xs
xsm
sm
md
lg

ขู่ลอยแพอะเดย์! “วงศ์ทนง” ผุดแผนลาออกล้มดีล 308 ล้าน ปัดรู้เห็น-อ้างมีแค่หุ้นเดียว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


MGR Online - ผู้ก่อตั้งนิตยสารอะเดย์ แจงปมดีลขายหุ้น “โพลาร์” 308 ล้าน บอกไม่เคยรู้มาก่อน เพราะทำแต่เนื้อหา รับไม่สบายใจที่มีข่าว ขอร้องผู้ถือหุ้นใหญ่แต่รับไว้พิจารณา พบ โทร.เคลียร์ผู้ร่วมลงขัน หลังเกิดน้อยใจ “ขายหุ้นทุนใหญ่ไม่แบ่งกำไรบ้างหรือ”

จากกรณีที่ นายวงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ผู้ก่อตั้งนิตยสารอะเดย์ และ เว็บไซต์สำนักข่าวเดอะโมแมนตัม ถูกบริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ โพลาร์ (POLAR) ซื้อหุ้นบริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด จากบริษัท ไทยฟู้ด โลจิสติกส์ จำกัด และ บริษัท ธนวรินทร์ จำกัด จำนวน 4.9 แสนหุ้น ในราคาหุ้นละ 630 บาท จากราคาเดิม 100 บาทต่อหุ้น รวม 308.7 ล้านบาท ทำให้มีกำไรการขายหุ้นครั้งนี้กว่า 238.7 ล้านบาท วันนี้ (3 ก.พ.) นายวงศ์ทนง ได้ใช้เฟซบุ๊กไลฟ์ The Momentum ซึ่งเป็นสำนักข่าวของตนเอง เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าว



นายวงศ์ทนง กล่าวว่า ตนได้ทราบข่าวที่บริษัท เดย์ โพเอทส์ ของตน ขายหุ้นให้กับโพลาร์ ซึ่งหลายคนตั้งคำถามว่าตนไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร เพราะเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ชี้แจงว่า ตั้งแต่ทำอะเดย์ ตนเชี่ยวชาญด้านการทำเนื้อหา ส่วนเรื่องธุรกิจตนไม่ชอบ จึงให้ นายนิติพัฒน์ สุขสวย ซึ่งเป็นเพื่อนช่วยดูแล ทำหน้าที่ประสานงานบริษัท ทราฟฟิกคอร์นเนอร์โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กับผู้ถือหุ้นใหญ่ (นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย) ตลอด ซึ่งตนเพิ่งทราบว่ามีหุ้นใน เดย์ โพเอทส์ 1 หุ้น จากจำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมดที่ตนไม่รู้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ตนไม่รู้เรื่องดีลนี้จริง

“ผมไม่เคยรู้ว่ามีดีลนี้ตลอด เมื่อผมรู้ปุ๊บผมก็ โทร.ถึงผู้ถือหุ้นใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น คำอธิบายที่ผมได้รับ ก็คือ โอ๊ยไม่มีอะไร มันเป็นเชิงธุรกิจ เป็นเรื่องทางธุรกิจ เดี๋ยวเราก็ได้เงินมาทำนู่นทำนี่ ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า บริษัทฯ มันก็มีช่วงที่ติดขัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ต้องควักเงินส่วนตัวลงไปเยอะ เพราะฉะนั้นพอทำดีลนี้เสร็จ เราก็จะได้เงินมาทำงานสภาพคล่องมากขึ้น ส่วนคนทำงานก็เหมือนเดิม มีสิทธิเสรีภาพ” นายวงศ์ทนง กล่าว

นายวงศ์ทนง กล่าวว่า ตนฟังทีแรกก็โอเค ในการทำงานตนก็ทราบว่าธุรกิจมันก็ต้องใช้เงิน ก็ไม่คิดอะไร คิดว่าตนตัดสินใจดีแล้ว ที่ผ่านมาตนไม่มีความรู้เรื่องหุ้น ในชีวิตไม่เคยเล่นหุ้นสักตัว ไม่สนใจ ไม่ชอบด้วยซ้ำ เงินฝากอยู่ที่ธนาคารออมสิน ทีแรกฟังคำอธิบายจากผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ไม่มีอะไร แต่ต่อมาทราบข่าวนี้ และข้อมูลที่ทยอยออกมา ตนอ่านแล้วไม่สบายใจ เพราะมีข้อมูลหลายเรื่องที่อธิบายให้กับสังคมไม่ได้

