ฝีมือการตีกลองไม่ธรรมดา แม้ว่าจะอยู่แค่ระดับชั้นอนุบาล สำหรับคู่ฝาแฝดชายหญิงตัวน้อยที่รักการตีกลองเป็นชีวิตจิตใจ น้องเบเน่-ด.ญ.อมิลรดา จิระวัฒนชัย (แฝดพี่) และน้องโบโน่-ด.ช.อัครวินท์ จิระวัฒนชัย (แฝดน้อง)
เริ่มเรียนตีกลองมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบกว่า ซึ่งปัจจุบันก็เป็นระยะเวลากว่า 9 เดือนแล้วที่น้องๆ ทั้งสองคนได้ฝึกปรือฝีมือ และนอกจากการตีกลองแล้ว กิจกรรมอย่างดนตรี กีฬา ศิลปะ อื่นๆ ก็เรียกได้ว่าทำได้ดีไม่แพ้กัน แถมการเรียนก็ยังทำได้อยู่ในระดับดี!

• เห็นว่าเป็นฝาแฝดชายหญิงมือกลองวัยอนุบาลที่เก่งมากๆ เริ่มตีกลองมาตั้งแต่ตอนไหนอย่างไรคะ
คุณแม่ : น้องทั้งสองคนจะเริ่มเล่นดนตรีมาตั้งแต่ตอน 5 ขวบกว่าค่ะ เริ่มจากที่คุณแม่จะให้เรียนน้องโบโน่เริ่มเรียนกลองก่อน แล้วหลังจากนั้นไม่นานน้องเบเน่ก็มาเรียนด้วยเพราะเห็นว่าสนุกดี ตอนนี้น้องๆ ก็เรียนมาได้ประมาณ 9 เดือนแล้วค่ะ
น้องเบเน่ : เบเน่ชอบเรียนกลองค่ะ มันมันส์ดีค่ะ เวลาตีกลองหนูจะชอบตีเพลงเร็วๆ เพราะเวลาตีแล้วเบเน่จะชอบโยกหัวไปด้วย (หัวเราะ)
น้องโบโน่ : โบโน่ก็ชอบเรียนกลองเหมือนกันครับ สนุกดี แต่โบโน่ชอบเพลงร็อก เพราะเวลาตีกลองก็ได้โยกหัว ดูเท่ๆ ดีครับ
• แล้วใช้เวลาฝึกฝนนานไหมคะถึงได้เก่งขนาดนี้ หลังกลับจากการเรียนแล้วน้องๆ กลับมาซ้อมให้ฟังที่บ้านต่อหรือเปล่าคะ
น้องเบเน่ : หนูจะกลับมาจากโรงเรียนแล้วก็จะกินข้าว พอหลังจากกินข้าว ก็จะทำการบ้านก่อน ทำเสร็จก็เล่นตุ๊กตา แล้วก็จะไปซ้อมกลองค่ะ
น้องโบโน่ : เหมือนกันครับ แต่โบโน่จะกินข้าวแล้วไปเล่นเลโก้ก่อนแล้วถึงจะซ้อมกลองครับ
คุณแม่ : หลังจากที่ทำภารกิจหลังเลิกเรียนเสร็จแล้วน้องๆ ก็จะซ้อมกลองก่อนนอนค่ะ เวลาซ้อมน้องก็ชอบให้คุณพ่อคุณแม่มานั่งฟังที่น้องซ้อมด้วยกัน การฝึกซ้อมแต่ละวันก็จะขึ้นอยู่กับการบ้านที่ครูฟลุ้ค (ครูสอนกลอง) ให้น้องๆ กลับมาทบทวนหลังจากที่ได้เรียนมาค่ะ

• แบบนี้คุณพ่อคุณแม่ชอบทางดนตรีด้วยไหมคะ เพราะเห็นว่าสนับสนุนลูกเต็มที่เลย
คุณแม่ : ชอบนะคะ อย่างสมัยเด็กๆ คุณพ่อกับคุณแม่ของเราท่านก็ส่งเสริมให้เรียนดนตรีค่ะ สมัยนั้นจะฮิตเรียนอิเล็กโทน เปียโนแล้วก็กีตาร์มากค่ะ อ่อแล้วก็มีบัลเลต์ด้วย แต่เราก็ไม่เก่งอะไรแบบสุดๆ สักอย่างนะคะ จะแค่พอเล่นได้ เต้นได้ค่ะ ส่วนคุณพ่อน้องเขาตอนเด็กๆ ก็เคยเรียนอิเล็กโทนมาก่อนเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้เรียนต่อเนื่อง คือ เราทั้งสองคนจะชอบดนตรีแต่ก็ไม่ได้เล่นเก่งกันเลย เล่นให้ลูกฟังทีไร ลูกขำทุกที (หัวเราะ)
