xs
xsm
sm
md
lg

พสกนิกรกราบสักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางสาวสุนิสา พารหาร อายุ 28 ปี พร้อมด้วย นางสาวชลิตวรรณ อุปะเก อายุ 24 ปี สองพยาบาลจากโรงพยาบาลมหาสารคาม
พสกนิกรจำนวนมาก ทั้งในพื้นที่ กทม. และต่างจังหวัด เดินทางเข้ากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ อย่างต่อเนื่อง

วันนี้ (6 ม.ค.) สำหรับบรรยากาศการเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งในวันนี้ดำเนินมาเป็นวันที่ 67 ของการพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ในเวลา 04.50 น. ก่อนเปลี่ยนเข้าทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน เวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางประตูวิเศษไชยศรี

ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาด้วยไว้แนบอกตลอดเวลา ด้วยความเศร้าอาดูร ต่อการสวรรคตของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ผู้เป็นที่รักและเคารพยิ่งในชีวิต และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่ประชาชนเป็นที่ระลึก

ด้าน นางสาวสุนิสา พารหาร อายุ 28 ปี พร้อมด้วย นางสาวชลิตวรรณ อุปะเก อายุ 24 ปี สองพยาบาลจากโรงพยาบาลมหาสารคาม เดินทางมาพร้อมคณะชาวบ้านที่เดินทางเข้ามาสักการะพระบรมศพ 7 คันรถบัส เผยว่า วันนี้มีหน้าที่ดูแลชาวบ้านส่วนมากเป็นผู้สูงอายุ โดยนั่งรถกันมานานส่วนมากจะมีอาการหน้ามืด วิงเวียนเล็กน้อย แต่ไม่มีอาการเจ็บป่วยรุนแรง เพราะส่วนมากเตรียมตัวกันมาพร้อมรอเข้ากราบสักการะพระบรมศพอย่างดี โดยวันนี้ถือว่าโชคดีที่อากาศดี และรอไม่นานมาก

“วันนี้ถือโอกาสมาเข้ากราบสักการะพระบรมศพด้วย รู้สึกปลื้มใจมากๆ ในฐานะคนไทยเราได้มากราบพระองค์ท่านสักครั้งในชีวิต ทรงมีพระราชกรณียกิจมากมายที่ทำให้ประชาชนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่ท้อแท้ ตัวเองเป็นคนมหาสารคามตั้งแต่กำเนิด เมื่อก่อนเป็นพื้นที่แห้งแล้งมาก พระองค์ก็มาทำฝนเทียมให้อุดมสมบูรณ์ สอนพสกนิกรทำการเกษตรพอเพียง ให้มีความสุขอย่างยั่งยืน เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่มหาสารคามมักจะบอกเล่าให้ลูกหลานฟังถึงพระมหากรุณาธิคุณ กันรุ่นต่อรุ่น” นางสาวสุนิสา กล่าว

ด้าน นางสาวชลิตวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตัวเองทำหน้าที่เป็นพยาบาล เวลาปฏิบัติงานจะนึกถึงเรื่องที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงทำงานด้วยความเอาใจใส่ทุกอย่าง ทุกเรื่องทรงมีความตั้งใจทำเพื่อประชาชน ซึ่งตัวเองก็นำมาปรับใช้เริ่มจากรู้จักหน้าที่ของตัวเอง รับผิดชอบ และทำด้วยความตั้งใจ ใส่ใจ มีความอดทน เพื่อประโยชน์แก่ผู้ป่วยอย่างถึงที่สุด
นายเวียน วงศา อายุ 73 ปี พสกนิกรจากจังหวัดสุรินทร์ เดินทางมาโดยรถโดยสารประจำทางพร้อมลูกสาวและหลานสาวทั้งหมด 6 คน
ด้าน นายเวียน วงศา อายุ 73 ปี พสกนิกรจากจังหวัดสุรินทร์ เดินทางมาโดยรถโดยสารประจำทางพร้อมลูกสาวและหลานสาวทั้งหมด 6 คน เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพเป็นเกษตรกร ทำนา ทำไร่ เลี้ยงสัตว์ แบบไม่ใช้สารเคมี เพราะดำเนินชีวิตอาชีพตามแนวพระราชดำริในหลวง รัชกาลที่ ๙ ให้พอมีพอกิน ทำเองใช้เอง มีเหลือแจกจ่ายให้ญาติพี่น้อง เลี้ยงลูกจนจบปริญญาทั้ง 8 คน ชีวิตมีความสุขดี เราโชคดีที่มีพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างให้ดำเนินรอยตาม พระองค์เต็มเปี่ยมไปด้วยพระอัจฉริยภาพอย่างยิ่ง

นายเวียน เล่าให้ฟังถึงความประทับใจที่ได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพ ว่า เมื่อก้าวเข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตนมีความตื้นตันใจอย่างมาก เมื่อได้ก้มกราบศีรษะแตะที่พื้น ขนที่หัวก็ลุกขึ้นทันที เพราะสิ่งที่พระองค์ทำมาตลอดชีวิตเป็นสิ่งที่เราไม่เคยเห็นใครทำมาก่อน พระองค์ทำเพื่อปวงชนชาวไทย ไม่แบ่งแยก อาชีพเกษตรกรซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนไทย ทรงทำให้พวกเรายังคงมีอาชีพของตนเองตราบชั่วลูกชั่วหลาน ส่วนตัวสมัยหนุ่มๆ เคยเฝ้ารับเสด็จฯ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสด็จฯ พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาที่ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ และอำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ตนอยู่ห่างเพียง 1 เมตร ได้ก้มกราบทั้ง 2 พระองค์ ยังเป็นความรู้สึกตื้นตันใจมาจนถึงทุกวันนี้
นางวรรยา บุญขวาง คุณครูโรงเรียนโสตศึกษา จังหวัดชลบุรี พร้อมคณะ
ขณะที่ นางวรรยา บุญขวาง คุณครูโรงเรียนโสตศึกษา จังหวัดชลบุรี พร้อมคณะ ครู - นักเรียน จำนวน 26 คน กล่าวว่า เดินทางออกมาจาก จ.ชลบุรี แล้วมาถึงที่สนามหลวงก่อน 05.00 น. ด้วยความตั้งใจอยากมากราบพระองค์ท่านเป็นครั้งสุดท้าย ในฐานะของการเป็นประชาชนคนไทยและคุณครูในโรงเรียนโสตฯ ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงไม่เคยทอดทิ้งเด็กๆ ผู้พิการ ทรงให้ความสำคัญเรื่องการศึกษา โดยทางโรงเรียนได้ให้นักเรียนเรียนผ่านการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (ไกลกังวล) โดยมีคู่มือของครูเพื่อให้สอนนักเรียนด้วย

นอกจากนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงให้การดูแลพวกเราอย่างต่อเนื่อง เสด็จฯมาเยี่ยมและทรงคอยให้ติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยมีโครงการสปีช วีฟเวอร์ ให้เด็กผู้บกพร่องทางการได้ยิน ซึ่งยังมีความเป็นไปได้ที่จะได้ยินฝึกหัดการพูด รวมถึงโครงการผ่าตัดประสาทหูเทียมให้แก่เด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ นอกจากนี้ ทางโรงเรียนได้ดำเนินตามหลักคำสอนของท่านเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงด้วย หลังจากนี้ไม่มีพระองค์ท่านแล้ว แต่อยากให้ทรงช่วยปกปักรักษาคุ้มครองชาวไทยให้มีความสุขเจริญรุ่งเรือง

ด้านนักเรียนโรงเรียนโสตศึกษา นายศุภเชษฐ พัดเกิด ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กล่าวว่า ได้รับรู้เรื่องราวของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ผ่านการอ่านหนังสือดูโทรทัศน์ และอินเทอร์เน็ต เห็นพระองค์ทรงงานหลายอย่างเพื่อคนไทยทั้งเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง การปลูกข้าว เลี้ยงปลา และการทำเกษตรอินทรีย์ เพราะที่บ้านก็ทำการเกษตร โดยเราได้นำสิ่งเหล่านี้มาใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งเรื่องการใช้จ่าย ใช้น้ำ ไฟ น้ำมัน อย่างประหยัด รวมถึงได้ตั้งจิตจะเป็นเด็กดี ช่วยเหลือสังคม และตั้งใจเรียน แม้หลังจากจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 อาจไม่ได้เรียนต่อปริญญาตรีทันที เพราะอยากจะทำงานก่อนเพื่อหาเงินมาเป็นทุนและช่วยเหลือครอบครัว ไม่ให้เป็นภาระของพ่อแม่และสังคม
























กำลังโหลดความคิดเห็น