“ถ้าเราเป็นบริษัททำสื่อ ที่ต้องอาศัยความเชื่อถือมากๆ แล้วเราไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่สังคมตั้งคำถาม หรือว่าอธิบายไม่ได้ ผมว่ามันไม่น่าจะดี มีหนังสือพิมพ์ติดต่อขอสัมภาษณ์ผม แต่ผมไม่รู้จะตอบอะไร เพราะผมไม่ทราบข้อมูลเรื่องดีลนี้จริงๆ มีอยู่วันหนึ่งผมรู้สึกว่าไม่ได้แล้ว เพราะว่ากระแสเริ่มมาทางว่า ผมรู้เห็นเรื่องนี้ ซึ่งมันก็เริ่มมีข่าวแล้วว่า วงศ์ทนงขายอุดมการณ์ ขายอะเดย์แลกเงิน 300 ล้าน ผมรู้สึกว่าผมอยู่เฉยๆ ไม่ได้” นายวงศ์ทนง กล่าว

- ผู้ถือหุ้นใหญ่บอก “แค่รับไว้พิจารณา” หลังขอร้อง-ขู่ลาออกหวังล้มดีล

นายวงศ์ทนง กล่าวว่า ตนได้ส่งข้อความส่วนตัวไปยังทวิตเตอร์สำนักข่าวอิศรา ที่นำเสนอข่าวเรื่องนี้ เพื่อยืนยันว่า ตนไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน รู้พร้อมทุกคน จุดยืนของตนคือไม่เห็นด้วยกับดีลนี้ และจะพยายามล้มดีลนี้ให้ได้ ซึ่งสำนักข่าวอิศรานำข้อความส่วนตัวไปลง ถือว่าผิดมารยาท แต่ก็ทำให้หลายคนเข้าใจเรามากขึ้นว่า ตนไม่ได้เกี่ยวข้องและรู้เห็น และไม่ได้อยากได้ดีลนี้

“ผมเพิ่งได้คุยกับผู้ถือหุ้นใหญ่เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ยืนยันว่า ผม และ เดย์ โพเอทส์ ไม่ต้องการให้เกิดดีลนี้ ขอให้ล้มดีลนี้ ซึ่งทางผู้ถือหุ้นใหญ่ก็รับฟังด้วยดีและเห็นอกเห็นใจคนทำงานว่าอึดอัด จะรับไว้พิจารณา แต่ถ้าดีลนี้เกิดขึ้น ผมลาออกแน่นอน” นายวงศ์ทนง กล่าว

ในตอนท้าย นายวงศ์ทนง ตอบคำถามถึงการล้มดีลว่าจะทำอย่างไร ทั้งที่มีอยู่เพียง 1 หุ้น ว่า ตนไม่มีพลังที่จะไปล้มดีลนี้ได้ ตนก็ใช้วิธีคุยกันว่า ดีลนี้ในฐานะคนทำงานตนไม่สบายใจ ไม่สามารถตอบคำถามได้ว่าทำไมต้องเลือกดีลนี้ ขอร้องให้เห็นใจคนที่อยากจะทำอาชีพนี้ไปนานๆ ว่า ไม่มีดีลนี้ได้ไหม มันเป็นวิธีแบบตรงไปตรงมา ซึ่งท่าทีของนายสุรพงษ์ดีมาก เข้าอกเข้าใจและรับฟัง ในช่วงสิบกว่าปีที่ดีลกันมา นายสุรพงษ์ก็ดูแลดี เพราะที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าจะทำเงินได้ทุกปี นายสุรพงษ์ พยายามประคับประคองคนทำงานไม่ให้ลำบากเกินไป แต่ว่าสำหรับเรื่องนี้ เป็นเรื่องของหลักการ ของจุดยืน ซึ่งอาจเห็นต่างกัน แต่เชื่อลึกๆ ว่า คุยกันได้

