บรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช วันที่ 85 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ต่างแต่งกายด้วยชุดดำเรียบร้อยจำนวนมาก เดินทางมาต่อแถวอย่างเป็นระเบียบท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด เพื่อขึ้นสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้านสำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน เมื่อวันที่ 25 ม.ค. มีจำนวนทั้งสิ้น 40,665 คน รวม 84 วัน มี 3,696,289 คน
วันนี้ (24 ม.ค.) สำหรับบรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งในวันนี้ดำเนินมาเป็นวันที่ 85 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ต่างแต่งกายด้วยชุดดำเรียบร้อยจำนวนมาก เดินทางมาต่อแถวอย่างเป็นระเบียบท่ามกลางสภาพอากาที่ร้อนจัด เพื่อขึ้นสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
โดยเจ้าหน้าที่ได้เปิดประตูให้ประชาชนเดินแถวเข้าตั้งแต่เวลา 04.45 น. ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี
ด้าน ดร.วิชิต เกียรติศรีชาติ รองประธานกรรมการบริหารมูลนิธิวัฒนธรรมไทย-เยอรมัน ตัวแทนเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลกล่าวด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณว่า เมื่อครั้งในหลวง รัชกาลที่ ๙ และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ เจริญสัมพันธไมตรีกับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จฯ ในฐานะนักเรียนไทยในต่างแดน แม้จะผ่านมานานแล้วแต่ผมยังจำความรู้สึกตื่นเต้นนั้นได้ แต่ก็น้อยกว่าเพื่อนร่วมรุ่นขนาดพูดติดอ่าง เมื่อพระองค์รับสั่งถามว่า “ชื่ออะไร เรียนวิชาอะไร” นับเป็นความอบอุ่นดับความว้าเหว่ยามอยู่ห่างบ้านห่างเมือง โอกาสนี้ยังได้ทอดพระเนตรเรือตรวจการณ์ของกองทัพเรือ เมื่อเสด็จฯ กลับเมืองไทย ทรงมีรับสั่งให้กองทัพเรือต่อเรือตรวจการณ์เป็นลำแรกด้วย
ด้าน ผศ.ฤทัยรัตน์ รตโนภาส ผู้จัดการมูลนิธิวัฒนธรรมไทย-เยอรมัน กล่าวเสริมว่า ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณรับมูลนิธิวัฒนธรรมไทย-เยอรมัน ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปัจจุบันก่อตั้งมาครบ 50 ปี โดยจัดกิจกรรมการกุศลต่างๆ เช่น การแข่งขันกอล์ฟชิงถ้วยพระราชทาน รายได้จากการจัดงานทางคณะกรรมการนำทูลเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลสมทบทุนอานันทมหิดล เหตุเพราะรัชกาลที่ ๘ เสด็จพระราชสมภพที่ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ซึ่งทางมูลนิธิได้ก่อตั้งขึ้นในวันคล้ายวันพระราชสมภพด้วย เมื่อทราบว่า ได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพ คณะกรรมการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ ทุกระดับต่างมีความปลาบปลื้มใจ เต็มใจที่จะมาอุทิศกุศลถวายด้วยความจงรักภักดี
ด้าน นางขวัญเมือง เรืองลคร วัย 62 ปี จาก จังหวัดสิงห์บุรี อาชีพเกษตรกร เผยว่า เดินทางออกจากบ้านประมาณเวลา 04.00 น. และมารอเข้ากราบสักการะพระบรมศพได้ในเวลา 09.00 น. ในวันนี้อากาศดี เป็นใจ ทำให้ไม่รู้สึกอ่อนเพลีย โดยก่อนหน้านี้ ได้ติดตามข่าวมาว่าต้องรอนาน ก็เตรียมตัวมาอย่างดีคิดว่าถ้ามาแล้วร้อนมาก หรือฝนตก ก็จะอดทน ให้ได้เข้าไปกราบพระองค์ท่านสักครั้ง