ส่วนน้องๆ ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ก็ถือว่าเป็นเด็กที่สามารถทำได้หลากหลายกิจกรรมนะคะ ไม่ว่าจะเป็น ดนตรี กีฬา ศิลปะก็สามารถทำได้หมดเลยค่ะ
น้องเบเน่จะค่อนข้างเป็นเด็กฟรุ้งฟริ้ง เลยจะชอบรียนเต้นค่ะ จริงๆ แล้วน้องเบเน่เป็นเด็กที่ชอบเต้นมากๆ น้องจะเรียนเต้นบัลเลต์ (Grade1) แล้วก็เต้น K-dance ด้วย อันนี้คือชอบมากจริงๆ เลยค่ะ ส่วนดนตรี นอกจากกลองก็มีเรียนเปียโนด้วย
อย่างกีฬา น้องเรียนว่ายน้ำเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียนด้วยค่ะ หรือว่าจะเป็นศิลปะน้องก็จะชอบวาดรูป เรียนปั้นดินเกาหลี แล้วก็จะชอบทำกิจกรรมต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายจากทางโรงเรียนค่ะ
ส่วนน้องโบโน่จะชอบดนตรี กีฬา ศิลปะเหมือนกันค่ะ ดนตรีเขาก็จะชอบกลอง และเปียโน
กีฬาก็จะเป็นเทควันโด ตอนนี้ได้สายฟ้า ฟุตบอล ว่ายน้ำก็ชอบ ตอนนี้ก็เป็นนักกีฬาฟุตบอลและนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียนค่ะ
ศิลปะโบโน่ก็เคยวาดภาพระบายสี...รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 2 ชื่อผลงาน โตขึ้นฉันจะเป็น…นักล่าไดโนเสาร์ นอกจากนั้นก็จะเรียนปั้นดินเกาหลีเป็นรูป 3 มิติ ตัวการ์ตูนต่างๆ ชอบต่อเลโก้ ต่อได้ทั้งตามแบบและ free form เลยค่ะ

• มีผู้ปกครองหลายคนอยากให้ลูกทำกิจกรรมแต่ลูกๆ อาจจะไม่ชอบหรือไม่ยอมทำ แบบนี้คุณแม่มีวิธีการพูดกับลูกอย่างไรบ้างคะ
คุณแม่ : ส่วนตัวคุณแม่จะเลี้ยงลูกในแบบที่ยอมรับในสิ่งที่ลูกชอบและลูกเป็นค่ะ ลองให้ลูกได้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่เขาชอบ ดูว่าชอบอะไรก็ส่งเสริมค่ะ แล้วก็ไม่คาดหวังว่าลูกจะทำได้หรือไม่ เอาแค่ที่เขาชอบแล้วก็อยากทำ แค่นี้พอค่ะ
อย่างเวลาให้ลูกไปลองเรียนอะไร คุณแม่จะดูว่าลูกชอบหรือไม่ชอบนะคะ ส่วนใหญ่ลูกจะชอบในสิ่งที่เราพาไปเรียน จะสังเกตจากสิ่งที่ลูกสนใจ ว่าเขาชอบอะไร ก็จะคอยหมั่นสังเกตค่ะ
อย่างเราเองเป็นแม่แบบ full time คือจะอยู่กับลูกตลอด เราก็จะรู้ว่าลูกชอบอะไร อยากแนะนำให้คุณแม่ค่อยๆ สังเกตดูนะคะว่าลูกของเราชอบอะไร การบังคับลูกให้ลูกได้ทำในสิ่งที่คุณแม่ชอบแต่ลูกไม่ได้อินด้วย จะยิ่งทำให้ลูกต่อต้านค่ะ ใช้วิธีการถามลูกเลยค่ะ ลูกจะบอกคุณแม่เอง (ยิ้ม)
เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งน้องโบโน่ไม่อยากไปเรียน เราก็จะไม่บังคับเลยนะคะ ก็ให้เบเน่ลองเรียนคนเดียว แล้วโบโน่เห็นว่าพี่ตีได้ ก็เลยตกใจ กลัวว่าพี่จะแซง (หัวเราะ) ครั้งต่อไปเลยรีบกลับไปเรียน ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยบอกว่าจะไม่เรียนอีกเลยนะคะ
คุณแม่จะไม่เคยบังคับให้ลูกเรียน เพราะว่าการเรียนกลองนี่ต้องควบคู่กับปัจจัยในตัวลูกหลายอย่าง เพราะถ้าเขาไม่ชอบ ฝืนให้เรียนก็จะทำให้ลูกไม่มีความสุขกับการเรียนกลอง จริงๆ ก็เกือบจะไม่ได้เห็นมือกลองฝาแฝดแล้วนะคะ เพราะว่าถ้าโบโน่ไม่เรียนอีก เราก็จะไม่บังคับค่ะ สงสารลูก เพราะเขาก็ยังเล็ก ถ้าไม่ชอบก็ไม่ให้ทำเลยค่ะ

• แต่ในทางกลับกันก็มีบางบ้านที่ไม่ชอบให้ลูกทำกิจกรรมอะไรเลย อยากให้ลูกเรียนอย่างเดียวเพราะเกรงว่าจะเสียการเรียน ตรงนี้คุณแม่คิดเห็นอย่างไรบ้างคะ
คุณแม่ : ตรงนี้แม่ก็เห็นด้วยกับความคิดของทางบ้านที่คิดแบบนี้นะคะ คือถ้าอยากให้ลูกเน้นวิชาการ แน่นอนค่ะว่าต้องให้ความสำคัญกับการทบทวนบทเรียน และฝึกฝนทักษะต่างๆ ทางด้านวิชาการให้แน่นเพื่อต่อยอดในการเรียนรู้ของลูก เพราะว่าบางบ้านคิดว่า ถ้าทำกิจกรรมเยอะก็อาจจะทำให้เวลาในการทบทวนบทเรียนที่เรียนมาในแต่ละวันลดลง ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การรักษาสมดุลทั้งด้านการเรียนและกิจกรรมให้ควบคู่กันอย่างลงตัวได้ คือสิ่งที่แม่เองก็ให้ความสำคัญค่ะ การจัดตารางของลูกๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญ เราก็เลยจะจัดการเรียนดนตรี กีฬาให้ไม่กระทบต่อการเรียนปกติในชั้นเรียนของลูกๆ ค่ะ (ยิ้ม)
• จะว่าไปแล้วดนตรีช่วยฝึกทักษะอะไรบ้างคะ ได้เห็นพัฒนาการอะไรของลูกๆ บ้างคะ
คุณแม่ : เราได้เห็นว่าทุกครั้งที่ลูกเล่นดนตรี ไม่ว่าจะเป็น กลอง เปียโน แล้วก็ร้องเพลงไปด้วย ลูกมีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่นค่ะ ส่วนเรื่องทักษะในเด็กวัยอนุบาล ก็น่าจะเป็นเรื่องของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ มัดเล็ก ระบบสมองต่างๆ ที่ได้รับการกระตุ้นจากประสาทสัมผัส เวลาที่ลูกได้ตีกลองค่ะ

• แล้วเรื่องการเรียนล่ะคะเป็นอย่างไรบ้าง ชอบเรียนวิชาอะไรเป็นพิเศษไหม
น้องเบเน่ : หนูชอบอังกฤษกับไทยค่ะ
น้องโบโน่ : ชอบอังกฤษกับศิลปะครับ