ทั้งนี้ ขณะนี้รอท่าทีจากผู้ถือหุ้นใหญ่ในการทำดีลนี้ โดยไม่ได้กำหนดกรอบเวลา เพราะผู้ถือหุ้นใหญ่บอกว่า มีเรื่องที่ต้องจัดการในเชิงกฎหมาย ก็รอเวลานั้น หลังจากเรื่องทุกอย่างคลี่คลาย จะทำจดหมายชี้แจงให้ทราบเป็นลายลักษณ์อักษรต่อไป นอกจากนี้ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ ตนกับนายนิติพัฒน์เห็นตรงกันว่า อาจจะตัดสินใจซื้อบริษัทเดย์ โพเอทส์ กลับคืนมาทำเอง และจัดโครงสร้างของผู้ถือหุ้นใหม่ให้ชัดเจน คือ ตนกับนายนิติพัฒน์ ถือหุ้นคนละ 30% ผู้ถือหุ้นรายใหม่อีก 30% และคนที่ร่วมลงขันทั้งหมด 495 คน ถือหุ้น 10% เชื่อว่าจะชัดเจน และโปร่งใสมากขึ้น

- เหน็บ “ผู้จัดการ” เสนอข่าวทำสังคมเข้าใจตนผิด

ในตอนหนึ่ง นายวงศ์ทนง กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก แม้กระทั่งในเว็บไซต์เดอะโมแมนตัม เต็มไปด้วยเฮชสปีท (คำพูดที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง) รับฟังข้อมูลจากฝ่ายเดียวแล้วด่วนสรุปตัดสิน ถ้าพูดให้เฉพาะเจาะจง คือ ข่าวจากเว็บไซต์ผู้จัดการ ซึ่งเป็นข่าวที่คนแชร์กันเยอะมาก ทีแรกตนเห็นข่าวนี้มาจากผู้จัดการซึ่งพูดเรื่องอุดมการณ์ จรรยาบรรณ และจริยธรรม ตนว่ามันตลก ที่คนพูดเรื่องอุดมการณ์ จรรยาบรรณ และจริยธรรม เป็นค่ายผู้จัดการ

“ถ้าคุณไปอ่านเนื้อข่าวจริงๆ คุณจะเห็นว่า โครงสร้างของมัน อ่านแบบระหว่างบรรทัด เป็นข่าวชนิดที่เรียกว่าคอลลาจ (Collage) ก็คือ เอาข้อมูลมาตัดแปะ แล้วก็ใส่ทัศนะความเห็นตัวเองลงไป ซึ่งมันเป็นทัศนะความเห็นที่มีความตั้งใจที่จะให้คนจงเกลียดจงชังเรา เข้าใจผิด ซึ่งลักษณะนี้ผู้จัดการใช้มาตลอด เป็นข่าวแบบซ้อเจ็ด ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะไปให้ค่า แต่ปรากฏว่าข่าวนี้ถูกแชร์ไปเยอะมาก ที่สำคัญก็คือ คนเขาเชื่อกันเยอะมาก แล้วก็พิพากษาว่าเราผิด เราทำไม่ดี ยิ่งในยุคสมัยนี้เราชอบสรุปอะไรสั้นๆ เป็นยุคสมัยแห่งการสรุป

วันก่อนผมยังไปคุยกับ พี่จิก ประภาส ชลศรานนท์ (รองประธานบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)) ที่ซื้อหุ้นอะเดย์ขำๆ 1 หุ้น 1,000 บาท ผมไปอธิบายกับพี่จิกว่า ผมไม่ได้ทำ พี่จิกก็บอก เออ มันเกิดข่าวนี้ พี่ก็ถามเพื่อนพี่ว่า อะเดย์เกิดเรื่องอะไร โหน่งเกิดเรื่องอะไร สรุปก็คือ โหน่งมันขายหุ้นอะเดย์ ได้เงินมา 300 ล้าน แล้วไม่แบ่งคนที่ร่วมลงขันมาด้วยกันแต่ต้น สรุปสั้นๆ ซึ่งมันผิดโดยสิ้นเชิง

เพราะฉะนั้นสำหรับเว็บไซต์แมเนเจอร์ ผู้จัดการ ความจริงผมชอบอ่านข่าวจากผู้จัดการมาก มีคอลัมน์ มีบทความดีๆ มากมาย ข่าวการศึกษาดีมาก ข่าววัฒนธรรมดีมาก ผมชอบมากเลย ข่าวสังคมดีมากเลย แต่สำหรับข่าวชิ้นนี้คิดว่า เป็นข่าวที่ไร้คุณภาพมาก แล้วก็เห็นถึงความตั้งใจที่จะให้คนจงเกลียดจงชังเรา ที่ปรึกษากฎหมายผมแนะนำว่า คุณวงศ์ทนง สามารถฟ้องคนที่เขียนข่าวนี้ได้ แต่ผมยืนยัน ผมไม่มีความคิดที่จะฟ้องสื่อมวลชน และผมเข้าใจว่าคนทำสื่อมันลำบาก ช่วงนี้ลำบากทั้งธุรกิจ เรื่องถูกคุมจากรัฐด้วย พ.ร.บ. สื่อ ผมไม่เห็นด้วย

