ประชาชนจากทั่วสารทิศทยอยเดินทางมาร่วมกราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (7 ม.ค.) บรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง นั้น เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ในเวลา 04.40 น. ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี
ตลอดทั้งวันมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศทั้งต่างจังหวัด และกรุงเทพฯ ทยอยเดินทางมาต่อแถวอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
นายธวัชไชย ลิ้มสุวรรณ อายุ 55 ปี อาจารย์จากแผนกวิชาช่างยนต์ วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี ใช้โอกาสในช่วงวันหยุดเดินทางจาก จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยภรรยา นางเนาวรัตน์ ลิ้มสุวรรณ และลูกสาว 2 คน ซึ่งอาศัยอยู่ย่านพระราม 9 มากราบสักการะพระบรมศพ เผยว่า ตนเองเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของ รศ.ดร.สุธี อักษรกิตติ์ ผู้สนองพระราชดำริในโครงการระบบสื่อสารสายอากาศและอิเล็กทรอนิกส์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นต้นแบบของการเป็นนักประดิษฐ์ นักวิจัย สิ่งที่พระองค์ทรงประดิษฐ์ส่วนมากมักเป็นของง่ายๆ ที่ไม่ซับซ้อนแต่มีประโยชน์มาก อย่างกังหันน้ำชัยพัฒนา ที่ไม่ได้มีแนวคิดซับซ้อนแต่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครนึกถึง ในหลวง รัชกาลที่ ๙ จึงทรงเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเองทั้งในเรื่องของการทำงานและการสอนลูกศิษย์ให้เป็นนักคิด นักพัฒนา นอกจากนี้ ยังพยายามน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากทั้งในเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิตครอบครัวมาเป็นเครื่องนำทางในชีวิตประจำวัน
“ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ จึงอยากเดินทางมากราบสักการะพระศพสักครั้งหนึ่งในชีวิต โดยเลือกฤกษ์ดีหลังวันปีใหม่ที่คนไม่เยอะมากนักและเมื่อวานก็เป็นวันเกิด มากราบสักการะพระบรมศพในวันนี้ เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยระลึกขอให้บารมีของพระองค์ช่วยปกป้องคุ้มครองประเทศไทย และทรงดลบันดาลใจให้ตนและครอบครัวคิดและทำในสิ่งที่ดีนำไปสู่ความร่มเย็นเป็นสุข อย่างที่พระองค์ทรงตั้งปณิธานและทุ่มเทพระวรกายทรงงาน ปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อช่วยเหลือประชาชนและดูแลทุกข์สุขของชาวไทยเรื่อยมา” อาจารย์จาก วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี กล่าว
แม้จะไม่ใช่ช่วงวันหยุดพิเศษ แต่พอเด็กๆ ไม่ต้องไปโรงเรียน พ่อแม่ผู้ปกครองถือโอกาสพาลูกหลานมากราบพระบรมศพ ดังเช่น ด.ต.สายัณห์ - นางศศิธร เงินถาวร ซึ่งตั้งใจพาลูกชายสองคน ได้แก่ ด.ช.ศิวกร เงินถาวร อายุ 12 ปี และ ด.ช.กฤติธี เงินถาวร อายุ 10 ปี มาจากบ้านในอำเภอเมือง จ.ชุมพร
โดย นางศศิธร เงินถาวร อายุ 43 ปี อาชีพพนักงานประจำโรงพยาบาลชุมพร เล่าทั้งน้ำตาว่า ตอนที่ทราบข่าวว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคตนั้น รู้สึกเสียใจและใจหายเช่นเดียวกับพสกนิกรชาวไทยทุกคน ซึ่งตัวเองตั้งใจว่าจะพาลูกๆ มากราบพระบรมศพสักครั้งหนึ่งในชีวิต โดยแต่เดิมนั้นแพลนไว้ในช่วงปิดเทอมใหญ่ แต่รู้สึกว่านานเกินไปรอไม่ไหว จึงเลือกใช้วันหยุดที่เด็กๆ ไม่ต้องไปโรงเรียนแทน
“ที่ตั้งใจว่าจะต้องมา ประการแรก อยากให้ลูกๆ ซึมซับว่า พวกเขาเกิดในแผ่นดินกษัตริย์ รัชกาลที่ ๙ ที่ทรงห่วงใยดูแลพสกนิกรอย่างล้นเหลือ ประการที่สอง เพราะตัวเองซึ่งเป็นหนึ่งในชาวชุมพรที่เคยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวง รัชกาลที่ ๙ เมื่อครั้งที่เกิดภัยพิบัติพายุเกย์ เมื่อปี 2540 พระองค์พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมและช่วยเหลือราษฎรที่เดือดร้อนจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ที่โรงพยาบาลชุมพร ซึ่งตัวเองก็มีโอกาสได้รับเฝ้าฯรับเสด็จฯด้วย ซึ่งหลังจากนั้นจึงเป็นที่มาของโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ ตามพระราชดำริ จังหวัดชุมพร (โครงการแก้มลิง) ซึ่งสามารถช่วยให้น้ำไม่ท่วม นอกจากนี้ยังกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้งได้มาจนถึงวันนี้” นางศศิธรเล่าด้วยความปลื้มปิติ
ขณะเดียวกัน ลูกชายคนเล็ก เด็กชายกฤติธี เงินถาวร เล่าด้วยน้ำเสียงสดใสว่า คุณพ่อคุณแม่ชอบพาไปเที่ยวโครงการพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ ๙ หลายครั้ง อาทิ โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ ตามพระราชดำริ จังหวัดชุมพร และโครงการชั่งหัวมันตามพระดำริ จังหวัดเพชรบุรี เป็นต้น ทำให้รู้ว่าทรงทำงานเหนื่อยเพื่อช่วยเหลือประชาชนหลายอย่าง และที่มาในวันนี้ถึงจะต้องตื่นแต่ดึก ทำให้ง่วงนอนมากแต่ก็ไม่เป็นไร เพราะได้นอนหนุนตักพ่อสบายดี อีกทั้งตอนที่ได้ขึ้นไปกราบหน้าพระบรมศพยิ่งรู้สึกดีใจและมีความสุข ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าได้ขอให้ตัวเองเรียนหนังสือเก่งๆ ขอให้สอบได้เลขตัวเดียว
ด้าน นางทัน ช่อมะลิ อายุ 77 ปี อาชีพเกษตรกร พสกนิกรจาก จ.สุรินทร์ เดินทางมาพร้อมลูกสาวและญาติ เปิดเผยหลังกราบสักการะพระบรมศพ ว่า ตื้นตันใจมากๆ ที่ได้มากราบสักการะใกล้ๆ เราคนไทยก็ต้องมาให้ได้ ขนาดคนไทยที่อยู่ต่างประเทศ หรือคนต่างชาติที่เคารพรักพระองค์ท่านก็ยังมาเลย เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงทำในการช่วยเหลือคนมาตลอดพระชนม์ชีพได้แซ่ซ้องไปไกลทั่วโลก ส่วนตัวได้น้อมนำปรัชญาที่ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงชี้แนะให้กับคนไทยมาใช้ โดยปลูกข้าว ปลูกผักและผลไม้ต่างๆ ไว้กินไว้ใช้ในครัวเรือน โดยข้าวเปลือกพระราชทานที่ได้รับจะนำไปบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อไป