คุณแม่ : การเรียนของน้องเบเน่กับน้องโบโน่ก็ถือว่าอยู่ในระดับดีค่ะ ก็ถือว่าทำให้พ่อกับแม่พอใจพอสมควร เพราะน้องๆ ทั้งเรียนและทำกิจกรรมไปด้วย ผลการเรียนออกมาดีคุณแม่ก็สบายใจค่ะ
ระหว่างวิชาการกับกิจกรรมส่วนตัว คุณแม่จะชอบให้ลูกทำทั้งสองอย่างควบคู่กันนะคะ เพราะวิชาการก็เป็นสิ่งที่เป็นหลักสำคัญที่สุดในการเรียนในระบบการศึกษาของไทย ส่วนกิจกรรมถ้าลูกสามารถทำได้หรือว่ามีโอกาสได้ทำควบคู่กันไป จะทำให้เกิดผลดีต่อตัวลูก เหมือนเป็นสิ่งที่ส่งเสริมกัน จะทำให้กล้าแสดงออกทางความคิดและสามารถฝึกทักษะต่างๆ รวมถึงฝึกความอดทนและมีความรับผิดชอบมากขึ้นได้ คุณแม่ก็จะสนับสนุนให้ลูกทำทั้งสองอย่างจะได้เกิดความสมดุลกันค่ะ (ยิ้ม)
• ท้ายนี้น้องๆ โตขึ้นไปอยากเป็นอะไร อยากเป็นนักดนตรีไหมคะ
น้องเบเน่ : โตขึ้นหนูอยากร้องเพลง ตีกลอง เต้นไปด้วย หนูอยากเป็นคนเก่งแบบ พี่แอ๊ด คาราบาว พี่แอ๊ดเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้หนูอยากตีกลอง เพลงบัวลอยแบบมันส์ๆ ค่ะ แล้วหนูก็อยากเป็นคุณหมอรักษาเด็กแบบคุณหมอณัฐวรรณด้วย
คุณแม่ : คุณหมอณัฐวรรณคือคุณหมอกุมารแพทย์ที่รักษาน้องเบเน่เวลาไม่สบายค่ะ น้องเลยชอบคุณหมอ เพราะหมอน่ารักและใจดี น้องเลยอยากเป็นหมอบ้างค่ะ
น้องโบโน่ : เหมือนกันครับ โบโน่ชอบตีกลองแล้วก็ร้องเพลงไปด้วย โบโน่ก็ชอบ พี่แอ๊ด คาราบาว และพี่ตูน บอดี้สแลม แต่โตขึ้นโบโน่อยากเป็นหมอรักษาสัตว์ด้วยเพราะจะได้รักษาสัตว์ที่ไม่สบาย อยากให้เขาหายไวๆ
คุณแม่ : โตขึ้นน้องจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ เราก็อยากให้น้องเป็นคนที่มีจิตใจดี คิดดี และทำดีค่ะ
ส่วนเรื่องอาชีพ ก็แล้วแต่ลูกเลยค่ะ ก็อาจจะต้องดูกันอีกทีว่าน้องชอบและอยากที่จะทำอะไรในอนาคต ถ้าอยากเป็นนักดนตรีหรือว่าอยากทำในด้านวงการบันเทิง ถ้าได้รับโอกาสตรงนั้นขึ้นมาจริงๆ ก็จะถือว่าโชคดีมากๆ เพราะถ้าลูกมีความสุขที่อยากจะเป็นนักดนตรีเราก็จะสนับสนุนเต็มที่ค่ะ

ผลงานการตีกลองของน้องเบเน่และน้องโบโน่
เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : เพจ น้องโบโน่ เบเน่ แฝดชายหญิง มือกลองอายุ 6 ขวบ Thai twin drummers
เริ่มเรียนตีกลองมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบกว่า ซึ่งปัจจุบันก็เป็นระยะเวลากว่า 9 เดือนแล้วที่น้องๆ ทั้งสองคนได้ฝึกปรือฝีมือ และนอกจากการตีกลองแล้ว กิจกรรมอย่างดนตรี กีฬา ศิลปะ อื่นๆ ก็เรียกได้ว่าทำได้ดีไม่แพ้กัน แถมการเรียนก็ยังทำได้อยู่ในระดับดี!
