xs
xsm
sm
md
lg

สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พสกนิกรเข้ากราบสักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ประชาชนเดินทางเข้ากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เป็นวันที่ 89 วันนี้ได้มีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศพร้อมใจเดินทางมาเข้าแถวเพื่อกราบสักการะพระบรมศพ อย่างต่อเนื่องด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่ทรงพระราชทานความช่วยเหลือพสกนิกรชาวไทยเสมอมา

วันนี้ (30 ม.ค.) สำหรับบรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งในวันนี้ดำเนินมาเป็นวันที่ 89 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ต่างแต่งกายด้วยชุดดำเรียบร้อยจำนวนมาก เดินทางมาต่อแถวอย่างเป็นระเบียบท่ามกลางสภาพอากาที่ร้อนจัด เพื่อขึ้นสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยเจ้าหน้าที่ได้เปิดประตูให้ประชาชนเดินแถวเข้าตั้งแต่เวลา 04.45 น. ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี
นายพิเชษฐ์ อนุศาสนนันท์  และนางอุษา ขัมพานนท์
ด้าน สองสามีภรรยาข้าราชการบำนาญ นายพิเชษฐ์ อนุศาสนนันท์ วัย 80 ปี และ นางอุษา ขัมพานนท์ วัย 77 ปี ได้ออกเดินทางจากบ้านที่มหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร โดยทั้งคู่ได้นั่งรถไฟจากสถานีมหาชัยตอน 06.00 น. และมาถึงที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวงเมื่อตอน 08.00 น. แล้วได้กราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เมื่อเวลา 11.00 น. สองสามีภรรยากล่าวด้วยน้ำเสียงตื้นตัน ว่า การมาสักการะพระบรมศพครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของตัวเอง เนื่องด้วยอายุมากแล้วสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง จึงไม่สามารถมาต่อแถวได้ครั้งละหลายชั่วโมง จึงตัดสินใจมาวันนี้ เพราะคนไม่ค่อยเยอะเหมือนเมื่อช่วง 100 วันที่ผ่านมา วินาทีแรกที่ได้สักการะพระบรมศพ ความปลื้มปีติความตื้นตันก็เอ่อล้นขึ้นมาทันที ทุกวันนี้นอกจากจะเดินตามรอยพระราชปณิธานของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ในด้านความพอเพียงใช้ชีวิตอย่างเพียงพอ อดออม ปลูกผักสวนครัวไว้รับประทานเองที่บ้านแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำเป็นประจำหลังจากที่ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสด็จสวรรคต คือ การเป็นเจ้าภาพร่วมสวดอภิธรรมถวายพระบรมศพ ที่วัดป้อมวิเชียร จังหวัดสมุทรสาคร

“เราในฐานะที่เป็นอดีตข้าราชการ คือ คนของพระราชา และทุกวันนี้ถึงแม้จะเป็นข้าราชการบำนาญกันแล้ว มีเพียงสิ่งเดียวที่เราจะสามารถทำเพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดีแด่พระองค์ ท่านได้ คือ การเป็นเจ้าภาพร่วมสวดพระอภิธรรมถวาย โดยก่อนหน้านี้ครอบครัวเราเป็นเจ้าภาพร่วมสวดพระอภิธรรม ที่วัดป้อมวิเชียร เป็นประจำจนครบ 100 วัน และทุกวันนี้ก็เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมถวายทุกวันขึ้น 15 ค่ำ จนกว่าจะถึงวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ”
นางเพ็ญศรี อุ้ยทอง
ด้าน นางเพ็ญศรี อุ้ยทอง อายุ 51 ปี ชาวอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี มากราบถวายสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 3 กล่าวว่า วันนี้ถือว่ารอไม่นาน เพราะเริ่มต่อแถวเวลา 07.00 น. ได้ขึ้นกราบพระบรมศพเวลา 08.00 น. ทั้งนี้ ตนเดินทางมาคนเดียว ตั้งใจจะกราบพระบรมศพพระองค์ให้ได้ เพราะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อชาวอำเภอพระแสง โดยฟังคำบอกเล่าจากรุ่นพ่อรุ่นแม่บอกว่า แต่ก่อนที่ อำเภอพระแสง การเดินทางยากลำบากมาก สัญจรได้แต่ทางเรือเท่านั้น จนในหลวง รัชกาลที่ ๙ และพระราชินี เสด็จฯไปที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทอดพระเนตรถึงความยากลำบากของประชาชน จึงได้พระราชทานรถแทรกเตอร์ให้ 1 คัน เพื่อทำถนน ทำให้ปัจจุบันการสัญจรไปมาสะดวก และมีประชากรเข้าไปอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก ซึ่งทุกวันนี้ทางอำเภอพระแสง ได้จัดเป็นนิทรรศการจัดแสดงรถแทรกเตอร์และพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อชาวอำเภอพระแสง อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวน้อมนำคำสอนของพระองค์มาใช้อยู่แล้ว อาทิ การประหยัดอดออม การปลูกพืชผักสวนครัวเพื่อบริโภคภายในครัวเรือน ขณะเดียวกันจากนี้ตั้งใจจะทำความดี เพื่อตัวเอง สังคม และประเทศชาติต่อไป

