กรุงเทพฯ - บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวชั้นนำในเครือเป๊ปซี่โค อาทิ เครื่องดื่ม “เป๊ปซี่” และมันฝรั่งทอดกรอบ “เลย์” นำโดย นายปริญญา กิจจาธนพันธ์ (กลาง) กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจอินโดจีน ประกาศปรับโครงสร้างภายในโดยแต่งตั้ง นายโอเมอร์ มาลิค (ซ้าย) ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม - ประเทศไทย และ นายเคิร์ท พรีชอว์ (ขวา) ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจอาหาร - ประเทศไทย เมียนมา และ ลาว เพื่อรุกทำตลาดเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวในประเทศไทย ที่มีมูลค่ารวมกว่า 1.9 แสนล้านบาท* พร้อมมุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้นโยบาย “Performance with Purpose” ผ่านยุทธศาสตร์ “3P” รองรับ “วิสัยทัศน์ 2025” ของเป๊ปซี่โคทั่วโลก
การปรับโครงสร้างองค์กรในครั้งนี้เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจของเป๊ปซี่โคในประเทศไทย และตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนเพื่อให้สอดคล้องกับ ‘วิสัยทัศน์ 2025’ ที่เป๊ปซี่โคสหรัฐอเมริกาได้ประกาศไว้เมื่อเร็วๆ นี้ โดยมุ่งสานต่อนโยบายการดำเนินธุรกิจที่เรียกว่า ‘Performance with Purpose’ หรือ ‘เติบโตสู่เป้าหมาย ก้าวไกลอย่างยั่งยืน’ ซึ่งประกอบด้วย 3 ภารกิจหลัก (3P) คือ การพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่ให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน (Product) การดำเนินธุรกิจทุกขั้นตอนโดยคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อโลกและสิ่งแวดล้อม (Planet) และการพัฒนาส่งเสริมศักยภาพของบุคลากรทั้งพนักงาน พันธมิตรและสังคมรอบข้าง (People)
* ปี พ.ศ. 2559 ตลาดเครื่องดื่มนอน - แอลกอฮอล์ ในประเทศไทย มีมูลค่า 157,284 ล้านบาท ในขณะที่ตลาดขนมขบเคี้ยวมีมูลค่า 33,266 ล้านบาท (อ้างอิงข้อมูล บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด)
เกี่ยวกับผู้บริหาร
ในฐานะกรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม - ประเทศไทย “นายโอเมอร์ มาลิค” จะเข้ามารับผิดชอบการบริหารธุรกิจและการขยายพอร์ตโฟลิโอเครื่องดื่มของเป๊ปซี่โคในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ ครอบคลุมทั้งในด้านการผลิต การตลาด การจัดจำหน่ายและกระจายสินค้า รวมถึงการบริหารองค์กรและทรัพยากรบุคคล เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ “เป๊ปซี่” รวมถึงเครื่องดื่มในเครือ อาทิ “มิรินด้า” “เซเว่น-อัพ” “อควาฟิน่า วิตซ่า” ชาพร้อมดื่ม “ลิปตัน” เครื่องดื่มเกลือแร่ “เกเตอเรด” และน้ำดื่มบรรจุขวด “อควาฟิน่า”
ทั้งนี้ นายโอเมอร์ เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) มากว่า 20 ปี โดยร่วมงานกับเป๊ปซี่โคครั้งแรกในปี พ.ศ. 2550 รับผิดชอบการบริหารระบบแฟรนไชส์ธุรกิจเครื่องดื่มของเป๊ปซี่โคในประเทศปากีสถานที่มีมูลค่ากว่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ดูแลบริษัทแฟรนไชส์ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย 7 ราย ก่อนได้รับความไว้วางใจให้ขยายความรับผิดชอบไปดูแลธุรกิจขนมขบเคี้ยวในปี พ.ศ. 2555 ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายพาณิชย์ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจอาหารของเป๊ปซี่โคในประเทศปากีสถานและอัฟกานิสถาน ในปี พ.ศ. 2557 โดยระหว่างนั้น นายโอเมอร์สามารถสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้ในอัตราตัวเลขสองหลัก (Double Digit) ต่อเนื่องตลอด 3 ปีและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 5% นายโอเมอร์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจ - การตลาด จาก Institute of Business Administration กรุงการาจี ประเทศปากีสถาน
ขณะที่ “นายเคิร์ท พรีชอว์” ซึ่งดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจอาหาร - ประเทศไทย เมียนมา และ ลาว จะเข้ามารับผิดชอบการดำเนินธุรกิจอาหารและขนมขบเคี้ยวของเป๊ปซี่โคในประเทศไทย โดยมุ่งยกระดับและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ “เลย์” รวมทั้งผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวต่างๆ อาทิ ข้าวเกรียบ “ตะวัน” ธัญพืชอบกรอบและถั่ว “ซันไบทส์” ขนมขึ้นรูป “ทวิสตี้” “ชีโตส” รวมถึงผลิตภัณฑ์จากข้าวโอ๊ต “เควกเกอร์” เพื่อต่อยอดความสำเร็จในฐานะผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องและพร้อมขยายโอกาสทางธุรกิจไปในประเทศใกล้เคียง
นายเคิร์ท ร่วมงานกับเป๊ปซี่โคมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการบริหารธุรกิจขนมขบเคี้ยวในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เคยดำรงตำแหน่งสำคัญต่างๆ อาทิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ผู้อำนวยการฝ่ายพาณิชย์ และผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การขาย ก่อนดำรงตำแหน่งสุดท้ายเป็น กรรมการผู้จัดการของบลูเบิร์ดฟู้ดส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของเป๊ปซี่โคในประเทศนิวซีแลนด์และถือเป็นผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวที่มีมูลค่าสูงถึง 180 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยไม่เพียงจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าและรักษาความเป็นผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวได้อย่างต่อเนื่อง แต่นายเคิร์ทยังประสบความสำเร็จกับการเปิดตัวและทำตลาดผลิตภัณฑ์จากข้าวโอ๊ต “เควกเกอร์” ในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ทั้งข้าวโอ๊ตปรุงสำเร็จสำหรับชงดื่ม คุกกี้ข้าวโอ๊ต และข้าวโอ๊ตอัดแท่งด้วย นายเคิร์ทสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาธุรกิจจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย