ประชาชนเดินทางเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ เป็นวันที่ 5 แล้ว และเป็นวันที่ 2 ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมภายในวัดพระแก้ว จึงยังคงต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเช่นเดิม เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ด้านยายวัย 84 ปี จากพังงา ปลื้มใจเคยกราบพระเจ้าอยู่หัวระหว่างทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรม “สมเด็จย่า” และ “สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ”
วันนี้ (2 พ.ย.) เมื่อเวลา 05.15 น. สำนักพระราชวังได้เปิดให้พสกนิกรเดินทางเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5
บรรยากาศบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทยังเต็มไปด้วยความโศกเศร้า บางคนถึงกับน้ำตาคลอสองเบ้าหลังจากที่ได้สักการะพระบรมศพ นับเป็นภาพแห่งความจงรักภักดีที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์
ด้านนางสุพร ยึดมั่น วัย 84 ปี เดินทางมาจากอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา พร้อมกับหลานชาย นายสุรกิจ คล่องแคล่ว อายุ 47 ปี เล่าพร้อมน้ำตาว่า แม้ร่างกายจะไม่ค่อยแข็งแรงแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค เพราะตั้งใจมากราบพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นครั้งสุดท้าย
“เพราะช่วงสะโพกมีปัญหาทำให้ไม่สามารถนั่งกับพื้นได้ อีกทั้งก็ทราบว่าไม่สามารถยืนกราบพระองค์ท่านได้ ตอนแรกก็หวั่นใจว่าจะได้เข้าถวายสักการะหรือไม่ แต่ด้วยความตั้งใจอย่างไรก็ขอให้ได้มา เมื่อมาถึงปรากฎว่ามีรถเข็นให้บริการรู้สึกดีใจมากที่ความตั้งใจสำเร็จ แม้จะมีเวลาเพียงแป๊บเดียวแต่ตนเองก็ตั้งจิตอธิษฐานบอกกับพระองค์ว่าขึ้นสวรรค์ไปอยู่กับสมเด็จย่า และสมเด็จพระพี่นาง” นางสุพรกล่าว
นอกจากนี้ นางสุพรยังกล่าวอีกว่า เมื่อครั้งที่ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สวรรคต และ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สิ้นพระชนม์ ตนเองก็มาร่วมถวายสักการะ อีกทั้งยังมีโอกาสได้กราบพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ขณะที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมทั้งสองครั้ง บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทด้วย ดังนั้นในครั้งนี้จึงตั้งใจมากรอบพระองค์ท่าน เพราะคิดว่าคงเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของตัวเอง