพุทธให้ยึดหลักวินัย แต่คุณบิดเบือนคำสอนพระวินัยที่ใช้ในประเทศไทย สอง เจ้าลัทธิของคุณ ได้โดนปาราชิกแล้ว หลุดจากความเป็นพระแล้ว ถ้าวัดจากพระวินัย หรืออย่างที่บอกว่า เอาบุญเป็นสินค้า เน้นการบริจาคเยอะๆ การผ่อนบุญได้ เน้นวัตถุ นี่คือบิดเบือนชัดเจน ถึงว่าเป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนา ก็เห็นดีด้วยที่ภาครัฐควรจัดการ มหาเถรสมาคมมิควรนิ่งเฉย เพราะผมเป็นชาวพุทธ แล้วพระพุทธศาสนาเป็นของชาวไทยพุทธทุกคน ผมก็ขอใช้สิทธิ์ส่วนร่วมของผม
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร