ชมภาพวาด “ผมลาออกแล้วครับ” ความจริงอีกมุมหนึ่งจากผู้ร่วมลงขันนิตยสารอะเดย์ หลัง “วงศ์ทนง” ลาออก เผยความในใจหนึ่งในผู้ถือหุ้น ภรรยาป่วยหนัก ทำหนังเจ๊ง ต้องการขายหุ้นคืน แต่ไม่ตอบสนอง กลายเป็นมิตรภาพของผู้ที่ถูกลอยแพ หุ้นถูกแปลงเป็นมูลนิธิ
จากกรณีที่ นายวงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ พร้อมด้วย นายนิติพัฒน์ สุขสวย สองผู้ก่อตั้งนิตยสารอะเดย์ ลาออกจากบริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของนิตยสารอะเดย์ และนิตยสารในเครือ หลังถูกวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับเรื่องการขายหุ้น ระหว่าง บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท ไทยฟู้ด โลจิสติกส์ จำกัด และ บริษัท ธนวรินทร์ จำกัด จำนวน 490,000 หุ้น ในราคารวม 308,700,000 บาท หรือเท่ากับ 630 บาทต่อหุ้น ทำให้มีกำไรจากการขายหุ้นครั้งนี้กว่า 238.7 ล้านบาท มีเงื่อนงำที่น่าสนใจหลายประการ โดยเฉพาะพฤติการณ์ของบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการซื้อหุ้น ในลักษณะการเป็นตัวแทน หรือ นอมินี
เฟซบุ๊ก Art Korapin ซึ่งระบุว่าเป็นผู้ร่วมลงขันนิตยสารอะเดย์รุ่นแรก ได้โพสต์ภาพวาดเกี่ยวกับการขายหุ้นอะเดย์ พร้อมข้อความโดยสรุปว่า ตนพูดคุยกับ นายเข็มทอง โมราษฎร์ ผู้ก่อตั้ง “กลุ่มเด็กรักป่า” ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นนิตยสารอะเดย์ รุ่นแรก แม้จะเป็นคนขี้อาย แต่มีเรื่องที่ไม่เคยเล่าให้ฟังตรงๆ ที่ทำให้แอบน้ำตาไหล ได้แก่ ภรรยาเคยป่วยหนัก เป็นผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้าย ต้องฟอกไต มีค่าใช้จ่ายผ่าตัด นายเข็มทอง ต้องหยุดกิจกรรมเด็กรักป่า มาทำร้านค้าในเมืองสุรินทร์ และตัดสินใจลงขันร่วมหุ้นกับอะเดย์ 21 หุ้น เป็นเงิน 21,000 บาท เพราะหวังว่าจะมีหนังสือดีๆ วางอยู่บนแผง และลึกๆ ก็แอบหวังว่าจะเป็นเงินลงทุนที่งอกเงย หมุนเวียนเป็นค่ารักษาภรรยา
ต่อมา นายเข็มทอง เคยลงทุน เป็นผู้สร้าง และผู้กำกับหนัง “รักในกระติ๊บข้าว” เจ๊งหมดตัว ต้องขายสมบัติแทบทุกอย่าง เหลือแต่ตัวกับที่ดิน นายเข็มทอง ได้พยายามติดต่อกับทางอะเดย์ เพื่อสอบถามเรื่องหุ้น และอยากขายหุ้นคืน เพราะเข้าใจว่าเป็นหุ้นที่ยังมีมูลค่า เอามาจัดการชีวิตได้ แต่ไม่เคยติดต่อเรื่องนี้ได้สำเร็จลุล่วงเลยซักครั้ง ทั้งที่เมื่อ 17 ปีที่แล้ว มีค่าเท่ากับการฟอกไตให้ภรรยาได้ถึง 4 ครั้ง ปัจจุบัน สามารถใช้เงินจำนวนนี้จัดค่ายให้เด็กๆ 10 คน เรียนรู้ธรรมชาติได้สองค่าย
นายเข็มทอง ไม่เคยเล่าให้ฟังว่า คุยโทรศัพท์กับนายวงศ์ทนง เมื่อต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา และไม่เคยพูดถึงเรื่องเงินลงขัน 21,000 บาท เพราะตัดใจว่าถ้าเงินจำนวนนี้ตกไปอยู่ในกล่องบริจาคมีนามว่า มูลนิธิอะเดย์แล้ว ก็ไม่กล้านำเงินกลับมาจริงๆ ความงดงามของจิตในตัวนายเข็มทอง ทำให้ตนไม่เพิกเฉยวาระ ลงเรือลำเดียวกันในฐานะผู้ร่วมลงขันอะเดย์ ที่ผ่านมาได้แชตถาม อัปเดตข่าวเรื่องนายวงศ์ทนงร่วมกับเพื่อนผู้ร่วมขันคนอื่นๆ และก็ได้รู้อีกว่า นายเข็มทอง ชอบวาดรูปจากโทรศัพท์ บางทีก็วาดด้วยโปรแกรมโฟโต้ช้อปหน้าคอมพิวเตอร์ จึงวานช่วยวาดรูปให้กลุ่มผู้ถือหุ้นอะเดย์ช่วยกันแต้มเติม ใส่ความเห็นกันไปมา จึงได้รูปนี้ออกมาเป็นที่ระลึก
“ขอบคุณพี่โหน่ง วงศ์ทนง ที่ทำให้เราๆ ได้มารู้จักกัน มิตรภาพที่เรามีให้กันในวันนี้มีค่ายิ่งกว่าเงินลงขันเมื่อ 17 ปีที่แล้วมากมายจริงๆ” เฟซบุ๊ก Art Korapin ระบุ
สำหรับภาพดังกล่าว ได้บรรยายถึงที่มาที่ไปของนิตยสารอะเดย์ มาจากผู้ร่วมลงขัน 459 คน เป็นทุนตั้งต้นผลิตนิตยสาร ในนาม บริษัท เดย์อาฟเตอร์เดย์ จำกัด ก่อนนำเงินผู้ลงขันไปตั้งมูลนิธิ ปิดบริษัทเก่า ตั้งบริษัทใหม่ แล้วจะแขวนหุ้นผู้ลงขันไปอยู่ในมูลนิธิอะเดย์ ตั้งบริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด แล้วขายหุ้นมูลค่า 300 กว่าล้าน ให้กับบริษัทอื่น พร้อมกับข้อความ “ผมลาออกแล้วครับ”
สำหรับข้อความจากเฟซบุ๊ก Art Korapin ระบุว่า
“ในเวลาร่วมเดือนที่ติดตามข่าวอะเดย์ จนได้เปิดห้องรวมกลุ่มผู้ร่วมลงขัน A Day ได้พูดคุยกับเพื่อนใหม่มากมาย ประเด็นความคิดเห็น ความรู้สึกมีแตกต่างกันไป แต่ที่สะดุดหัวใจที่สุด คือ เรื่องราวของ พี่จืด Thaithong Thongthai หรือ จืด กลุ่มเด็กรักป่าค่ะ
ชีวิตพี่จืด ติดดิน ติดธรรมชาติ และต้นไม้ แกจบจิตรกรรมไทย จากวิทยาลัยเพาะช่าง ทำงานศิลปะสารพัดตั้งแต่กำกับภาพยนตร์ ผลิตสารคดี สื่อต่างๆ ไปจนถึงละครเวที (เด็กรักป่าสตูดิโอ) ดิฉันพูดคุยกับแกมาเรื่อย แกเป็นคนขี้อาย ไม่เล่าอะไรมาก บางทีต้องไป ถามอากู๋เพราะอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับงานเพื่อสังคมที่แกทำ และส่องตามหน้าเพจแกอยู่เนืองๆ
มีสองสามเรื่องที่พี่จืดไม่เคยเล่าให้ฟังตรงๆ แต่ทำให้ดิฉันแอบน้ำตาไหล
- พี่หน่อย ภรรยาพี่จืดเคยป่วยหนัก เป็นผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้าย ต้องฟอกไต มีค่าใช้จ่ายผ่าตัด สารพัดรุมเร้า พี่จืดต้องหยุดกิจกรรมเด็กรักป่า มาทำร้านค้าในเมืองสุรินทร์ และตัดสินใจลงขันร่วมหุ้นกับอะเดย์ เพราะหวังว่าจะมีหนังสือดีๆ วางอยู่บนแผง และลึกๆ ก็แอบหวังว่าจะเป็นเงินลงทุนที่งอกเงย หมุนเวียนเป็นค่ารักษาภรรยา ...