• เห็นว่าเป็นฝาแฝดชายหญิงมือกลองวัยอนุบาลที่เก่งมากๆ เริ่มตีกลองมาตั้งแต่ตอนไหนอย่างไรคะ
คุณแม่ : น้องทั้งสองคนจะเริ่มเล่นดนตรีมาตั้งแต่ตอน 5 ขวบกว่าค่ะ เริ่มจากที่คุณแม่จะให้เรียนน้องโบโน่เริ่มเรียนกลองก่อน แล้วหลังจากนั้นไม่นานน้องเบเน่ก็มาเรียนด้วยเพราะเห็นว่าสนุกดี ตอนนี้น้องๆ ก็เรียนมาได้ประมาณ 9 เดือนแล้วค่ะ
น้องเบเน่ : เบเน่ชอบเรียนกลองค่ะ มันมันส์ดีค่ะ เวลาตีกลองหนูจะชอบตีเพลงเร็วๆ เพราะเวลาตีแล้วเบเน่จะชอบโยกหัวไปด้วย (หัวเราะ)
น้องโบโน่ : โบโน่ก็ชอบเรียนกลองเหมือนกันครับ สนุกดี แต่โบโน่ชอบเพลงร็อก เพราะเวลาตีกลองก็ได้โยกหัว ดูเท่ๆ ดีครับ
• แล้วใช้เวลาฝึกฝนนานไหมคะถึงได้เก่งขนาดนี้ หลังกลับจากการเรียนแล้วน้องๆ กลับมาซ้อมให้ฟังที่บ้านต่อหรือเปล่าคะ
น้องเบเน่ : หนูจะกลับมาจากโรงเรียนแล้วก็จะกินข้าว พอหลังจากกินข้าว ก็จะทำการบ้านก่อน ทำเสร็จก็เล่นตุ๊กตา แล้วก็จะไปซ้อมกลองค่ะ
น้องโบโน่ : เหมือนกันครับ แต่โบโน่จะกินข้าวแล้วไปเล่นเลโก้ก่อนแล้วถึงจะซ้อมกลองครับ
คุณแม่ : หลังจากที่ทำภารกิจหลังเลิกเรียนเสร็จแล้วน้องๆ ก็จะซ้อมกลองก่อนนอนค่ะ เวลาซ้อมน้องก็ชอบให้คุณพ่อคุณแม่มานั่งฟังที่น้องซ้อมด้วยกัน การฝึกซ้อมแต่ละวันก็จะขึ้นอยู่กับการบ้านที่ครูฟลุ้ค (ครูสอนกลอง) ให้น้องๆ กลับมาทบทวนหลังจากที่ได้เรียนมาค่ะ
• แบบนี้คุณพ่อคุณแม่ชอบทางดนตรีด้วยไหมคะ เพราะเห็นว่าสนับสนุนลูกเต็มที่เลย
คุณแม่ : ชอบนะคะ อย่างสมัยเด็กๆ คุณพ่อกับคุณแม่ของเราท่านก็ส่งเสริมให้เรียนดนตรีค่ะ สมัยนั้นจะฮิตเรียนอิเล็กโทน เปียโนแล้วก็กีตาร์มากค่ะ อ่อแล้วก็มีบัลเลต์ด้วย แต่เราก็ไม่เก่งอะไรแบบสุดๆ สักอย่างนะคะ จะแค่พอเล่นได้ เต้นได้ค่ะ ส่วนคุณพ่อน้องเขาตอนเด็กๆ ก็เคยเรียนอิเล็กโทนมาก่อนเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้เรียนต่อเนื่อง คือ เราทั้งสองคนจะชอบดนตรีแต่ก็ไม่ได้เล่นเก่งกันเลย เล่นให้ลูกฟังทีไร ลูกขำทุกที (หัวเราะ)
ส่วนน้องๆ ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ก็ถือว่าเป็นเด็กที่สามารถทำได้หลากหลายกิจกรรมนะคะ ไม่ว่าจะเป็น ดนตรี กีฬา ศิลปะก็สามารถทำได้หมดเลยค่ะ
