MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่นประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทุกวันศุกร์ ทาง www.manager.co.th และเฟซบุ๊ก MGROnline Live
เผยแพร่แล้ว “เพลงสรรเสริญพระบารมี” ฉบับ “ท่านมุ้ย”
เมื่อเวลา 08.01 น. วันที่ 14 พ.ย. โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ได้ออกอากาศพระสุรเสียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ขณะพระราชทานพระบรมราโชวาท และมิวสิกวิดีโอเพลงสรรเสริญพระบารมี ที่พสกนิกรกว่า 3 แสนคน ได้ร่วมแสดงพลังที่ท้องสนามหลวง เมื่อวันเสาร์ที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา โดย ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล และคณะ ได้ตัดต่อเรียบร้อยแล้วในความยาว 9 นาที 10 วินาที สำหรับพระบรมราโชวาทที่ได้อัญเชิญมาไว้ในช่วงต้นของมิวสิกวิดีโอดังกล่าว เป็นพระบรมราโชวาทเนื่องในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2519
อีกด้านหนึ่ง เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ยูทูป NavyChannel Thailand ได้เผยแพร่ กองทัพเรือได้จัดให้มีการขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี บนดาดฟ้าเรือหลวงจักรีนฤเบศร กลางทะเลอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยกำลังพลรวมกว่า 4,000 นาย จากเรือหลวงที่เข้าร่วมอีกจำนวน 3 ลำ เพื่อแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวันกองทัพเรือ
อันดับ 2 : สะสมหมายจับ! “ธัมมชโย” ใบที่ 3 บุกรุกป่าสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ศาลจังหวัดสีคิ้ว จ.นครราชสีมา ได้อนุมัติหมายจับ พระเทพญาณมหามุนี หรือ ไชยบูลย์ ธมฺมชโย หรือ พระธัมมชโย จากกรณีบุกรุกพื้นที่ป่า ในการก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม เวิลด์พีซวัลเล่ย์ เขาใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ที่ บ้านหนองจอก ม.6 ต.โป่งตาลอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยระบุว่า ให้จับตัว พระธัมมชโย ไปส่งที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ภายในอายุความ 15 ปี ตามคำร้องขอของ พ.ต.อ.ชาญณรงค์ ขนาดนิด ผกก.สอบสวน บก.ปทส.
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หมายจับล่าสุดเป็นหมายจับที่ศาลอนุมัติตามคำร้องตำรวจ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบตัวก็สามารถดำเนินคดีแจ้งข้อหาได้ทันที เชื่อว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่เจ้าหน้าที่จะต้องใช้กำลังบุกจับกุมภายในวัด เนื่องจากอายุความมีระยะเวลาถึง 15 ปี เชื่อว่า ถึงอย่างไรเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถได้ตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเจ้าหน้าที่เองก็ไม่อยากดำเนินการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดปัญหาบ้านเมืองขึ้น
ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ระบุว่า นับได้ว่าพระธัมมชโยโดยออกมาจับรวมแล้ว 3 ใบ สิ่งสำคัญคือ ในกรณีความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ร่วมกันรับของโจร ที่พระธัมมชโย เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาร่วมด้วยนั้น โดยส่วนตัวเชื่อว่าพระธัมมชโย ควรจะติดต่อขอมอบตัวเพื่อจะเป็นประโยชน์มากกว่าการดื้อแพ่ง หลบอยู่แต่ในวัด หากไม่ติดต่อขอมอบตัว จนเกิดกรณีที่เจ้าหน้าที่จะต้องเข้าไปจับกุมตัวตามหมายจับแล้ว จะส่งผลให้พระธัมมชโย จะต้องถูกจับสึก ออกจากความเป็นพระภิกษุ โดยส่วนตัวก็ไม่อยากจะให้กรณีดังกล่าวเกิดขึ้น และเชื่อว่า ในขณะนี้โอกาสในการขอมอบตัวของพระธัมมชโย ยังสามารถดำเนินการได้
อันดับ 3 : “จั๊กจั่น“ เดือด! ถูกแก๊งต้มตุ๋นอ้างเป็นลูกชาวนาหลอกขายข้าวเชิดเงินหนี
ก่อนหน้านี้ นางเอกสาว “จั๊กจั่น” อคัมย์สิริ สุวรรณศุข โพสต์ข้อความลงในอินสตาแกรมส่วนตัว @jakjaan_akhamsiri ให้แฟนคลับช่วยกันซื้อข้าวจาก “น้องเจมส์” ตัวแทนครอบครัวชาวนาที่กำลังจะถูกยึดข้าว ปรากฏว่า กลายเป็นเหยื่อของขบวนการต้มตุ๋น หลังมีแฟนคลับสั่งซื้อข้าว และโอนเงินไปให้จำนวนหนึ่ง หลังจากนั้น ไม่สามารถติดต่อได้อีก กระทั่งได้เข้าแจ้งความกับเจ้าพนักงานที่กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 เมื่อวันที่ 14 พ.ย. โดยเจ้าของบัญชีที่รับโอนเงิน ระบุว่า ลูกจ้างชื่อ “นายเจมส์” ซึ่งปกติไม่มีบัญชีธนาคาร และมักจะใช้บัตรเอทีเอ็มบัญชีดังกล่าวในชื่อตนไปกดเงิน เพราะทุกสิ้นเดือนตนจะฝากเงินเข้าบัญชีแล้วนายเจมส์ก็จะนำไปกด จนล่าสุด เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา นายเจมส์ ได้หายไปพร้อมกับบัตรเอทีเอ็มของตน
กระทั่ง ศาลจังหวัดมีนบุรี ได้ออกหมายจับ นายนพจร หรือ บ๊วย ปานนิยม อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับเลขที่ จ.1299/2559 ในฐานความผิดข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน หลังมีหลักฐานระบุว่า นายนพจร และพวก ร่วมกันก่อเหตุหลอกให้ผู้เสียหายกว่า 35 คน โอนเงินช่วยซื้อข้าวจากชาวนา รวมมูลค่าประมาณ 30,000 - 40,000 บาท นอกจากนี้ ยังพบว่า มีหญิงสาวอีก 1 ราย คาดว่า เป็นแฟนสาวของนายนพจร ที่ร่วมก่อเหตุ และคาดว่า น่าจะเป็นเจ้าของเสียงที่โทรศัพท์ ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 พ.ย. กองกำกับการสายตรวจ 191 สามารถจับกุมนายนพจรได้แล้ว
อันดับ 4 : เสียววาบ! สาวผมยาวนั่งบนกระโปรงรถขณะวิ่ง ที่แท้ผัวเมียทะเลาะกัน
เมื่อวันที่ 13 พ.ย. เฟซบุ๊กของผู้ใช้ชื่อบัญชี Orrawan Phuakthaisong ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอความยาว 1.07 นาที พร้อมข้อความระบุว่า “เกิดอะไรขึ้น...โอ้ยขนลุกออกจากสนามบินมาแป๊บเดียวขวัญแทบกระเจิงกันเลย ขยี้ตาแป๊บ” ซึ่งในภาพระบุว่า ในช่วงเวลากลางคืนผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งในชุดเดรสสั้นขาวดำ นั่งอยู่บนกระโปรงท้ายของรถเก๋งโตโยต้า ยาริส สีแดง ขณะที่รถกำลังใช้ความเร็ววิ่งอยู่บนถนนสายหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นถนนพระราม 9 โดยตอนแรกคนขับและผู้โดยสารที่นั่งอยู่ในรถที่ถ่ายคลิปวีดิโอนึกว่าตัวเองตาฝาดไป จนต้องถามผู้ที่นั่งอยู่ในรถว่า “เห็นเหมือนกันไหม” ซึ่ง 2 วันต่อมา น.ส.อรวรรณ เผือกไธสง อายุ 30 ปี ผู้สื่อข่าวสังคม สำนักข่าวไทย เข้าให้ปากคำต่อตำรวจ สน.หัวหมาก ระบุว่าคนที่ถ่ายคลิปคือผู้ช่วยช่างภาพ แล้วคุยกันว่า เป็นคนหรือผี