“วันนี้มากับญาติๆ เพื่อนบ้านชาวไร่ชาวนาอีก 13 คน เราตั้งใจอยากจะมาตั้งแต่วันแรกๆ แต่ดูข่าวแล้วอยากให้คนจังหวัดไกลๆ ได้มาก่อนดีกว่า พอได้เข้าไปรู้สึกข้างในสวยมากเหมือนสรวงสวรรค์ อฐิษธานให้พระองค์ได้ไปอยู่สวรรค์ข้างบนนั้น ขอบคุณที่พระองค์ทำทุกอย่างที่มีประโยชน์ให้กับประชาชน นาที่ตัวเองทำปัจจุบันได้ผลดีตลอด แต่เมื่อสมัยก่อนอยูที่ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี แห้งแล้งมากๆ ทำนาไม่ขึ้นเลย จนพระองค์มาสร้างเขื่อนป่าศักดิ์ชลสิทธิ์ น้ำก็มีใช้ในการเกษตรตลอด ทั้ง จ.สิงห์บุรี และ จ.ลพบุรี ก็ทำนาทำไร่ได้ผลตลอดทั้งปี เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมอบให้ตัวเองและชาวบ้านมีความสุขทุกวันนี้” นางขวัญเมือง กล่าวน้ำตาคลอ
ต่อมาด้าน 2 แม่ลูกเผ่าม้ง จาก อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย นางอังธิกา วัจน์นาถรุ่งโรจน์ วัย 37 ปี และ นางสาวศรสวรรค์ วัจน์นาถรุ่งโรจน์ วัย 16 ปี ใส่ชุดประจำเผ่าอย่างสวยงามมาพร้อมกับเพื่อนชาวเผ่าอีก 100 กว่าคน เดินทางจากบ้านมาตอนบ่ายสามของวันที่ 25 ม.ค. และมารอเข้ากราบสักการะพระบรมศพในช่วงเช้าเผยด้วยรอยยิ้มว่าดีใจที่ได้เข้ามากราบเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต จะเอาเรื่องราวของพระองค์ท่านและการเดินทางในวันนี้ไปเล่าต่อให้ลูกหลานๆ ในอนาคต
“พระองค์ไม่เคยเสด็จฯมาที่เชียงของ แต่เราก็ได้ยินเรื่องที่ทรงไปช่วยเหลือชาวเผ่าในที่สูงให้มีชีวิตที่ดี มีโครงการหลวงพัฒนาชุมชน ทำให้เราภูมิใจที่ได้เกิดมาในประเทศไทย ได้อาศัยอยู่ในประเทศที่มีอิสรเสรี ร่มเย็นเป็นสุข มีพระมหากษัตริย์ ที่มีพระเมตตาสูงมาก อนาคตเราคิดเตรียมไว้นะว่าถ้าได้อยู่ถึงวัยที่มีหลาน เป็นคุณย่าคุณยาย จะคอยเล่าเรื่องของพระองค์ให้เขาฟัง และเล่าเรื่องวันนี้ที่บรรพบุรุษพร้อมใจกันมาสักการะพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่พวกเรารักให้คนรุ่นหลังไม่ลืมพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์” นางอังธิกา กล่าว
ด้าน นางสาวศรสวรรค์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 6 จังหวัดเชียงราย เล่าความรู้สึกว่าได้เรียนรู้เรื่องราวพระราชกรณียกิจของพระองค์ตั้งแต่เรียนประถม คุณครูจะเล่าให้ฟังตลอด รู้สึกว่าพระองค์เป็นคนเก่งมากๆ ทำประโยชน์หลายๆ อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เเละเพราะเป็นคนรุ่นหลังเลยไม่เคยคิดว่าจะได้รับเสด็จฯพระองค์ จนแม่พามาวันนี้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองที่ตั้งใจมา และมาได้สำเร็จ เพื่อนๆ ก็ยังไม่มีใครมาเลยอยากเอาประสบการณ์นี้กลับไปเล่า แนะนำให้เพื่อนๆ ได้มากราบสักการะพรบรมศพ ในฐานะคนไทยที่เกิดในหลวง รัชกาลที่ ๙ สักครั้ง
ก่อนหน้านี้ สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 25 ม.ค. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.20 น. ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 40,665 คน รวม 84 วัน มี 3,696,289 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 3,373,290 บาท รวม 84 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 310,923,405.04 บาท