น้องเบเน่จะค่อนข้างเป็นเด็กฟรุ้งฟริ้ง เลยจะชอบรียนเต้นค่ะ จริงๆ แล้วน้องเบเน่เป็นเด็กที่ชอบเต้นมากๆ น้องจะเรียนเต้นบัลเลต์ (Grade1) แล้วก็เต้น K-dance ด้วย อันนี้คือชอบมากจริงๆ เลยค่ะ ส่วนดนตรี นอกจากกลองก็มีเรียนเปียโนด้วย
อย่างกีฬา น้องเรียนว่ายน้ำเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียนด้วยค่ะ หรือว่าจะเป็นศิลปะน้องก็จะชอบวาดรูป เรียนปั้นดินเกาหลี แล้วก็จะชอบทำกิจกรรมต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายจากทางโรงเรียนค่ะ
ส่วนน้องโบโน่จะชอบดนตรี กีฬา ศิลปะเหมือนกันค่ะ ดนตรีเขาก็จะชอบกลอง และเปียโน
กีฬาก็จะเป็นเทควันโด ตอนนี้ได้สายฟ้า ฟุตบอล ว่ายน้ำก็ชอบ ตอนนี้ก็เป็นนักกีฬาฟุตบอลและนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียนค่ะ
ศิลปะโบโน่ก็เคยวาดภาพระบายสี...รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 2 ชื่อผลงาน โตขึ้นฉันจะเป็น…นักล่าไดโนเสาร์ นอกจากนั้นก็จะเรียนปั้นดินเกาหลีเป็นรูป 3 มิติ ตัวการ์ตูนต่างๆ ชอบต่อเลโก้ ต่อได้ทั้งตามแบบและ free form เลยค่ะ
• มีผู้ปกครองหลายคนอยากให้ลูกทำกิจกรรมแต่ลูกๆ อาจจะไม่ชอบหรือไม่ยอมทำ แบบนี้คุณแม่มีวิธีการพูดกับลูกอย่างไรบ้างคะ
คุณแม่ : ส่วนตัวคุณแม่จะเลี้ยงลูกในแบบที่ยอมรับในสิ่งที่ลูกชอบและลูกเป็นค่ะ ลองให้ลูกได้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่เขาชอบ ดูว่าชอบอะไรก็ส่งเสริมค่ะ แล้วก็ไม่คาดหวังว่าลูกจะทำได้หรือไม่ เอาแค่ที่เขาชอบแล้วก็อยากทำ แค่นี้พอค่ะ
อย่างเวลาให้ลูกไปลองเรียนอะไร คุณแม่จะดูว่าลูกชอบหรือไม่ชอบนะคะ ส่วนใหญ่ลูกจะชอบในสิ่งที่เราพาไปเรียน จะสังเกตจากสิ่งที่ลูกสนใจ ว่าเขาชอบอะไร ก็จะคอยหมั่นสังเกตค่ะ
อย่างเราเองเป็นแม่แบบ full time คือจะอยู่กับลูกตลอด เราก็จะรู้ว่าลูกชอบอะไร อยากแนะนำให้คุณแม่ค่อยๆ สังเกตดูนะคะว่าลูกของเราชอบอะไร การบังคับลูกให้ลูกได้ทำในสิ่งที่คุณแม่ชอบแต่ลูกไม่ได้อินด้วย จะยิ่งทำให้ลูกต่อต้านค่ะ ใช้วิธีการถามลูกเลยค่ะ ลูกจะบอกคุณแม่เอง (ยิ้ม)
เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งน้องโบโน่ไม่อยากไปเรียน เราก็จะไม่บังคับเลยนะคะ ก็ให้เบเน่ลองเรียนคนเดียว แล้วโบโน่เห็นว่าพี่ตีได้ ก็เลยตกใจ กลัวว่าพี่จะแซง (หัวเราะ) ครั้งต่อไปเลยรีบกลับไปเรียน ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยบอกว่าจะไม่เรียนอีกเลยนะคะ
คุณแม่จะไม่เคยบังคับให้ลูกเรียน เพราะว่าการเรียนกลองนี่ต้องควบคู่กับปัจจัยในตัวลูกหลายอย่าง เพราะถ้าเขาไม่ชอบ ฝืนให้เรียนก็จะทำให้ลูกไม่มีความสุขกับการเรียนกลอง จริงๆ ก็เกือบจะไม่ได้เห็นมือกลองฝาแฝดแล้วนะคะ เพราะว่าถ้าโบโน่ไม่เรียนอีก เราก็จะไม่บังคับค่ะ สงสารลูก เพราะเขาก็ยังเล็ก ถ้าไม่ชอบก็ไม่ให้ทำเลยค่ะ
• แต่ในทางกลับกันก็มีบางบ้านที่ไม่ชอบให้ลูกทำกิจกรรมอะไรเลย อยากให้ลูกเรียนอย่างเดียวเพราะเกรงว่าจะเสียการเรียน ตรงนี้คุณแม่คิดเห็นอย่างไรบ้างคะ
คุณแม่ : ตรงนี้แม่ก็เห็นด้วยกับความคิดของทางบ้านที่คิดแบบนี้นะคะ คือถ้าอยากให้ลูกเน้นวิชาการ แน่นอนค่ะว่าต้องให้ความสำคัญกับการทบทวนบทเรียน และฝึกฝนทักษะต่างๆ ทางด้านวิชาการให้แน่นเพื่อต่อยอดในการเรียนรู้ของลูก เพราะว่าบางบ้านคิดว่า ถ้าทำกิจกรรมเยอะก็อาจจะทำให้เวลาในการทบทวนบทเรียนที่เรียนมาในแต่ละวันลดลง ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การรักษาสมดุลทั้งด้านการเรียนและกิจกรรมให้ควบคู่กันอย่างลงตัวได้ คือสิ่งที่แม่เองก็ให้ความสำคัญค่ะ การจัดตารางของลูกๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญ เราก็เลยจะจัดการเรียนดนตรี กีฬาให้ไม่กระทบต่อการเรียนปกติในชั้นเรียนของลูกๆ ค่ะ (ยิ้ม)
• จะว่าไปแล้วดนตรีช่วยฝึกทักษะอะไรบ้างคะ ได้เห็นพัฒนาการอะไรของลูกๆ บ้างคะ
คุณแม่ : เราได้เห็นว่าทุกครั้งที่ลูกเล่นดนตรี ไม่ว่าจะเป็น กลอง เปียโน แล้วก็ร้องเพลงไปด้วย ลูกมีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่นค่ะ ส่วนเรื่องทักษะในเด็กวัยอนุบาล ก็น่าจะเป็นเรื่องของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ มัดเล็ก ระบบสมองต่างๆ ที่ได้รับการกระตุ้นจากประสาทสัมผัส เวลาที่ลูกได้ตีกลองค่ะ
• แล้วเรื่องการเรียนล่ะคะเป็นอย่างไรบ้าง ชอบเรียนวิชาอะไรเป็นพิเศษไหม
น้องเบเน่ : หนูชอบอังกฤษกับไทยค่ะ