เพราะฉะนั้นผมยืนยันกับผู้จัดการว่าผมไม่ฟ้องคุณหรอก แต่ผมฝากไปถึงคุณจิตตนาถ ลิ้มทองกุล และ คุณพชร สมุทวณิช ซึ่งดูแลผู้จัดการอยู่ว่า ติดต่อสัมภาษณ์ผมได้เลย มันจะได้มีข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่ไม่ได้คิดมโนไปเอง ผมยินดีแทรกคิวผู้จัดการ เพราะว่าตอนนี้มีสื่อติดต่อขอสัมภาษณ์ผมเยอะมาก ผมมีข้อแม้อย่างเดียว ก็คือ พอสัมภาษณ์ไปแล้ว ก่อนไปเขียนผมขออีดิท (แก้ไข) นิดนึง ผมขอตรวจนิดนึง เพราะผมไม่มั่นใจว่าคุณจะเอาไปบิดเบือนอะไรหรือเปล่า” นายวงศ์ทนง กล่าว

- แจ้นเคลียร์ผู้ร่วมลงขัน หลังน้อยใจ “ขายหุ้นทุนใหญ่ไม่แบ่งกำไรบ้างหรือ”

กรณีที่ นายวงศ์ทนง ได้พาดพิงถึงการนำเสนอข่าวของ MGR Online ดังกล่าว พบว่าเป็นการนำเสนอคำพูดจากเฟซบุ๊ก “Thaithong Thongthai” ของ นายเข็มทอง โมราษฎร์ ผู้ก่อตั้ง “กลุ่มเด็กรักป่า” ซึ่งระบุว่า ตนเองได้ซื้อหุ้นนิตยสารอะ เดย์ 21 หุ้น หุ้นละ 1,000 บาท รวม 21,000 บาท เมื่อปี 2543 หลังจากซื้อหุ้นผ่านมาไม่นาน มีการปันผลหุ้นให้ผู้ลงขัน ตนได้รับครั้งหนึ่ง แล้วก็เงียบหายไป และเมื่อขายหุ้นให้บริษัท ทราฟฟิกคอร์นเนอร์โฮลดิ้งส์ มีคนถามในสื่อว่า ไม่แบ่งกำไรให้หุ้นผู้ร่วมลงขันบ้างเหรอ คำตอบ คือ เงียบ นอกจากนี้ ในช่วงที่ตนประสบปัญหาทางการเงิน เมื่อติดต่อขอขายหุ้นอะเดย์สอง-สามครั้ง ก็เงียบหาย รวมทั้งผิดหวังที่บรรณาธิการอะเดย์รุ่นหลังๆ ไม่ให้ความสำคัญ

เฟซบุ๊ก “Thaithong Thongthai” เปิดเผยเมื่อวันที่ 26 ม.ค. ว่า หลังจากที่ตนได้โพสต์ข้อความในวันนั้น มีทีมงานนิตยสารอะเดย์ โทร.มาประสานงาน กระทั่งเช้าอีกวันหนึ่ง นายวงศ์ทนงส่งข้อความมาว่า สะดวกคุยหรือไม่ หลังจากนั้นจึงได้ โทร.กลับ ซึ่งนายวงศ์ทนง กล่าวว่า นอกจากจะเสียใจและขอโทษกับผู้ร่วมลงขันทุกคนแล้ว ยังอยากโทรมาคุยกับทุกคนที่ยังใช้เบอร์เดิมที่ให้ไว้ ซึ่งมีจำนวนนับพันคน ตนเสนอว่าควรมีเวทีให้ตัวแทนผู้ลงขันได้คุยกันก็น่าจะพอแล้ว ส่วนหุ้นที่ไปก่อตั้งมูลนิธิ ก็ทำห้องสมุดมือสองที่หาดใหญ่ จ.สงขลา นอกจากนี้ หลังการสนทนาจบลง ทีมงานนิตยสารอะเดย์โทร. มาขอเลขที่บัญชีธนาคาร ซึ่งตนได้ปฏิเสธ



อ่านประกอบ : ผู้ถือหุ้นถามกลับ “วงศ์ทนงร้อยล้าน” ไม่แบ่งกำไรให้หุ้นผู้ร่วมลงขัน a day บ้างเหรอ?
กำลังโหลดความคิดเห็น