- พี่จืดเคยลงทุน เป็นผู้สร้าง และผู้กำกับหนัง #รักในกระติ๊บข้าว เจ๊งหมดตัว ต้องขายสมบัติแทบทุกอย่างเหลือแต่ตัวกับที่ดิน
ในสองวาระใหญ่ที่เกิดขึ้นในชีวิต พี่จืดได้พยายามติดต่อกับทางอะเดย์ เพื่อสอบถามเรื่องหุ้น และอยากขายหุ้นคืน เพราะเข้าใจว่าเป็นหุ้นที่ยังมีมูลค่าเอามาจัดการชีวิตได้ แต่ไม่เคยติดต่อเรื่องนี้ได้สำเร็จลุล่วงเลยซักครั้ง
21 หุ้น คือเงิน 21,000 บาท
เมื่อ 17 ปีที่แล้วมีค่าเท่ากับการฟอกไตให้พี่หน่อยได้ถึง 4 ครั้ง
ปัจจุบัน พี่จืดสามารถใช้เงินจำนวนนี้จัดค่ายให้เด็กๆ 10 คน เรียนรู้ธรรมชาติได้สองค่าย
พี่จืดไม่เคยเล่าให้ดิฉันฟังว่าคุยโทรศัพท์กับคุณวงศ์ทนงเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้ เคลียร์กันไปแล้วจบหรือเปล่า หรืออย่างไร และไม่เคยพูดถึงเรื่องเงินลงขัน 21,000 บาท เพราะแกตัดใจแล้วด้วยซ้ำว่า ถ้าเงินจำนวนนี้มันตกไปอยู่ในกล่องบริจาคมีนามว่า มูลนิธิอะเดย์แล้ว แกไม่กล้าไปล้วงกล่อง เอามันกลับขึ้นมาจริงๆ
ความงดงามของจิตในพี่จืดช่วยขัดเกลาให้ดิฉันไม่เพิกเฉยวาระ ลงเรือลำเดียวกันในฐานะผู้ร่วมลงขันอะเดย์
เราแชทคุยกันก็ถามไถ่เรื่องโน้นนี้ อัพเดทข่าวเรื่องคุณวงศ์ทนงกันไปมาอยู่เรื่อย เปิดห้องแชทกับเพื่อนผู้ร่วมขันท่านอื่นๆ ตามประสาเพื่อนใหม่ที่มีหัวใจตรงกันและก็ได้รู้อีกว่า พี่จืดชอบวาดรูปจากโทรศัพท์ บางทีก็วาดด้วยโปรแกรมโฟโต้ช้อปหน้าคอมพิวเตอร์ ....
พวกเราเชียร์ให้พี่จืดวาดรูปให้กลุ่มเราหน่อย ช่วยกันแต้มเติม ใส่ความเห็นกันไปมา เราจึงได้รูปนี้ออกมาเป็นที่ระลึกจากพี่จืด (และผองเพื่อน) ค่ะ
ขอบคุณพี่โหน่ง วงศ์ทนง ที่ทำให้เราๆ ได้มารู้จักกัน มิตรภาพที่เรามีให้กันในวันนี้มีค่ายิ่งกว่าเงินลงขันเมื่อ 17 ปีที่แล้วมากมายจริงๆ
ป.ล. เพื่อนๆ ที่อยากรู้จักพี่จืด มากขึ้น Google “กลุ่มเด็กรักป่า”..แต่ไม่ต้องเข้าเว็บ dekrakpa ดอท com นะคะ พี่จืดไม่มีเงินจ่ายค่า URL มานานแล้ว"