ประชาชนจากทั่วประเทศเดินทางมาร่วมถวายสักการะ พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ อย่างต่อเนื่อง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
วันนี้ (17 ม.ค.) บรรยากาศในพระบรมมหาราชวัง ที่เปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ เป็นวันที่ 78 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนแต่งกายด้วยชุดดำเรียบร้อยจำนวนมากจากทั่วประเทศ เดินทางมาต่อแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อขึ้นสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยเจ้าหน้าที่ได้เปิดประตูให้ประชาชนเดินแถวเข้าตั้งแต่เวลา 04.45 น. ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี
นางณัฏฐาวดี ทิพเวส ในฐานะประธานรุ่น คณะนักเรียนโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รุ่นที่ 17 กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้ ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลพระบรมศพในครั้งนี้ว่า รู้สึกเป็นเกียรติและปลาบปลื้มใจมาก เนื่องจากพวกเราทุกคนอยู่ใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ยังเด็ก
“จำได้ว่าตอนเรียนอยู่ตั้งแต่ชั้น ป.1 รุ่นของเรามีโอกาสได้รับเสด็จฯ พระองค์ครั้งมาพระราชทานปริญญาบัตรแก่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อยู่เสมอ จำได้อีกว่ารุ่นของเราทุกคนที่มีจำนวน 200 กว่าคน จะนั่งอยู่ตลอดสองฟากฝั่งของถนน ยืนรอให้รถพระที่นั่งเคลื่อนผ่านเพื่อเปล่งเสียงว่าทรงพระเจริญ ทำให้ครั้งนี้เราทุกคนที่มาร่วมเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหาร มีความรู้สึกใกล้ชิดพระองค์เหมือนในวัยเด็กอีกครั้ง ส่วนคำสอนที่ทางรุ่นของเรานำมาใช้หลักๆ คือ เรื่องของความพอเพียงและปฏิบัติตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด โดยพยายามทำสิ่งต่างๆ ที่เราพอจะทำได้ ได้แก่ การจัดกิจกรรมอาสาโดยคณะกลุ่มของเรา และท้ายสุดสิ่งที่อยากบอกคนไทยคือ อยากให้เปลี่ยนความโศกเศร้าอาดูรนี้แปรเปลี่ยนเป็นพลังให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไป” นางณัฏฐาวดีกล่าว
นางสมร ขันธประโยชน์ อายุ 61 ปี ลูกจ้างประจำกระทรวงกลาโหม ชาว ต.สามโคก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ได้เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนบ้านมาถึงท้องสนามหลวงช่วงเวลา 02.30 น. และได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพในเวลา 08.30 น. ถือว่าเร็วกว่าครั้งก่อน ตนเดินทางมาเป็นครั้งที่ 2 ครั้งก่อนรอนานถึง 13 ชั่วโมง เนื่องจากมาตรงกับวันอาทิตย์แต่ก็ไม่รู้สึกเหนื่อย และตั้งใจจะว่าถ้ามีโอกาสก็จะเดินทางมากราบสักการะอีกเรื่อยๆ รักและซาบซึ้งมากที่เห็นพระองค์ท่านทำทุกอย่างเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
“พระองค์ท่านช่วยเหลือทั้งเรื่องน้ำท่วม โดยเฉพาะช่วงน้ำท่วมหนักปี 2554 และปัญหาการจราจรติดขัด แม้แต่เวลาเสด็จ ท่านก็มักจะเสด็จในเวลากลางคืนและไม่พิเศษอะไรมาก พระองค์ท่านไม่ต้องการให้ประชาชนเดือดร้อน อธิษฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย” นางสมรกล่าว