ต่อมาวันที่ 18 พ.ย. พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ระบุว่า หญิงสาวรายหนึ่งวัย 29 ปี ที่นั่งอยู่บริเวณท้ายรถได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก แล้ว เมื่อวันที่ 17 พ.ย. เวลาประมาณ 17.00 น. เปรียบเทียบปรับไปแล้วจำนวน 500 บาท สาเหตุเกิดจากการทะเลาะกัน ซึ่งเป็นปัญหาภายในครอบครัว โดยทางผู้ขับขี่และสุภาพสตรีเป็นสามีภรรยากัน คบหาดูใจกันมาหลายปีแล้วมีลูกด้วยกัน 1 คน เกิดทะเลาะกันตั้งแต่อยู่ที่บ้านพัก จนกระทั่งผู้ชายได้ขับรถมาส่งที่ทำงานย่านทาวน์อินทาวน์ แต่ได้มีปากเสียงทะเลาะหึงหวงกันภายในรถยนต์ ก็ไม่สามารถเคลียร์กันได้ ฝ่ายผู้หญิงจึงได้ลางาน ส่วนผู้ชายจะขับรถมาทำงานต่อในเขตใกล้ๆ โซนพระรามเก้า ฝ่ายผู้หญิงจึงกระโดดขึ้นหลังรถนั่งมา ส่วนคนขับรถฝ่ายชายขอเลื่อนนัดหมายเป็นสัปดาห์หน้า
อันดับที่ 5 : “เบส อรพิมพ์“ เกิดสิบชาติก็ไม่เจอวีซ่ามะกัน - ถูกถล่มยับหาว่าดูถูก “คนอีสาน“
“เบส อรพิมพ์ รักษาผล” นักพูดชื่อดัง ที่เคยสร้างชื่อเสียงจากการที่สถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี ได้โปรโมตรายการพิเศษ ภายใต้ชื่อ “เกิดอีกสิบชาติ...ก็ไม่เจอมหาราชที่ชื่อภูมิพล” และยังได้รับเชิญไปพูดตามที่ต่างๆ ตกเป็นข่าวเมื่อวันที่ 15 พ.ย. เมื่อเธอพร้อมด้วยเลขาส่วนตัว ไปขอวีซ่ากับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย หลังได้รับเชิญจากชุมชนไทยในนครลอสแองเจลิส ให้ไปพูดเรื่องพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่นครลอสแองเจลิส และที่เมืองบอสตัน เจ้าหน้าที่กงสุลได้แจ้งว่า “วันนี้คุณไม่ได้วีซ่า” แล้วก็คืนเอกสารให้ทั้งสองคน ทั้งนี้ เธอได้ชี้แจงภายหลังว่า ในกระบวนการการสัมภาษณ์ได้มีการสอบถามข้อมูลส่วนตัวและขอดูสถานะทางการเงิน โดยยังไม่ได้เห็นจดหมายเชิญจากทางสหรัฐอเมริกา จึงยังไม่ทราบวัตถุประสงค์ของการเดินทาง อาจเป็นเพราะสถานะทางการทำงานที่ไม่มีสถานะการทำงานประจำ ประกอบกับสถานะทางการเงินที่อาจมีปัญหาทางเครดิตบูโร จากการยกเลิกกิจการบริษัทเมื่อปลายปีก่อนที่ยังจัดการไม่เรียบร้อย
ต่อมา ในสังคมออนไลน์ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ ปรากฏคลิปวิดีโอที่ เบส อรพิมพ์ เคยพูดไว้หลายเดือนก่อน ถูกเผยแพร่ทำซ้ำอีกครั้งหนึ่ง โดยตัดเฉพาะบางช่วงบางตอนที่กล่าวว่า “พี่จะไม่ถามว่ารักในหลวงไหม รู้อย่างเดียวว่าคนอีสาน ในหลวงเสด็จฯบ่อยมาก และช่วยคุณเยอะมาก คนอีสานคะ โปรดฟัง ในหลวงรักพวกคุณ แปลกนะที่บางทีพวกคุณลืมในหลวงเนอะ แปลกอะ พี่ไม่ได้ว่านะ พี่เข้าใจ เพราะคุณมันเกิดช้าไง” ทำให้มีคนมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นโจมตีจำนวนมาก รวมทั้งนักแสดงตลกของเวิร์คพอยท์อย่าง ตุ๊กกี้ สุดารัตน์ บุตรพรม อย่างไรก็ตาม เบส อรพิมพ์ ได้กล่าวว่า “ในวันที่ไม่มีอะไรปกป้องเราได้เลย นอกจากความตั้งใจดีที่ทำมา”
คลิปต้นฉบับ ความยาว 17 นาทีเศษ
คลิปที่ตัดบางช่วงบางตอน ความยาว 40 วินาที
อันดับ 6 : หงายการ์ดใหม่ “พรจากฟ้า“ คล้ายโปสเตอร์ซีรีส์ญี่ปุ่น GDH ปัดลอก แค่ Reference เฉยๆ