ด้าน นางสาวนงลักษณ์ อันเวียง อายุ 45 ปี ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ร่วม 30 ปี โดยเดินทางมาช่วงเวลา 09.00 น. และต่อแถวเพียงชั่วโมงกว่า กล่าวว่า เนื่องจากเป็นวันหยุดตรุษจีนของบริษัทจึงได้เดินทางมากราบพระบรมศพในวันนี้ ทั้งๆ ที่ตั้งใจอยากมานานแล้วหลังจากที่ได้มาแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านในวันสุดท้ายที่ไม่มีพระองค์ท่านแล้วในวันที่ 14 ต.ค. 2559 ซึ่งวันนี้ถือว่าโชคดีมากใช้เวลาไม่นาน ทั้งๆ ที่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เพื่อนที่มาต้องรอร่วม 12 ชั่วโมง จึงถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดี บรรยากาศก็สบายไม่ร้อนมาก

เมื่อได้ย่างก้าวขึ้นกราบรู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดพระองค์ท่านสักครั้งหนึ่งในชีวิต ทั้งนี้ เพราะเรารักท่านมากเปรียบเสมือนพ่อของแผ่นดินที่ทรงงานทุกอย่างเพื่อประชาชนไม่เพียงในถิ่นทุรกันดาร แต่ในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ พระองค์ก็ทรงไม่ละทิ้ง ทรงสร้างบึงมักกะสัน บำบัดน้ำเสีย ทรงมีพระราชดำริจัดสร้างสะพานพระราม 8 สะพานภูมิพล ถนนพระบรมราชชนนี แก้ไขปัญหาการจราจร ซึ่งเป็นเส้นทางที่ตัวเองใช้สัญจรเป็นประจำ ทำให้เห็นว่าโครงการที่ได้พระราชทานมานั้นทรงสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ประชาชนทุกคน ตัวเองจึงได้ตั้งจิตและยึดหลักคำสอนของพระองค์มาใช้แม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของพระองค์ท่าน แต่ก็จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ความสามารถของตัวเองจะทำได้ในเรื่องของความไม่เอาเปรียบผู้อื่น การมีน้ำใจ ช่วยเหลือต่อผู้ด้อยโอกาส
นางสาวมาเรียม วิเศษรัตน์
ด้าน นางสาวมาเรียม วิเศษรัตน์ พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เผยหลังจากเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ว่า มีความตั้งใจที่จะมากราบพระบรมศพอย่างน้อยหนึ่งครั้ง และเมื่อมีโอกาสจึงได้มาเข้าคิว ซึ่งด้วยการทำงานของเจ้าหน้าที่ ทำให้การรอคิวเป็นไปอย่างราบรื่น ใช้เวลาไม่นาน

“เมื่อได้เข้าไปบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้เห็นพระบรมโกศ อยู่ตรงหน้าความรู้สึกตื้นตัน ไม่ต่างไปจากการไปนอนเฝ้ารอรับเสด็จฯที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อครั้งที่เสด็จฯออกมหาสมาคม สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งให้พระองค์ทรงเห็นว่า ประชาชนรักพระองค์มากแค่ไหน แม้พระองค์จะไม่ได้อยู่กับเราแล้ว แต่จะทรงอยู่ในใจของเราและคงได้ส่งต่อเล่าให้ลูกหลานฟังต่อไป” นางสาวมาเรียม กล่าวด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจ

ด้าน คุณยายแดง ไม่ทราบนามสกุล อายุ 72 ปี พักอาศัยอยู่ในย่านปิ่นเกล้า เล่าว่า ตัวเองมากราบพระบรมศพเกือบยี่สิบครั้งแล้ว แต่ละครั้งที่มาไม่สามารถอธิบายได้ รู้แต่ว่าต้องมาเหมือนเป็นความผูกพัน ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ไม่เคยทอดทิ้งประชาชน ตัวเองในฐานะพสกนิกรคนไทยจึงพยายามจะมาถวายความจงรักภักดีต่อในหลวงให้ได้ทุกวันเช่นกัน

















กำลังโหลดความคิดเห็น