น้องโบโน่ : ชอบอังกฤษกับศิลปะครับ
คุณแม่ : การเรียนของน้องเบเน่กับน้องโบโน่ก็ถือว่าอยู่ในระดับดีค่ะ ก็ถือว่าทำให้พ่อกับแม่พอใจพอสมควร เพราะน้องๆ ทั้งเรียนและทำกิจกรรมไปด้วย ผลการเรียนออกมาดีคุณแม่ก็สบายใจค่ะ
ระหว่างวิชาการกับกิจกรรมส่วนตัว คุณแม่จะชอบให้ลูกทำทั้งสองอย่างควบคู่กันนะคะ เพราะวิชาการก็เป็นสิ่งที่เป็นหลักสำคัญที่สุดในการเรียนในระบบการศึกษาของไทย ส่วนกิจกรรมถ้าลูกสามารถทำได้หรือว่ามีโอกาสได้ทำควบคู่กันไป จะทำให้เกิดผลดีต่อตัวลูก เหมือนเป็นสิ่งที่ส่งเสริมกัน จะทำให้กล้าแสดงออกทางความคิดและสามารถฝึกทักษะต่างๆ รวมถึงฝึกความอดทนและมีความรับผิดชอบมากขึ้นได้ คุณแม่ก็จะสนับสนุนให้ลูกทำทั้งสองอย่างจะได้เกิดความสมดุลกันค่ะ (ยิ้ม)
• ท้ายนี้น้องๆ โตขึ้นไปอยากเป็นอะไร อยากเป็นนักดนตรีไหมคะ
น้องเบเน่ : โตขึ้นหนูอยากร้องเพลง ตีกลอง เต้นไปด้วย หนูอยากเป็นคนเก่งแบบ พี่แอ๊ด คาราบาว พี่แอ๊ดเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้หนูอยากตีกลอง เพลงบัวลอยแบบมันส์ๆ ค่ะ แล้วหนูก็อยากเป็นคุณหมอรักษาเด็กแบบคุณหมอณัฐวรรณด้วย
คุณแม่ : คุณหมอณัฐวรรณคือคุณหมอกุมารแพทย์ที่รักษาน้องเบเน่เวลาไม่สบายค่ะ น้องเลยชอบคุณหมอ เพราะหมอน่ารักและใจดี น้องเลยอยากเป็นหมอบ้างค่ะ
น้องโบโน่ : เหมือนกันครับ โบโน่ชอบตีกลองแล้วก็ร้องเพลงไปด้วย โบโน่ก็ชอบ พี่แอ๊ด คาราบาว และพี่ตูน บอดี้สแลม แต่โตขึ้นโบโน่อยากเป็นหมอรักษาสัตว์ด้วยเพราะจะได้รักษาสัตว์ที่ไม่สบาย อยากให้เขาหายไวๆ
คุณแม่ : โตขึ้นน้องจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ เราก็อยากให้น้องเป็นคนที่มีจิตใจดี คิดดี และทำดีค่ะ
ส่วนเรื่องอาชีพ ก็แล้วแต่ลูกเลยค่ะ ก็อาจจะต้องดูกันอีกทีว่าน้องชอบและอยากที่จะทำอะไรในอนาคต ถ้าอยากเป็นนักดนตรีหรือว่าอยากทำในด้านวงการบันเทิง ถ้าได้รับโอกาสตรงนั้นขึ้นมาจริงๆ ก็จะถือว่าโชคดีมากๆ เพราะถ้าลูกมีความสุขที่อยากจะเป็นนักดนตรีเราก็จะสนับสนุนเต็มที่ค่ะ
ผลงานการตีกลองของน้องเบเน่และน้องโบโน่
เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : เพจ น้องโบโน่ เบเน่ แฝดชายหญิง มือกลองอายุ 6 ขวบ Thai twin drummers