ภาพยนตร์เรื่อง “พรจากฟ้า” ของค่ายหนังจีดีเอช (GDH) ที่จะเข้าโรงฉายในวันที่ 1 ธ.ค. นี้ ยังไม่ทันได้ฉายก็มีดรามา เมื่อโซเชียลมีเดียได้มีการวิจารณ์กรณีที่โปสเตอร์มีความคล้ายกับซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง “อามะจัง สาวน้อยแห่งท้องทะเล” อย่างไรก็ตาม ก็มีความเห็นทั้งโจมตีว่าเป็นการก๊อบโปสเตอร์อย่างชัดเจน และความเห็นที่ว่า อาจเป็นความบังเอิญก็ได้ หรือทางค่ายหนังอาจซื้อลิขสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 17 พ.ย. นายวิชชพัชร์ โกจิ๋ว ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ชิ้นงานโปรโมตภาพยนตร์ บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด ระบุว่า รู้สึกเสียใจและขอโทษต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทางบริษัทมีการคิดและผลิตโปสเตอร์ออกมาใช้งานทั้งหมด 7 แบบ ซึ่งโปสเตอร์แบบดังกล่าว ได้หลุดออกไปก่อนที่จะมีการเผยแพร่อย่างเป็นทางการ โปสเตอร์แบบดังกล่าวอยู่ในคอนเซปต์ “สิ่งล้ำค่าจากฟ้า” นักแสดงทุกคนในโปสเตอร์ยืนเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน ซึ่งในการทำกราฟิกของโปสเตอร์หนังนั้น จะมีการหาเรฟเฟอเรนซ์ทางกราฟิกจากโปสเตอร์หนังเรื่องอื่นๆ เป็นจำนวนเกือบร้อยใบ ซึ่งโปสเตอร์ซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องดังกล่าวก็เป็นหนึ่งในนั้น ยอมรับประมาทเลินเล่อ ไม่ได้เช็กว่าผลลัพธ์มีความใกล้เคียง และเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบ จะลดทอนการใช้งานโปสเตอร์ใบดังกล่าวลงให้เหลือน้อยที่สุด
อันดับ 7 : “ชิดชนก” ผู้พิพากษาสาวจอมวีนเสียชีวิตแล้ว
เมื่อวันที่ 15 พ.ย. นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้า น.ส.ชิดชนก แผ่นสุวรรณ อายุ 45 ปี ผู้พิพากษาชั้นต้นประจำสำนักงานศาลยุติธรรม ได้เสียชีวิตลงที่บ้านพัก ส่วนการสอบวินัยคงยุติไปโดยปริยายเพราะผู้ถูกสอบเสียชีวิต สำหรับคดีความต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นก็จบหมดทุกคดีแล้ว ทั้งนี้ น.ส.ชิดชนก เสียชีวิตในบ้านพัก ซอยพหลโยธิน 69 ภายในห้องโถงพบศพ ข้างกันมีถุงยาโรคเบาหวานวางอยู่ จากการตรวจสอบสภาพศพไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด ญาติไม่ติดใจการเสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่จึงนำศพส่ง รพ.ภูมิพล เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ก่อนให้ญาติมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
สำหรับ น.ส.ชิดชนก รับราชการมานาน 10 ปี ได้ป่วยทางจิต และอยู่ระหว่างรักษาอย่างต่อเนื่อง เคยก่อเหตุอาละวาดที่กรมการขนส่งทางบก และการไฟฟ้านครหลวง สาขาบางเขน เมื่อต้นปี 2559 ทั้งยังเคยนำกล่องอาหารขว้างปารถยนต์ของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น.เมื่อปี 2556 โดยเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2556 ได้ถูกศาลแขวงดุสิตพิพากษาลงโทษฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ปรับ 2,000 บาท ฐานทำให้เสียทรัพย์ จำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง รอลงอาญา 1 ปี และใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหาย ต่อมาได้ถูกดำเนินคดีฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานปรับ 2,000 บาท รับสารภาพเหลือปรับ 1,000 บาท และทางสำนักงานศาลยุติธรรมได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและลงโทษภาคทัณฑ์ไว้กับสำนักงานศาลยุติธรรม